WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ขวากหนาม การเมือง การได้ นายกฯ 'คนกลาง'โดยไม่ 'รัฐประหาร'

วันที่ 09 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


ขวากหนาม การเมือง การได้ นายกฯ 'คนกลาง'โดยไม่ 'รัฐประหาร'

     ในกระดานว่าด้วยการวินิจฉัยคดีโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ผลก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แพ้

     เพราะต้องพ้นจากตำแหน่ง'นายกรัฐมนตรี'

      เช่นเดียวกับ ในกระดานว่าด้วยการวินิจฉัยคดีโครงการรับจำนำข้าว โอกาสที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกกล่าวหาว่าผิดก็มีแนวโน้มความเป็นไปได้สูง

     

 แม้จะยังไม่มีการลงโทษ'รัฐมนตรี'หรือ'ข้าราชการ'มาก่อน

      เช่นเดียวกับ ความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปในวันที่ 20 กรกฎาคม ก็ไม่น่าจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น

       เพราะ'กกต.'ได้วางแง่ง วางเงื่อนเอาไว้มากหลาย

       กล่าวสำหรับในกระดานอันเกี่ยวข้องกับ'องค์กรอิสระ'และ'ศาลรัฐธรรมนูญ'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง

      แต่รัฐบาล'รักษาการ'ก็จะยังดำรง'คงอยู่'

       ความจริง เป้าประสงค์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมาจาก'ป.ป.ช.'ไม่ว่าจะมาจาก'ศาลรัฐธรรมนูญ'คือ การก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า

      'สุญญากาศ'ในทาง'การเมือง'

      ขณะเดียวกัน คณะกรรมการ'กกต.'ก็ดำรงอยู่ในลักษณะเป็นกองหนุน ร่วมด้วยช่วยกันให้กระบวนการเลือกตั้งล่าช้าหรือมีปัญหาตลอด 2 รายทาง

      เป้าหมายก็เพื่อนำไปสู่'สุญญากาศ'

       คำว่า'สุญญากาศ'ในที่นี้ความหมายตรงตัวก็คือ ไม่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ ไม่มีรัฐบาลอันเป็นผลมาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 อยู่เพื่อที่จะนำไปสู่การอ้างมาตรา 3 และมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ

      แต่หนทางเดินก็ไม่เพลินดี ไม่ราบรื่นอย่างที่หวังตั้งไว้

     การอาศัยมาตรา 3 และมาตรา 7 ก็เพื่อที่จะได้นายกรัฐมนตรีซึ่งอยู่นอกกลไกและกระบวนการอันเกี่ยวพันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างสิ้นเชิง

     เรียกกันว่า นายกรัฐมนตรี'คนกลาง'

     จะเห็นได้จาก ไม่ว่าการตั้งตนเป็น'รัฏฐาธิปัตย์'ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่าการขยับขับเคลื่อนโดย'คณะรัฐบุคคล'ของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล

     ก็วาง'เป้าหมาย'ที่นายกรัฐมนตรี'คนกลาง'นี้

     แต่นั่นก็จะต้องฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เหมือนที่เคยฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 จากการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

     ตรงนี้ต่างหากเล่าคือ'ขวากหนาม'อันสำคัญ

     ไม่ง่ายอยู่แล้วที่จะดำเนินการจัดการกับรัฐบาลและกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้หมดบทบาท

     ที่ยากลำบากมากยิ่งกว่า ก็คือ การเข้าไปสู่กระบวนการรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องทำรัฐประหาร

      พรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะทำอย่างไร....

