WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

'อุ๋ย'แนะกระจายรายได้รากหญ้า ระบุศก.ยั่งยืนต้องแก้โครงสร้าง

    แนวหน้า : ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยในงานสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2558 ที่ สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ว่า เศรษฐกิจไทยยั่งยืนได้ต้องแก้จุดอ่อนในโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้ได้ ซึ่งประกอบด้วย

   1.จุดอ่อนด้านพลังงานมีการใช้ฟุ่มเฟือย ภาครัฐมีการอุดหนุนราคาพลังงานต่ำกว่าความเป็นจริง คิดเป็นมูลค่าการใช้พลังงานในไทยสูงถึง 18% ของจีดีพี ทำให้ต้องลดการอุดหนุนพลังงาน หากไม่แก้ไขประเทศไทยยิ่งพัฒนายิ่งแพ้

    2.จุดอ่อนโครงสร้างภาษี ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง ส่งผลให้งบลงทุนน้อยลงทุกที จากสูงถึง 30% เหลือ 17% ที่ผ่านมาพึ่งภาษีการค้าและภาษีรายได้ ต่อไปจะมีการเก็บภาษีมรดกเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ที่สำคัญต้องเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีฐานการเก็บภาษีกว้าง และต้องมีการเก็บภาษีสรรพสามิตตัวใหม่ๆให้รายได้เพิ่มขึ้น เมื่อมีรายได้มากพอจะมีโอกาสได้เห็นการจ่ายเงินคืนภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย(negative income tax) กรณีที่รัฐบาลจ่ายเงินให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาทวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ก็ถือเป็น negative income tax

   3.จุดอ่อนต้นทุนขนส่งสินค้า ที่ปัจจุบันมีการขนส่งทางถนน 75% มีต้นทุน 2 บาทต่อตันต่อกิโลเมตร ขณะที่การขนส่งทางรางมีไม่ถึง 2% มีต้นทุนเพียง 0.30 บาทต่อกม. หากไม่แก้ไขจุดนี้ ยิ่งพัฒนาต่อไปก็ยิ่งฟุ่มเฟือย 4.จุดอ่อนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา จะต้องมีการกระจายครูที่มีคุณภาพ กระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงต้องมีการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาชีพ มากกว่าสายวิชาทั่วไป

     ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การดูแลเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมีโจทย์สำคัญอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้คนในชนบทมีรายได้สูงขึ้น และสนับสนุนให้นำพืชผลไปใช้ประโยชน์มากขึ้น เช่น การผลิตเอธทานอลจากมันสำปะหลัง และอ้อย รวมถึงการทำไบโอดีเซล ก็มีน้ำมันปาล์มอยู่ด้วย

    นอกจากนี้ ต้องพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ต้องมีแก้กฎหมายอีกเยอะ คาดว่าจะให้เสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาก้าวไปได้อย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเรื่องเก่าของประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!