'ดอน ปรมัตถ์วินัย' เปิดบทเรียนนอกตำรา นำไทยฝ่ากระแสต้านตปท.
- Details
- Category: วิเคราะห์-การเมือง
- Created: Sunday, 16 August 2015 17:29
- Published: Sunday, 16 August 2015 17:29
- Hits: 9395
'ดอน ปรมัตถ์วินัย' เปิดบทเรียนนอกตำรา นำไทยฝ่ากระแสต้านตปท.
มติชนออนไลน์ : หมายเหตุ - นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ถึงแนวทางด้านต่างประเทศของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะการชี้แจงทำความเข้าใจกับนานาชาติหลังถูกวิจารณ์ในการเข้ามาควบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งยังอธิบายแนวทางการปฏิรูปประเทศ
@การที่ไทยยังอยู่เทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือทิปรีพอร์ต ถูกมองว่าเป็นมาตรการกดดันอย่างหนึ่งของสหรัฐ
หากมีมาตรการอื่นมาเสริมอาจมองอย่างนั้นได้ แต่ปรากฏว่าไม่มี การกำเนิดทริปรีพอร์ต การกำหนดกฏเกณฑ์ว่าประเทศใดอยู่ในกลุ่มใด การที่เรายังอยู่ในเทียร์ 3 ในแง่ของภาพลักษณ์อาจจะมีความรู้สึก แต่กี่คนจะสนใจเรื่องนี้ นอกจากไทยแล้วไม่มีประเทศไหนสนใจหรอก มีไทยเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึกของตัวเอง แต่ประเทศอื่นเขาไม่ได้พูดถึงเทียร์ใดทั้งสิ้น เพราะโดยพื้นฐานแล้วเป็นการจัดอันดับโดยประเทศอื่น หลายประเทศเขาไม่ยอมรับ ไม่ใส่ใจ ดังนั้นการที่เรารู้สึกอ่อนไหวตื่นเต้นไปด้วย เป็นเรื่องของเราที่อ่อนไหวและตอบสนอง ดังนั้น เราอย่าได้ตื่นเต้น แต่ให้รับรู้ว่าต้องกำจัดการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ เพื่อคนไทยและประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อตอบสนองทิปรีพอร์ต แต่ดีที่มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระตุ้นให้เราได้แก้ไขปัญหาปัจจัยภายใน เป็นที่รู้กันดีว่าส่วนประกอบในการพิจารณานั้นมีหลายด้าน เราอย่าไปกังวลมาก เพราะจะเป็นเป้าและสร้างพันธนาการให้กับตัวเองไปโดยปริยาย รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นก็ต้องทำต่อไป
@รัฐบาลถูกกดดันจากนานาชาติมาโดยตลอดหลังเข้ามาควบอำนาจ
ผมได้พบกับผู้นำต่างชาติหลายๆ ประเทศ ไม่พบว่ามีใครยกประเด็นเรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยมาพูดคุยกัน ไม่มีใครมาถามว่าประชาธิปไตยของคุณเป็นอย่างไร เพราะประเทศได้ก้าวข้ามจุดนั้นไปแล้ว เขารู้การรัฐประหารของเรามาจากความจำเป็นของสถานการณ์ จำเป็นที่ต้องกอบกู้ประเทศ ป้องกันปัญหารุนแรง สุดท้ายแล้วเมื่อมีการรัฐประหาร ประชาชนต่างมีความเป็นอยู่ที่ดี บ้านเมืองสงบสุข ผมคุยกับประธานแบงก์ต่างประเทศที่อยู่ในเมืองไทยหลายแห่ง เขาบอกว่ารู้ว่ามีกฎอัยการศึกอยู่ในหนังสือพิมพ์ กลับไม่ได้รู้สึกในชีวิตประจำวัน ทั้งยังมองไม่เห็นเส้นแบ่งระหว่างการยกเลิกกฎอัยการศึกกับการใช้มาตรา 44 เพื่อดูแลบ้านเมือง ต่างประเทศมีความเข้าใจสถานการณ์ไทยดี มีแต่คนไทยบางคนที่ไม่เข้าใจ จำนวนหนึ่งมาจากการกระตุ้นให้แสดงออกว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องเอาคืนมาให้ได้ โดยไม่ยอมรับว่าวันต่อวันเรามีมากกว่าประชาธิปไตย แม้จะไม่มีการเลือกตั้ง แต่ผมผ่านมาเลือกตั้งมาไม่รู้กี่ครั้ง ยังไม่เห็นความแตกต่างของบ้านเมือง สิ่งที่ต้องการจริงๆ คือความสงบ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้า ความอยู่ดีกินดี ความผาสุกของบ้านเมือง ผมเรียนรัฐศาสตร์มาพบว่าในตำราเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โลกของความเป็นจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
