WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บาทก้าว 'สปช.'อารมณ์ร่วม สังคมไทย อวย คสช.เต็มพิกัด

บาทก้าว 'สปช.'อารมณ์ร่วม สังคมไทย อวย คสช.เต็มพิกัด

(มติชนรายวัน20 สิงหาคม 2557 )

 

 


 


     การออกมายอมรับโดยเลขาธิการ กกต.ว่ากระแสข่าว'การล็อก' ตัวบุคคลเพื่อเป็นสมาชิก สปช.อาจทำให้'องค์กรนิติบุคคล'เข้ามาเสนอชื่อไม่ยอมเสนอชื่อ

สำคัญ

    แม้ว่า แถลงของเลขาธิการ กกต.จะระบุว่าเสมอเป็นเพียง'กระแสข่าว'แต่ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ

    ใครกันเล่าที่อยู่ในแวดวงแห่ง'กระแสข่าว'

     1 คือ นายพีระศักดิ์ พอจิต ซึ่งไม่เพียงแต่เคยได้รับเลือกเป็น ส.ว.จากอุตรดิตถ์ หากแต่ยังเป็นรองประธาน สนช.

     1 คือ นายทวีสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    1 คือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็น ส.ส.หลายสมัยจากพัทลุง หากแต่ยังเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

     เมื่อประสานเข้ากับสภาพความเป็นจริงของ'สนช.'

     เมื่อประสานเข้ากับสภาพความเป็นจริงของคณะกรรมการสรรหา สปช.อันแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.)

     ทุกอย่างก็'เรียบโร้ยย'

    ถึงแม้ว่าระยะเวลาการรับสมัครเข้ารับการ 'สรรหา'ตั้งแต่เมื่อ วันที่ 14 สิงหาคม กว่าจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ วันที่ 2 กันยายน

    แต่ก็ยอมรับเถิดว่างานนี้ 'กร่อย'แน่

    กร่อยไม่เพียงเพราะว่า บุคคลประเภทดี เด่น ดัง ตามเป้าหมายเดิมของ คสช.ยังไม่ปรากฏให้เห็นด้วยความคึกคัก

    หากแต่ยังเกาะสภาวะอย่างที่เรียกว่า'ชะงัก' ในลักษณะ 'งัน'

    จำนวนอาจขยับจาก 200 กว่าๆ ใน 3 วันแรก ทะยานไปสู่หลัก 100 ในอีก 2-3 วันต่อมา แต่ความเป็นจริงที่เห็นและเป็นอยู่ก็คือ

เป็นจำนวนอันมาจาก'การทาบทาม'
     โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ไม่ว่าที่นครราชสีมา ไม่ว่าที่ปรากฏเป็นข่าวที่เชียงใหม่ อุตรดิตถ์และตาก ล้วนเป็นจำนวนที่เพิ่มตามโควต้าของการเข้าไปทาบทามและขอร้องของคณะกรรมการ

กรรมการ 1 คนหามาให้ได้ 3 คน

      ผลจึงจักต้องดำเนินไปอย่างที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สรุปเอาไว้อย่างรวบรัดยิ่ง นั่นก็คือ ดำเนินไปในลักษณาการแห่ง'ผลัดกันเกาหลัง' ผมลงมติเลือกคนของคุณ คุณลงมติเลือกคนของผม

     ผลัดกันอ่าน วานกันเชียร์

     อย่าไปโทษประดาผู้คนที่ออกมาโวยกระทั่งกลายเป็นข่าวพาดหัว ขอให้เริ่มต้นจากความเป็นจริงที่ปรากฏจะถูกต้องกว่า

    นั่นก็คือ เริ่มจับจากต้นเหตุ จากตัวปัญหา

     ปัญหา 1 สัมผัสได้จากพิมพ์เขียวของรายชื่อ สนช. จำนวน 200 คน ประสานเข้ากับรายชื่อของคณะกรรมการสรรหา 11 คณะ

     เรียกได้ว่าเป็นภาพแห่ง'กรีน โพลิติกส์'

     ปัญหา 1 สัมผัสได้จากพิมพ์เขียวของคณะกรรมการสรรหาของแต่ละจังหวัดก็สะท้อนความจัดเจนของสิ่งที่รับรู้กันว่า

     เป็น 'ลูกไม้' หรือผลพวงของ'มหาดไทย'

      ความหมายอย่างแท้จริงของคำว่า 'มหาดไทย' เสมอเป็นเพียงตัวแทนแห่งระบบราชการโดยองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นคนในเครื่องแบบสีเขียว เครื่องแบบสีกากี ล้วนติดความเคยชินในแบบที่เคยรับรู้ในยุค "ปลัดฮิตาชิ"

