- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 19 September 2015 15:20
- Hits: 5043
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ศุกร์ที่ 18 กันยายน 2558
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ'คืนความสุขให้คนในชาติ'ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2558 เวลา 20.15 น.
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผมได้มีโอกาสมอบรางวัลการศึกษา แก่เยาวชน ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดวาดภาพ หัวข้อ “ประเทศไทยคือบ้านของเรา เราจะก้าวไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง ที่คำภาษาอังกฤษก็คือ OUR HOME OUR COUNTRY STRONGER TOGETHER”ภาพที่เด็กๆ วาดออกมา ด้วยความตั้งอกตั้งใจนั้น แสดงให้เห็นถึงไม่เฉพาะฝีมือทางศิลปะเท่านั้น สะท้อนถึงแนวคิดต่าง ๆ ของเขาเอง แล้วก็เห็นถึงความหวัง ความฝันของเด็ก ๆ ที่เขาต้องการให้ประเทศไทยของเราได้รับการพัฒนา แล้วก็ไม่อยากเห็นความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นมา อยากให้พวกเราทุกคนรักสามัคคีกัน ร่วมมือกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความสุขที่ยั่งยืน ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล และขอขอบคุณผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ครูอาจารย์ที่สอน ที่ให้แนวคิดต่าง ๆ เหล่านั้นด้วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่จัดกิจกรรม และผู้ปกครองที่ให้การสนับสนุน เป็นที่ปรึกษาลูกหลาน ปลูกฝังความรู้สึก รู้รัก สามัคคีให้กับเยาวชนของชาติ ผ่านงานศิลปะในครั้งนี้ด้วย
วันนี้ ผมมีคำพูดจากใจผมเอง ซึ่งก็แล้วแต่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ผมอยากจะเรียนให้ทราบ ว่าให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ อย่างที่ผมคิด จะได้หรือไม่ โดยเป็นการทำงานร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล เพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งนี้ คสช. และรัฐบาล อยากจะขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ได้ช่วยกันทำความสะอาดประเทศของเรา บ้านของเราให้ผ่านพ้นความเลวร้ายนานาประการ ก็มีทั้งดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นมีความเลวร้ายเข้ามาอีกด้วย อาจจะเกิดจากกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ใช้วิธีการที่ละมุนละม่อม ปราศจากความรุนแรง กำจัดคนเหล่านี้ออกไปให้ได้ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่และกระบวนการยุติธรรมที่ต้องทำงาน ช่วยกันค้นหาความจริงในเรื่องต่างๆ ให้ได้ ที่คนเหล่านั้นทำไว้ แล้วอาจจะต้องมาเผยแพร่ ทำความเข้าใจ เพื่อจะสร้างความรู้สึกร่วมกัน ในการที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศชาติให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่ขอร้องว่าอย่าใช้ความรุนแรงต่อกันเลย ผมเห็นว่าใน โซเชียลมีเดียบ้าง หรือในตามสื่อตามสังคมต่าง ๆ ก็เริ่มมีการใช้ความรุนแรงต่อกันด้วยคำพูด ด้วยวาจากันแล้ว ผมก็ขอร้องอย่าให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นอีกเลย
ผมเรียนไปแล้วหลายครั้งว่า ทุกคนเห็นต่างได้ แม้กระทั่งผมเองก็ตาม ผมก็ยอมรับในความเห็นต่าง เพียงแต่ว่า บางอย่างผมจำเป็นต้องตัดสินใจว่า จะให้มีข้อยุติอย่างไร เพราะผมเป็นคนต้องรักษากติกาตัวนี้ ถึงแม้ว่า จะขัดแย้งกัน แต่ท่านก็ต้องรู้ว่า ท่านควรจะแสดงออกอย่างไร ไม่ได้หมายความว่า ผมจะปิดกั้นแล้วให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคิดทุกอย่างเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะวันนี้ที่ผมทำมาทั้งหมด ผมก็ใช้สิ่งต่างๆ ที่หลายคนเสนอมา ถึงแม้จะเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ผมก็เอามาประยุกต์ มารวบรวม ให้ได้ข้อยุติในการทำงานในการสั่งงานของผมมาโดยตลอด ก็ขอเถอะครับ อย่าให้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายพิเศษอีกเลย หรืออำนาจอื่นๆ ใดก็ตาม ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีวันสิ้นสุดซะที หลายคนก็พยายามที่จะบังคับเหมือนกับตั้งใจ ให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นให้ผมต้องใช้อำนาจพิเศษ เพื่อที่จะเอาเหตุการณ์เหล่านั้นไปอ้างกับองค์กรอื่น ๆ บ้าง อะไรบ้างแล้วให้กลับมาเล่นงานประเทศไทย หรือเล่นงานผมก็ตามเหล่านี้ ก็คิดว่าพ่อแม่ พี่น้อง ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว ก็ขอร้องกันว่าให้ไปหยุดคนเหล่านี้ อย่าให้ทำอีกต่อไปเลย
เพราะถ้าหากว่า พี่น้องประชาชนทุกคนนั้น มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน คือ ประเทศชาติมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน ตรงกันแล้ว ก็ทำสำเร็จทุกอย่าง ไม่มุ่งหวังแต่ประโยชน์ส่วนตน ประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง สะอาดเรียบร้อย ปลอดภัย แล้วก็แข็งแกร่งไปด้วยกัน
คำว่า'ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว'วันนี้อาจจะไม่พอแล้ว อาจต้องใช้คำว่า'ประเทศเป็นบ้าน ประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่าเป็นรั้ว สำหรับ รั้วชั้นนอกก็ให้ทหารดูแลเป็นหลักอยู่แล้ว รั้วชั้นในนั้นข้าราชการ ประชาชนต้องช่วยกันดูแล การเฝ้าระวังจะเป็นการเหมาะสมกับสถานการณ์วันนี้ เพื่อสุขร่วมกัน สร้างความสงบสุข ปลอดภัย สร้างสันติสุขอย่างยั่งยืนให้กับประเทศของเราให้ได้