@การแสดงท่าทีต่อองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งออกแถลงการณ์กดดันไทยอย่างต่อเนื่อง
เรื่องการชี้แจงต่อต่างประเทศ เราอย่าเป็นจำเลยต่อสังคมโลก สิ่งที่เราทำคือสิ่งดีของประเทศชาติ ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะต้องไปชี้แจง จะตกเป็นจำเลยไปโดยปริยาย อย่างแอมเนสตี้ ยูเอ็น ก่อนที่ผมจะเข้าร่วมรัฐบาลรู้จักคนเหล่านี้ การออกแถลงการณ์ถือเป็นงานของเขา เขาไม่ได้ดื่มด่ำอะไรด้วยหรอก งานของเขาคือต้องเรียกร้องไปตามนั้น หัวใจของเขาเป็นคนธรรมดา บางครั้งพวกเขาถูกกระตุ้นให้ออกมา บางคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันมีความเข้าใจในความเป็นจริง สมัยหนุ่มๆ ผมออกไปเดินขบวนตอนพฤษภาทมิฬ 2535 เมื่อเราโตมากขึ้นจึงรู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร ที่พูดกันในตำราเรียนก็ดี หรือถูกปลุกด้วยกระแสการเมืองก็ดี เมื่อเรามีประสบการณ์มากขึ้นจึงรู้ว่าประเทศเราต้องการอะไร ลูกหลานควรได้อะไร ไม่ใช่เลือกตั้งแล้วไม่ได้คนที่จะมาช่วยจรรโลงประเทศ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า การปฏิรูปประเทศครั้งนี้เป็นหัวใจสำคัญ ต้องทำเพื่อไม่ให้กลับไปอยู่ในวงจรแบบเดิม ตลอดชีวิตที่ผมเป็นนักการทูตมาทำให้รู้ว่า ผมต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่ของรัฐบาล ถ้าคนเข้าใจลักษณะแบบนี้ จะทำให้คนไทยไม่อิงตำราเรียนจนถูกชักจูงเข้าไปสู่ความเป็นวิชาการมากกว่าความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงกับในตำรามันคนละเรื่องกัน แต่ส่วนใหญ่จะมองแค่ในตำราโดยไม่รับรู้ว่าความเป็นจริงของโลกเป็นอย่างไร
@หากทุกฝ่ายยืนอยู่บนหลักการปัญหาจะไม่เกิดขึ้นหรือไม่
กติกาทั้งหลายเป็นเรื่องดี ทุกเรื่องต้องมีกติกา บ้านเมืองอยู่ด้วยกติกามาโดยตลอด แต่มาถึงจุดหนึ่งที่มีบางฝ่ายไม่เดินตามกติกา มีการประท้วง กติกาไม่ได้หมายความว่าเมื่อได้รับเลือกตั้งแล้วจะสามารถทำอะไรก็ได้ หลายประเทศเกิดปัญหาเพราะคิดว่าเมื่อถือเสียงข้างมากแล้วจะทำอะไรก็ได้ เหตุการณ์ในประเทศเอกวาดอร์ อุรุกวัย มาจากเรื่องลักษณะนี้ ทุกอย่างต้องมีความสมดุล ใครที่ได้รับเลือกต้องใช้อำนาจอย่างเหมาะสมบนฐานแห่งความถูกต้องชอบธรรม แต่บ้านเมืองเราไร้กติกาจึงเกิดปัญหาตามมาจนมีการรัฐประหาร ทั้งที่รัฐประหารไม่มีใครอยากทำ คิดหรือว่าคนที่ทำรัฐประหารจะมีความสุขในวันต่อวัน คิดหรือไม่หรือว่ารัฐมนตรีแต่ละคนจะมีความสุข แต่ทั้งหมดที่มาเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน ผมเป็นข้าราชการอยู่กับรัฐบาลมามาก จึงกล่าวได้ว่ารัฐบาลนี้ได้ทุ่มเทให้ประชาชนอย่างเต็มที่
@รัฐบาลที่มาจากรัฐประหารถูกมองว่ามีเป้าหมายเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม
ถ้าจะกำจัดเขาคงทำไปนานแล้ว ถ้าในตำราเรียนผู้ที่มีกระบอกปืน มีอำนาจ รัฐบาลจากรัฐประหารจะไม่ปล่อยฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด แต่รัฐบาลนี้ทำอะไรบ้าง ไม่มี แม้กระทั่งการเปลี่ยนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามยังไม่มี มีการเปลี่ยนบ้างในบางกระทรวง แต่มีอีกจำนวนมากมายที่ไม่ได้แตะต้อง เพราะถือว่าต้องมาช่วยกันทำงาน หากเป็นในทฤษฎีอาจใช่ รัฐบาลต้องกำจัดฝ่ายตรงข้าม แล้วเราก็มักนำทฤษฎีมาอ้างเพื่อให้เกิดปัญหา แต่นี่ไม่ใช่ทฤษฎี นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ส่วนการปฏิรูปจะทำได้มากน้อยเพียงใดเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง รัฐบาลนี้ไม่ได้มีเวลามาก แม้มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลอยู่ต่อเพื่อปฏิรูป