วสิษฐ เดชกุญชร : เมื่อรัฐบาลกล้าปราบคอร์รัปชั่น
- Details
- Category: วิเคราะห์-การเมือง
- Created: Thursday, 21 May 2015 11:29
- Published: Thursday, 21 May 2015 11:29
- Hits: 7730
วสิษฐ เดชกุญชร : เมื่อรัฐบาลกล้าปราบคอร์รัปชั่น
มติชนออนไลน์ : โดย วสิษฐ เดชกุญชร http://www.matichon.co.th/online/2015/05/14320413501432041576l.jpg
ผมไม่ชอบรัฐประหาร เพราะในชีวิตได้เห็นรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ไม่มีครั้งใดเลยที่รัฐประหารจะไม่ลงท้ายด้วยการตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยแต่ชื่อ ส่วนตัวจริงคือเผด็จการหรือคณาธิปไตย และเมื่อเป็นรัฐบาลขึ้นมาแล้วก็บริหารราชการแผ่นดินแบบสุกเอาเผากิน หาประโยชน์ให้ตนเองและสมัครพรรคพวก ไม่เคยนึกถึงประชาชน จนในที่สุดก็โดนรัฐประหาร แล้วก็ตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา แล้วก็ซ้ำรอยเดิม เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดรัฐประหารขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นโดยมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ถึงแม้ผมจะรู้ว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เหลวแหลกเพียงใด และผมดีใจที่รัฐบาลของนางล้มไปเสียได้ แต่ผมก็ยังไม่วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพราะผมเห็นว่าเป็นผลพวงของรัฐประหาร ผมมองดูรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการด้วยอุเบกขา ยังไม่ชื่นชมสรรเสริญด้วยประการใดๆ ทั้งนั้น
แต่บัดนี้มีสิ่งที่ผมต้องยอมรับว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำสิ่งหนึ่งที่ถูกใจผม และเห็นได้ชัดว่าถูกใจคนอื่นๆ อีกเป็นอันมาก นั่นก็คือความพยายามอย่างจริงจังที่จะปราบปรามการทุจริตของข้าราชการทั้งผู้ใหญ่ และผู้น้อย ทั้งในส่วนกลางและในส่วนท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญและในฐานะที่เป็นหัวหน้าคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ออกคำสั่งย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และย้ายข้าราชการระดับรองลงไป คือนายอำเภอ นายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและตำบล จำนวนผู้ถูกสั่งย้ายมีถึง 47 คน
ผู้ถูกย้ายทั้งหมดมีมลทินเนื่องจากทุจริตประพฤติมิชอบ และการย้ายเป็นมาตรการเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการสอบสวนเอาผิดทางวินัยและทางอาญา
ทุจริตหรือคอร์รัปชั่นเป็นโรคร้ายและเรื้อรังของราชการไทยที่แล้วมาบำบัดรักษากันพอเป็นพิธีแบบลูบหน้าปะจมูก จับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย ตัวการใหญ่ๆ จับไม่เคยได้ เพราะผู้มีหน้าที่ไม่กล้าจับ หรือมีส่วนได้รับประโยชน์มิชอบจากผู้กระทำความผิด บัดนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีแสดงตัวเป็นหัวเรือใหญ่ เจ้าหน้าที่ผู้น้อยก็คงจะมีกำลังใจและกล้าปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง
สิ่งที่ผมหวังว่าจะเกิดตามมาก็คือการเปิดเผยความคืบหน้าทุกระยะของการดำเนินมาตรการกับผู้ที่กระทำผิดทั้งน้อยและใหญ่เพราะเท่าที่แล้วมาแม้จะมีการโยกย้ายและตั้งกรรมการสอบสวนผู้กระทำผิด แต่ก็มักทำกันแบบเงียบๆ หรืองุบงิบ ชาวบ้านไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย และลงท้ายจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ ผลคดีเป็นอย่างไร ชาวบ้านก็ไม่มีโอกาสรู้เช่นเดียวกัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ การทำลายประเพณี 'ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน'ที่กัดกินระบบราชการไทยแล้วจนสึกกร่อนทั้งระบบ การทำลายประเพณีดังกล่าวอาจทำได้ด้วยการออกกฎหมายและระเบียบคุ้มครองและให้บำเหน็จความชอบแก่ข้าราชการที่กล้าเปิดเผยความประพฤติมิชอบของข้าราชการด้วยกันเองซึ่งรวมถึงข้าราชการชั้นผู้น้อยที่กล้าเปิดเผยความประพฤติมิชอบของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือผู้บังคับบัญชาของตนเองด้วย
ปราบคอร์รัปชั่นต้องกระทำด้วยการถอนรากถอนโคนเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นใหม่ได้อีกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่ากำลังจะทำ หากแสดงให้เห็นด้วยว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ประชาชนก็คงจะแซ่ซ้อง สาธุการ และแม้จะต้องชะลอการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งออกไป ประชาชนก็คงไม่รังเกียจและยินดีที่จะสนับสนุน....