- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Thursday, 12 February 2015 18:10
- Hits: 3026
อนุมัติยุทธศาสตร์เอกชนลงทุนรัฐ
มติชนออนไลน์ : วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เปิดทางพัฒนาคมนาคมขนส่ง/สื่อสาร ไฟเขียวคลังออกกม.เดินหน้าพีพีพี
คณะกรรมการพีพีพีไฟเขียวกระทรวงคลังออกกฎหมายเอกชนร่วมลงทุนกิจการของรัฐมูลค่าเกิน 5 พันล้านบาท ดันกฎหมายรองเสร็จ ก.พ.นี้ อนุมัติแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เปิดทางเอกชนลงทุนคมนาคมขนส่ง ระบบราง สื่อสาร จัดกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจดิจิตอลสำคัญลำดับแรก
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า คณะกรรมการพีพีพีเห็นชอบให้กระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงการคลังกำหนดให้โครงการเอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดใน พ.ร.บ.พีพีพี
นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมาย พ.ร.บ.พีพีพี ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี 2556 แต่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมายังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ของรัฐแม้แต่โครงการเดียวที่เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนได้ เนื่องจากกฎหมายระดับรองที่เกี่ยวข้องยังไม่แล้วเสร็จ ขณะนี้คณะกรรมการพีพีพีได้ผลักดันกฎหมายลำดับรองจำนวน 14 ฉบับ จากทั้งหมด 17 ฉบับ ซึ่งจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาร่วมทุนของภาคเอกชนตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
นายกุลิศ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพีพีพียังได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐระยะเวลา 5 ปี ครอบคลุมกิจการ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.กิจการคมนาคมขนส่งและการสื่อสารที่ต้องมีภาคเอกชนร่วมลงทุนแบ่งเป็น 6 กิจการย่อย ได้แก่ กิจการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางในเมือง กิจการพัฒนาท่าเรือขนส่งสินค้า กิจการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง กิจการพัฒนาโครงการข่ายโทรคมนาคม และกิจการระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และ 2.กิจการคมนาคมขนส่งและกิจการจัดการคุณภาพน้ำ ชลประทาน และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งเสริมการศึกษา สาธารณสุขและเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุน 12 กิจการ ได้แก่ กิจการพัฒนาและบริหารระบบจัดการคุณภาพน้ำ กิจการพัฒนาและบริหารจัดการระบบชลประทาน กิจการพัฒนาระบบขยะมูลฝอย กิจการพัฒนาสถานศึกษา กิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม กิจการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข เป็นต้น
นายกุลิศ กล่าวว่า ในปีนี้คณะกรรมการพีพีพีจะเรียงลำดับความสำคัญของโครงการที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการรัฐ โดยคาดว่าน่าจะเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนส่งของกระทรวงคมนาคม ตามแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2565 และด้านการโทรคมนาคม เช่น เศรษฐกิจดิจิตอล เป็นหลัก และอาจมีโครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการด้านสังคม ของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขด้วย