แต่เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น รัฐบาลตั้งใจจะวางรากฐานให้ใครหน้าไหนก็ได้ที่จะมาเป็นรัฐบาลต้องทำอย่างจริงจัง คนจำนวนไม่น้อยที่มองรัฐบาลในแง่ลบตลอดเวลา โดยไม่นึกเลยว่ามีทหารจำนวนหนึ่งต้องการทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ หากมีคนที่ไม่ตั้งใจจริงมาทำงานให้ประเทศ อย่าหวังอะไรมากกับประเทศนี้ แล้วเราจะอยู่ตรงไหน เพราะคนจะเข้ามาเอาผลประโยชน์จากประเทศ ขอให้คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจและช่วยกันสนับสนุนความเป็นเอกภาพของบ้านเมือง
@การเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนปฏิรูปประเทศ นอกจากเดินเกมชี้แจงต่างประเทศแล้ว ยังสนับสนุนให้รัฐบาลอยู่ต่อ มีนัยยะอย่างไร
ต่างประเทศที่รับรู้เรื่องราวต่างทราบว่านายสุเทพเป็นประธานมูลนิธิฯ ไม่ใช่รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้รู้สึกถูกลดบทบาทลง ผมคิดว่าคนไทยในภาคส่วนต่างๆ สามารถช่วยเหลือประเทศได้ในรูปแบบต่างๆ ตามความถนัดของตัวเอง รัฐบาลไม่ได้ห้าม เพราะถือเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นได้ยากมากที่คนไทยจะได้ช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงชาติให้ดีขึ้น เป็นเรื่องไม่ดีอย่างไรคนไทยทั้งมวลถึงไม่ออกมาสนับสนุนรัฐบาล จากที่ผมทำงานทั้งในและต่างประเทศเห็นความก้าวหน้าของหลายประเทศ ชัดเจนว่าหลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เราต้องเดินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทว่าหากคนมองการปฏิรูปเหมือนเป็นของเล่นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
รัฐบาลไม่ต้องการอยู่ไปเรื่อยๆ เราต้องการให้รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ได้เดินหน้าต่อไปตามกระบวนการ มีการกำกับอย่างชัดเจนว่า การปฏิรูปเป็นหัวใจหลัก หากพลาดโอกาสนี้ไปวังวนเก่าๆ จะกลับมา น้ำเน่าจะกลับมา และสิ่งที่ได้ช่วยกันสร้างมาจะไม่มีคุณค่าเลย ไทยจะกลายเป็นประเทศรองบ่อนของเพื่อนบ้าน เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น ดังนั้นต้องสร้างคนไทยให้มีคุณภาพ คนไทยเป็นเจ้าของอนาคตตัวเอง แม้ผู้ใหญ่จะเป็นไม้แก่เปลี่ยนความคิดลำบาก แต่ต้องดูแลเยาวชนอนาคตของชาติ ให้เขาเจริญวัยขึ้นมาเป็นผู้ที่มีความเข้มแข็ง วันนี้บ้านเมืองต้องเป็นเอกภาพ หากมีแต่การยั่วยุ ไม่เพียงแต่คนในชาติจะเบื่อหน่าย นอกประเทศที่เขาเฝ้ามองก็จะส่ายหน้า ถ้าไม่มีการปฏิรูปบ้านเมืองจะถดถอย คนไทยไม่เข้าใจว่าการปฏิรูปสำคัญอย่างไร ที่ประเทศอื่นๆ ไม่ได้เน้นการปฏิรูปเพราะอาจมีเรื่องดีๆ อยู่ในสัดส่วนที่โอเค แต่บ้านเราล้มลุกคลุกคลานมาหลายรอบ มีปัญหาภายในหลายครั้ง จึงเห็นช่องทางการปฏิรูปเป็นสำคัญ
@คาดหวังอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ มี 2 ขั้นตอน คือ 1.สมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รับหรือไม่รับร่างฯ 2.การลงประชามติ ส่วนตัวหวังว่าเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลหมดหน้าที่ไป สิ่งที่ได้วางพื้นฐานการปฏิรูปเอาไว้ต้องมีการทำต่ออย่างจริงจัง ผมคาดหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะฝังรากลึกการปฏิรูปเอาไว้ ใครก็ตามที่จะมาบริหารประเทศต้องมีพันธะ ทำหน้าที่นี้อย่างจริงจัง แต่นักการเมืองมักมองอะไรก็ไม่รู้ นักการเมืองคือผู้ที่เอาประโยชน์ใส่ตัวและพรรคพวกของตัวเองเป็นหลัก ถ้าเรามีนักการเมืองที่ดูแลผลประโยชน์ของบ้านเมืองจริงๆ เราคงไม่เป็นแบบนี้ นักการเมืองที่ดีก็มี แต่มีน้อย จึงถูกกลุ่มใหญ่ครอบงำ