การที่ประเทศใดๆ เกิดความขัดแย้ง มีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันนั้น ก็อาจจะเกิดมาจากเพื่อประโยชน์ของผู้นำแต่ละฝ่าย ซึ่งมีความคิดความหวัง ความคาดการณ์แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าหากยุติไม่ได้ เรื่องเหล่านั้นจะนำความวิบัติมาสู่ประเทศ และประชาชน ดังนั้นใครก็ตาม ผู้ที่มีอำนาจ หรือผู้ที่อยากจะมีอำนาจ ถ้าได้มาแล้วก็จำเป็นต้องใช้อำนาจในทางที่ถูก ในการที่จะสร้างสรรค์ ขจัดปัญหาที่หมักหมม มายาวนาน ไม่ใช่ใช้อำนาจเพียงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง พวกพ้อง หรือพยายามมุ่งมั่นที่พยายามรักษาอำนาจที่ได้มาแล้วนั้น ในทางที่ผิด ที่ผ่านมานั้น ผู้นำที่ไม่ดี ก็อาจจะใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง ทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว เราจำเป็นให้ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยด้วยขบวนการ ยุติธรรมด้วย
เพราะฉะนั้น ผมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ในการจะร่วมมือกันในการ ป้องกัน และป้องปราม และปราบปรามคนที่ไม่ดี ให้หมดสิ้นไป ด้วยกระบวนการยุติธรรม แล้วก็คงไม่ใช่ร่วมมืออย่างเดียว ต้องขอความร่วมใจกันด้วย ถึงจะสำเร็จได้ในไม่ช้า หลายคนแสดงความคิดเห็น แต่ก็บอกว่าไม่ทราบจะทำอย่างไรเหมือนกัน ก็ทำได้หมด ถ้าหากว่าเป็นการเฝ้าระวัง มีอะไรผิดปกติก็แจ้งมา มีหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมก็แจ้งมา ไม่ต้องเกรงใจ ผมก็พร้อมจะรับไปพิจาณาทั้งหมด แต่เรื่องเยอะจริงๆ วันนี้ก็มีคนส่งมามากมาย ผมก็ทยอยดำเนินการมาโดยตลอด ขณะเดียวกันก็มีกระแสต่อต้านมามากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่าไปเกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นบ้างหรือเปล่า
ประเทศของเรา หรือหลาย ๆ ประเทศ ทุกประเทศในโลกนี้จะประกอบไปด้วยพื้นที่ ทรัพยากร และประชาชน หากว่าประเทศใดนั้น มีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ และมีการจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสม ประชาชนมีความเข้มแข็ง มีจิตใจเพื่อส่วนรวม มุ่งหวังจะทำประโยชน์เพื่อสังคมและประเทศชาติ ประเทศนั้นย่อมปลอดภัย ประชาชนย่อมมีความสุข
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยในขณะนี้นั้น ก็เปรียบเสมือนเป็นช่วงเวลาสำคัญ ในการกำจัดเชื้อโรคร้ายต่าง ๆ และก็พร้อมร่วมมือกันที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ต่อสิ่งเลวร้ายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ในอดีตที่ผ่านมาไม่ให้เกิดขึ้นอีก ให้สมกับคำที่ว่าเราอยู่ในแผ่นดินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ของเรามาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
สำหรับ ในระบอบประชาธิปไตยนั้น อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผู้บริหารประเทศไปแล้วนั้น ผมคิดว่าเป็นการมอบด้วยความเชื่อมั่น ความบริสุทธิ์ใจ ความไว้วางใจอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอำนาจที่มอบให้ไปแล้วนั้น ผู้ที่บริหารประเทศนั้นไปใช้ทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะถูก จะผิด ไม่ได้อีกแล้วต่อไป เพราะฉะนั้นหากผู้นำ หรือรัฐบาลใดไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดไปจากเจตนารมณ์ของประชาชน ในการเลือกตั้งเข้ามา ที่เขามอบให้ด้วยความศรัทธา ความเชื่อมั่น และหวังที่จะเห็นประเทศชาติเจริญ ประชาชนอยู่ดีกินดี ทุกอย่างได้รับการเปลี่ยนแปลงพัฒนาให้ดีขึ้น ถ้าท่านไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ย่อมถือเป็นการทรยศ ทรยศต่อคำสัญญาที่มีต่อประชาชน แล้วก็ท่านไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้เลย ถือว่าท่านไม่มีอุดมการณ์ อันแน่วแน่ ที่จะทำให้กับประเทศชาติและประชาชน
ตัวอย่างของประเทศที่ต้องตกอยู่ในภาวะ 'ประเทศล้มเหลว (ที่เรียกว่า Failed State)'มีให้เราเห็นหลายแห่ง ซึ่งมีคนได้รวบรวมมาแล้ว ผมก็นำมาอ่านดู นำมาวิเคราะห์ว่า จริงหรือไม่ เขาเขียนไว้ว่า 'ความล้มเหลวแห่งรัฐ'ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ล้วนเป็นผลมาจากการกระทำของผู้นำและรัฐบาลทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ประชากร หรือประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น
1. ผู้นำประเทศที่ไม่มีจริยธรรม มีแต่ความโลภ ทำตัวเป็นเจ้าของธุรกิจผูกขาด ใช้อำนาจออกมาตรการกีดกันคู่แข่ง และใช้สิทธิพิเศษทางการเมือง เพื่อมุ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจ 2. รัฐบาลที่อ่อนแอ บริหารประเทศไม่ได้ ไม่สามารถออกหรือใช้ หรือบังคับใช้กฎหมายได้ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สังคมไร้กฎหมาย ไร้ระบบ ระเบียบ ไร้กฎกติกา เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 3. ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม รัฐบาลใช้ระบบสองมาตรฐาน แบ่งแยกประชาชนออกเป็นสองฝ่าย ให้เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน 4. รัฐบาลไม่ส่งเสริมการพัฒนาแบบยั่งยืน มีผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ปฏิเสธนวัตกรรมใหม่ ๆ กีดกันไม่ให้ประชาชนได้รับการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อง่ายต่อการปกครอง อันนี้เป็นคำเขียนในหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง รู้สึกจะเป็นชาวต่างประเทศเขียนมา
ผมขอยืนยันว่า คสช. และรัฐบาลนี้ มีอุดมการณ์และความมุ่งมั่น อย่างจริงใจที่จะทำทุกอย่างให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ โดยไม่มีใครมุ่งหวังประโยชน์ส่วนตนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ รัฐบาลและ คสช. ยังคงมีหน้าที่ในการที่จะนำพาประเทศ ฝ่าฟันอุปสรรค ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตาม Roadmap ของเรา ซึ่งในระยะที่ 2 นับจากกันยายน 2558 – กรกฎาคม 2560 หรือน้อยกว่านั้น ก็จะมีโครงสร้างในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหาร ด้านการปฏิรูป ด้านการปรองดอง ในระยะแรก โดยมี คสช. ซึ่งจะเน้นภารกิจด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก ดูแลพี่น้องยากจน รายได้น้อย มาตรการช่วยเหลอให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส ทั่วถึง และจะเป็นเครื่องมือ เป็นกลไกพิเศษ ช่วยคลี่คลายปัญหาในการทำงานของรัฐบาล ให้เป็นไปอย่างทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ
ส่วนการใช้มาตรา 44 นั้น ที่ผ่านมาเราใช้ไปแล้วทั้งหมด 27 ครั้ง ทุกเรื่อง เป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ เพราะว่าเรามีคณะกรรมการ นอกจากกรรมการของ คสช. แล้ว เมื่อตัดสินใจจะใช้ ก็จะใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ในการที่จะออกคำสั่งฉบับนั้น แล้วรัฐบาลก็สามารถที่จะแก้ปัญหาหลาย ๆ อย่างที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องของกฎหมาย ความไม่พร้อม ความไม่ทันสมัย เหล่านั้น มาสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดขึ้น ในสิ่งที่เป็นปัญหามายาวนานหลายเรื่อง
นอกจากในเรื่องการทำงานลักษณะนี้แล้ว เราก็ยังมีคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ อีกหลายคณะ มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพิ่มขึ้นอีกในขณะนี้ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งไว้ จะช่วยงานรัฐบาลทั้ง 3 ด้าน ด้วยการผนวก 11 ประเด็นปฏิรูปของ คสช. เข้ากับข้อเสนอเดิมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 36 ประเด็นปฏิรูป กับอีก 7 ประเด็นพัฒนา รวมทั้งนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาล เป็นแนวทาง สำหรับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น ก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่การขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ที่จำเป็นต้องออกกฎหมายมารองรับ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศของเราเดินหน้าต่อไปได้ อย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดชะงัก
สำหรับ สภาขับเคลื่อน จะทำหน้าที่ต่อจาก สปช. ก็จะมาทบทวน มาจัดระเบียบ มาทำให้สอดคล้องเข้ากับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วก็หาวิธีการว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อจะทำให้สิ่งเหล่านั้นปฏิบัติได้ โดยที่ไม่ไปทาบทับอำนาจในเชิงบริหารอย่างที่ทุกคนเกรงกลัวกัน เกรงกลัวว่าคณะกรรมการ ถ้ามีขึ้นมาแล้วก็จะไปทาบทับกับอำนาจของรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ผมยืนยันเจตนารมณ์ผม ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย มีแต่ว่าจะช่วยเขาอย่างไร ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ผมรู้ดีว่าปัญหาประเทศอยู่ที่ไหน ท่านก็รู้ดี แต่เราจะหาหนทางอย่างไรที่ทำให้ประเทศชาติเราเดินไปข้างหน้า ถ้ายังทะเลาะขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ ก็ไปไม่ได้อยู่เหมือนเดิม ประชาชนเป็นผู้เดือดร้อน ไม่ว่าใครจะชนะ ใครจะแพ้ก็ตาม ประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น วันนี้ผมกังวลกับประชาชนมากที่สุด
เรื่องของการจัดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศนั้น ผมกำลังพิจารณาอยู่ ก็ขอให้ไว้วางใจกัน แล้วการร่างหรือการพิจารณาอะไรก็ตาม ก็ไม่ได้ปิดลับอะไร ก็ให้รับรู้ไปตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด เพราะฉะนั้น ถ้าหากขัดแย้งกันอีก ก็เป็นไปไม่ได้อีก เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น ผมเกริ่นกับท่านไว้ก่อน อย่ามาลงว่าผมจะต้องเป็นคนชี้ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ผมเพียงแต่ว่าแสดงความคิดเห็นเหมือนกัน เหมือนกับท่าน เพราะท่านก็แสดงความคิดเห็นกันทุกคน ทุกภาค ทุกการเมือง ทุกอะไรก็แสดงออกมาตลอด เพราะฉะนั้น ผมก็ถือว่าในเมื่อบอกว่าผมต้องให้ความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม ผมก็จะเสนอของผมบ้าง ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะพิจารณากันเอาเองก็แล้วกัน ว่าควรจะเป็นอย่างไร
สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้จัดให้มีการประชุม ครม. คสช. สนช. ร่วมกันก็ให้แนวทางในการคัดเลือกบุคคลว่าเราจะต้องได้คนที่มีความรู้ความสามารถจากทุกภาคส่วน เป็นคนดี มีคุณธรรมเป็นคนที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง มีความรู้ความสามารถ คนจะอย่างไรก็เป็นคน มนุษย์ก็ไม่มีอะไรที่ 100% เพียงแต่ว่าเขามีจิตปรารถนาอย่างไร แต่ข้อบกพร่อง ข้อผิดพลาดทุกคน ต้องยอมรับว่าทุกคนมีความผิดพลาดทั้งสิ้น วันนี้เราก็เอาความผิดพลาดทั้งหมดมาดู แล้วเราจะแก้กันอย่างไร แก้ที่ตัวเอง แก้ที่สังคม แก้ที่ประชาชน แก้ที่การเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาเรียกว่า ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ต้องลดตรงนี้ให้ได้
