- Details
- Category: รัฐสภา
- Published: Saturday, 22 October 2016 10:02
- Hits: 6472
นายกฯ เผยจะแจ้งสนช.ตามขั้นตอนสืบราชสันตติวงศ์หลังผ่านพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลไปแล้วระยะหนึ่ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาล และจารีตประเพณี ขออย่าได้มีความลังเลสงสัยใดๆ ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วันไปแล้วระยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 ต่อไป นั่นคือ การแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ ระหว่างนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะได้ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนในส่วนเท่าที่จำเป็น
ส่วนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ จะทรงลงพระปรมาภิไธยภายในกรอบเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยจะไม่กระทบต่อปฏิทินการทำงานเป็นอันขาด
สำหรับข้อเสนอให้ใช้คำว่ามหาราชต่อท้ายพระนามของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดชฯ นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถใช้ได้เพราะต้องดำเนินการตามขั้นตอน แต่ก่อนหน้านี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ยังไม่ทรงรับข้อเสนอเรื่องนี้และทรงให้เป็นเรื่องของรัฐบาลกับประชาชน เช่นเดียวกับการที่ได้มีการเสนอสร้างพระบรมราชานุสรณ์ ก็เห็นว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะขณะนี้ต้องร่วมกันจัดพระราชพิธีพระบรมศพให้สมพระเกียรติยศให้แล้วเสร็จก่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี แถลงเรื่องดังกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ว่า ในช่วงเวลานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ และช่วยกันสร้างความเข้าใจในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลโดยยืนยันว่า การดำเนินงานของรัฐบาลยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมพ ทั้งกฎหมายต่างๆ รัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการเลือกตั้ง จึงอยากขอร้องว่าอย่าสร้างปัญหาให้เกิดความล่าช้าและขอให้นึกถึงประเทศชาติมาก่อน
ขณะที่ รัฐบาลจะสานต่อโครงการตามพระราชดำริ รวมถึงน้อมนำกระแสพระราชดำรัส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การบริหารจัดการน้ำ การปฏิรูปเศรษฐกิจนำมาสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน
"ขอบคุณในความร่วมมือทุกอย่าง ผมรู้ทุกคนเสียใจเหมือนผมเสียใจ แต่พยายามทำให้ดีที่สุด ผมต้องพยายามมีสติ ใช้สติปัญญาในการเดินหน้าไปให้ได้ เพราะประเทศเราหยุดไม่ได้ แต่ความเสียใจห้ามไม่ได้ เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกัน ร่วมกันรักสามัคคีและเปลี่ยนความเศร้าโศกเสียใจเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่มีความหวัง เป็นประเทศที่มีความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน" พลเอกประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ โดยขอบคุณข้าราชการตำรวจ ทหาร พลเรือน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายพระเกียรติยศได้เรียบร้อย และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างดี ขอให้ดำเนินการดูแลประชาชนต่อไปในเรื่องความสะดวก ความปลอดภัย การเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกิน และที่พัก
พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุใช้เวลาในช่วงเวลา 30 วัน จนถึงวันที่ 13 พ.ย.เน้นการเสนอรายการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในแง่มุมต่างๆ โดยอาจให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วยการสัมภาษณ์ความรู้สึก และประสบการณ์ที่ประทับใจ การถ่ายทอดโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดพร้อมกันให้ทำเฉพาะในช่วงเสด็จพระราชดำเนิน พ้นจากช่วงเวลาเหล่านี้แล้ว อาจพิจารณาเสนอรายการปกติได้ แต่ควรเน้นการให้เกิดความรู้ การพัฒนามากกว่าการบันเทิง เมื่อพ้น 30 วันแล้ว ขอให้พิจารณาจัดรายการตามความเหมาะสมเป็นลำดับไป โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นสำคัญ
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้เจ้าหน้าที่วางแผนด้านการจราจรให้เรียบร้อย โดยเฉพาะวันเสด็จพระราชดำเนิน และวันเวลาภายหลังจากที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพได้
ขณะเดียวกัน ให้กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมการเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุ โดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ส่วนราชการอื่นๆ เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ให้เรียบร้อยด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงแก่ประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำออกพระนาม การใช้ถ้อยคำภาษาที่เหมาะสม การแต่งกาย การปฏิบัติในเวลาเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ตลอดจนวิธีแสดงความจำนงขอมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวาย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยมีคำสั่งให้ถอดพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากสถานที่ใด มีแต่ขอให้รักษาทุกอย่างไว้อย่างเดิม แต่การใช้ถ้อยคำบางอย่างใต้พระบรมฉายาลักษณ์ที่เคยใช้มาแต่เดิมอาจไม่เหมาะสม เช่น คำว่าทรงพระเจริญ หรือฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา ก็อาจเปลี่ยนเฉพาะถ้อยคำหรือข้อความ และหากจะต้องเปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์หรือติดผ้าขาวดำแสดงความไว้อาลัย ให้ทำต่อเนื่องกับการนำพระบรมฉายาลักษณ์เดิมออก และการติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ อย่าให้มีช่องว่างเป็นอันขาด ให้ส่วนราชการทุกแห่งปฎิบัติตามนี้โดยเคร่งครัด
ส่วนการจัดงานรื่นเริงบันเทิงต่างๆ ในช่วงเวลา 30 วันแรก นับแต่วันที่ 14 ต.ค.ให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยงดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง เช่น การแสดงดนตรี การร้องรำทำเพลง แต่ยังสามารถจัดงานประชุม งานมงคลสมรส กฐิน งานลอยกระทง งานบำเพ็ญกุศลหรือศาสนกิจตามประเพณีได้ การเลี้ยงหรือชุมนุมสังสรรค์ที่ทำในอาคาร และเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มตามที่จัดเป็นปกติหรือได้เตรียมการไว้แล้ว เช่น การต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าประชุม ก็ให้จัดได้ตามความเหมาะสม โดยถือเอาความเหมาะสมและความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอให้ผู้เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการเผยแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ หรือยุยงให้เกิดความแตกแยก อันเป็นการสะเทือนจิตใจชาวไทยในยามนี้อย่างยิ่ง และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าได้แพร่ภาพหรือข้อความดังกล่าวต่อไปเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย
นอกจากนั้น ขอให้ทุกคนอย่าหลงเชื่อข่าวลือทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยขอให้ทุกคนเชื่อมั่นไว้ใจซึ่งกันและกัน และฟังการชี้แจงจากทางรัฐบาล ส่วนประเด็นเรื่องของผู้ที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อสีดำ ขอร้องว่าอย่าไปต่อว่ากัน และรัฐบาลได้ให้คำแนะนำที่จะไว้ทุกข์ด้วยวิธีอื่นแทน เช่น การติดริบบิ้นสีดำ และการให้บริการย้อมผ้า เพราะความพร้อมของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน แต่เชื่อว่าทุกคนมาถวายความอาลัยด้วยใจ
อินโฟเควสท์