- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Thursday, 05 November 2015 11:23
- Hits: 3871
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯ ผนึกพลัง ธ.ออมสิน-ธกส.เปิดโครงการ 'ตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน' ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง…ก้าวไกลอย่างยั่งยืนพร้อมนำร่องเปิดตลาด แห่งแรก ที่อุบลราชธานี 12 -13 พ.ย.นี้
ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ : สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้ร่วมกับ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว ‘โครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน’ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกจากการตอบรับนโยบายรัฐ ร่วมสร้างความแข็งแกร่งและการพึ่งพาตนเองของชุมชน สร้างโอกาสการแข่งขันทางการค้า กระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง พร้อมนำร่องเปิดตลาดประชารัฐเพื่อชุมชนแห่งแรก ที่ อุบลราชธานี ในวันที่ 12 -13 พฤศจิกายน นี้
สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจจากฐานราก โดยอาศัยความเข้มแข็งของชุมชนเป็นพลังสำคัญในการเร่งรัดการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่ความยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘ประชารัฐ’ ที่มุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนผสานความร่วมมือกันเพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ฐานรากให้มีความมั่นคง ผนวกกับความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ ในเรื่องแนวทางการเร่งรัดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการใช้มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ผ่านการกู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านในวงเงิน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้เกิดการนำเงินทุนไปพัฒนาสินค้าชุมชนหรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) จึงได้ขานรับนโยบายดังกล่าว โดยร่วมกับ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส. ) ดำเนินการต่อเนื่องตามแนวทางข้างต้น ในการสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการดำเนินการจัดทำ “โครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในท้องถิ่น ตลอดจนการเสริมความรู้เพื่อให้เกิดพัฒนาการด้านการลงทุน การบริหารธุรกิจในชุมชน และการสร้างงาน สร้างอาชีพ อันนำไปสู่ยั่งยืนในอนาคต
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เปิดเผยว่า “โครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน” ได้ริเริ่มขึ้นจากความร่วมมือของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อขานรับกับนโยบายของรัฐบาล ในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ทางการค้าของชุมชน โดยสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และมอบโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดจนส่งเสริมความรู้ในการนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้เกิดความยั่งยืน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพที่พร้อมแข่งขันในตลาดการค้าต่อไป
การดำเนินงานของ 'โครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน'นั้นจะประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ อันได้แก่
1. กิจกรรมออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จากชุมชน/หมู่บ้านในเครือข่ายชุมชนของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในแต่ละท้องถิ่น โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายจะผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ภายใต้ราคาที่ย่อมเยา เพื่อเป็นกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย อันจะนำไปสู่การเติบโตและหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
2. กิจกรรมเสริมความรู้เพื่อให้เกิดพัฒนาการด้านการลงทุนและบริหารธุรกิจในชุมชน รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพใหม่หรืออาชีพเสริม อันนำไปสู่ความเป็นชุมชนยั่งยืน
3. การบริการสินเชื่อในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จากสถาบันการเงินต่างๆ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับชุมชน/หมู่บ้าน หรือผู้ประกอบการทางธุรกิจ ที่ต้องการสร้างธุรกิจ ขยายกิจการ หรือปรับปรุง พัฒนากิจการให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้
โดย'โครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน'จะจัดทำเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีกำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันที่ 12 - 13 พฤศจิกายน 2558 และจะได้นำผลของการประเมินผลการจัดงานในครั้งนี้ ไปพัฒนา ปรับปรุง เพื่อเป็นต้นแบบของการจัดงานในจังหวัดต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศต่อไป
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า “ธนาคารออมสินได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อตอบรับนโยบายของรัฐบาล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจรากฐานของชุมชนมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ชุมชน และร่วมสนับสนุนการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้มีมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ
โดยโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนนั้น นับเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการเปิดพื้นที่ทางสังคมอย่างกว้างขวาง เป็นการเปิดโอกาสให้พลังชุมชนท้องถิ่น พลังพลเมือง และพลังสังคมเข้มแข็งทั่วประเทศได้เข้ามาช่วยร่วมคิดร่วมทำในการจัดการชุมชนของตนเองให้มีความเข้มแข็ง และสามารถพึ่งพาตนเอง พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการแข่งขันของชุมชนกับคู่แข่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ซึ่งเชื่อว่าการเข้ามาร่วมโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในครั้งนี้ ธนาคารออมสิน จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการให้บริการด้านวงเงินสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ ให้บริการปรึกษาทางการเงิน การให้คำปรึกษาในการประกอบธุรกิจ ให้คำปรึกษาธุรกิจที่ต้องการขยายกิจการ ให้คำแนะนำในเรื่องพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์สินค้า เพื่อสร้างโอกาสการแข่งขันในตลาด โดยธนาคารออมสินจะลงพื้นที่เพื่อให้บริการด้านสินเชื่อแบบ One Stop Service ในทุกพื้นที่ที่จัดกิจกรรม “โครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชน”
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) กล่าวว่า “ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีวิสัยทัศน์ และพันธกิจที่ มุ่งมั่นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร ชุมชน ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ให้มีความสามารถในการพี่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และมีโอกาสแข่งขันกับตลาดการค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้ โดย ธกส. ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการสนับสนุนการขับเคลื่อนการค้าของชุมชนให้ก้าวหน้า เข้มแข็ง สำหรับการมีส่วนร่วม ในการดำเนินโครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวของธกส. ที่จะได้เป็นกำลังอันสำคัญในการผลักดัน สนับสนุน การขับเคลื่อนการค้าของชุมชนให้ก้าวหน้า เข้มแข็ง ขยายโอกาสทางการค้า ของธุรกิจชุมชนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างประโยชน์ สร้างรายได้ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ชุมชน ส่งเสริมโอกาสทางการค้าของชุมชนให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ธนาคารของเรามีความพร้อม ที่จะให้คำปรึกษา ให้บริการด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้ข้อมูลความรู้ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริหารธุรกิจ ตลอดจนให้คำแนะนำในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการ สร้างเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งทางการค้า ธกส.มีความมุ่งมั่น ที่จะให้ความร่วมมือกับทุกกิจกรรมอันตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนในทุกพื้นที่ของประเทศไทยอย่างเต็มความสามารถ”
สอบถามข้อมูลฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร 089 791 7447 / 087 7159900 / 094 420 5898