เพราะฉะนั้น คนเหล่นนี้ ก็ไม่ได้มาจากไหน มาจาก สปช. เดิมบ้าง นักกฎหมาย นักวิชาการ ฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการทั้งเกษียณ ไม่เกษียณ ภาคประชาสังคม การค้าการลงทุน ภาคประชาชน มีหมด แล้วท่านบอกว่าเราร่างมาอีก ข้าราชการมากก็กลายเป็นร่างโดยข้าราชการอีกจะปฏิรูปได้อย่างไร ผมก็ให้มีส่วนแต่ละส่วนเข้าไปผสมด้วย แล้วการร่างครั้งที่แล้ว หรือการทำแผนปฏิรูปครั้งที่แล้ว ก็มีทุกภาคส่วน มากด้วย ทหารก็มีไม่มากนัก ก็เก็บเอาไว้แล้ว ถ้ายังไม่พอก็ใส่เข้ามาอีก แต่ถ้าเราเอาทั้งหมดใส่เข้าไปที่ไม่รู้เรื่องกฎหมาย ไม่รู้เรื่องระเบียบราชการ ทำอะไรไม่ได้หรอก ก็จะเถียงกันอยู่นั่นแหละ รู้โจทย์ รู้ปัญหา รู้ว่าสุดท้ายต้องการอะไร แต่ไม่รู้วิธีการ คือสิ่งที่มีความเป็นจำที่ต้องมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จริง ๆ แล้วผมก็ไม่อยากให้เกี่ยว แต่ก็จำเป็นไม่อย่างนั้น ท่านก็ปรับการปฏิรูปเขาจนเละไปหมด ท่านไม่รู้ว่าเขาทำงานอย่างไรด้วยซ้ำไปที่ผ่านมา เพราะทาบทับกันไปหมด แล้วเสร็จแล้ว ท้ายสุด วันนี้ข้อบกพร่อง ความผิดพลาดเกิดขึ้น ท่านโยน กลับมาที่เขาหมด ข้าราชการหมดเลย ไม่ได้ ฝ่ายการเมืองก็โทษกลับมาที่ข้าราชการอีก เห็นใจเขาบ้าง ไม่มีใครอยากทำเลวอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนนำพาแบบนั้น
สัปดาห์นี้ ผมได้เรียกคณะรัฐมนตรีเฉพาะกิจมาประชุม ตั้งขึ้นมาอีกแล้ว เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น ดูแลความยากจน แก้ปัญหาเร่งด่วนในเรื่องของเศรษฐกิจในช่วงนี้ แล้วในเรื่องของการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งคาดว่าจะร้ายแรงขึ้นมากกว่าปีนี้อีก ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม นี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแม่กลอง พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังไปแล้วบ้าง ก็คงต้องได้รับผลกระทบแน่นอน กรณีขาดการสนับสนุนน้ำจากระบบชลประทานได้ วันนี้ก็ขอร้องกัน แต่ก็ขอร้องกันไม่ค่อยได้ ทุกคนก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็ต้องปลูกไป แล้วก็เสียหายมาก็เดือดร้อนไปหมด
รัฐบาลก็พยายามที่จะแนะนำ พยายามที่จะบอกให้ไปเปลี่ยนโน่น เปลี่ยนนี่ บางคนสนใจก็ได้ไป บางคนไม่ค่อยสนใจ ก็เสียหายอีก เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นผมขอแจ้งเตือนพี่น้องเกษตรกร วันนี้ให้ฟังเจ้าหน้าที่รัฐเขาด้วย พยายามทุกอย่าง เงินทองก็ให้ไปแล้ว ไม่ได้ให้ไปใช้หนี้ ให้ใช้ไปเพื่อเตรียมการรองรับเรื่องฝนแล้ง รองรับเรื่องอาชีพ หรือไม่ก็ร่วมมือกันจ้างงาน สร้าง ซ่อมถนนหนทางบ้าง อะไรบ้าง ขุดลอกแหล่งน้ำทำฝายอะไรต่าง ๆ ให้ไปแบบนี้ เรียกว่าให้เบ็ดไปตกปลา แต่ส่วนที่ให้ขาดไป เช่น เงินช่วยเหลือ เงินอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อปะทังชีพนั้น เป็นเรื่องของให้ปลาไปนิดหน่อย ชั่วคราว ให้ปลาทั้งหมด ไม่มีปลาให้พอหรอก เพราะบ้านนี้ เมืองนี้ ประเทศนี้ มีคนตั้งหลากหลาย ที่มีหลายอาชีพ ทุกพวกก็จนทั้งสิ้น นอกจากเกษตรกรแล้ว มีรับจ้าง อาชีพแม่บ้าน ทำงานบ้าน มากมายไปหมด ถ้าเราให้เกษตรกรอย่างเดียว แล้วคนอื่นเขาเอาที่ไหน ก็ต้องแบ่งปันเฉลี่ยไปตามความลำบาก แต่เอาทั้งหมดไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็มีรายได้แต่เพียงเท่านี้ ไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็ลดลง โครงสร้างเศรษฐกิจเราก็ยังเข้มแข็งไม่เพียงพอ
ถ้าอีกสัก 2-3 ปีข้างหน้าผมคิดว่า ดีขึ้นแน่นอน จากการลงทุน สาธารณูปโภคพื้นฐานบ้าง การบงทุนของ BOI บ้าง แล้วในประเทศการลงทุนเขามีการแย่งการลงทุนกันทั่วโลก มีการเปลี่ยนพื้นที่การลงทุน ไปประเทศโน้น ประเทศนี้ ย้ายฐานการผลิตไป เราก็ต้องสู้เขา โดยการเพิ่มสิทธิประโยชน์บ้าง ใช้มาตรการทางภาษีบ้าง แต่วันนี้อาจจะเป็นอย่างนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ภายในระยะเวลาที่เราเว้นภาษีไว้ ต่อไปก็ได้ภาษีมากขึ้น ๆ เพราะกิจการมากขึ้น แล้วผมก็เรียนว่าผมไม่ได้ให้เฉพาะลงทุนใหม่ด้วย ต้องหาเงินไปส่งเสริมธุรกิจคนไทย ธุรกิจในท้องที่ ในพื้นที่ด้วย ให้เขาเข้มแข็งขึ้น ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เขาดีขึ้น แล้วก็ส่งเสริมของใหม่เข้าไป เสริมด้วยการลงทุนต่างประเทศ สร้างชุมชนชนบทขึ้นมา ก็มีทั้งในส่วนของ Cluster ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
คำว่า 'Cluster' ก็คือว่ากิจการหลาย ๆ กิจการ ถ้าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปเขาเรียกว่า ได้รับสิทธิประโยชน์อันหนึ่ง ถ้า BOI เปล่า ๆ ก็ BOI เปล่า ๆ ต่อมาถ้าเป็น Cluster หรือพื้นที่ที่เรากำหนดจะเร่งรัดการพัฒนา ก็ได้ BOI +X เข้าไป สมมุติ ต่อไปถ้าสมมุตว่าเป็นกิจการหรือเป็น Cluster ที่เป็นเรื่องใหม่ที่เราต้องการให้มีเทคโนโลยีสูง เรื่องการศึกษา เรื่องการวิจัย เหล่านี้ก็ต้องหาแรงจูงในให้มากขึ้น อาจเป็น BOI +2X อะไรอย่างนี้ ก็คิดของผมแบบนี้ แล้วคราวนี้คณะทำงานก็ไปทำมา ก็อย่าลืมว่าถ้าเราไม่ทำแบบนี้ อะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ภาษีก็ไม่ได้อยู่แล้ว วันหน้าก็ไม่เกิดขึ้นอีก คิดแบบผมคิด ผมก็ไม่ใช่คนเก่งเรื่องเศรษฐกิจ แต่ผมก็ประเมินเอา คิดเอา อ่านเอา แล้วก็ปรึกษาผู้รู้ ถ้าทำได้ก็ทำได้ ก็ต้องเชื่อมั่นกัน ถ้าไม่คิดแบบนี้ ไม่ทำแบบนี้ แล้วปล่อยไปแบบเดิม เกิดอะไรขึ้น
