- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Wednesday, 23 December 2015 21:41
- Hits: 5240
'สมคิด'ยันปี 59 เม็ดเงินลงทุน 14 โครงการโครงสร้างพื้นฐาน เริ่มทยอยเข้าสู่ระบบ ยันอีก 7 ปีข้างหน้าเริ่มเข้าสู่งบประมาณสมดุล
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงเรื่องความคืบหน้าของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต ที่กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพ โดยที่ผ่านมายอมรับว่ายังดำเนินการได้ช้า เพราะอยู่ช่วงการออกแบบ แต่ในปีหน้ายืนยันว่าจะมีโครงการที่เดินหน้ารวมทั้งสิ้น 14 โครงการงานจะเริ่มเดินหน้า เม็ดเงินจะเริ่มลงสู่ระบบ ซึ่งขณะนี้มีในโครงการที่อยู่ในพีพีพี ฟาสแทร็กรวม 5 โครงการ ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งรัดการลงทุนให้รวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอีกเรื่องคือ ดิจิทัลอิโคโนมี่ จะเน้นการประยุคใช้ดิจิทัลในทุกมิติ โดยรมว.ไอซีที ระบุว่า จะมีบอร์ดแบรนด์ใช้ทั่วประเทศในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายสมคิด กล่าวถึงการเดินหน้าอีเพย์เม้นว่า ปีหน้าจะได้เห็นอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าอีก 7 ปีข้างหน้า จะเริ่มเข้าสู่งบประมาณสมดุล ซึ่งทางรัฐบาลจะดูแลหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 50% ของจีดีพี
`สมคิด` คาดจีดีพี Q4/58 โตใกล้เคียง Q3/58 ที่ 2.9% เผยนายกฯเตรียมตั้งคณะกรรมการบริหารคลัสเตอร์ในสัปดาห์หน้า
'สมคิด' คาดจีดีพี Q4/58 โตใกล้เคียง Q3/58 ที่ 2.9% เผยนายกฯเตรียมตั้งคณะกรรมการบริหารคลัสเตอร์ 10 อุตสาหกรรมสัปดาห์หน้า หวังสร้างนวัตกรรมใหม่ ยันมาตรการรัฐฯตลอดปี 58ไม่ใช่ประชานิยม ชี้ต้องการหวังดึงความเชื่อมั่น อุ้มประชาชนให้แข็งแรง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีไตรมาส 4/2558 จะเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมาที่ 2.9% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ตนยังคงยืนยันเหมือนวันแรกที่มาทำงานว่า การเติบโตไม่สำคัญ สิ่งสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ ในเรื่องของโครงสร้างการผลิตของประเทศเป็นเรื่องใหญ่มาก อุตสาหกรรมที่เคยรุ่งโรจน์ เทคโนโลยี มูลค่าเพิ่ม สิ่งทอเราค่อยๆด้อยลง อิเล็กทรอนิกส์ ไทยปัจจุบันการพัฒนาไม่เท่าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงที่ประเทศอื่นเป็น การปฏิรูปตรงนี้ทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้กำหนดอุตสาหกรรมเดิม เติมอุตสาหกรรมใหม่รวม 10 อุตสาหกรรม สำหรับแนวคิดการสร้างคลัสเตอร์นั้น เพื่อระดมสำนักวิจัย นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อมาช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
"สิ่งจำเป็นต้องมีสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ต้องมีเทคโนโลยี ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว ท่านนายกฯจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารคลัสเตอร์ในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อเป็ฯคณะทำงานในการบริหาร 10 อุตสาหกรรมที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้กับประเทศในอนาคต"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิดได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่า ในวันนี้ตนกับคณะทำงานทางเศรษฐกิจ ไม่ได้มาแถลงผลงาน เพราะว่าผลงานผู้ที่ตัดสินคือประชาชน แต่มาเพื่อบอกเล่า ให้ประชาชนฟังว่า รัฐบาลเรานั้นเราคิดอะไร เราทำอะไรไปบ้าง และเราจะทำอะไรในอนาคตให้เศรษฐกิจประเทศนี้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน ส่วนจะเป็นผลงานหรือไม่นั้น อนาคตจะเป็นตัวตัดสิน
โดยในช่วงที่ตนเข้ามาบริหารงานนั้น เผชิญกับสถานการณ์ ปัญหาหลักๆ 2 เรื่อง ประการแรก คือภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนกำลัง จากเหตุผลคือ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งข้าว ยาง คนไทยไม่น้อยกว่า 20-30 ล้านคนที่เป็นเกษตรกร ดังนั้นเมื่อราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จึงทำให้อำนาจซื้อหดหาย อุปสงค์ในตลาดก็หาย
นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจาก เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประเทศไทยอิงการส่งออกสูงประมาณ 70% ของจีดีพี เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหา อำนาจซื้อในระบบก็หายไป และปัญหาสุดท้าย คือ คนไทยขาดความเชื่อมั่นอย่างมาก ด้วยผลพวงจากภาวะเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทั้งความไม่สงบ ความไม่มีเสถียรภาพ และข่าวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในทุกวัน ถ้าคนไทยไม่เชื่อมั่น อย่าหวังว่านักลงทุนต่างประเทศจะเชื่อมั่น เกิดการชะลอการลงทุน เพื่อดูว่าประเทศไทยนั้นอนาคตจะเป็นอย่างไร
"เราเจอภาวะแบบนี้ ผลคือ ผมจำได้ว่า เศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มถดถอย ดัชนีทุกตัวเรื่มตก ภาวะเช่นนั้น มันแย่หรือยัง มันยังไม่ถึงกับว่าแย่ แต่ว่ามันอันตราย ถ้าไม่สามารถตัดตอนตอนนั้นได้ จะเจอภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และจะฉุดขึ้นมานั้นยากมาก"นายสมคิด กล่าว
ปัญหาอีกด้านคือ ไทยกำลังประสบปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย คือ ระบบเศรษฐกิจโครงสร้างของเรานั้นเริ่มไม่สมดุล เพราะการเติบโตในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ลงสู่ชนบท ฐานราก การเจริญเติบโตกระจุกตัวที่อุตสาหกรรม เกิดความไม่เท่าเทียมกันของในประเทศ และทำให้ระบบเศรษฐกิจต้องพึ่งพาการส่งออก เพราะไม่สามารถพึ่งพาอุปสงค์ในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม การมีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจ สิ่งที่ดี คือ จะต้องอิงเศรษฐกิจในประเทศเป็นสำคัญ
นายสมคิด กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา คือ ความชัดเจนของการทำงาน ความมุ่งมั่นในการเดินตามแผน มาตรการที่จับต้องได้ เพื่อก่อให้เกิดการหมุนเวียนเชิงเศรษฐกิจให้มากขึ้น ยืนยันไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการออกมาตรการเพื่อช่วยเอสเอ็มอีที่ย้ำแย่ ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ที่มีรายได้น้อย ตั้งแต่การเร่งรัดโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 1 ล้านบาท กองทุนหมู่บ้าน และมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
"สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำจะเกิดช่องโหว่มหาศาลในระบบเศรษฐกิจ ผมไม่สนใจใครจะเรียกประชานิยม เพราะผมทำเพื่อประชาชน และสิ่งที่ผมคิดเมื่อ 10 กว่าปีก่อนไม่ใช่นโยบายประชานิยม เป็นงบประมาณรายจ่ายเพื่อประชาชนจะต้องแข็งแรงขึ้น เป็นการทำนโยบายประชารัฐเพื่อประชาชนในวันนี้"นายสมคิด กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย