WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

16ตลาคม

รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2558

     พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ'คืนความสุขให้คนในชาติ' ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2558 เวลา 20.15 น.

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน

       ก่อนอื่น ผมขอแสดงความยินดีกับ “ช้างศึกไทย” ทีมฟุตบอลชาติไทย ที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และนำความสุข ความภาคภูมิใจมาให้คนไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เส้นทางที่จะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทีมชาติไทยสดใสยิ่งขึ้น ขอขอบคุณนักกีฬา โค้ช ทีมงาน ที่มีส่วนร่วมในการมอบความสุขให้กับคนไทย อีกอย่างที่สำคัญคือ การแสดงถึงความสามัคคี การทำงานเป็นทีม ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา เป็นตัวแทนที่ดีให้กับประเทศไทยของเรา ขอขอบคุณกองเชียร์ด้วย

      สิ่งสำคัญที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังทำเวลานี้

       1. วางพื้นฐานประเทศให้เข้มแข็ง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ ตลอดจนแก้ไขเรื่องที่เป็นวาระแห่งชาติและเรื่องเร่งด่วน อันได้แก่ ยาเสพติด การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การจัดหาที่ทำกินให้ประชาชน โดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) การปรับโครงสร้างการเกษตรให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก การจัดระเบียบสังคม และการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของเกษตรกร การปรับปรุงระเบียบการค้า การลงทุนใหม่ ดูแล sector เศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ SMEs  หลายเรื่องเป็นการแก้ไข อีกหลายเรื่องก็เป็นการทำใหม่ ซึ่งก็เป็นไปตามแผนงานปฏิรูปในระยะที่ 1 ของ คสช. และรัฐบาลนี้นั้นเอง

     2. ขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ 1 ที่เกิดขึ้นต่อไป หลังจากการดำเนินการมาตั้งแต่หลัง 22 พฤษภาคม 2557 จนถึง กรกฎาคม 2560 และจะมีการจัดทำแผนปฏิรูปให้ชัดเจน ซึ่งจะส่งต่อให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดำเนินการต่อไป

     3. จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 12 อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการกำหนดผลสัมฤทธิ์ไว้ล่วงหน้า

     4. สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่และกฎหมายลูก เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสากล และสอดคล้องเหมาะสมกับสังคมไทย เพื่อจะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทย ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในปัจจุบัน

      5. การปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง อันได้แก่ ตำรวจ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ โดยระยะที่ 1 จะมีการแก้ไข เพิ่มเติมกฎหมาย ปัจจุบันนั้นรวมแล้วประมาณกว่า 300 ฉบับ ให้มีความทันสมัยในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งกฎกระทรวง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ระเบียบสำนักงบประมาณ อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ ในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วน ได้มีการปฏิบัติตนภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ลดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ ที่จะต้องปรับปรุงตนเอง ให้ทำงานเพื่อประชาชน อย่างโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ อย่างแท้จริง

     6. การสร้างความเข้าใจกับสังคม ประชาชนในต่างประเทศและในประเทศ ถึงการพัฒนาด้านการเมืองและการพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน รวมถึงในเรื่องของการปฏิรูปประเทศในระยะปัจจุบัน และในระยะต่อไป

     7. คดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง มีการตกค้างมาเป็นระยะเวลานาน ทั้งในส่วนที่รัฐบาลเป็นโจทก์ และเป็นจำเลย จากห้วงที่ผ่านมาและปัจจุบัน รัฐบาลนี้ไม่ต้องการจะทิ้งภาระไว้ให้กับพี่น้องประชาชนและรัฐบาลต่อไป ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ผ่านมา ได้มีการชี้แจงสรุปคดีสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งคดีที่รัฐเป็น “โจทก์” จำนวน 6 คดี และเป็น “จำเลย”จำนวน 6 คดี  ทั้งนี้ เพื่อให้ ครม. ได้รับทราบข้อมูลพื้นฐาน และหารือร่วมกันถึงแนวทางในการดำเนินการแก้ไขให้มีความคืบหน้าให้มากที่สุด และจะได้ไม่ตกเป็นภาระให้กับรัฐบาลต่อ ๆ ไป บางคดีก็เกือบ 20 ปีมาแล้วก็มี รัฐบาลนี้ จะแก้ไขให้ได้มากที่สุดตามกรอบของกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม

