- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 15 November 2014 12:09
- Hits: 3602
'บิ๊กตู่'แจงไทยเดินหน้า สร้างสัมพันธ์เวทีโลก
มติชนออนไลน์ : เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่า จากแถลงการณ์สำนักพระราชวังทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ระหว่างประทับรักษาการอักเสบของเนื้อเยื่อบนผนังพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ขอให้ชาวไทยทุกคนร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงในเร็ววัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนของทุกประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุน บนพื้นฐานหลักในการรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ในการเดินทางเยือนต่างประเทศในแต่ละครั้งนั้น ถือเป็นโอกาสอันดีได้เผยแพร่นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลให้ทราบโดยทั่วกัน อาทิ การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน การส่งเสริมธุรกิจเอ็มอี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่งทั้งระบบ เช่น การพัฒนาและปรับปรุงถนน โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้าในเขต กทม.และปริมณฑล การขนส่งทางน้ำ และทางอากาศ การเตรียมความพร้อมสู่เศรษฐกิจ ดิจิตอล อีโคโนมี เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเลือกเดินทางไปต่างประเทศ ทำเท่าที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยเท่านั้น ระหว่างวันที่ 9-13 พฤศจิกายน ตนและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ครั้งที่ 22 และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ถือเป็นเวทีสำคัญ ไทยได้ยกเรื่องสำคัญหลายเรื่องขึ้นหารือ เช่น ทำอย่างไรการเปิดเสรีทางการค้า ยังได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ทั้งสองได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และถวายพระพรพระบรมวงศานุวงศ์ของไทยทุกพระองค์ รวมทั้งยกย่องความสัมพันธ์ไทย-จีนว่าเป็นมิตรภาพระหว่างมหามิตรด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลจีนก็มีปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรบางตัวล้นตลาด แต่เขาต้องการแสดงความจริงใจ ด้วยการตอบรับจะซื้อสินค้าเกษตรของไทย เช่น ข้าว ยางพารา และผลไม้ เพิ่มขึ้น และจะเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป จะเร่งหารือทำบันทึกความร่วมมือว่าด้วยเรื่องการซื้อขายผลผลิตการเกษตรไทย เป็นของขวัญจากรัฐบาลจีนให้กับเกษตรกรไทย เรื่องความร่วมมือสร้างทางรถไฟ ทั้งแบบทางคู่ มาตรฐาน ไปถึงความเร็วปานกลาง รัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนยังไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ แต่ได้หารือกันในหลักการ แน่นอนว่าจีนสนใจในโครงการนี้ เพราะหมายถึงการเชื่อมโยงตลาด ทำให้คนไปมาหาสู่กันในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า อย่าลืมว่าไทยก็ได้ประโยชน์มาจากการเพิ่มคอนเนคทิวิตี้เชื่อมโยงภูมิภาค เพราะไทยเป็นศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายกฯ กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าไม่ลงทุนวันนี้ อย่างไรก็ต้องลงทุนเรื่องนี้อยู่ดี แต่ราคามีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ต้องรีบทำแต่ต้องให้แน่ใจว่าคุ้มค่า และไม่มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น ไม่ให้คนไทยเป็นหนี้กับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้น ไทยสนใจที่คุยเรื่องรถไฟ ขนาดรางมาตรฐาน และรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางกับจีน แต่ก็คุยกับหลายๆ ประเทศที่สนใจ ครั้งนี้คุยเรื่องหลักการ ส่วนรายละเอียดจะดำเนินการต่อไป ยืนยันว่าจะต้องไม่มีการทุจริตในทุกโครงการและจะต้องเกิดขึ้น รัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้มารับรู้ รับทราบพร้อมกัน ไม่มีนอกมีในทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า ได้มีการหารือกันเรื่อง การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีหน้า กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ประเด็นที่เป็นหัวใจคือ การมองไปในอนาคตเพื่อกำหนดทิศทางของประชาคมอาเซียน ตนและผู้นำอาเซียนอื่นๆ เห็นตรงกันว่า จะต้องเน้นการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยกระดับความเป็นอยู่ เพิ่มโอกาส เพิ่มรายได้ของประชาชน แก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำในสังคม และยังหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศต่างๆ ทั้งไวรัสอีโบลา การก่อการร้าย และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นต้น เสนอว่ารัฐบาลไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศอาเซียน กับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในเร็ววันนี้
นายกฯกล่าวว่า ส่วนการประชุมเอเปคได้มีโอกาสหารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย และเลขาธิการสหประชาชาติ น่ายินดีที่ทุกคนมีความเข้าใจในสถานการณ์ในประเทศไทยและต่างเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเดินหน้าตามโรดแมปที่ได้กำหนดไว้ รัสเซียสนใจจะร่วมมือกับไทยมากขึ้นในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นพลังงาน การท่องเที่ยว และการค้าการลงทุน รวมทั้งสนใจซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเพิ่มเติม ในส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ความสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ สหประชาชาติยังชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยและขอให้ไทยมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในเรื่องปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ การพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแก้ไขปัญหาไวรัสอีโบลาอีกด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ เริ่มมีสัญญาณแนวโน้มดีขึ้น นักลงทุนต่างประเทศยังสนใจมาลงทุนในประเทศไทยอยู่ จากผลสำรวจผู้บริหารระดับสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 39 ประเทศของไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์สในปีนี้ (เอเปค ซีอีโอ เซอร์เวย์ 2014) ได้จัดอันดับให้ไทย เป็นอันดับที่ 8 ของตลาดที่น่าลงทุนของภูมิภาคในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนการท่องเที่ยวนั้นมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามามากขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม และยอดการจองที่พักในเดือนธันวาคม ก็มีปริมาณมากขึ้น คาดว่าตลอดทั้งปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 25 ล้านคน และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลได้กำหนดให้ปีหน้าเป็น "ปีท่องเที่ยววิถีไทย" จะส่งเสริมภาพลักษณ์อันเป็นเนื้อแท้ของคนไทย ที่มีแต่รอยยิ้ม และมีน้ำใจให้แก่กัน รวมทั้งผู้มาเยือนผ่านวิถีไทย
"ประยุทธ์"หารือทวิภาคีเลขาฯ UN ยืนยันร่วมสร้างสันติภาพ-ความมั่นคงต่อเนื่อง
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ณ กรุงเนปิดอร์ สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาร์ โดยเลขาธิการสหประชาระบุว่าเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยมากยิ่งขึ้น หลังก่อนหน้านี้ได้พบกับพล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
พร้อมกันนี้ เลขาธิการสหประชาชาติยังกล่าวถึงบทบาทไทยในเวทีสากล เช่น ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม เกี่ยวกับการระบาดของเชื้ออีโบลา การเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในช่วงที่ผ่านมา
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเลขาธิการสหประชาชาติและได้อธิบายสถานการณ์ไทยถึงเหตุผลและความจำเป็นของการเข้ามาบริหารประเทศว่า เนื่องจากความขัดแย้งภายในที่มีการใช้อาวุธสงคราม และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่สองของแผนปฏิบัติการ (Roadmap) คือ มีการจัดตั้งรัฐบาลและใช้ระเบียบการบริหารราชการรูปแบบปกติ เร่งรัดการปฏิรูป 11 ด้าน และพัฒนาประชาธิปไตยทียั่งยืน ไทยยังยึดมั่นและพร้อมที่จะปฏิบัติตามพันธสัญญาที่มีกับนานาประเทศและระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน
สำหรับ ความร่วมมือกับสหประชาชาตินั้น ไทยมีส่วนร่วมในประเด็นสันติภาพและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ไทยได้ส่งบุคคลากรชายหญิง กว่า 20,000 คน เข้าร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติกว่า 20 ปฏิบัติการ ไทยพร้อมเป็นสมาชิกที่เข้มแข็งของสหประชาชาติต่อไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย