WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

G somkid copyเศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุด'สมคิด' กระทุ้งเอกชนนำเงินออกมาลงทุน

       'สมคิด' เรียกขวัญ! ชี้เศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดแล้ว เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ความเชื่อมั่นเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น กระทุ้งเอกชนต้องเอาเงินออกมาลงทุน เร่งพัฒนานวัตกรรม ขณะที่บอร์ดนวัตกรรมสนับสนุนเอกชนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าส่งขายทั่วภูมิภาค รองรับการขนส่งระบบรางในไทย ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย

     นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ถึงจุดต่ำสุดแล้วต่อจากนี้เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากสัญญาณทางเศรษฐกิจหลายอย่างจากหลายสำนัก เช่น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สภาตลาดทุนไทย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เห็นตรงกันว่าความเชื่อมั่นเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ในช่วงแบบนี้เห็นได้ชัดว่าประชาชนอยู่ในช่วงของการปรับความรู้สึก ซึ่งในระยะต่อไปหากมีการเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะขยับดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจกลับมา

     ส่วนการที่ธนาคารโลก ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของไทยในปี 2559 ลงสู่ระดับการขยายตัว 2% มองว่าเป็นการคาดคะเนไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกซึ่งในแต่ละปีมีการทำนายหลายครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเนื่องจากสิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามประคองความเชื่อมั่น ทำในสิ่งที่ต้องทำ ไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงโดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่นเพราะผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีองค์ประกอบหลายอย่าง ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ลงไปคือสร้างให้เกิดแรงกระตุ้นการบริโภค อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของการลงทุน ซึ่งในช่วงเวลาแบบนี้เอกชนต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยกันผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่รอการลงทุนของภาครัฐอย่างเดียว

       รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว และดอกเบี้ยต่ำเป็นช่วงเวลาที่เอกชนควรเพิ่มการลงทุนให้มากขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนพัฒนาเครื่องจักร เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพราะในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น เอกชนจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งภายในและต่างประเทศได้ ซึ่งการพัฒนาของเอกชนในส่วนนี้จะเป็นทิศทางที่ควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งและจะช่วยทดแทนการส่งออกที่ชะลอลงได้

     “เศรษฐกิจถึงระดับต่ำสุด คือเราต้องดูว่ามันจะทรุดตัวไปถึงไหนสิ่งที่ทำก็คือต้องประคอง ถ้าไม่ดีไม่มีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจก็จะทรุดตัวเร็ว หากสามารถประคับประคองความเชื่อมั่นให้ยืนอยู่ได้ ในช่วงที่ตลาดโลกซบเซาไม่ใช่เวลาที่เอกชนซึ่งมีเงินอยู่เต็มกระเป๋าจะมาตัดงบ ชะลอการลงทุนในประเทศแต่ไปลงทุนต่างประเทศแบบนี้หมายความว่าอะไร อยากจะเรียกร้องให้เชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยเพราะผมมั่นใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของเรายังดีอยู่มากต้องเชื่อมั่นในประเทศไทยและเชื่อมั่นในตัวคุณเองด้วยเรื่องนี้ต้องเชียร์อัพกันขึ้นมา

       นายสมคิดยังกล่าวถึงทิศทางการพัฒนานวัตกรรมของประเทศไทยเพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตสินค้าของภาคเอกชนไทยว่าได้มีการปรับทิศทางของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมโดยจากเดิมที่โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นคณะอนุกรรมการที่เป็นข้าราชการไม่สามารถผลักดันให้เกิดนวัตกรรมของประเทศได้อย่างแท้จริง โดยการปรับโครงสร้างได้ดึงเอาสถาบันศึกษาที่เป็นผู้นำในเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรม และภาคเอกชน ให้เข้ามาเป็นอนุกรรมการในชุดนี้และมีความยืดหยุ่นในการทำงานเพื่อพัฒนานวัตกรรมไปสู่การค้าและเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้น

       ด้านนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายนวัตกรรมแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยเป็นผู้ผลิตรถเมล์ไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า เพื่อรองรับการซื้อรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรองรับการพัฒนาระบบรางของประเทศ โดย ขสมก.จะเสนอ ครม.อนุมัติซื้อรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 500 คัน ขณะที่จะมีการนำเข้ารถเมล์ไฟฟ้ามา 1 คัน เพื่อเป็นต้นแบบให้เอกชนไทยผลิตเอง ส่วนอีก 499 คันจะประกอบในประเทศ แบ่งออกเป็น 100 คัน นำเข้าชิ้นส่วนมาทั้งหมดและนำมาประกอบในไทย และอีก 100 คันต่อมาจะใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น เป็นต้น โดยตั้งเป้าที่ประเทศไทยจะมีโรงงานประกอบรถเมล์ไฟฟ้าในปี 2560 ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นว่าประเทศไทยควรเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้มากที่สุด เนื่องจากไทยจะมีการพัฒนาระบบรางขณะที่ประเทศรอบไทยไม่ว่าจะเป็นลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย ต่างมีแผนพัฒนาระบบรางทั้งสิ้นจึงเห็นว่าหากไทยมีการลงทุนอะไหล่ ชิ้นส่วนระบบรางมากขึ้นก็จะพัฒนาการส่งออกได้ด้วย

       นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นควรให้นำวิทยาศาสตร์มาช่วยภาคเกษตรที่จะเกิดปัญหาภัยแล้ง โดยจะหาเงิน 10 ล้านบาทมาเพาะพันธุ์เมล็ด

ถั่วเขียว ซึ่งเป็นพืชให้ผลผลิตดี ใช้น้ำน้อยและสร้างรายได้ดี เพื่อขยายผลทำใน 200 ชุมชนใน 2 ปีให้เห็นผลว่าชุมชนดีขึ้นอย่างไร โดยผลผลิตทั้งหมดมีโรงงานวุ้นเส้นมารอรับซื้อ.

                ที่มา : www.thairath.co.th

สมคิด เรียกร้องเอกชนช่วยประคองศก.ฟื้นจากจุดต่ำสุด อย่าหวังแต่รัฐบาลกระตุ้นอย่างเดียว

       นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันโดยมองว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในจุดที่ต่ำสุดแล้ว สิ่งสำคัญในขณะนี้อยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรวมถึงภาคเอกชนช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการหันไปลงทุนในเรื่องของนวัตกรรมเพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาตัวเองให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ อย่างน้อยภายใน 2-3 ปีข้างหน้า และสิ่งสำคัญ รัฐบาลจะให้กำลังใจแก่ภาคเอกชนทุกคน

      "ต้องช่วยกันเชียร์อัพ ถึงโลกจะไม่ดี สิ่งที่รัฐบาลทำไปแล้วเราไม่เน้นการกระตุ้น แต่เราจะประคองให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ และเน้นเรื่องการปฏิรูป ซึ่งทุกประเทศทำเหมือนกันหมด สิ่งสำคัญ ไทยอย่าใจฝ่อ ต้องรู้ว่าเมื่อถึงจุดนี้ต้องช่วยกัน แล้วมันจะดีขึ้น จะไม่แย่ลง ถ้าทุกคนยอมหมด รอรัฐบาลกระตุ้นอย่างเดียว ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ผมเชื่อว่าขณะนี้ลงมาถึงจุด bottom แล้ว ต้องช่วยกัน เพราะถ้าทำได้ ความมั่นใจจะกลับคืนมา" นายสมคิดกล่าว

      พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกมานานถึง 10 ปี โดยมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก และเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยจำเป็นต้อง reform ตัวเองให้มีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้

        ส่วนกรณีที่ธนาคารโลก(World Bank) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเติบโตได้เพียง 2% นั้น นายสมคิด กล่าวว่า อย่าไปยึดติดแค่ GDP เพียงอย่างเดียว เพราะหากเราช่วยกันทำเศรษฐกิจภายในประเทศให้เข้มแข็งขึ้น ก็เชื่อว่าในภาพรวมจะดีขึ้น และการประเมิน GDP ก็ยังสามารถทบทวนใหม่ได้หลายครั้ง

     ส่วนกรณีการฟื้นคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ระดับจังหวัดนั้น นายสมคิด กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะเริ่มติดตามงาน โดยจะเริ่มลงพื้นที่ติดตามการทำงานของ กรอ.จังหวัดในแต่ละภูมิภาค โดยจะเริ่มต้นจากภาคใต้ก่อน และจะหมุนเวียนไปในทุกภาค ซึ่งการฟื้นกรอ.จังหวัด ถือเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนกลางกับพื้นที่ รัฐบาลจะไม่เน้นการกระจายงานจากส่วนกลางแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นการทำงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องดึงภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากยิ่งขึ้น

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!