     8. กรณีคดีความต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทุจริตคอร์รัปชั่น ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้นำไปสู่กระบวนการยุติธรรม และให้มีการต่อสู้ตามกระบวนการของศาล อย่างเป็นธรรม  ประเด็นสำคัญก็คือ ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องปฏิบัติตัว เช่นเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาคดีอื่น ๆ ที่เป็นประชาชนโดยทั่วไป ที่ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม โดยผู้ถูกกล่าวหาในคดีความร้ายแรง จะต้องเข้าใจ ไม่บิดเบือน  หรือกล่าวอ้าง ให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย เพราะทุกอย่างต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่มีการบังคับใช้อยู่แล้ว ทุกกรณีต้องดำเนินตามขั้นตอน ข้อกฎหมาย ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ คสช. รัฐบาล ไม่ได้ทำเพื่อกลั่นแกล้ง ไม่ให้ความเป็นธรรม แต่อย่างใด ขอร้องสื่อต่าง ๆ ไม่อยากให้มีการขยายความขัดแย้ง ให้ช่วยกันศึกษาดูข้อกฎหมาย และก็สร้างความเข้าใจให้สังคม ให้ร่วมมือกันในการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามกระแส อย่างเช่นในปัจจุบัน

      ทั้งนี้ ผมไม่อยากให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความต่าง ๆ อันประกอบไปด้วย ประชาชนทั่วไป ภาคเอกชน ประชาสังคม รวมทั้งสื่อที่มีจรรยาบรรณ กรุณาช่วยกันสร้างความมีเสถียรภาพของประเทศ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยวิธีการปกติ ตามกฎหมายปกติ ไม่ขยายความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทย

     สำหรับ หลายภาคส่วน ที่ผ่านมานั้นก็มีเจตนารมณ์ดี แต่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่ก็ไม่ได้เจตนาในการแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์  เนื่องจากประเทศยังอยู่ในสถานการณ์ที่เราทุกคนต้องมีความระมัดระวัง เพราะยังมีความอ่อนไหวอยู่มาก เราต้องเริ่มสร้างความปรองดองของคนในชาติ ให้เกิดขึ้นในใจของทุกคนก่อน ไม่ใช่ต้องใช้การบังคับ หรือทำให้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และชื่อเสียงของประเทศชาติต้องเสียหายอีกต่อไป

สำหรับเรื่องอื่น ๆ ที่ผมอยากชี้แจง ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบดังนี้

       1. สถานการณ์น้ำ ผมอยากให้ประชาชนทุกคนมีความตระหนักรู้ ถึงสถานการณ์อย่างแท้จริง ไม่ได้ต้องการสร้างความตื่นตระหนก และเป็นการเตรียมการรับมือปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต รัฐบาลจำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงในปัจจุบันกับทุกภาคส่วน เพราะทรัพยากรน้ำเรานั้นมีจำกัด สร้างเองไม่ได้ เกิดขึ้นเองไม่ได้ แต่เราสามารถบริหารภายใต้ความขาดแคลนได้ ปัจจุบันเราต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ที่ผ่านมาถึงจะมีฝนตกลงมาบ้าง มีพายุต่าง ๆ แต่ส่วนมากตกบริเวณท้ายเขื่อน ตกนอกพื้นที่ที่มีอ่างเก็บน้ำ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ ทั้งในเขื่อน และนอกเขื่อน ประกอบกับต้นน้ำมีการตัดไม้ทำลายป่า และในพื้นที่ทั่วไปด้วย ทำให้ดินไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดฤดูฝนแล้ว แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เราตั้งเป้าไว้

      ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้เตรียมการอย่างดีที่สุด ในการที่จะจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำแห่งใหม่ ในการรองรับน้ำในฤดูฝนแล้งที่กำลังใกล้จะหมดลง  ซึ่งความพยายามต่าง ๆ นั้นก็ประสบผลดีอยู่บ้าง แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้ในการใช้น้ำในปีหน้า คือปี 2559 รัฐบาลต้องดูแลน้ำต้นทุนสำหรับภาคการเกษตร ทั้งในและนอกพื้นที่ชลประทาน ภาคอุตสาหกรรม การผลักดันน้ำเค็มเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์บริเวณปากอ่าว และที่สำคัญที่สุดคือ น้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน

      ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลอยากจะขอความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนมี ดังนี้ (1) การประหยัดน้ำ ในทุก ๆ กิจกรรม และทำให้เป็นนิสัย โดยเฉลี่ยคนไทยใช้น้ำ 120 ลูกบาศก์เมตร /คน/วัน ถือว่าสูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน หาก 70 ล้านคน ช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำ ให้ลดลง ก็จะช่วยได้มากขึ้น (2) การขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกร ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกข้าว หรือพืชที่ใช้น้ำมากมาเป็นการเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อยอื่น ๆ หรือการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ และการประมงตามแหล่งน้ำที่ได้เตรียมไว้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยง ความเสียหายของพืชผล จากภาวะขาดแคลนน้ำในปีหน้าได้ และอาจจะเป็นอาชีพใหม่ ๆ ที่มีรายได้มากขึ้น ทั้งนี้ การใช้น้ำภาคเกษตรกรรม ที่นำน้ำไปใช้มีสัดส่วนสูงสุด ประมาณร้อยละ 70 ของปริมาณน้ำต้นทุน ผมได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ให้ครบวงจร ไปจนถึงเรื่องการตลาดด้วย การปรับเปลี่ยนพืชอะไรก็ตาม ต้องมีการตลาดด้วย

     2. การสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร อันนี้เป็นงานที่ต้องทำร่วมกันทำในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และพี่น้องประชาชน ล่าสุดคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ได้ประชุมหารือ เพื่อวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ได้นำนโยบายหลายอย่าง และนำหน่วยงานต่าง ๆ มาเชื่อมโยงกันให้เป็นระบบ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม หลายแนวคิดที่เสนอมาจากคณะกรรมการชุดนี้เป็นประโยชน์มาก

       ผมอยากจะเห็นเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ๆ เช่น (1) การใช้ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านทั่วประเทศ มาเป็นกลไกในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ ให้เขาได้เรียนรู้จากผู้ร่วมอาชีพเดียวกันที่ประสบความสำเร็จ ท่านต้องช่วยเหลือและเรียนรู้จากกันและกัน พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน อะไรก็แล้วแต่ เพื่อจะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของท่านเอง (2) การใช้ผลงานวิจัยพัฒนาเพื่อปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ และเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ซึ่งเรื่องนี้ต้องเร่งทำอย่างจริงจัง ประเทศไทยนั้น มีการลงทุนการวิจัยพัฒนาไปมาก เรามีงานวิจัยกว่า 230,000 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2558 ที่ผ่านมาเราใช้งบวิจัยไปกว่า 20,000 ล้านบาท เรามีผลงานด้านเกษตรกรรมที่ยั่งยืนกว่า 510 โครงการ จนถึงวันนี้เราต้องขับเคลื่อนเชื่อมโยงงานวิจัยเหล่านั้น ให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตการเกษตรให้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเสียที

      วันนี้ เกษตรกรไทยต้องเป็นเกษตรกรยุคใหม่ สร้างผลผลิตมีคุณภาพ มีความแตกต่าง เพื่อไม่ให้ถูกกดราคาจากพ่อค้า หรือจากตลาดโลก และให้เราอยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจในปัจุบัน (3) การส่งเสริมด้านการตลาด ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของ Demand และ Supply ทั้งการสนับสนุนให้มีตลาดชุมชน ตลาดท้องถิ่น และตลาดนัดขายผลิตภัณฑ์อินทรีย์ การสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินค้า และการสนับสนุนตลาดส่งตรง เพราะยิ่งเรามีตลาดเกิดขึ้นในชุมชนมากเท่าไหร่ เม็ดเงินก็จะหมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้นเท่านั้น จะเป็นการช่วยสร้างรายได้และการจ้างงานให้เกิดขึ้นในชุมชน และยังไม่ต้องเสียเวลาในการขนส่งสินค้า เสียเงินค่าขนส่งสินค้าไปขายที่ไกล ๆ อีกด้วย (4) การพัฒนาระบบ “การรับรองแบบมีส่วนร่วม” หรือ Participatory Guarantee System (PGS) ซึ่งระบบนี้ริเริ่มโดยสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ ซึ่งเป็นระบบที่สมาชิกกลุ่มผู้ผลิต/ชุมชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบมาตรฐานผลผลิตของกันเองในพื้นที่ ทำให้เกิดความมั่นใจในสินค้าของตนในชุมชนในอนาคต ซึ่งอาจจะต่อยอดไปสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และสร้างมาตรฐานสินค้าส่งออกสร้าง แบรนด์อะไรต่อไป และ (5) การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษา เช่น สนับสนุนให้สถาบันการศึกษาจัดการเรียนการสอน หรือเปิดหลักสูตรด้านเกษตรยั่งยืน/เกษตรอินทรีย์ครบวงจร อาจจะเป็นช่วงบ่ายเพิ่มเติมด้วยก็ได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ ๆ และสนับสนุนการพัฒนาด้านการเกษตร โดยใช้นวัตกรรมให้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไป

     3. การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) เป็นปัญหาสำคัญของชาติเป็นอย่างยิ่งที่อาจจะถูกละเลยปล่อยให้มีการหมักหมมมาเป็นเวลานาน จนต้องให้องค์กรระหว่างประเทศมากำหนดมีมาตรการกดดันต่อการประมงของไทย รัฐบาลนี้ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยมีศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นกลไกหลักในการแก้ปัญหานั้น ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมาก ต้องขอขอบคุณความทุ่มเทในการทำงานของเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย  รวมทั้งพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีบางท่านที่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง หลายคนก็บอกว่าต้องดูแลพี่น้องชาวประมง ดูแลชีวิตความเป็นอยู่มาก่อน แต่อย่างไรก็ตามมีผลกระทบแน่นอนจากการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะดูแลใครก่อนใครหลังก็ตาม เพราะฉะนั้นเราต้องมีการจัดระเบียบด้านการประมงของไทยให้เป็นไปตามหลักสากลด้วย และดูแลพี่น้องประชาชนที่เกิดความเดือดร้อนไปด้วย ปัจจุบัน ครม. ได้อนุมัติงบประมาณ วงเงินราว 230 ล้านบาท สำหรับช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ประจำเรือ ไต๋เรือ นายท้าย และช่างเครื่อง ในการที่จะต้องหยุดทำการประมงชั่วคราว จนกว่าจะมีการดำเนินการทางเอกสาร การขึ้นทะเบียน การทำใบอนุญาตต่าง ๆ ให้ถูกต้องเสียก่อน ทั้งนี้การดำเนินการจ่ายเงินดังกล่าว ผมได้เน้นย้ำให้ดำเนินการในทันทีที่มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักการความโปร่งใส

      ส่วนเรื่องการรับตรวจสอบความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหา IUU จากผู้แทนสหภาพยุโรป ห้วง 13 – 22 ตุลาคมนี้ รัฐบาล โดย ศปมผ. ก็มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน อาทิ นโยบายการจัดการประมงทะเล พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ประมง แผนปฏิบัติการแห่งชาติ  แผนการตรวจสอบย้อนกลับ แผนการติดตามควบคุมเฝ้าระวัง และแผนป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ในเรือ เป็นต้น ซึ่งผมมั่นใจว่าผลที่ออกมานั้น น่าจะไปในทางที่ดี ที่สำคัญที่สุดคือ การทำให้ทุกอย่างถูกต้องเป็นไปตามหลักสากล และก็ดูแลพี่น้องชาวประมงด้วย ซึ่งจะทำให้ระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางทะเลของเรามีความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกด้วย

      สำหรับ ประเด็นที่เราต้องเข้าใจร่วมกันคือการระมัดระวังการขายสินค้าประมงในตลาดโลก ซึ่งนับวันจะลำบาก เพราะมีการแข่งขันมากขึ้น มีกติกามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกติกาด้านการประมงในน่านน้ำเสรีในทุกประเทศ ซึ่งปัจจุบันสินค้าของไทยมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา IUU นี้ให้ได้ เราจะถูกกดดัน หรือถูกยกเลิกการซื้อสินค้าเหล่านั้นด้วย เราจะไปขายใคร จับได้เท่าไหร่ก็ขายไม่ได้ ก็บริโภคกันเองก็เหลือมากเกินไปไม่มีรายได้อีก เราต้องร่วมมือแก้ปัญหาด้วยกัน

       4. ในการเดินหน้าประเทศไทยตาม Roadmap ของรัฐบาล ในระยะที่ ตั้งแต่การเข้ามายุติความขัดแย้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นการทำเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สำคัญ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อปากท้องและชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนโดยตรง รวมทั้งในเรื่องของการลดความเลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคมระยะที่ 1 ปัจจุบันเรากำลังเข้ามาอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการวางกฎ กติกาทางสังคม โดยได้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่จะต้องมีความเป็นสากล และสอดรับกับความเป็นไทย เพื่อจะแก้ปัญหาขจัดความยุ่งยาก ความขัดแย้ง หรือติดกับดักทางการเมือง ติดกับดักประชาธิปไตยที่สะสมมายาวนานให้ได้ รวมทั้งในการวางรากฐานที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้กับสังคมไทย ผ่านการปฏิรูป 11ด้าน ตามที่ได้ประกาศเป็นจุดยืนของรัฐบาล และ คสช. ไปแล้ว

     ในการที่จะนำพาเปลี่ยนผ่านประเทศของเราเข้าสู่ระยะที่ 3 ก็คือการมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งอาจจะต้องมีกลไกแก้ปัญหาทางตันทางการเมือง ที่สามารถพึ่งพาได้ ซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ก็ขอให้การแก้ปัญหาการเมืองด้วยทหารครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมทั้งต้องมีการปฏิรูปที่มีกรอบชัดเจน ที่ครอบคลุมทุกมิติการพัฒนาของประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว 20 ปี ที่เป็นมากกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะสั้น 5 ปีเท่านั้น ซึ่งก็จะเป็นเข็มทิศสำหรับการบริหารประเทศของรัฐบาลต่อ ๆ ไป ซึ่งคงจะต้องเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจ-การลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องการเห็นความชัดเจนจากภาครัฐ ที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยได้เห็น ทำให้ประเทศชาติเสียโอกาส ไม่เอื้ออำนวยต่อกัน ไม่ร่วมมือกัน

     เพราะฉะนั้น เรามีโอกาสในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง เป็นฐานการผลิต เพราะเราไม่มีสิ่งต่าง ๆ ที่ผมพูดมา วันนี้เราก็ได้ทำให้เขาเห็น ผมก็พยายามไปพูด ไปทำความเข้าใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เขาเห็น ให้เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เราพัฒนาในทางที่ดีขึ้น แก้ปัญหาเก่า ๆ ที่เหลือ ยังทำไม่สำเร็จอะไรก็แล้วแต่ ก็หวังว่ารัฐบาลหน้าและต่อ ๆ ไปจะมีการบริหารประเทศที่มีธรรมาภิบาล การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีกรอบการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ ที่ประชาชนจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจให้ความร่วมมือด้วย

        สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการทำงานตาม Roadmap ระยะที่ 2 คือ การสื่อสารให้ตรงกันและต้องไม่ถูกบิดเบือน ใน2 ระดับ คือ ระดับนโยบาย ปัจจุบันมี “แม่น้ำ 5 สาย” หรือ 4 สาย บวก คสช. ก็แล้วแต่ มีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งจะต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน ทั้งเรื่องเป้าหมาย บทบาท และการทำงานให้ประสานสอดคล้องกัน ทั้งนี้ สปท. ต้องใช้ 11 ประเด็นปฏิรูปของ คสช. เป็นตัวตั้ง เป็นกิจกรรมหลัก นำประเด็นปฏิรูปและประเด็นพัฒนาอื่น ๆ ของ สปช. (เดิม) มาหลอมรวมเอาไว้  ส่วน กรธ. ต้องมีแนวทางในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็กล่าวไปหลายครั้งแล้ว โดยท่านประธานก็กล่าวเองไปแล้วด้วย คือ (1) การร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นสากล เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย (2) สร้างประชาธิปไตยที่ส่งเสริมบทบาทหน้าที่พลเมือง ไม่ใช่กล่าวถึงเสรีภาพอย่างเดียวหรือเสรีภาพที่ไร้ขีดจำกัดอีกต่อไป (3) แก้ไขปัญหาการเมืองในอดีต ป้องกันเผด็จการรัฐสภาและการทุจริตประพฤติมิชอบ มีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุล และส่งเสริมธรรมาภิบาล  และ (4) เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ตลอดระยะเวลาห้วงต่อไปนี้ให้ทั่วถึงด้วย

      สุดท้ายนี้ ในการส่งเสริมภาพลักษณ์และบทบาทของไทยในเวทีโลกนั้น ผมได้รับรายงานว่า อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2558 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่ได้ปรับรูปลักษณ์การนำเสนอ จาก “ศาลาไทย” ที่ชาวโลกคุ้นเคย มาเป็น “งอบ” ที่ชาวนาไทยใช้ในการปลูกข้าว ในเวลาที่ต้องไปตากแดด ตากฝน ก็ใช้งอบเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสื่อสารว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเป็น “ครัวโลก” เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม อาคารแสดงของเราสามารถประชันกับอาคารของประเทศต่าง ๆ กว่า 140 ประเทศทั่วโลก โดยสื่อยักษ์ใหญ่ของอิตาลีต่างให้ความสนใจและโหวตให้เป็น 1 ใน 5 ของอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ในขณะที่ CNN ก็ยกให้ว่าเป็นการออกแบบอาคารจัดแสดงที่น่าประทับใจที่สุด มีผู้เข้าคิวรอเข้าชมอย่างล้นหลามเป็นเวลาหลายชั่วโมงเลย ผมทราบว่าบางวันรอถึง 4 ชั่วโมง เฉลี่ย 12,000 คน/วัน และสูงขึ้นถึงวันละ 16,000 คน ในสัปดาห์แรก

         ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ได้ร่วมกันภาคภูมิใจในความสำเร็จครั้งนี้ที่ได้นำ“เอกลักษณ์ ความเป็นไทย” สู่สายตาชาวโลก เรียกความเชื่อมั่นในประชาคมโลก โดยเฉพาะนักลงทุน– นักท่องเที่ยว ให้กลับคืนมาสู่บ้านเราอีกครั้ง เห็นไหมครับความเป็นคนไทยของเราไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร น่าภาคภูมิใจ เราต้องช่วยกันเผยแพร่ ช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และคืนความเป็นคนไทยที่น่ารักให้ยั่งยืน ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

-------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!