     'ฟ้า'เป็นของนก 'นายกฯ' เป็นของใคร

     เมื่อการสรรหาดำเนินมาในทิศทางเดียวกันกับ 'สนช.' เมื่อคณะกรรมการสรรหาอิงแอบกับพิมพ์เดียวกันกับ 'สนช.'ทิศทางของ'สปช.'ก็ย่อมไม่แตกต่างกัน

สมบัติผลัดกันชม "ผลัดกันเกาหลัง"

    บรรยากาศในทางสังคมหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ดำเนินไปอย่างค่อนข้างเป็นเอกภาพ

    เป็นเอกภาพแห่งการอวยอำนาจให้ "คสช." อย่างเต็มเปี่ยม เป็นเอกภาพแห่งการรอคอยและให้โอกาส'คสช.' ได้แสดงฝีมือ แสดงความสามารถ เพื่อนำสังคมไทยให้ตีฝ่าวิกฤตไป

     'สนช.' เป็นเช่นนี้'สปช.'ก็เป็นเช่นนี้........

ชงอธิการบดี′มทส.-มอ.′ชิงสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งประเทศไทย

 

 

      นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ในฐานะนายกสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยว่า สอท.ในฐานะที่นิติบุคคลด้านการศึกษา ได้หารือร่วมกันแล้วมีมติที่จะเสนอชื่อตัวแทน สอท. 2 คน เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้แก่ นายประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) และ นายชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) โดยเสนอเข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช.ฝ่ายปฏิรูปการศึกษา 

ขอความร่วมมือ
วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557 บทนำมติชน
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการโทรทัศน์ คืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า ขอความร่วมมือ ขอร้องบรรดาผู้ที่พยายามต่อว่าหรือต่อต้าน โดยเลือกที่จะพูดคำว่าประชาธิปไตย โดยการคืนอำนาจและเลือกตั้ง หรือกล่าวคำตำหนิติเตียน ทำใบปลิวให้ร้าย ทราบว่ามีคนกลุ่มเดิมๆ ไปประชุมกันอยู่หลายๆ ที่ และอีกตอนระบุว่า หลายคนก็มีความพยายามที่จะนำพากลับไปสู่สถานการณ์ไม่ปกติอีกต่อไป โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย การเลือกตั้ง โดยที่ไม่เห็นว่าประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ฯลฯ
   ก่อนหน้านี้ มีผู้โปรยใบปลิวต่อต้าน คสช. ที่หน้า บก.ทบ.ถนนราชดำเนิน และที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และยังมีการใช้ช่องทางในอินเตอร์เน็ตแสดงความไม่เห็นด้วย การต่อต้าน คสช.เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะ คสช.ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง อันเป็นการปฏิบัติทางการเมืองที่มีผลกระทบกว้างขวาง ย่อมมีผู้เห็นด้วยและผู้ไม่เห็นด้วย มากหรือน้อยยังไม่อาจทราบได้ เพราะสภาพทางการเมืองทำให้ไม่สามารถแสดงตัวหรือแสดงออกได้
     การขอความร่วมมือจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เป็นการปรามที่อาจจะได้ผล แต่ถ้าพิจารณาว่า การที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช. แสดงออกในทางปกปิด ก็เพราะทาง คสช.ใช้มาตรการเข้มงวด ไม่เปิดให้แสดงออกทางการเมือง แม้จะเปิดให้มาสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปการปกครองแห่งชาติหรือ สปช. ก็เป็นเพียงช่องทางหนึ่งเท่านั้น ทางออกที่น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายก็คือ การผ่อนคลาย ให้มีการแสดงออกทางการเมืองได้มากขึ้น ภายในกรอบของกฎหมายและความเหมาะสม
     ก่อนหน้าที่ คสช.จะเข้าควบคุมอำนาจการปกครอง ทุกฝ่ายได้ใช้เสรีภาพทางการเมือง แต่บางกลุ่มได้กระทำเกินเลย บุกปิดสถานที่ราชการและเอกชน โดยมีกลไกของรัฐบางส่วนให้ความร่วมมือและสนับสนุน เหมือนจงใจทำให้เหตุการณ์บานปลายไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายลงเอยด้วยการเข้าควบคุมอำนาจการปกครอง ประชาธิปไตยจึงมิใช่ปัญหาหรือต้นเหตุของวิกฤต แต่ปัญหาคือ ผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้บิดเบือนการทำหน้าที่ของตน จนระบอบประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักลง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!