- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Monday, 19 January 2015 23:07
- Hits: 3550
'หม่อมอุ๋ย'ย้ำ จีดีพี ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 4% โครงการลงทุนรัฐหนุน ฟาก TMB คาดค่าเงินบาทแข็งค่าในระดับ 32 บาท /ดอลล์ หลังคาด ECB ใช้มาตรการ QE
'หม่อมอุ๋ย'ย้ำ จีดีพี ปีนี้ โตไม่ต่ำกว่า 4% รับอานิสงส์รัฐเดินหน้าโครงการลงทุน เล็งทำแพ็คเกจภาษี หนุนไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค ด้านTMB มองค่าเงินบาทแข็งค่าในระดับ 32 บาท /ดอลล์ หลังคาด ECB ใช้มาตรการQE
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% โดยมีแรงกระตุ้นจากการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีสูง
ทั้งนี้ ในอนาคตมองว่าจีดีพีไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ 5-6% ได้ หากมีการทำตามแผนระยะยาว ด้วยการที่สำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยมุ่งเน้นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และมุ่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มาจากภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้นต่างๆ ให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ไทยจะต้องส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิตอล หรือ Digital Economy โดยการตั้งกองทุนร่วมลงทุน หรือ Venture capital เข้ามาสนับสนุนธุรกิจดิจิตอล เพราะดิจิตอลเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับภาคเศรษฐกิจอื่น ทั้งธุรกิจบริการ การจองโรงแรม และการโอนเงินต่างๆ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดำเนินการทำแพ็คเกจภาษีเพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค หรือInternational trading Center ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต็อกของรัฐนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันพร้อมหารือเรื่องนี้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ด้าน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TMB เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE ออกมาในวันที่ 22 ม.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าที่ระดับ 34.50-35.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีการถอนมาตรการ QE ประกอบกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างเร็ว
ทั้งนี้ ธนาคารฯ คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ปีนี้ จะขยายตัวได้ 3.5-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ การค้าชายแดนที่เข้ามาช่วยชดเชยจากการส่งออกไปยังตาางประเทศที่ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงยังส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศด้วย โดยราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ช่วยหนุนจีดีพีไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 0.2-0.5% ด้วย สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามตาม ตือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอทั้งในยุโรป และจีน รวมไปถึงแนวโน้มในการหาพลังงานทดแทนในประเทศด้วย
"เศรษฐกิจปีนี้ยังไงก็ดีกว่าปีที่แล้ว แต่เชื่อว่ายังมีความผันผวนมากที่จะเข้ามากระทบเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทย โดยเฉพาะสภาพคล่องและอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องยุโรปอาจมีการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นด้วย"นายบุญทักษ์ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
หม่อมอุ๋ยมั่นใจใช้จ่ายรัฐดันศก.ปีนี้โต 4% ระยะยาวขยายตัวตามศักยภาพ 5-6%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยเรื่อง"Thai Economy 2015"ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% จากการเบิกจ่ายที่เป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตข้างหน้าจะเติบโตได้ตามศักยภาพที่ 5-6% อาจเป็นไปได้ หากมีการดำเนินงานไปตามแผนระยะยาวที่รัฐบาลวางไว้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ ด้วยการมุ่งเน้นส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถผลิตเป็นสินค้าต่าง ๆ ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ไทยจะต้องส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)โดยการตั้งกองทุนร่วมลงทุน(Venture capital)เข้ามาสนับสนุนธุรกิจด้านดิจิตอล ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคอื่นๆ ทั้งธุรกิจบริการ การจองโรงแรม และการโอนเงินต่างๆ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการทำแพ็คเกจภาษีเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค(International trading Center)ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต็อกของรัฐนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันพร้อมหารือเรื่องนี้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน โดยเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB)ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3.5-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ การค้าชายแดนที่เข้ามาช่วยชดเชยจากการส่งออกไปยังประเทศหลักที่ชะลอตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงยังส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศด้วย น่าจะเข้ามาช่วยผลักดันการขยายตัวของจีดีพีในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 0.2-0.5%
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามตาม คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอทั้งในยุโรปและจีน รวมไปถึงแนวโน้มในการหาพลังงานทดแทนในประเทศ
นายบุญทักษ์ คาดว่า ค่าเงินบาทในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.00 บาท/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากคาดการณ์เดิม เนื่องจากมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB)จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการทำ QE จากเดิมก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าค่าเงินบาทจะปรับตัวอ่อนค่าที่ระดับ 34.50-35.00 บาท/ดอลลาร์หากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับขึ้นดอกเบี้ย
อินโฟเควสท์
'หม่อมอุ๋ย'ฟุ้งจีดีพีปี 58 โตพุ่ง 4% ชี้รัฐเดินหน้าโครงการลงทุน
แนวหน้า : ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% โดยมีแรงกระตุ้นจากการเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย การลงทุนภาครัฐเดินหน้าได้ต่อเนื่อง และภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีสูง
ทั้งนี้ ในอนาคตมองว่า จีดีพีไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ 5-6% ได้ หากมีการทำตามแผนระยะยาว ด้วยการที่สำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยมุ่งเน้นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และมุ่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนสังคมสมัยใหม่ พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มาจากภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราให้สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้นต่างๆ ให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ไทยจะต้องส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิตอล หรือ Digital Economy โดยการตั้งกองทุนร่วมลงทุน หรือ Venture capital เข้ามาสนับสนุนธุรกิจดิจิตอล เพราะดิจิตอล เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะรองรับภาคเศรษฐกิจอื่น ทั้งธุรกิจบริการ การจองโรงแรม และการโอนเงินต่างๆ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดำเนินการทำแพ็คเกจภาษี เพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาค หรือInternational trading Center ที่จะยกเว้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัทลูกที่อยู่ในต่างประเทศ รวมทั้งภาษีจากการขายสินค้าของบริษัทลูกในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อไม่ให้บริษัทไทยต้องออกไปตั้งบริษัทเทรดดิ้งในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงภาษี
ส่วนกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะเข้าพบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำหลังจากรัฐเร่งระบายข้าวออกจากสต็อกของรัฐนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยืนยันพร้อมหารือเรื่องนี้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าเรื่องราคาข้าวไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด