WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รัฐปรับ กม.ดึงต่างชาติลงทุน หม่อมอุ๋ย เดินหน้าหนุนไทยสู่ฮับเทียบชั้นสิงคโปร์

     บ้านเมือง : รัฐบาลเร่งปรับกฎหมาย หนุนต่างชาติลงทุนไทยมากขึ้น หวังดันให้เป็นประเทศศูนย์กลางการค้าอย่างสิงคโปร์ ขณะที่แบงก์เอกชนคาดปี 2558 เศรษฐกิจไทยโตแน่ 4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

    ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่ยังยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคนี้ หรือ TRADING OF THE REGION โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้รองรับ เพื่อดึงดูดให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (Regional Operating Headquarters หรือ ROH) พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ เข้ามาทำประกอบธุรกิจการค้าข้ามชาติในไทยเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับสิงคโปร์ คาดว่ากฎหมายจะแก้ไขแล้วเสร็จ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งหากทำได้จะช่วยดึงให้เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ของไทย กลับไปมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นในระดับ 5-6% ต่อปีได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะไม่เกิดปัญหาฟองสบู่ตามมาอีกด้วย และไทยจะมีบทบาทเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมจากการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยขยายการลงทุนออกไปในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนปีหน้าคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวในระดับ 4% เนื่องจากปีฐานต่ำ โดยเป็นผลมาจากการเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐที่ขณะนี้ส่วนราชการต่างๆ ลงนามสัญญากับผู้รับงานแล้ว ซึ่งตัวเลขการลงทุนเหล่านี้ เป็นการลงทุนที่เริ่มในไตรมาสที่ 4 จะเห็นผลต่อในเดือน ก.พ.ปีหน้า

     ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการลงทุนของภาคเอกชนเป็นสำคัญ แต่ได้มาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เพราะขาดทั้งแรงงานและพื้นที่รองรับการลงทุน ส่งผลให้การลงทุนชะลอตัวลงนับตั้งแต่ปี 2553 แต่การลงทุนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงยังคงมีเข้ามา ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย จีดีพีโตเพียง 3-4% ต่อปีเท่านั้น ดั้งนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องเปิดพื้นที่ใหม่ คือ ปรับปรุงระบบภาษีใหม่ เพื่อเอื้อต่อการให้ต่างชาติจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค และคนไทยเข้ามาทำธุรกิจค้าขายข้ามประเทศ โดยภาพรวมการปรับปรุงกฎหมายนี้ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในต้นปีหน้า การจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคช่วยให้ต่างชาติสามารถใช้ไทยเป็นฐานทำการค้า โดยได้รับการดูแลเทียบเท่าสิงคโปร์และมาเลเซีย พร้อมกันนี้จะจัดให้มีหน่วยงานอำนวยความสะดวกในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ หากทำได้ ประเทศไทยจะเจริญได้อย่างญี่ปุ่นเคยเจริญมา ซึ่งหวังว่าประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็น TRADING OF THE REGION ได้ นอกจากนี้ ยังจะต้องเปิดอีกพื้นที่ คือ ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจยุดดิจิตอล หรือดิจิตอลอีโคโนมี่ ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลทำได้ เช่น จัดให้มี BROADBAND ขนาดใหญ่เพื่อรองรับการทำธุรกรรมต่างๆ เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีไฟเบอร์ออปติกทั่วประเทศอยู่แล้ว สามารถพัฒนาต่อได้ อย่างไรก็ตาม ห่วงด้านกฎหมายที่จะรองรับจึงต้องการให้บุคลากรด้านกฎหมายช่วยดูในส่วนนี้ด้วย

     นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในการสัมมนาทางวิชาการเนื่องในโอกาสครบ 17 ปีการจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.สนับสนุนให้เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงและอื่นๆ สามารถนำรายได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่จัดเก็บจากผู้ใช้มาจัดทำแปลงสินทรัพย์เป็นทุนในรูปตราสาร ที่ผู้ถือได้รับผลตอบแทนจากรายได้จากการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์

    ขณะเดียวกัน นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะขยายตัวได้ 4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมองว่าปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวลงเป็นเพียงปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศในช่วงที่ผ่านมานั้น มองว่าเป็นปัญหาฉุดการลงทุนของภาคเอกชนให้ขาดความเชื่อมั่น

    นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2558 คาดว่าจีดีพี จะเติบโตร้อยละ 3-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากความคืบหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน

    สำหรับ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ไป คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศที่อาจจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เมื่อดูข้อมูลจะพบว่าตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกิดจากผู้มีรายได้น้อย แต่ความเชื่อมั่นการบริโภคและการใช้จ่ายนั้นเริ่มกลับมาฟื้นตัวชัดเจน ส่วนมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการลงทุนสาธารณูปโภค เร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี เชื่อว่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!