BOI ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เคยแก้ไขมาเป็นกี่ปีแล้วไม่รู้ แก้ไปแล้วยังสู่เขาไม่ได้ เขายังไม่มาเลย แล้วจะปล่อยให้ไม่มาอย่างนั้นหรือไม่ แล้วก็ตั้งอะไรที่มาตรฐานสูง ๆ ไว้ก็ไม่ได้ แต่เราต้องควบคุมให้ได้ ว่าเขาต้องอยู่ในกรอบที่เรากำหนด เพราะฉะนั้นก็ฝากพ่อแม่พี่น้องทุกคนให้ช่วยกันดูด้วยไม่ว่าจะเรื่องของผังเมือง ไม่ว่าจะการลงทุนในพื้นที่ ถ้าไม่ทำก็ไม่เกิด รายได้ที่จะเกิดจากธุรกิจต่อเนื่องก็ไม่มีทั้งสิ้น ก็ลำบากยากแค้น ปลูกข้าว ปลูกอะไรกันไปแบบนี้ แล้วก็เป็นหนี้เป็นสินอยู่แบบนี้เหมือนเดิม นั่นแหละคือสิ่งที่ผมเป็นห่วง ถ้าดีขึ้นจริงก็มีงานมากขึ้น คนที่ถูกออกนอกพื้นที่ที่ต้องไปสร้างนี่ โน่น เพิ่มเติม รัฐก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ เป็นผู้ที่มีสิทธิมีเสียงก่อนในการที่จะทำกิจการอะไรก็แล้วแต่ในพื้นที่เหล่านั้น ได้รายได้ก่อนคนอื่นเขาจะทำอย่างไร ก็ไปคิดทุกมิติมา ให้ความเป็นธรรม แต่ผมไม่ชอบตรงที่มีนายทุนหรือมีใครไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ซื้อที่ดินไว้ดักหน้าบ้าง ไปขึ้นราคาสูงบ้าง เป็นอย่างนี้มาตลอด ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมคนคิดแต่ปะโยชน์กันทั้งนั้นเลย
ถ้าคิดแต่ประโยชน์ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องมีคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย คนไม่เห็นด้วยคนเสียประโยชน์ก็ต้องต่อต้านแน่นอน ถึงเกิดอะไรไม่ได้ถึงวันนี้ วันนี้หลายคนบอกให้ผมใช้มาตรา 44 ทำ ผมก็ไม่อยากใช้ตรงนี้ ก็คิดเอาแล้วกัน ว่าท่านจะทำยังไงให้เกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดขึ้น เราเกิดสังคมเมืองขึ้นในทุกภูมิภาค คนก็ไม่เข้ามาในเมืองใหญ่ ศูนย์การศึกษาต่าง ๆ ก็ให้ไปลงทุน หรือไปเปิดใหม่ในพื้นที่ในแต่ละภูมิภาค คนก็ไม่ต้องเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ก็เรียนในภูมิภาคของตนเอง มหาวิทยาลัยเหล่านั้น หรือสถานศึกษานั้นก็ผลิตคนให้ตรงความต้องการของพื้นที่ของเขา
ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก อะไรก็แล้วแต่ เขามีวัสดุอะไร ควรจะมีการประกอบการอะไรตรงนั้น คนก็ใช้จากที่นั่น แรงงานก็ใช้จากชายแดนบ้าง ใช้จากในประเทศบ้าง ดูแลพ่อแม่พี่น้องไป เมืองเขาก็เจริญขึ้น วันหน้าจะได้ไม่ถ่วงซึ่งกันและกัน วันนี้ภาษีก็เก็บได้ไม่เท่ากัน ท้องถิ่นก็ไม่มีเงิน เพราะรายได้ไม่มี แต่ถ้าทำทุกอย่างให้แข็งแรงขึ้นเป็นภูมิภาค ก็จะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นก้อน ต่างคนต่างไปเจือโน่น เจือนี่ ก็เหลือเฉพาะเอามาทำในเรื่องของการพัฒนาในภาพรวม ในพื้นที่ก็มีความสุข ถ้าไม่คิดแบบนี้ไปไม่ได้แน่นอน แล้วก็อ้างกันว่าประชาธิปไตยต้องแบบนี้ แบบนั้น ประชาชนเป็นใหญ่ อะไรต่างๆ ไม่ใช่ทั้งหมด
ประเทศอื่นเขาเลิกคิดแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว ถึงเจริญมาถึงวันนี้ เรื่องการตลาด การส่งออก การทำอะไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นการส่งเสริมปลูกพืชทดแทน อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ต้องดูในเรื่องของ demand supply ด้วย เดี๋ยวไปปลูกถั่วเขียว ถั่วเหลือง ปลูกพริก ปลูกอะไร ปรากฏว่าขณะนี้อะไรรายได้ดี ดีกว่าทำนา แต่ถ้าปลูกมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วให้ทำอย่างไร ไม่มีตลาดอีก ราคาตกอีก ก็กลับมาเล่นงานรัฐบาลอีก หาว่าไปส่งเสริมในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือสิ่งที่เป็นรายละเอียด ซึ่งข้าราชการผู้ลงปฏิบัติในพื้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นหัวหน้าในส่วนของการบูรณาการในระดับจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัด ต้องทำให้ผม
สัปดาห์ที่แล้ว ที่ผ่านมานั้นผมได้ไปเป็นประธานงาน Kick off ปฏิบัติการในเรื่องของ'มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ'ก็ใช้เงินไปมากพอสมควร ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี มีผู้เข้าร่วมงานเป็นคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ประมาณ 8,000 คน
สำหรับ กองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท แล้วก็ กองทุนตำบล 5 ล้านบาท และมีเม็ดเงินการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลอีก 1 ล้านบาท รวมใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น กว่า 1 แสนล้านบาท คือเพิ่มเติมจากระยะที่ผ่านมาแล้วด้วย จะเห็นว่าเราใช้งบประมาณไปอย่างนี้ แล้วยังไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลย เพราะว่ายังไม่เกิดสิ่งที่ยั่งยืนตามมา เพราะเริ่มอยู่ แต่ถ้าเราเอาก้อนนี้ไปใช้อีก หมดไปอีก จัดการน้ำท่วมบ้าง ฝนแล้งบ้าง อะไรบ้าง ก็จะเป็นไปอยู่แบบนี้
เพราะฉะนั้น วิธีการของเรา คือทำอย่างไรให้เขามีชีวิตอยู่ได้ ประคับประคองตัวเองได้ ขณะเดียวกันรัฐก็ต้องลงทุน เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจต่าง ๆ เรื่องเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อจะได้รองรับว่า ต่อไปนี้ พวกนี้ไม่ได้พึ่งอาชีพรายได้จากการเกษตรอย่างเดียว อย่างน้อยก็มีตลาด มีโรงงาน มีกิจการที่เขาสามารถที่จะไปหารายได้เพิ่มเติมขึ้นไปอีก ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้หรอก วันหน้าลูกหลานเขาเดือดร้อน จะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียนหนังสือ ทำนาทำไร่ ปีหนึ่งไม่มีกำไร มีแต่เป็นหนี้เขาไปเรื่อย ๆ แล้วก็ชำระเขาไม่ได้อีก ก็มีแต่ความทุกข์ตลอดไป
วันนี้ ถ้าเราจะหลุดพ้นจากกับดักตัวเองตรงนี้ ต้องฟังที่ผมพูด แล้วก็ช่วยรัฐบาลในการที่จะแก้ปัญหาระยะยาวให้ได้กับท่าน อย่าแก้ปัญหาแต่วันนี้ พรุ่งนี้ พอแล้ว ฝนนี้จบ ฝนหน้าเอาใหม่ เป็นอย่างนี้มาตลอด วันนี้ต้องไปคลี่ทุกอันเลย กฎหมายก็ต้องแก้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ก็ต้องทำ อะไรจะเป็นธรรม อะไรจะเข้มแข็ง อะไรจะเพิ่มขีดความสามารถ แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของอะไร ความมีเสถียรภาพ ความสงบสุขของบ้านเมือง ประชาชนไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ใครเป็นรัฐบาลต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นประเทศชาติไปไม่ได้
ที่ผ่านมาท่านก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ สร้างฐานรากของประเทศให้ได้ ผมเคยบอกไว้แล้วว่า ประชาธิปไตยเราไม่ได้ล้มหมด กำลังจะ Collapse เฉย ๆ เราก็มาเติมฐานรากให้เขาเติมอิฐหินปูนทราย โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ให้sector ต่าง ๆ ระดับทั้งพ่อค้าประชาชน ประชาสังคม แข็งแรง ทั้งร่ายกาย จิตใจ มีจิตสำนึก มีอุดมการณ์ เหล่านี้ก็เป็นไป ตามยุทธศาสตร์พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ซึ่งท่านทรงรับสั่งมานานแล้ว เราก็ต้องนำมาใช้ สิ่งใดก็ตามที่เราทำวันนี้นั้น ก็เป็นหลักเกณฑ์ หรือเป็นหลักการของประชาคมโลก ก็พูดตรงกันแล้วคราวนี้ ทุกประเทศในโลกนี้พูดมาว่า รัฐบาลใดก็ตามเมื่อเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็จะต้องยึดถือ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” คือจะต้องทำอะไรให้ถูกต้อง ตรงกับความต้องการ แล้วก็ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้นก็ต้องทำให้มากที่สุด อันนี้ก็ต้องเข้าใจ นั่นคือเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายอำนาจอยู่แล้วใช่หรือไม่
การมีส่วนร่วมของประชาชนมีหลายอย่างด้วยกัน ถ้าตามหลักการเดิม ๆ ก็มีเป็นขั้นตอน ขั้นตอนไหน เช่นประชาพิจารณ์ EIA EHIA อะไรก็แล้วแต่ นั่นคือทำอยู่แล้ว แต่วันนี้เราก็ต้องไปเพิ่ม ระยะต่อไปผมจะเพิ่มในเรื่องของการเปิดเวที รับฟังความคิดเห็น จากภาคประชาชนด้วย แต่ไม่ใช่คิดไปฟังมา แล้วก็เอามาขัดแย้งกับรัฐ อย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ไปไม่ได้ทั้งสิ้น หลายคน หลายสื่อก็พยายามทำ ผมรู้ว่าหวังดี แต่วิธีการทำให้สิ่งที่กำลังสับสนอยู่วันนี้ ยิ่งผิดเพี้ยนไปมากกว่าเดิม และผมไม่เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาได้เลย แม้แต่สิ่งที่ท่านต้องการก็เกิดไม่ได้ เพราะขัดแย้งกันตั้งแต่ต้นแล้ว ต้องเห็นใจข้าราชการ ต้องยึดถือกฎระเบียบ กฎหมายของเขาด้วย ขณะเดียวกันก็พร้อมจะรับฟัง วันนี้ ผมให้ทุกคนฟังประชาชนเป็นหลัก แต่ประชาชนก็ต้องฟังข้าราชการ ฟังผมบ้างถ้าต่างคนต่างไม่ฟังเอาแต่ใจกัน ไม่มีไปได้ ก็กลับมาที่เดิม ก็เป็นประชาธิปไตยที่เอน ๆ จะล้มไม่ล้มแหล่อยู่เหมือนเดิม
เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ที่นำที่ดินทำกินไปเป็นหลักค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน วันนี้ก็กู้กันเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปแล้ว กู้เพิ่มไม่ได้ จะถูกยึดอีกแล้ว ก็เลยต้องไปกู้เงินจากนายทุนนอกระบบเข้ามา ก็อาจจะถูกเอารัดเอาเปรียบ กู้เท่านี้ บวกดอกเบี้ยเท่านี้ กลายเป็นไม่รู้กี่เท่า กี่เท่า ของเงินจริง ๆ เสียหาย เอาเปรียบกัน อันนี้ก็ต้องโทษคนด้วย ชาวนาเขาเป็นคนซื่อ หรือชาวเกษตรกรเป็นคนซื่อ เขาไม่ค่อยโกงใครหรอก โกงไม่เป็น คนรวยมักจะโกงคนจนซะมาก คนจนก็เลยจนไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะต้องเป็นหนี้มาก ๆ ขึ้นต่อไปเขาก็ต้องถูกยึดที่ดินทำกินหมด
ผมเลยสั่งการไปว่า ไปสำรวจข้อมูลว่าหนี้สินเกษตรกร มีเกษตรกรได้นำที่ดินไปค้ำประกันการกู้เงินไว้กับภาคเอกชนหรือนายทุนเงินกู้เท่าไร ที่เรียกว่าทำเป็นสัญญาขายฝาก เรียกว่า “หนี้นอกระบบ” รัฐกำลังพยายามจะให้ความช่วยเหลือ มาตรการหลัก ๆ ที่ได้วางไว้ ขั้นต้นในขณะนี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1. กลุ่มที่มีคำพิพากษาให้บังคับคดีแล้ว จำนวน 2,292 ราย มูลหนี้ กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งต้องช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วน เพราะอาจถูกยึดที่ดินทำกิน หรือถูกนำไปขายทอดตลาดได้ โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ประสานงานกับกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ในการส่งข้อมูลให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อโอนหนี้ดังกล่าวเข้าสู่สถาบันการเงิน เพื่อเข้าสู่กระบวนการชำระหนี้ที่เหมาะสมและเป็นระบบต่อไป ไม่ใช่ไม่ใช้หนี้ แต่หมายความว่าก็ต้องประนอมหนี้บ้าง อะไรบ้าง ถ้าเป็นนอกระบบก็ต้องเลิก คนที่เรียกหนี้มาก ๆ ถ้าคุ้มค่าแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องเรียกแล้ว ก็ต้องใช้หนี้กัน เพียงแต่ว่าทำอย่างไรจะไม่มีหนี้อีกต่อไป ทุกครั้งพอแก้ปัญหาไปแล้ว ก็กลับมาอีกเหมือนเดิม เพราะว่าไม่ได้สร้างความเข้มแข็งให้เขา เขาก็มีรายได้เท่าเดิม เขาเคยเป็นหนี้ เพราะรายได้เขามีเท่านี้ รายได้วันนี้ แย่กว่าเดิม
