- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 10 October 2015 12:50
- Hits: 3493
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 4/2558
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม กนพ. เห็นชอบเพิ่มเติมประเภทกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมเห็นชอบหลักการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดน จังหวัดสระแก้ว สงขลา กาญจนบุรี-มอบหมายหน่วยงานปรับปรุงข้อเสนออัตราค่าเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เหมาะสม
วันนี้ (8 ต.ค.58) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 4/2558 โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ภายหลังการประชุม นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญว่า ที่ประชุม กนพ. ได้พิจารณาผลการดำเนินงานของอนุกรรมการทั้ง 6 คณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีมติที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ดังนี้
1. เห็นชอบการเพิ่มเติมประเภทกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) นำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (กกท.) พิจารณาและออกเป็นประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต่อไป และให้จังหวัดที่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 10 จังหวัดให้ข้อมูลกับภาคส่วนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสนับสนุนการลงทุน โดยประเภทกิจการเป้าหมายเพิ่มเติม ได้แก่
1.1 กลุ่มที่ สกท. ให้การส่งเสริมอยู่ในปัจจุบัน 4 ประเภทกิจการ ได้แก่ (1) กิจการอบพืชและไซโล (2) กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุทางการเกษตร (3) กิจการผลิตโครงสร้างโลหะสำหรับงานก่อสร้างหรืองานอุตสาหกรรม (4) กิจการผลิตสิ่งพิมพ์ทั่วไป ทั้งนี้ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี และได้ลดหย่อนภาษีร้อยละ 50 ในปีที่ 9-13
1.2 กลุ่มที่ สกท. ยกเลิกการส่งเสริมไปแล้ว แต่นำกลับมาให้สิทธิประโยชน์ 6 ประเภทกิจการ เฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 พื้นที่ โดยมีเงื่อนไขให้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในเดือนมิถุนายน 2559 ได้แก่ (1) กิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์ (2) กิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง และกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค (ยกเว้นการผลิตกระเบื้องมุงหลังคา และกระเบื้องปูพื้นหรือผนัง) (3) กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน (4) กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค (5) กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ (6) กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือคลังสินค้า ทั้งนี้ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี
2. เห็นชอบในหลักการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดน จ. สระแก้ว จ. สงขลา และ จ.กาญจนบุรี และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการและประสานกับสำนักงบประมาณต่อไป ดังนี้ 2.1 โครงการพัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และมอบหมาย (1) กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาข้อสรุปรูปแบบสัดส่วนการลงทุนก่อสร้างสะพานข้ามคลองพรมโหด บ.หนองเอี่ยน ก่อนกรมทางหลวงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง (2) กรมทางหลวงชนบท ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2559 (งบกลางฯ) จำนวน 32 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างถนนสาย ทล.348-บ้านป่าไร่ ระยะ 12.5 กม. พร้อมสำรวจอสังหาริมทรัพย์ (3) กรมศุลกากร ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2559 (งบกลางฯ) เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณด่านบ้านคลองลึก โดยสร้างลานตรวจสินค้าด้วยระบบ X-ray วงเงิน 115 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการ วงเงิน 50 ล้านบาท 2.2 เห็นชอบในหลักการโครงการปรับปรุงด่านศุลกากรสะเดา และมอบหมายกรมศุลกากรขอรับจัดสรรงบประมาณสำหรับปรับปรุงด่านศุลกากรสะเดาเพิ่มเติม วงเงิน 40 ล้านบาท และค่าครุภัณฑ์และค่าวางสาย Fiber Optic วงเงิน 10 ล้านบาท 2.3 การพัฒนาพื้นที่ชายแดนกาญจนบุรี มอบหมายกระทรวงคมนาคม ร่วมกับ กระทรวงการคลัง และ สศช. เจรจากับเมียนมาในการเตรียมพัฒนาด่านพรมแดนบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี
3. มอบหมายกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย การนิคมอุตสาหกรรมและภาคเอกชน หารือร่วมกันเพื่อปรับปรุงข้อเสนออัตราค่าเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เหมาะสม รวมทั้งพิจารณาแนวทางการให้เช่าที่ดินในระยะหลังจาก 50 ปีแรก
4. เห็นชอบให้กรมทางหลวงใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากบางส่วน ประมาณ 225 ไร่ ในการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร และการก่อสร้าง CIQ โดยให้กรมธนารักษ์ ดำเนินการตามระเบียบของกรมธนารักษ์ในเรื่องการให้หน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ
5. เห็นชอบในหลักการการจัดหาพื้นที่ของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ นราธิวาส นครพนม เชียงราย และกาญจนบุรี โดยให้จัดลำดับความสำคัญและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่ไม่มีผลกระทบเชิงลบต่อประชาชนและพื้นที่
6. เห็นชอบในหลักการของร่างแผนบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง (ปี 2558-2564) ในพื้นที่ 31 จังหวัดทางบก และ 23 จังหวัดทางทะเล โดยกำหนดให้พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร สงขลา และหนองคาย เป็นพื้นที่เป้าหมายระยะที่ 1 โดยให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ ให้เพิ่มเรื่องโรคระบาดทั้งคนและสัตว์ การจัดระบบแรงงานไป-กลับตามฤดูกาลและรายปี การพัฒนาฝีมือแรงงานไทยและต่างด้าวบริเวณชายแดน โดยให้มีการประชุมหารือ ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีการบูรณาการ
7. เห็นชอบให้มีการยกระดับศักยภาพสหกรณ์การเกษตรให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นโดยเชื่อมโยงกับวิสาหกิจชุมชน และพิจารณาส่งเสริมการอำนวยความสะดวกการนำเข้าผลผลิตสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจากเกษตรกรรายย่อยเพื่อลดปัญหาการลักลอบนำเข้า
นอกจากนี้ ที่ประชุม กนพ. มีมติรับทราบในเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเรื่องนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน การสาธารณสุข และความมั่นคง ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระดับพื้นที่ ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ ความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และแผนบูรณาการงบประมาณเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
--------------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก (ข้อมูลจากฝ่ายเลขานุการ กนพ.)