- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Tuesday, 13 January 2015 22:54
- Hits: 2624
คสช.ถกเอกชนเร่งฟื้น ศก.เสนอชะลอแผนเพิ่มภาษีแวต-ปรับราคาพลังงาน
บ้านเมือง : นายกรัฐมนตรีนัดหารือกับภาคเอกชนในการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง รวมทั้งรับฟังปัญหาต่างๆ ของภาคเอกชน แย้มมีข่าวดี ราคาสินค้าบางตัวลดลง ขณะที่ภาคเอกชน ไม่เห็นด้วย ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงนี้เพราะกระทบกำลังซื้อประชาชน และเสนอรัฐบาลชะลอการปรับขึ้นก๊าซ เหตุเศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแกร่ง จี้ลดค่าไฟฟ้างวด เม.ย.-มิ.ย. มากกว่าเดิม
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญตัวแทนเอกชน 20 คน จากสมาคมต่างๆ เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจในแง่มุมต่างๆ ที่บ้านเกษะโกมล โดยเน้นการรับฟังเนื่องจาก คสช. ยังคงทำงานบริหารประเทศควบคู่ไปกับรัฐบาล ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ยังคงมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 จะยังคงขยายตัวได้ร้อยละ 4 ตามเป้าหมาย เพราะรัฐบาลมียุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยเร่งรัดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อมุ่งเน้น ตลาดอาเซียน ขยายมูลค่าการค้าชายแดนให้เพิ่มขึ้น รองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
ส่วนเรื่องทบทวนต้นทุนราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคนั้นกรมการค้าภายในอยู่ระหว่างพิจารณาเป็นรายกลุ่มสินค้า ยืนยันกระทรวงพาณิชย์ติดตามดูแลตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งมีการปรับตัวลดลง แต่ละกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่เฉพาะราคาน้ำมันเท่านั้น ยังมีต้นทุนด้านอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบการพิจารณาด้วย และภายในสัปดาห์นี้จะเห็นสินค้าบางรายการปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มน้ำมันหล่อลื่น และอีกหลายรายการที่เกี่ยวข้อง หากต้นทุนราคาสินค้าลดลงสินค้าอื่นๆ ก็จะต้องลดลง
ส่วนกรณีที่หน่วยงานทั้ง อคส. และ อตก.เตรียมยื่นฟ้องข้าวและมันสำปะหลังเกิดการสูญหายจากโกดังต่อผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ก็ให้เป็นเรื่องกระขบวนการทางกฎหมายผิดก็ว่ากันตามผิด ซึ่งแต่ละหน่วยงานกำลังดูเรื่องนี้อยู่
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของภาคเอกชนมีการติดตามราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างใกล้ชิด ซึ่งเอกชนจะดำเนินการปรับลดราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาด คงไม่ต้องมาสั่งหรือบังคับให้ลดราคาสินค้าลง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศขณะนี้ยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว และมีโอกาสซึมตัวไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น การที่รัฐบาลจะพิจารณาให้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากเดิมที่อยู่ร้อยละ 7 เพิ่มเป็นร้อยละ 8-10 มองว่าจะกระทบต่อประชาชน และส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอตัว และเห็นว่า ไม่ควรที่จะปรับขึ้นในตอนนี้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องการเสนอให้กระทรวงพลังงานชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการปรับขึ้นราคาตามโครงสร้างราคาพลังงานใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน ในขณะที่เศรษฐกิจของไทยยังไม่แข็งแกร่ง และซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ให้ขยายตัวได้ไม่ดีนัก เนื่องจากการขยายตัวเศรษฐกิจในขณะนี้ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งการค้าชายแดนกับประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม
ส.อ.ท.ยังต้องการให้ภาครัฐปรับลดค่าไฟฟ้า ในงวดเดือน เม.ย.-มิ.ย. ให้ มากกว่างวดเดือน ม.ค.-มี.ค. ที่ปรับลดค่าไฟฟ้าลงเพียง 10.04 สตางค์/หน่วยเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันและราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับลดราคาลงมามาก และหากภาครัฐลดค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตสินค้าลงมา จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ สินค้าไทย
"ไม่ใช่ว่าเอกชนไม่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่อยากให้ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคา และตอนนี้ก็มีการปรับขึ้นราคามาพอสมควรแล้ว แต่หากภาครัฐต้องการปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยเร็ว จะยิ่งส่งผลกระทบกับกำลังซื้อของประชาชน จึงอยากให้ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคา เพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และตอนนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนัก"
ปีนี้ไทยจะไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการส่งออกได้มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลายประเทศยังไม่ฟื้นตัวมากนัก มีเพียงสหรัฐเท่านั้นที่เริ่มฟื้น ขณะที่ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) และจีน เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น จึงต้องพึ่งพาการค้าชายแดนและประเทศในกลุ่มบริคส์ คือบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้น