ปรับ ครม. เศรษฐกิจ ปรับแนว บริหาร ไม่ใช่แค่ ปรับคน
เศรษฐกิจ-การเมือง
วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2558 บทนำมติชน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจกับการเมืองไว้อย่างน่าสนใจว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤต หลังการปฏิวัติ เสาหลักด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การลงทุนหดหายอย่างมาก ราคาพืชผลเกษตรลดต่ำตามราคาน้ำมันดิบ หากปล่อยไว้ไม่แก้ไข ประเทศไทยจะเสื่อมถอย กลายเป็นประเทศล้มเหลวได้ ปัญหาหลักของไทยขณะนี้ คือ บริษัทต่างประเทศที่อุตสาหกรรมมีเทคโนโลยีสูงไม่ยอมมาลงทุน เพราะกลัวส่งออกไปสหรัฐและยุโรปไม่ได้ เนื่องจากสภาพการเมืองไทย ไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ จนทำให้เกิดแนวคิดจะไม่ให้ความสำคัญกับการส่งออก ที่น่าวิตกก็คือ ยิ่งรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย จะยิ่งทำให้ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของประเทศเพิ่มขึ้นอีก
และแม้จะมีโรดแมป คสช.ประกาศว่าจะเร่งคืนอำนาจ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้เปิดเผยแนวคิดในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ว่า 18 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีประชาธิปไตยเต็มใบ 15 ปี แต่มีความขัดแย้ง จนต้องฉีกและร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ เวลานี้อยู่ภายใต้การปกครองแบบรัฏฐาธิปัตย์ แม้จะสร้างความสงบได้ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของโลก ถ้าเขียนรัฐธรรมนูญให้ดี ให้เท่ ให้ตัวเองรอด ให้เป็นประชาธิปไตยจ๋า ถึงปี 2559 ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ความขัดแย้งจะกลับมาอีก การเมืองจะกลับไปสู่วงจรเดิมคือประชาธิปไตยเต็มใบบวกความขัดแย้งนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญหนที่ 3 จึงร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้หลักประชาธิปไตยที่ต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ให้เหมาะกับสภาพความขัดแย้ง และให้การปฏิรูปสำเร็จ เมื่อ 5 ปีหมดลง จะเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบสากลที่ทำกันทั่วโลก
กรรมาธิการเองยอมรับว่า สภาพการเมืองของไทยในปัจจุบัน ไม่เป็นที่ยอมรับของโลก แต่ยังเชื่อว่าประชาธิปไตยจ๋าจะทำให้ความขัดแย้งกลับมาอีก จึงยกร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ และในเมื่อปัญหาการเมืองสัมพันธ์กับปัญหาเศรษฐกิจดังที่นายพิชัยวิเคราะห์ไว้ ความเสี่ยงที่ตกกับประชาชนคนไทยอย่างแน่นอนคือ อาจจะต้องมีชีวิตต่อไปภายใต้เศรษฐกิจที่เสื่อมถอยไปเรื่อยๆ ที่น่าคิดก็คือ กว่าจะผ่านเวลา 5 ปีไปได้ สภาพของประชาชนและประเทศจะเป็นอย่างไร จะดีขึ้นหรือย่ำแย่ลง มีหลักประกันใดมายืนยัน นอกจากความคิดความเชื่อของผู้มีอำนาจ น่าจะถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับว่า ต้องให้ประชาชนได้ตัดสินชะตากรรมของตนเอง ตามระบบอันเป็นสากล หยุดการคิดแทนทำแทน ที่กำลังส่งผลเสียหายลุกลามไปเรื่อยๆ อย่างน่าวิตก