เพราะฉะนั้น เป็นหนี้ต้องมากกว่าเดิม คิดแบบนี้ แล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องไปหารายได้เสริมให้เขา รายได้เสริมก็ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไปแจก ต้องไปสร้างความเข้มแข็ง ไปทำอาชีพโน้นนี้ เสริมมา เกิดธุรกิจชุมชนในพื้นที่ Social business ขึ้นมา ไปเชื่อมต่อกับ SMEs แล้วไปเกิดโครงข่ายในเรื่องของการค้าขาย ในภูมิภาคเกิดขึ้นมา มีตลาดกลาง ตลาดชุมชน SMEs ตลาดชายแดน ให้เชื่อมโยงกันแบบนี้ ลดปัญหาในเรื่องของพ่อค้าคนกลาง เขาก็จะมีเงินเหลือมากขึ้น เมื่อมีเงินเหลือมากขึ้น ก็ไม่เป็นหนี้ แล้วค่อยเดินหน้าต่อไป เพราะฉะนั้น วันนี้ผมคิดว่าพี่น้องเกษตรกรทั้งหมด เราได้อยู่ในขั้นตอน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งไว้แล้วว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือเราต้องอยู่ด้วยความมีเหตุมีผล ในการใช้เงิน มีความพอประมาณ มีเท่าไรใช้เท่านั้น ของเก่าไม่ว่ากัน เดี๋ยวค่อยแก้กันไป แต่วันนี้ต้องเดินแบบนี้ แล้วท่านก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน ท่านจะทำอย่างไร ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็น ลูกหลานซื้อของแพง ๆ ก็ต้องสงสารพ่อแม่บ้าง ถ้าเราปลดหนี้ไม่ได้ พร้อมกับไม่มีรายได้เพิ่ม จะกลับมาที่เดิมเหมือนเดิม วงจรแบบนี้จนตาย ชั่วชีวิต ปู่ ย่า ตา ยาย ก็จนแบบเดียวกันมาตลอด ต้องพัฒนา เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อฟังคนที่มาติติง แสดงว่าเขาไม่อยากให้ท่านเป็นแบบที่ผมคิด แต่ผมคิดว่าท่านต้องดีขึ้น ถ้าอดทนสักนิดหนึ่ง
สำหรับ กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ยังไม่อยู่ในชั้นบังคับคดี จำนวน ประมาณ 46,747 ราย มูลหนี้ กว่า 6,400 ล้านบาท ซึ่งมีความเร่งด่วนน้อยกว่าอันแรก แต่รัฐบาลก็ได้ให้ความช่วยเหลือคู่ขนานกันไป วันนี้กำลังให้คณะกรรมการคัดกรองข้อมูลและไกล่เกลี่ย ระดับอำเภอ ส่งเรื่องให้ ธ.ก.ส. และคณะอนุกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนส่วนอำเภอ ที่เรียกว่า อชก. อำเภอ สำหรับเข้าไปดำเนินการไกล่เกลี่ยและปลดเปลื้องหนี้สิน ก็ต้องเห็นอกเห็นใจกันโดยเฉพาะเจ้าหนี้นอกระบบ ทั้งนี้ สรุปผลการดำเนินการที่ผ่านมา สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ ให้สินเกษตรกรได้สำเร็จแล้ว เกือบ 3,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้ กว่า 2,300 ล้านบาท เห็นหรือไม่ ก็ทำทุกอย่างมา คู่ขนานมาตลอดเพียงแต่ว่าบางคนไม่สนใจ เพราะตัวเองไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวเรื่องนี้ ไม่สนใจ แต่ท่านต้องมองภาพรวมว่ารัฐบาลนี้เข้ามาทำอะไรให้ท่าน คำว่าท่านคือ ท่าน ท่าน ทั้งหมด ไม่ใช่ท่านนี้ ท่านโน้น ท่านเกษตรกร ทุกท่านเลย ต้องดูหมด พื้นฐานต้อนทุนก็มีแค่นี้ เหมือนต้นทุนน้ำ น้อยทุกคนจะเอาน้ำไปปลูกพืช ต้นทุนมีแค่นี้ รัฐบาลก็มีต้นทุนการเงิน มีเท่านี้ ปัญหาภาระเก่าก็มากมาย ก็ต้องสร้างความเข้มแข็ง หาเงินให้มากขึ้น แก้ปัญหาได้เร็วขึ้น ก็ใช้ระยะเวลาที่ผมอยู่ทำให้ได้มากที่สุด
เพราะฉะนั้น อย่างไรก็ตามหากยังมีเกษตรกรรายใด ที่ตกหล่นไปจากการสำรวจมีความเดือดร้อนและประสงค์จะได้รับความช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาลเพิ่มเติม ที่ผมกล่าวไปแล้วให้มาติดต่อได้ที่ ที่ว่าการอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ทุกอำเภอ เจ้าหน้าที่ข้าราชการก็อย่าหงุดหงิดกับเขา คนเป็นหนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เจ้าหนี้จะอารมณ์ดี จะอารมณ์ไม่ดีตอนเขาไม่ใช้หนี้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ทุกคนตอนนี้ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าหากัน ช่วยประชาชนเหมือนที่ผมคิด ถ้าผมคิด ผมสั่ง รัฐมนตรีทำ รองนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อน แล้วประชาชนไม่ร่วมมือ ไม่มีทางไปได้ นักการเมืองที่จะต้องเข้ามาเป็นรัฐบาลในโอกาสต่อไป ไม่ร่วมมือ แล้ววันหน้าท่านจะอยู่อย่างไร ปัญหาเหล่านี้ก็ตกไปที่ท่านเหมือนเดิม ที่ท่านเคยผ่านมาแล้ว แล้วท่านบอก ท่านแก้ไม่ได้ วันนี้ผมแก้ให้ท่านแล้ว ผมเตรียมกวาดบ้านให้ท่านเลย ปูเสื่อให้เขาเรียบร้อย แล้วท่านยังมาขัดขวางผมอยู่อีก ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อไปในอนาคต ก็ฝากประชาชนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องคิดด้วยแล้วกัน
เรื่องของการเดินทางไปร่วมการประชุมสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ของ UN ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถือเป็นปีที่พิเศษ เพราะ UN มีวาระครบ 70 ปี UN ต้องรู้ว่าท่านก็มีหน้าที่ในการดูแลประชาคมโลก ในหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน ส่วนใหญ่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง การเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว พูดคุยกันได้บ้าง แต่วาระเขาจะไม่พูดเรื่องนั้น เขาจะพูดเรื่องความก้าวหน้าของแต่ละประเทศในการดูแลประชาชน ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ว่ามีการพัฒนาอย่างไรบ้าง และในอีก 15 ปีต่อไป จะมีการทำงานและความร่วมมือกันในระหว่างประเทศในลักษณะใด เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก บนโลกใบนี้ ตามเป้าหมายของ UN ก็คือการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) ทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1. การขจัดความยากจนและความหิวโหย 2. การส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานถึงระดับประถมศึกษา 3. การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและบทบาทสตรี 4. การลดอัตราการตายของเด็ก 5. การพัฒนาสุขภาพสตรีมีครรภ์ 6. การต่อสู้กับโรคเอดส์ มาลาเรีย และโรคสำคัญอื่น ๆ 7. การศึกษา จัดการ และการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 8. การส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาในประชาคมโลก
ผมก็เห็นว่า เป็นโอกาสดี ได้รับเกียรติจาก UN เชิญมาในฐานะผมเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ผมก็ยินดีที่จะไป และผมจะได้แสดงความคิดเห็นบ้าง ในหัวข้อต่าง ๆ เหล่านั้น ว่าเราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง แนวความคิดของเราที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมของเรา อาเซียน ว่าอย่างไร ประชาคมโลกว่าอย่างไร โดยทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็นำแนวทางที่ UN ได้ร่างไว้ทั้ง 8 เรื่องมาประยุกต์ ประมวลกัน ก็กำลังเตรียมการอยู่ แล้วเราก็จะบอกเรื่องความสำเร็จของประเทศไทย ในการที่เราอาจจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงแรก ๆ การก้าวกระโดด ในบางเรื่อง เมื่อครั้งที่แล้ว ที่ผ่านมานานพอสมควร เรื่องการยกระดับจากรายได้น้อยเป็นประเทศรายได้ปานกลาง เราก็พยายามไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง แต่ถ้าจะไปสูงต้องไปอย่างที่ผมว่า ถ้าไปแบบเดิม ให้เงินเพิ่มเติม เพิ่มส่วนต่าง ประกัน จำนำ ไปไม่ได้ อยู่กลาง ก็จะถอยหลังไปต่ำอีกเหมือนเดิม เพราะแย่ไปเรื่อย ๆ เศรษฐกิจก็ไม่ดี เงินก็ไม่พอ
เพราะอย่างนั้นเราต้องน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมก็จะนำไปกล่าวด้วย ซึ่งผมกล่าวทุกเวทีมาตลอด หลายประเทศเขาให้ความสนใจ เพื่อเป็นหลักการใช้ในการบริหารประเทศที่เป็นแบบเรา ต้องส่งเสริมให้ประชาชนนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น ต้องเริ่มต้นที่ทรัพยากรมนุษย์ มนุษย์ต้องมีการพัฒนา แล้วมนุษย์เหล่านี้ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของแต่ละประเทศ รัฐบาลก็ต้องถือว่าประชาชน หรือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะผู้มีรายได้ที่ต่ำกว่า ในหลาย sector ต้องดูแลทั้งหมด ไม่ใช่ดูแลส่วนใดส่วนหนึ่ง ที่ผ่านมานั้น ในการประชุมหลายครั้งที่ผมกล่าวคำเหล่านี้ หรือแม้แต่การประชุมในประเทศหมู่เกาะอะไรต่าง ๆ ก็ตาม ก็ได้นำโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ไปแสดงให้ฟัง เขาชื่นชมหมด แม้กระทั่งการส่งทหารไปประเทศ ในเรื่อง Peace keeping ที่ผ่านมาหลายประเทศ วันนี้เขาปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงกบ เลี้ยงอะไร มีอาหารกินทุกวันแล้ว เขาชื่นชมพระมหากษัตริย์ของไทยมาโดยตลอด
ขอบคุณที่ทหารไทยไป ขอบคุณที่ไปสอนเขา ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำให้เขาสามารถหลุดพ้นจากความยากจน ความหิวโหยได้ ในขั้นตอนแรก เราพ้นตรงนั้นมาแล้ว เราก็ต้องรีบพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก เพื่อเราจะได้เป็นประเทศที่เป็นผู้ให้ เหมือนประเทศอื่นที่เขาร่ำรวย ถ้าเรายังเป็นประเทศอยู่แบบนี้ เป็นผู้ให้เขาไม่ได้ มีแต่จะต้องร้องขอเขาตลอดเวลา ขอโน่น ขอนี่ เพราะเราพึ่งตัวเองไม่ได้ ในประเทศก็ยังดูแลคนไม่ได้ แล้วเราจะไปพัฒนาประเทศ ไปสร้างอนาคตได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ทุกคน ให้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย อย่าเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องประเทศชาติ จะทำลายผม จะอะไรก็แล้วแต่ จะต่อต้านผมอย่างไรก็ตาม แต่ประเทศ ผมไปในนามประเทศของท่าน เพราะอย่างไรก็ตาม ประเทศนี้ต้องเดินหน้า
อยากจะให้ทุกคนได้ระลึกถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ใช้ในทุกกรณี โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระราชทานไว้ให้แก่พสกนิกรชาวไทยมาแล้ว กว่า 40 ปี ได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ และ 9 ปีที่แล้ว ก็ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) เพื่อเป็นการสดุดีพระเกียรติคุณ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ด้วยความวิริยะอุตสาหะในการพัฒนาและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย มาเป็นระยะเวลายาวนาน เพราะฉะนั้น ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการผลักดันให้เป็น 'วาระด้านการพัฒนา'ของโลก อันเป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ผมจะเสนอพูดคุยกับเขาต่อไป
สิ่งที่ผมพูดในวันนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้ว หรือทั้งหมดในการทำงานของผมด้วยซ้ำไป ผมได้มาจากแนวทางพระราชดำริ และพระราชเสาวนีย์ ของล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ทั้งสิ้น มาจากสถาบันทุกพระองค์ ได้ทรงพระราชทานไว้ในโอกาสต่าง ๆ มากมาย เป็นสิ่งที่ผมยึดเหนี่ยว ไว้ในจิตใจ อยู่ในหัวใจของผมมาโดยตลอด แล้วเป็นอุดมการณ์ ตั้งใจ มีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นในการแก้ปัญหา เพื่อคนอื่น ท่านรับสั่งไว้ ท่านสอนไว้ ทรงสอนว่าทำอะไรเพื่อคนอื่น ดีกว่าคิดว่าจะทำอะไรให้ตัวเอง ผมก็ยึดแนวทางนี้ทำหน้าที่ของผมมาตลอดชีวิต
เพราะฉะนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามการทำงานของรัฐบาล และ คสช. ระงับความขัดแย้ง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ทำให้คนไม่ดี กลับมาเป็นคนดีให้ได้เพราะเรา ฆ่าฟันกันไม่ได้ทั้งสิ้นอยู่แล้ว ต้องให้กฎหมายตัดสินแล้วค่อยเดินหน้าไปในเรื่องของการปรองดอง ปฏิรูปอะไรก็แล้วแต่ ถ้าทำได้ ถ้าไปถึงตรงโน้นได้ ประเทศชาติก็จะสงบอย่างยั่งยืน สิ่งใดที่ควรต้องแก้ไขในเวลานี้ หรือปรับปรุงในวันนี้ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของคนไทยทุกคน แต่ไม่ใช่เสนอมาล้มทั้งขบวน ล้มทั้งเรื่อง อันนี้ก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่เห็นด้วย กลับไปที่เดิม ทำอย่างนี้ไม่ได้ ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขวันหยุดสุดสัปดาห์ เสาร์ อาทิตย์ ปลอดภัยทุกคน ขับรถ อย่าใช้ความเร็วเกินไป แล้วก็อย่ารับประทานสุรา สวัสดีครับ--------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก