- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Saturday, 25 August 2018 17:56
- Hits: 4926
'สมคิด'ดึงนลท.จีนพบนายกฯหวังเพิ่มมูลค่าการค้าไทย-จีนแตะ 1 แสนล.เหรียญตามเป้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษภายในงานสัมมนา ‘Thailand-China Business Forum 2018:Comprehensive Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC’ว่า เตรียมนำคณะนักลงทุนจากจีนเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงความร่วมมือในการลงทุน จาก 10 ปีก่อนหน้านี้ มูลค่าการค้าไทย-จีนอยู่ที่ 3-5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และปัจจุบันอยู่สูงถึง 7-8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเชื่อว่ามูลค้าการค้าระหว่างการจะแตะ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐได้ตามเป้าหมาย
สำหรับ งานสัมมนา "Thailand-China Business Forum 2018:Comprehensive Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC นับว่าเป็นคนที่เข้าร่วมมากสุด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำไว้ โดยเป็นเรื่องน่ายินดี และชื่นชม ที่นำคณะรัฐวิสาหกิจ ผู้นำเอกชน ซึ่งคนไทยรู้สึกทราบซึ้ง ซึ่งการมาในครั้งนี้สะท้อนความเน้นแฟ้นเชิงพี่น้องมากกว่าธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับจีนในทุกมิติ เพราะจีนยังมีโมเมนตัมการเติบโตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการวิพากวิจารณ์ที่ผ่านมา แต่จีนก็ยังดำเนินธุรกิจในแบบฉบับตัวเอง มีความมั่นใจ และใช้จุดแข็งประเทศสร้างชาติให้มีความมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับคำวิจารณ์ โดยในขณะนี้ความสำเร็จปรากฎแล้ว และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าจะมีประเทศไหนเปรียบเทียบกับจีนได้ในด้านการพัฒนา
และจีนได้ก้าวมาเป็นเสาหลักอาเซียน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้ ในขณะที่ตะวันตกอ่อนแรง จีนก็ได้แก้ปัญหาความยากจน และ ความเลื่อมล้ำ ตลอดจนสร้างความเจริญไปยังชนบทให้กลายเป็นผู้มีอำนาจซื้อ และยกระดับการแข่งขันในประเทศ ตลอดจนสร้างผู้ประกอบการใหม่ และรูปแบบธุรกิจใหม่
ความสำเร็จ One Belt One Road (OBOR) มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนร่วม ซึ่งโครงการมีความก้าวหน้าไปมากอย่างทางรถไฟจีนลงใต้ หรือ ลาวมาไทย ซึ่งกำลังประมูลการก่อสร้างรถไฟไทยจีน และได้มีการปรึกษากันในรายละเอียด โดยจีนจะเป็นแกนนำหลัก
“2 ปีที่ผ่านมาไทยอยูในช่วงสำคัญในการปฏิรูปประเทศ สร้างเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมาไทยมีปัญหาขัดแย้ง แต่ตอนนี้เศรษฐกิจกำลังเดินหน้า และได้ก้าวข้ามความถดถอย สู่การขยายตัวที่สมบูรณ์ โดยจีดีพีไทยไล่มาตั้งแต่ 0.9% 2.9% 3.2% 3.9% ในปี 60 และ ครึ่งปีนี้สูง 4.8% ซึ่งการบริโภค การลงทุน ฟื้นตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐและเอกชนก็ฟื้นตัว การท่องเที่ยว และการส่องออกอาจเจอสงครามการค้าโลก แต่ด้วยทุนสำรองที่อยู่ในระดับสูงจะทนต่อความผันผวนตลาดเงินได้”นายสมคิด กล่าว
สำหรับ การลงทุนเอกชนในพื้นที่ EEC ปี 59-61 มีโครงการลงทุน 822 รายการ มูลค่า 7 แสนล้านบาท คิดเป็น 47% ของมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น โดย 10 ปีก่อนการลงทุนในเขต EEC อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาจีนมาลงทุนแล้ว 6 หมื่นล้านบาท
ส่วนความร่วมมือในขณะนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่ม CLMVT มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และ มีการจัดมาสเตอร์แพลนภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรก โดยขณะนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เฉลี่ยอยู่ที่ 7-8% ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา มีประชาชน และ ชนชั้นกลาง ตลอดจนมีมาสเตอร์แพลนที่แตกต่างกันออกไป แต่ขณะนี้จะสร้างความเชื่อมโยงทุกมิติ รวมถึงด้านคมนาคม จึงมีความต้องการให้มีการร่วมมือกัน ทั้งความคิด การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การศึกษา ร่วมสร้างบุคลากร เพื่ออนาคตของภูมิภาคนี้ ซึ่งไทยยินดีที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับภูมิภาคนี้เพื่อพัฒนาและก่อให้เกิดการลงทุน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยปี 60 มีการค้าร่วมกัน 7.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 12% และ 6 เดือนปีนี้การค้าสูงถึง 3.93 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งเชื่อว่าการค้า และ การลงทุนจะมีมากขึ้นหลังจากนี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
รัฐมนตรีฯ อุตตม ร่วมสัมมนา Thailand-China Business Forum 2018 ผลักดัน EEC เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย
รัฐมนตรีฯ อุตตม ร่วมสัมมนา Thailand-China Business Forum 2018 ผลักดัน EEC เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมงานสัมมนา Thailand-China Business Forum 2018 Comprehensive Strategic Partnership Through the Belt and Road Initiative and the EEC พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน คณะผู้บริหารระดับสูงภาครัฐ เจ้าหน้าที่ และภาคเอกชน จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วม ณ โรงแรม Marriott Marguis Queen's Park
การลงทุนของประเทศจีนในปัจจุบันนั้น มีความแตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลก การลงทุนจากประเทศจีนจึงมีมิติในการสร้างความเข้มแข็งโดยการรวมตัวของภูมิภาคด้วยระบบโลจิสติกส์ให้เชื่อมโยงระหว่างกัน ด้วยนโยบาย Belt and Road Initiative (BRI) ของประเทศจีน ได้กลายเป็นพลังสำคัญที่ทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนกลายเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคสำคัญของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจให้มีความเชื่อมโยงกับนโยบาย BRI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งนักลงทุนจากประเทศจีนให้ความสนใจที่จะลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อต่อการลงทุน เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
สำหรับ งานสัมมนา Thailand-China Business Forum 2018 Comprehensive Strategic Partnership Through the Belt and Road Initiative and the EEC นี้ ได้รับความสนใจจากบริษัท นักลงทุน และผู้ประกอบการจากประเทศจีน เข้าร่วมกว่า 400 คน