- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Monday, 14 October 2019 19:28
- Hits: 4988
นายกฯ ชี้'ชิมช้อปใช้'เฟส 2 ต้องพิจารณาให้รอบคอบคุ้มค่า เล็งส่งทีมศึกษาข้อมูลแก้ปัญหาความยากจนของจีน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกรายการ Government weekly ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก "ไทยคู่ฟ้า" โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 และมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในช่วง PM Talk นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามจากประชาชนที่สอบถามถึงโครงการ 'ชิมช้อปใช้' เฟส 2 ที่อยากให้รัฐบาลปรับปรุงการลงทะเบียนให้ง่ายขึ้น ผู้สูงอายุสามารถทำได้ด้วยตนเอง และสามารถใช้สิทธิ์ได้ทุกจังหวัด รวมทั้งต้องการให้เพิ่มร้านค้า ที่ไม่ใช่เพียงห้างขนาดใหญ่เท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอผลการประเมินโครงการในเฟส 1 จากกระทรวงการคลังก่อน ถึงความคุ้มค่าและสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจฐานราก พร้อมทั้งขอบคุณผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการชิมช็อปใช้ ซึ่งได้รับรายงานว่าผลตอบรับดีมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีเฟส 2 แต่ขอประเมินให้รอบคอบและรัดกุม
"การจะมีเฟส 2 นั้น ต้องประเมินจากเฟสแรกก่อน ว่ามีความคุ้มค่า มีการปรับเปลี่ยน หรือเสริมอะไรหรือไม่" นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญเฉพาะโครงการขนาดใหญ่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะขณะนี้ยังมีปัญหาเศรษฐกิจโลก จึงจำเป็นต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศให้อยู่ได้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคอีสาน โดยได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย รวมถึงการช่วยบริจาคเงินช่วยประชาชน ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องดูเรื่องขั้นตอนการเยียวยา และการดูแลโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การซ่อมแซมบ้าน การสร้างงาน สร้างอาชีพเสริม และความเสียหายด้านการเกษตร ซึ่งอาจมีมาตรการเสริมลงไปช่วยเกษตรกร โดยได้หารือกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องวางแผนการเพาะปลูกรอบถัดไปอย่างเหมาะสม ส่วนเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือนจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะผู้ที่บ้านเสียหายทั้งหลัง เพื่อให้มีที่อยู่อาศัย โดยมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดไปดูแลเบื้องต้น และต้องครอบคลุมทุกพื้นที่ทุกครัวเรือน
สำหรับ เงินช่วยเหลือ นอกจากจะมาจากงบประมาณตามระเบียบกระทรวงการคลังแล้ว ยังมีเงินบริจาคจากประชาชนด้วย และล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท ให้ครบทุกครัวเรือนอย่างเร่งด่วน คิดเป็นงบประมาณกว่า 2,000 บาท ซึ่งแม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ถือว่าเป็นความห่วงใยจากรัฐบาลให้กับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน โดยจะจ่ายตรงเข้าบัญชีของแต่ละครัวเรือน พร้อมขอให้ดูแลอย่าให้เกิดการทุจริต
ส่วนมาตรการแก้ความยากจนนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ศึกษาข้อมูลจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีนที่สามารถยกระดับประชาชนพ้นจากความยากจนได้กว่า 10 ล้านคน แต่ขั้นตอนอาจแตกต่างกัน ซึ่งได้ประสานทางการจีนในการจัดคณะทำงานไปศึกษาว่าจีนมีระบบการแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อจะนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องของข้อมูลในการพัฒนาคนที่มีถึง 31 ตัวชี้วัด และเห็นว่าต้องนำดัชนีชี้วัดการพัฒนาคนใน 5 จังหวัดอันดับต้น และ 5 จังหวัดอันดับท้ายมาศึกษารายละเอียด เพื่อวางมาตรการให้เหมาะสมกับพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่า เป็นห่วงผู้มีรายได้น้อย และต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โดยรัฐบาลจะหากลยุทธ์ที่เหมาะสม และขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงการบริโภคอาหารที่มีรสหวานและเค็มมากเกินไป เพราะมีผลกระทบต่อร่างกายและอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ทั้งโรคเบาหวาน, โรคไต และโรคอ้วน ซึ่งตนเองก็ต้องระมัดระวังด้วย ทั้งนี้ จะต้องหามาตรการให้ผู้ผลิตลดความปริมาณความหวานลงให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย และแนะนำให้ผู้บริโภคเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นรายการ นายกรัฐมนตรีได้นำชมสวนไม้หอมต่างๆ จำนวน 42 ชนิด ที่ปลูกไว้บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พยายามปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในทำเนียบฯ ให้สวยงาม สง่างาม สมศักดิ์ศรี และคงความเป็นไทยด้วยการปลูกไม้หอม เช่น ดอกเล็บมือนาง, พุดสามสี, สายหยุด, จำปีแขก ซึ่งบางต้นที่บ้านก็ปลูกไว้เช่นกัน
อีกทั้ง อยากให้คนไทย รวมถึงแขกบ้านแขกเมืองที่เดินทางมายังทำเนียบฯ ได้รู้จักและสนใจไม้หอมของไทย เพราะถ้าทุกคนรักธรรมชาติก็จะทำให้บ้านเมืองสวยงาม และอยากให้ทุกคนปลูกต้นไม้ แม้จะปลูกในกระถางก็ยังดี ทั้งนี้ ขอให้เข้าใจว่าการปลูกไม้หอมต่างๆ ไม่ใช่เรื่องของฮวงจุ้ย เพราะที่ทำเนียบรัฐบาลฮวงจุ้ยต้องดีอยู่แล้ว
อินโฟเควสท์