- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Tuesday, 24 September 2019 12:16
- Hits: 4935
ก.พ.ร. หนุนเอกชนพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ร่วมคณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) ผลักดันแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทยอำนวยความสะดวกธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ลดขั้นตอน ลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็ว
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.พ.ร. ได้เร่งขับเคลื่อนปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจในประเทศให้ง่ายขึ้นในทุกมิติ เพื่อผลักดันให้อันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business ของไทยดีขึ้น รวมถึงผลักดันการให้บริการภาครัฐแบบออนไลน์อย่างครบวงจร ผ่านระบบ Biz Portal และได้ร่วมกับ กกร. ในการพัฒนาและใช้ระบบแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย (Thailand National Digital Trade Platform) ในการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเล็งเห็นว่าระบบนี้จะทำให้การประกอบธุรกิจง่ายขึ้น เร็วขึ้น และถูกลง สอดรับกับการดำเนินงานตาม Ease of Doing Business และยังเป็นส่วนเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถขออนุมัติอนุญาตผ่านระบบ Doing Business Portal แล้วต่อยอดการทำธุรกิจส่งออกและนำเข้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำลง
แพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศนี้เป็นระบบธุรกิจต่อธุรกิจ (Business to Business) ที่เชื่อมโยงสถาบันการเงิน ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ตัวกลางหรือตัวแทนผู้นำเข้าส่งออก บริษัทประกัน บริษัทเดินเรือ ฯลฯ และเชื่อมโยงต่อระบบในระดับภูมิภาคกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้สะดวกรวดเร็ว โดยจะพัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงกับประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ และสามารถพัฒนาให้เป็นระบบธุรกิจกับรัฐ (Business to Government) ในอนาคต
การพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการด้วยการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมเชื่อมต่อกับ National Single Window ของกรมศุลกากร ที่จะช่วยลดต้นทุนและลดระยะเวลาในกระบวนการนำเข้า/ส่งออก รวมทั้งสร้างความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ และที่สำคัญยังสามารถยืนยันความน่าเชื่อถือของเอกสารได้โดยผู้นำเข้า/ส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศสามารถส่งเอกสารไปยังสถาบันการเงินได้โดยตรง ลดการขอสินเชื่อซ้ำซ้อน และการขอสินเชื่อโดยใช้ใบสั่งซื้อปลอม สร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงิน ทำให้ปล่อยสินเชื่อได้มากและหลากหลายขึ้น ส่งผลให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นผู้นำเข้าและส่งออกสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลงได้ ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนนี้ จึงมั่นใจได้ว่าระบบจะช่วยแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติของภาคเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ปีนี้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน จึงเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ผลักดันให้มีการบรรจุเรื่อง แพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศในการประชุมอาเซียน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาค ภายใต้กรอบความร่วมมือกลุ่มประเทศอาเซียนและกรอบ APEC ให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ กกร. ได้นำเสนอแนวคิดนี้ต่อ ASEAN Business Advisory Council แล้วมีผลตอบรับที่ดีจากประเทศอาเซียนอื่น ๆ และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากประเทศในกลุ่ม APEC
ในการนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการและแนวทางการพัฒนาระบบดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 9 กันยายน2562 ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานขับเคลื่อนปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงานป.ย.ป.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับ กกร. และผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการศึกษารายละเอียดกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า/ส่งออก ออกแบบ/พัฒนาระบบต้นแบบ และพัฒนารูปแบบธุรกิจ เป็นต้น โดยภาครัฐจะสนับสนุนเชิงนโยบายและการพัฒนาจัดทำระบบต้นแบบดังกล่าว
Click Donate Support Web