- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Tuesday, 18 August 2015 23:03
- Hits: 10252
หม่อมอุ๋ย เตือนศก.ครึ่งปีหลังอย่าฝันกลางวัน,ยันไม่ได้รับสัญญาณปรับครม.
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมตรี ด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้ปรับลดคาดการณ์ส่งออกของไทยปีนี้มาที่ -3.5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 0.2%นั้น ภาครัฐจะต้องเร่งลงทุนและกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย เพื่อทดแทนการส่งออกที่หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนไตรมาส 2/58 เศรษฐกิจเติบโตได้ 2.8% ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ไม่ดีนัก
ทั้งนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าตอนนี้เรื่องการส่งออกที่ติดลบเป็นปัญหาเหมือนกันทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบทั้งยอดการส่งออกและยอดการนำเข้า และนำไปสู่ผลกระทบไม่ว่าราคาน้ำมัน ราคายาง หรือ ราคาพืชผลทางการเกษตร แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังถือว่าโชคดีได้ภาคท่องเที่ยวที่เติบโตกว่า 20% เข้ามาช่วย
"โดยรวม 2.8% ก็พอใจ เราก็ไม่นึกว่าส่งออกจะลดลงขนาดนี้ที่ติดลบไปถึง 4% แต่ GDP ที่ได้มา 2.8% ก็สบายใจ"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
พร้อมทั้ง มองว่าหลังจากนี้จะต้องเร่งดำเนินนโยบายการลงทุนภาครัฐและการใช้จ่ายภาครัฐ นอกเหนือจากการเร่งการลงทุนแล้ว ขณะที่เชื่อว่ากรณีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ภาคเอกชนยื่นขอมากับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น คงจะเห็นการลงทุนจริงๆ เกิดขึ้นบ้างในไตรมาส 3/58
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังอยากให้เข้าใจภาพจริงว่าเศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่หดตัวกระทบทั้งการนำเข้าและส่งออก จึงอยากให้อยู่กับความเป็นจริงให้ได้ และในช่วงครึ่งปีหลังควรเร่งผลักดันการลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐ
"ต้องยืนให้อยู่ตามข้อเท็จจริง อย่าไปฝันกลางวัน"ม.ร.ว. ปรีดิยาธร กล่าว
สำหรับ ผลงานที่น่าพอใจในช่วงที่ผ่านมานั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ดีใจที่เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คือ 1.การปรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ซึ่งจะเห็นผลในอีก 2 ปีข้างหน้าที่จะได้เห็นสินค้าใหม่ ๆ ออกมา โดยเฉพาะสินค้าด้านนวัตกรรม 2.การแก้ไขปัญหาราคายางพารา โดยเฉพาะการเจรจาค้าขายยางกับจีน รวมถึงกรณีดึงจีนเข้ามาเปิดโรงงานยางพาราขนาดใหญ่ในประเทศไทยแล้ว 2 แห่ง และเชื่อว่าจะเห็นเพิ่มขึ้นเป็น 10 แห่ง 3.การผลักดันโครงการเหมืองโปแตซมาเซียนที่ออกมาเป็นรูปธรรม และ 4.เรื่องการจูงใจให้บริษัทขนาดใหญ่ของต่างประเทศเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่หรือสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศไทย
ส่วนการผลักดันเศรษฐกิจดิจิตอลนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เป็นงานที่เพิ่งเริ่ม และเชื่อว่าเศรษฐกิจดิจิตอลจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
สำหรับ กรณีของค่าเงินหยวนนั้น จากการติดตามตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.จนถึงปัจจุบัน พบว่าค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงมาประมาณ 2.9% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐซึ่งเมื่อติดตามในรายละเอียดนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามกลไกตลาดที่จีนต้องการ แต่ไม่ใช่ทำเพื่อให้เศรษฐกิจจีนอยู่รอด
ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินบาทของไทย พบว่าเงินบาทลดลงไปแล้ว 7% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ทำให้ไม่ได้กระทบกับการส่งออกของไทยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทได้ดี และยังคงติดตามค่าเงินหยวนอย่างใกล้ชิด
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่มีกระแสข่าวว่าวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีจะแจ้งให้คณะรัฐมนตรีรับทราบนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง และยังไม่ได้รับสัญญาณใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวจากนายกรัฐมนตรี
"ผมไม่รู้เรื่อง สิ่งที่คุณถามต้องไปถามนายกฯ ไม่ได้รับสัญญาณใดๆ บังเอิญ ถามผิดคน ต้องไปถามคนตัดสินใจ"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
อินโฟเควสท์