- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Monday, 23 March 2015 22:18
- Hits: 2247
นายกฯ เผย ในอีก 5 ปี(ปี 63)รถไฟฟ้า 10 สายจะดำเนินการแล้วเสร็จ-ยันไม่เลื่อนประชุม ครม.สัญจร 27-28 มี.ค.นี้
นายกฯ ยันใน 5ปี (ปี 63)รถไฟฟ้า 10 สายจะดำเนินการแล้วเสร็จ-หนุนเอกชนค้าขายเขตชายแดน-แก้ปัญหากับดักรายได้ปานกลาง พร้อมเชิญชวน SMEs มาขึ้นทะเบียนเพื่อที่รัฐบาลจะช่วยดูแลเรื่องของการจัดเก็บภาษี นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของนายลี กวนยู พร้อมยืนยันจะไม่เลื่อนการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.ประจวบคีรัขันธ์ช่วง 27-28 มี.ค.นี้ แม้ว่า จะมีการพบวัตถุระเบิดจำนวนมาก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการประชุมสามัญประจำปี2558 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันการค้าของประเทศไทย"ว่า ภาในปี 2563จะเร่งดำเนินการสร้างรถไฟฟ้าให้ได้ครบทั้ง 10 สาย เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน นอกจากนี้ยังจะเร่งสนับสนุนการค้าชายแดนให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
แต่ทั้งนี้ การค้าชายแดน ไทยยังประสบกับปัญหาเรื่องราคา เนื่องจากสินค้าไทยมีราคาแพง ดังนั้นอาจจำเป็นต้องลดต้นทุนในด้านผลิตภัณฑ์เพื่อให้สินค้ามีราคาถูกลง เช่น การปรับปรุงแพคเกจทำเป็น กล่องยาสีฟันช่วยชาติ เป็นต้น
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจภาครัฐและเอกชนจะต้องมีการหารือร่วมกัน เพราะแต่ละฝ่ายไม่สามารถต่างคนต่างเดินได้ จะต้องมีการประสานความร่วมมือกัน ทำความเข้าใจกันเพื่อเชื่อมโยงการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจะให้ประเทศก้าวต่อไปได้นั้น จะต้องทำให้ประเทศไทยหลุดออกจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จะต้องมีการเพิ่มรายได้ให้กับคนจน สร้างรายได้ให้กับประเทศ การจัดเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับปัจจุบันยังพบอุปสรรค คือ เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนจึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้ชะงักไปด้วย
ส่วนข้อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษนั้น ยืนยันว่า ถ้าไม่ใช้กฎอัยการศึกประเทศจะเดือดร้อนกว่าที่เป็นอยู่ และขอความเป็นธรรมกับกลุ่มที่ชอบตำหนิรัฐบาลว่าทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เพราะบางเรื่องรัฐบาลไม่ได้ก่อขึ้น และเป็นผลจากการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น โครงการรถคันแรกที่สนับสนุนให้ซื้อรถและได้ภาษีคืน ซึ่งส่งผลให้ตอนนี้ที่ปริมาณความต้องการรถยนต์ลดลง และรัฐต้องใช้ภาษีกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้รถล้นตลาดความต้องการ ซึ่งหากรัฐบาลไม่เข้ามาควบคุมเศรษฐกิจก็อาจจะหนักกว่านี้
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลกำลังจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าถืออยู่ในช่วงที่เปลี่ยนผ่าน และนำไปสู่ความยั่งยืน โดยยอมรับว่า การจัดระเบียบธุรกิจสีเทา ทำให้เงินในระบบที่มีถึง 1 ใน 3 ลดลง แต่รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องทำเพื่อให้ธุรกิจเข้าสู่ระบบ แต่การจัดระเบีบครั้งนี้ ก็จะมีมาตรการให้ประชาชนที่เดือดร้อนมีที่ทำกินต่อไป และมีอาชีพสุจริต เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับ ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยนั้น จะต้องทำงานประสานสอดคล้องกับรัฐบาล มีความเชื่อมโยง และมีห่วงโซ่ถึงประเทศอื่น ขณะที่การพัฒนาในประเทศ รัฐบาลเร่งการก่อสร้างระบบรถไฟ ซึ่งจะเริ่มทำในปีนี้และเสร็จในปี 2563 ให้ได้ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำก็จะต้องดำเนินการ โดยทั้ง 2 โครงการ ใช้งบประมาณปกติ โดยจะไม่ใช่การกู้ทั้งหมดเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เตรียมพัฒนาถนนเชื่อมต่ออำเภอและจังหวัด โดยจะดำเนินการในเส้นทางที่ใช้ได้จริง ไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์เหมือนนักการเมืองที่ผ่านมา พร้อมกันนี้จะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเปิดตลาดชุมชนเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งขอให้ส.อ.ท.ช่วยดูแลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะผลผลิตข้าวและยางพาราที่จะออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่เดือน ขณะที่รัฐเตรียมระบายยางพาราที่อยู่ในสต็อกถึง 2 แสนตันให้กับจีน
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค จัดทำสินค้าในราคาถูก แต่มีคุณภาพ ในลักษณะสินค้าช่วยชาติ เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งหากผู้ประกอบการใดดำเนินการให้ตามแนวความคิดนี้ก็พร้อมมีมาตราการลดภาษีให้ทันที
ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีแนวคิดช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ทั้งธุรกิจใหม่และที่ประสบปัญหา เพราะ SMEs เป็นหัวใจกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ จึงต้องทำให้เข้มแข็ง ซึ่งที่ผ่านมามี SMEs ขึ้นทะเบียนเพียง 6 แสนรายจากกว่า 2ล้านราย จึงขอให้ SMEs ที่เหลืออยู่มาขึ้นทะเบียน โดยรัฐบาลจะช่วยดูแลเรื่องของการจัดเก็บภาษี แต่หากไม่มาลงทะเบียนจะมีมาตราการรจัดเก็บภาษีเพิ่ม 2 เท่า
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ฐานภาษีเป็นโครงสร้างเดียวกัน แต่จะแตกต่างจากมูลค่าสินทรัพย์ที่แต่ละคนมี จึงอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับคนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อย
ส่วนการสร้างเสถียรภาพเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้านั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เสถียรภาพความมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนำไปสู่เสถียรภาพต่างๆทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม พร้อมตัดพ้อว่ารัฐมนตรีทุกคนมีความตั้งใจทำงาน แต่ยังมีคนเรียกร้องให้มีการปรับย้าย ซึ่งตนเห็นว่าคงยังทำหน้าที่ต่อได้ แต่หากพบว่ามีรัฐมนตรีคนใดทำการทุจริตให้มาบอกตนโดยตรง ซึ่งจะดำเนินการให้
นายกฯ ยังได้แสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ในระหว่างกล่าวปาฐกถาพิเศษ ว่า ในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์รักษาตัวอยู่ ตนเองได้ให้กำลังมาโดยตลอด ซึ่งสาเหตุของการอสัญกรรมส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการทำงานอย่างหนัก
ทั้งนี้ จะเลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มี.ค.นี้ออกไปก่อน เพื่อรอคำเชิญไปร่วมพิธีศพจากรัฐบาลสิงคโปร์ ส่วนการเดินทางไปเยือนประเทศบรูไนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค.58 ยังเป็นไปตามกำหนดเดิม
นอกจากนี้ นากยฯ ยืนยันจะไม่เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรที่กำหนดจัดขึ้นที่ จ.ประจวบคีรัขันธ์ในช่วงวันที่ 27-28 มี.ค.นี้ แม้ว่าจะมีการพบวัตถุระเบิดจำนวนมากถูกทิ้งไว้ภายในพื้นที่ปลูกป่าริมถนนเพชรเกษม ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะมองว่าจุดที่พบระเบิดห่างจากสถานที่ประชุม และน่าจะเป็นวัตถุระเบิดเก่าที่ถูกนำมาทิ้งไว้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย