- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Tuesday, 04 November 2014 22:34
- Hits: 3401
รัฐย้ำไม่กระตุ้น ศก.รอบ 2เร่งแผนลงทุนประเทศส่งผลจีดีพีปี 58 แตะ 5%
บ้านเมือง : รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ มั่นใจจีดีพีปีหน้าอาจเติบโต 5% หากโครงการลงทุนคมนาคมขนส่งเป็นไปตามแผน ยืนยันยังไม่ออก'แผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2'พร้อมย้ำเสียงดังฟังชัด จะไม่ใช้นโยบายประชานิยม โดยเฉพาะด้านพลังงานให้เป็นไปตามกลไกตลาด และเป็นธรรม ด้านกระทรวงพาณิชย์ คาดอัตราเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 2.14% กรอบคาดการณ์ที่ 2.0-2.8%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยในงานสัมมนา The AEC+3 Summit 2014 ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่เติบโตต่ำ 1.6-1.9% เป็นเพราะไม่มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและภาครัฐลงทุนช้ามาก รวมถึงการส่งออกชะลอตัว แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้ ท่ามกลางภาวะที่ไทยเจอปัญหาทางการเมือง แต่ในปี 2558 เมื่อมีการเลือกตั้งตามกำหนดในปลายปี เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึง 4% และอาจเติบโตสูงถึง 5% เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยเฉพาะด้านการคมนาคมขนส่งและการประมูลโครงการรถไฟรางคู่
ดังนั้น จึงยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในรอบแรก เช่นการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 3.4 ล้านครัวเรือน และการจัดสรรงบประมาณ 23,000 ล้านบาทในการสร้างงาน สร้างโรงเรียนต่างๆ เม็ดเงินเหล่านี้จะลงสู่ระบบในเดือนธันวาคมนี้ และจะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจนในไตรมาส 1 ปี 2558 โดยจะขอติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกก่อน
"รัฐบาลมั่นใจว่าในปลายปี 2558 จะมีการเลือกตั้งตามกำหนดระยะเวลาที่วางไว้โดยยังไม่เห็นว่าจะมีปัจจัยใดที่จะทำให้สะดุดหรือเป็นอุปสรรค โดยในขณะนี้การปฏิรูปด้านต่างๆ และการเดินหน้ากฎหมายเลือกตั้งกำลังดำเนินไป"
ส่วนภาคการส่งออกในปีหน้าคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นและกลับมาเป็นบวกตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดีขึ้น ซึ่งการส่งออกจะเป็นตัวเสริมขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือการลงทุนภาครัฐและการบริโภคในประเทศ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า รัฐบาลยืนยันจะไม่มีการใช้นโยบายประชานิยมโดยเฉพาะประชานิยมด้านพลังงาน ซึ่งในขณะนี้กำลังเริ่มลดการอุดหนุนราคาพลังงานและปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นไปตามกลไกตลาดและเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาทยอยลดการอุดหนุนราคาพลังงานประมาณ 1 ปี หลังจากที่มีการอุดหนุนราคาพลังงานตลอดรัฐบาล 3 ชุดที่ผ่านมา
ด้านนางอัมพวัน พิชาลัย รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อปี 57 ทั้งปีอยู่ที่ 2.14% โดยยังอยู่ในกรอบคาดการณ์ที่ 2-2.8% โดยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.05% และในไตรมาส 4 อยู่ที่ 2.1% สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เดือนตุลาคม 2557 เท่ากับ 107.32 เทียบกับเดือนกันยายน 2557 ลดลง 0.10% (MoM) (เงินเฟ้อทั่วไป ก.ย.57 อยู่ที่ 1.75%) อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2556 สูงขึ้น 1.48% (YoY) เป็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในอัตราชะลอตัวลงจากเดือนที่ผ่านมาเท่ากับ 1.75% (YoY) เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกภายในประเทศที่ปรับตัวลดลง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาอาหารสด เช่น ผักสด เนื้อสัตว์ และไข่ไก่ มีราคาลดลง จากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ขณะที่ความต้องการบริโภคค่อนข้างทรงตัว ส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้ออ่อนตัวลง โดยภาพรวมระดับราคาอยู่ในเกณฑ์ดีมีเสถียรภาพ
การเคลื่อนไหวของดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2557 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาดัชนีราคาลดลงตามราคาอาหารสดตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงค่าของใช้ส่วนบุคคลที่มีราคาลดลง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2557 เท่ากับ 105.08 อยู่ที่ 1.67% ลดลงจากเดือน ก.ย.57 อยู่ที่ 1.73% อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2557 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานสูงขึ้น 0.06% สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดอาหารบริโภค-ในบ้าน หมวดเสื้อสตรี หมวดค่าเช่า หมวดค่าแรง หมวดสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด หมวดของใช้ส่วนบุคคล หมวดค่าโดยสารในท้องถิ่น และหมวดเครื่องถวายพระ
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเฉลี่ย 10 เดือนของปี 2557 เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2556 สูงขึ้น 2.08% โดยมาจากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 1.06%