- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Tuesday, 20 January 2015 22:07
- Hits: 2734
รัฐเร่งปั้นแพ็กเกจภาษี ดันไทยศูนย์กลางการค้าอาเซียน
แนวหน้า : ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% โดยมีแรงกระตุ้นจากการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีสูง
ทั้งนี้ ในอนาคตมองว่าจีดีพีไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ 5-6% ได้ หากมีการทำตามแผนระยะยาว ด้วยการที่สำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยมุ่งเน้นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และมุ่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มาจากภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้นต่างๆ ให้มากขึ้น
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดำเนินการทำแพ็กเกจภาษีเพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค หรือInternational trading Center ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันพร้อมหารือเรื่องนี้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TMB เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE ออกมาในวันที่ 22 ม.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าที่ระดับ 34.50-35.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการถอนมาตรการ QE ประกอบกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างเร็ว
ทั้งนี้ ธนาคาร คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ปีนี้ จะขยายตัวได้ 3.5-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ การค้าชายแดนที่เข้ามาช่วยชดเชยจากการส่งออกไปยังต่างประเทศที่ชะลอตัวลง
“เศรษฐกิจปีนี้ยังไงก็ดีกว่าปีที่แล้ว แต่เชื่อว่ายังมีความผันผวนมากที่จะเข้ามากระทบเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทย โดยเฉพาะสภาพคล่องและอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องยุโรปอาจมีการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นด้วย” นายบุญทักษ์ กล่าว
ทำคลอดแผนภาษีหนุนการค้าส่งเสริมตั้งศูนย์การค้าภูมิภาคเร่งแผน ศก.ดิจิตอล
บ้านเมือง : รองนายกรัฐมนตรีมองเศรษฐกิจไทยระยะยาวโตร้อยละ 5-6 เน้นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล ส่งสัญญาณ เตรียมทำแผนภาษีส่งเสริมไทยตั้งศูนย์การค้าในภูมิภาค ขณะที่ IOD มั่นใจธนาคารกลางยุโรปใช้มาตรการ อัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแน่ พร้อมติดตามกระแสการไหลของเงินทุนต่างชาติ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงาน ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย หรือ IOD สัมมนาเรื่อง'Thai Economic 2015 : The Way Forward'ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 4 เพราะการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากการขอรับส่งเสริมการลงทุนมีสูง ส่วนในอนาคตสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ร้อยละ 5-6 หากมีการทำตามแผนระยะยาวด้วยการที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยมุ่งเน้นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และมุ่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มาจากภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้นต่างๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ ไทยจะต้องส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิตอล หรือ Digital Economy โดยการตั้งกองทุนร่วมลงทุน หรือ Venture capital เข้ามาสนับสนุนธุรกิจดิจิตอล เพราะดิจิตอลเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับภาคเศรษฐกิจอื่น ทั้งธุรกิจบริการ การจองโรงแรม และการโอนเงินต่างๆ
โดยขณะนี้กำลังทำแพ็กเกจภาษี เพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค หรือ International trading Center ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ หลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐนั้น ยืนยันพร้อมหารือกับเกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ด้านนายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ IOD ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป วันที่ 22 ม.ค.นี้ จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ที่ยุโรปจะยังคงต้องมีมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เพราะเศรษฐกิจยุโรปยังไม่ฟื้นตัวตามคาด ดังนั้น จะมีผลต่อเงินทุนไหลเข้ามายังเอเชียมากขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องติดตามการไหลออกของเงินทุนกลับไปยังสหรัฐด้วย เนื่องจากสหรัฐมีแนวโน้มที่จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
ส่วนแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ คาดว่าจีดีพีจะเติบโตร้อยละ 4 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนโครงการสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจะช่วยส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชนในประเทศด้วย สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาปีนี้ คือ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงประเทศไทยจะสามารถหาประโยชน์จากปัจจัยบวกดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งราคาน้ำมันในประเทศควรปรับลดลงอีก เพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศและการลงทุนภาครัฐที่จะเดินหน้าในระยะต่อไปที่จะเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 จะขยายตัว ร้อยละ 3.5-4 เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงมากมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 0.2-0.5 แต่ต้องติดตามว่าราคาน้ำมันที่ลดลงมากจะส่งผลให้การบริโภคในประเทศสูงขึ้นมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงช่วงที่ผ่านมาถึงร้อยละ 40-50 แต่ค่าขนส่งปรับลดลงเพียงร้อยละ 10-15 เท่านั้น
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนมากนัก ทั้งสหรัฐ จีน และยุโรป จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยขยายตัวไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่ภาคธุรกิจหาแนวทางรับมือความผันผวนของอัตราตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น ภาคธุรกิจควรจะบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสถาบันการเงินจะคอยให้คำปรึกษากับภาคธุรกิจและรัฐบาลจะต้องหาแนวทางเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจยกระดับการค้าชายแดนให้ขยายตัวสูงขึ้น เพื่อทดแทนการส่งในต่างประเทศที่ลดลง
ส่วนนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 จะขยายตัวร้อยละ 3.7 ส่วนการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประเมินการส่งออกเติบโตได้ต่ำร้อยละ 1 เท่านั้น เพราะมีปัจจัยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ขณะที่การลงทุนภาครัฐยังล่าช้า โดยไตรมาส 4 ปี 2557 มีการลงทุน 41,000 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมด 450,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้การลงทุนภาครัฐจะต้องขยายตัวร้อยละ 7 จึงต้องติดตามว่าการลงทุนภาครัฐจะสามารถเร่งการลงทุนได้ตามแผนหรือไม่
หม่อมอุ๋ย มั่นใจใช้จ่ายรัฐดันศก.ปีนี้โต 4% ระยะยาวขยายตัวตามศักยภาพ 5-6%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยเรื่อง"Thai Economy 2015"ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% จากการเบิกจ่ายที่เป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตข้างหน้าจะเติบโตได้ตามศักยภาพที่ 5-6% อาจเป็นไปได้ หากมีการดำเนินงานไปตามแผนระยะยาวที่รัฐบาลวางไว้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ ด้วยการมุ่งเน้นส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถผลิตเป็นสินค้าต่าง ๆ ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ไทยจะต้องส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)โดยการตั้งกองทุนร่วมลงทุน(Venture capital)เข้ามาสนับสนุนธุรกิจด้านดิจิตอล ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคอื่นๆ ทั้งธุรกิจบริการ การจองโรงแรม และการโอนเงินต่างๆ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการทำแพ็คเกจภาษีเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค(International trading Center)ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต็อกของรัฐนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันพร้อมหารือเรื่องนี้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน โดยเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB)ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3.5-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ การค้าชายแดนที่เข้ามาช่วยชดเชยจากการส่งออกไปยังประเทศหลักที่ชะลอตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงยังส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศด้วย น่าจะเข้ามาช่วยผลักดันการขยายตัวของจีดีพีในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 0.2-0.5%
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามตาม คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอทั้งในยุโรปและจีน รวมไปถึงแนวโน้มในการหาพลังงานทดแทนในประเทศ
นายบุญทักษ์ คาดว่า ค่าเงินบาทในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.00 บาท/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากคาดการณ์เดิม เนื่องจากมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB)จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการทำ QE จากเดิมก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าค่าเงินบาทจะปรับตัวอ่อนค่าที่ระดับ 34.50-35.00 บาท/ดอลลาร์หากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับขึ้นดอกเบี้ย
อินโฟเควสท์