- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Thursday, 08 October 2015 08:53
- Hits: 4297
บรรยายพิเศษ 'นโยบายเศรษฐกิจและทิศทางประเทศไทย' ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
หลังจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้เข้ารับหน้าที่ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูแลรับผิดชอบเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ได้ประมาณปีเศษท่ามกลางกระแส เศรษฐกิจถดถอยซึมลึก เป็นเหตุให้หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจหลุดจากตำแหน่ง เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ ดร.สมคิด ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และปรับให้หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
ยุทธวิธีเศรษฐกิจ'สมคิด'ดึงพันธมิตรธุรกิจ
หนึ่งในยุทธวิธีหลักของทีม ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ภายใต้รัฐบาล (คสช.) ก็คือ เป็นมิตรกับนักธุรกิจ (Business Friendly) มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือแบบประชารัฐระหว่างรัฐบาลและเอกชน ส่งเสริมให้ธุรกิจเป็นแนวหน้าเรื่องการค้ากับตลาดโลก ขอยืนยันให้นักธุรกิจเชื่อมั่นว่าขณะนี้ไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤต จากการหารือกับนักธุรกิจรายใหญ่ยังมีผลประกอบการที่ดี
แต่ที่กังวลคือ เกษตรกร ชาวนา ประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อำนาจซื้อย่ำแย่ คนมหาศาลของประเทศลำบาก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่มีทุน ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ ภาวะเช่นนี้ความมั่นใจเสื่อมถอย เอกชนชะลอลงทุน
ประชาชนรับฟังข่าวร้ายทั้งจากใน-ต่างประเทศ หุ้นตก-ปัญหาจากจีน ไม่มีการใช้จ่าย'เศรษฐกิจจะกินตัวเอง' ไปเรื่อย ๆ และชีพจรเศรษฐกิจก็จะแผ่วลง ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) ลดลง
นายสมคิดเชื่อว่า ช่วงเวลานี้คือ 'Moment of Truth' (เวลาที่ความจริงปรากฏออกมา) เป็นช่วงที่ต้องเร่งสร้างสิ่งใหม่ แก้ปัญหาของเก่า เพื่อสร้างอนาคตประเทศ
ปัญหาหลักกิดจาก “ความสามารถของประเทศไทยถดถอย” เพราะที่ผ่านมาระบบเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงส่งออกมากถึง 60% ของจีดีพี ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจึงกระทบต่อการส่งออกโดยตรง แต่ต่อไปต้องยอมรับความจริงว่า เป็นไปได้ยากมากที่จะมีประเทศใดที่มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลก 5-6% ได้อีกต่อไป ฉะนั้นต้องหันมามองเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น
มาตรการเร่งด่วนในการดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และ SMEs ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ออกมาตรการเร่งด่วน ให้เงินทุนหมุนเวียนของรัฐลงเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์
“จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงโดยให้เร่งรัดเบิกงบประมาณในโครงการขนาดเล็กมูลค่าไม่สูงให้ออกมาเร็วสุดภายใน 2-3 เดือน”
จากนั้นจะวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตข้างหน้า โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ จะต้องคิดมาตรการ เช่น กระทรวงการคลัง ต้องขจัดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อการค้า เพื่อผลักดันและสนับสนุนภาคเอกชน กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะต้องจัดหามาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อรักษาฐานการผลิตให้อยู่ในประเทศ
นโยบายเศรษฐกิจ สมคิด 'ฟื้นกองทุนหมู่บ้าน-โอท็อป ปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อย ปลอดดอกเบี้ย 0% สองปี'
ในช่วงที่เศรษฐกิจภายนอกประเทศไม่ดี เป็นโอกาสที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นหัวหอกร่วมกับหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ กำหนดมาตรการเพื่อสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง อาศัยความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ โดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต้องคิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
กองทุนหมู่บ้าน การพัฒนาสินค้า OTOP ที่หายไปนาน ก็ต้องกลับมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด ขณะเดียวกันในส่วนของกระทรวงการคลัง และ BOI จะต้องมีสิ่งจูงใจส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในท้องถิ่นทั้งหมดนี้จะบรรจุไว้ในมาตรการ 7 กระทรวงเศรษฐกิจ
สำหรับ แนวทางการปล่อยกู้ผู้มีรายได้น้อย ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 2 ปี ผ่านกลไกของกองทุนหมู่บ้านตามมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของนายสมคิดที่นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทรวงการคลังมอบให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ที่มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วางเงื่อนไขในภาพใหญ่ มั่นใจว่าเงินกู้ดังกล่าวจะไม่สร้างภาระให้ชาวบ้านเพิ่มเติม ในทางกลับกันจะเป็นการสร้างสภาพคล่องให้ชาวบ้านมีเงินในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยในปีแรกๆ ที่ผ่อนชำระเฉพาะต้นเงิน ได้หารือกับกองทุนหมู่บ้านในเบื้องต้นว่าเงินผ่อนต่องวดจะไม่สูงมาก โดยยืดเวลาชำระนี้ออกไปจากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่อภาระของการผ่อนต่องวดน้อยลง