 

วันที่ 08 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22:10 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


'ปู'ตกเก้าอี้นายกฯรัฐบาลยังไปต่อ

รายงานพิเศษ
     ทั้งที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และ มีเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเดิมพัน
      แต่กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากรักษาการนายกฯและรมว.กลาโหม รวมถึงครม.บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ ต้องหลุดจากตำแหน่งด้วย 
      ไม่ถือเป็นเรื่องนอกเหนือความ คาดหมาย หรือน่าตื่นเต้นอะไร 
      เที่ยงกว่าๆ วันที่ 7 พ.ค. ศาลรัฐธรรม นูญอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพความเป็น รัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และครม. ภายหลังคณะตุลาการฯ ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวน 4 พยานปิดสำนวนคดีนายกฯ โยกย้ายนายถวิลโดยมิชอบไปก่อนหน้านี้ 
     โดยศาลมีมติให้นายกฯสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการบรรจุโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการประจำโดยมิชอบ ตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 268 (2)(3) เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง พรรคการเมือง 
      ส่วนรัฐมนตรีที่เหลือให้ปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่า จะตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ยกเว้นรัฐมนตรีที่ร่วมลงนาม ในมติครม.ดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2554 จำนวน 9 คน ประกอบด้วย 
     1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เมื่อครั้ง เป็นรองนายกฯ

     2.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง

     3.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ เมื่อครั้งเป็นรมว.ยุติธรรม

     4.นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ เมื่อครั้งเป็นรมว.วิทยาศาสตร์ฯ 

     5.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมต.สำนักนายกฯ เมื่อครั้งเป็นรมว.การพัฒนาสังคมฯ 

     6.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภารมช.กลาโหม เมื่อครั้งเป็นรมว.กลาโหม

     7.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

     8.นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์รมช.เกษตรฯ เมื่อครั้งเป็นรมช.พาณิชย์

     9.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อครั้งเป็น รมว.ต่างประเทศ
      พร้อมกันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องการเสนอให้แต่งตั้งนายกฯคนใหม่ ระบุว่าไม่อยู่ในอำนาจดุลพินิจ 
      กล่าวสำหรับคำวินิจฉัยนั้น ศาลเห็นว่าการใช้อำนาจดุลพินิจของนายกฯในการโอนย้ายนายถวิลไปเป็น ที่ปรึกษานายกฯ และแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์เป็นผบ.ตร. มีข้อมูลว่าเอื้อประโยชน์ต่อ เครือญาติ และไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม 
      เพื่อให้สามารถโอนพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. มาดำรงตำแหน่งเลขาฯสมช. ซึ่งเปิดช่องให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มาดำรงตำแหน่งแทน 
      รวมทั้งนายกฯได้เข้าร่วมประชุมครม. มีส่วนแต่งตั้งโยกย้ายและออกคำสั่งให้นายถวิลไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯด้วย ซึ่งการโยกย้ายดังกล่าวใช้เวลา แค่ 4 วัน ถือเป็นการกระทำที่เร่งรีบรวบรัด 
     ที่สำคัญการอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของทางราชการไม่สามารถทำได้ เพราะตำแหน่งเลขาฯสมช. สามารถใช้อำนาจในการบริหารและบังคับบัญชาในสถานการณ์จริงได้ดีกว่าที่ปรึกษานายกฯ รวมทั้งสามารถให้ความเห็นและคำปรึกษาเรื่องความมั่นคงแก่ผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานต่างๆ ได้ จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ 
     แม้การบรรจุโอนย้ายข้าราชการตำรวจจะถูกต้องตามคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) แต่วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเอื้อประโยชน์เครือญาติ 
     เนื่องจากพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่เชื่อมโยงการโยกย้ายพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งมีผลประโยชน์ ทับซ้อนและมีวาระซ่อนเร้น 
     จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ 
     สิ้นการอ่านคำวินิจฉัยซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ ปรากฏว่าเรียกเสียงเฮลั่นจากเจ้าเก่าขาประจำม็อบนกหวีด ต่างพากัน"ฟิน"ชนิดจบข่าว ไม่เก็บแรงลุ้นดาบสองคดีปล่อยทุจริตจำนำข้าว ที่มี ป.ป.ช. เป็นคนลงดาบ 
      ขณะที่ขั้วอำนาจรัฐบาลแม้โดนรายการ 'จัดหนัก'แต่ก็กลับมาตั้งหลักเดินหมากกระดานใหม่ทันที 
      เริ่มจากพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องประชาชนร่วมต่อต้านขบวนการสมคบคิดล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตยในทุกรูปแบบ ทั้งการแสดงความเห็น การชุมนุมเรียกร้อง แจ้งความร้องทุกข์ ฯลฯ 
     พร้อมกระทุ้งให้เดินหน้าจัดการเลือกตั้ง 20 ก.ค.2557 โดยกกต.และรัฐบาลต้องเร่งรัดการตราร่างพ.ร.ฎ. แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป ไม่ใช่ยึกยักยืดเยื้ออย่างที่เห็น 
     ขณะที่รัฐบาลก็ออกตัวเร็วจี๋ โดยรัฐมนตรีที่รอดจากการลงดาบทั้ง 25 คนก็ประชุมครม.นัดพิเศษ ก่อนมีมติออกมาทันที 
     แต่งตั้งนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯอาวุโสสูงสุด ซึ่งเป็นคนสนิทเพียงไม่กี่คนของนายกฯยิ่งลักษณ์ ขึ้นเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ เดินหน้าบริหารประเทศต่อ 
     โชว์เส้นทางที่ยังมีให้เดินต่อ ไม่ได้ตีบแคบเข้าซอยตันจนเกิดภาวะสุญญากาศอย่างที่คนบางกลุ่มกำลังมโน 
     ปิดประตูขึ้นทางด่วน ายกฯมาตรา 7"'
     นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และครม.บางส่วนหลุดจากความเป็นรัฐมนตรี แต่เส้นทางของรัฐบาลยังไม่ตีบตัน 
     รัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อ โดยให้รัฐมนตรีที่ไม่ถูกชี้ให้พ้นสภาพไปด้วยขึ้นมานั่งเป็นนายกฯรักษาการแทน และย่อมมีอำนาจหน้าที่ตามที่รักษาการมีทุกอย่าง 
    ซึ่งเป็นไปตามที่ตุลาการฯอ่านคำวินิจฉัยไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีที่เหลือต้องอยู่รักษาการจนกว่าจะมีครม. ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ 
    ส่วนบางตำแหน่งในครม.ที่ว่างลง อาจใช้วิธีแต่งตั้งปลัดของแต่ละกระทรวงขึ้นมาทำหน้าที่รัฐมนตรี แทนได้ จากนั้นให้เดินหน้าตราร่างพ.ร.ฎ.กำหนด วันเลือกตั้งต่อไป 
    ขณะที่ กกต. ควรขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ จัดการเลือกตั้งให้เสร็จสมบูรณ์ จะได้มีรัฐบาล ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ไม่ได้เกิดสุญญากาศทาง การเมือง
    ด้าน นายพัฒนะ เรือนใจดี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง มั่นใจว่า กรณีดังกล่าวจะไม่เกิดสุญญากาศทางการเมืองแน่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 
    โดยรองนายกฯที่ไม่ได้อยู่ในชุดที่ศาลชี้ให้พ้นสภาพรัฐมนตรี ก็ขึ้นมาทำหน้าที่นายกฯรักษาการแทน ส่วนตำแหน่งครม.ที่ว่างไปบางส่วนก็ให้ใช้ปลัดกระทรวงมาทำหน้าที่รักษาการแทนเช่นกัน 
    นายพัฒนะยังระบุว่า สำหรับวุฒิสภาที่กำลังจะเลือกประธานนั้นก็ทำไม่ได้ในส่วนนี้ ทำได้เพียงแค่อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ตามมาตรา 132 เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการยุบสภา 
    รัฐบาลรักษาการต้องเดินหน้าต่อไป เร่งตราร่างพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง เพื่อให้มีรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ 
    เป็นคำยืนยันจากนักกฎหมายที่เกาะติดสถานการณ์การเมือง ว่าสุดท้ายแล้วภาวะสุญญากาศก็ไม่เกิดขึ้น หรือเปิดทางให้มีนายกฯมาตรา 7 อยู่ดี 
    ดังนั้น ความกดดันทั้งหมดจึงตกอยู่กับอีกฝ่าย เมื่อดาบแรก 'ฆ่าไม่ตาย'ต้องใช้บริการดาบสอง หรือดาบต่อๆ ไป 
    จนกว่าไม่ใครก็ใครจะล้มคว่ำกันไปข้าง....

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!