มติชนออนไลน์ : ใครก็ตาม หรือ "กลุ่ม" ใดก็ตาม ที่อยู่ "เบื้องหลัง" การขบคิดโจทย์ทางการเมืองเรื่อง "ถอดถอน" ออกมาอย่างที่เห็นเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคม
ถือว่า "ร้าย"
มิได้ร้ายอย่างชนิดธรรมดา หากแต่ร้ายอย่างชนิด "ร้ายกาจ" ประเภทที่เกจิทางการเมืองต้องยกนิ้วโป้งให้
หากไม่ร้ายคงไม่มีการจำแนก แยกแยะ
1 มีแต่เพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นที่ถูกถอดถอน ขณะที่ 1 แยก นายนิคม ไวยรัชพานิช และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ออกมา
เหมือนกับตั้งความหวังให้กับอีกกว่า 300 ส.ส.และ ส.ว.
เหมือนกับเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา กรุณา เป็นอย่างสูง แต่มตินี้ย่อมเท่ากับเป็น "ลิ่ม" อันทะลวงเข้าไปอย่างลึกซึ้ง
ลึกซึ้งใน "เพื่อไทย" ลึกซึ้งระหว่างเพื่อไทยกับ "พันธมิตร"
เท่ากับเป็นการสรุปบทเรียนจากภายหลังรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 เท่ากับเป็นการสรุปบทเรียนจากภายหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
"การศึก" ย่อมมิหน่าย "เล่ห์"
ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นการเก็บรับความล้มเหลวจากภายหลังรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 และเป็นการต่อยอดจากรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
บนฐานคติที่ว่า เพื่อไม่ให้ "เสียของ"
รัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 อาจเริ่มจากการพยายามมัดตราสัง "นักการเมือง" ภายใต้คำสั่งในกรณีร่ำรวยผิดปกติ แต่แล้วก็ใจอ่อนโดยหวังที่จะเอา "นักการเมือง" เหล่านั้นมาเป็นมือไม้ในร่มธงแห่ง "พรรคสามัคคีธรรม"
ในที่สุดก็เหมือนกับเอา "เรือรั่ว" มาใช้ข้าม
รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 พยายามแยกสลายพรรคไทยรักไทยในหลายกระบวนการเพื่อดึงเอาบางส่วนเข้ามาร่วมกับพรรคการเมืองในสังกัด
จึงเกิด พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย
เมื่อไม่สำเร็จก็พยายามอีกครั้งด้วยการแยกสลายภายในพรรคพลังประชาชน
แยกเอากลุ่มที่ต่อมาภายหลังคือพรรคภูมิใจไทย สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้แล้วให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ก็ล้มเหลวเมื่อต้องพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554 จึงต้องมีการเคลื่อนไหวในเดือนพฤศจิกายน 2555 และมี กปปส.ในเดือนตุลาคม 2556
เท่ากับปูทาง สร้างเงื่อนไขให้กับรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
การถอดถอนอันเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคม เท่ากับยืนยันอย่างเด่นชัดว่า 1 ไม่มีการประนีประนอมอย่างแน่นอนกับ "ระบอบทักษิณ"
เป็นสงคราม "สั่งสอน" เป็นสัญญาณ "เตือน"
นั่นก็คือ ไม่มีการประนีประนอมอย่างที่ รสช.เคยทำหลังรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 อย่างเด็ดขาด
นั่นก็คือ อุดช่องโหว่รอยว่างจากรัฐประหาร "เสียของ" เมื่อเดือนกันยายน 2549 โดยสิ้นเชิง
สั่งสอน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สั่งสอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะเดียวกัน ก็เตือนบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเตือนพันธมิตรของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล
ทาง 1 แยกสลายภายในพรรคเพื่อไทย
ทางแยก 1 สลายความสัมพันธ์ "เดิม" ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล
เป้าหมายจริงๆ อยู่ที่ 2 ส่วนพลังหลัง
เป้าหมายจริงๆ ต้องการโดดเดี่ยวนักการเมืองในตระกูล "ชินวัตร" และต้องการดูปฏิกิริยาจากพันธมิตรของนักการเมืองในตระกูล "ชินวัตร" ว่าเหนียวแน่นเพียงใด
เป้าหมายขั้นที่สุด คือ ให้ตระกูล "ชินวัตร" ล้างมือใน "อ่างทองคำ" การเมือง
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ซุนวูสรุปเอาไว้มาเป็นเวลากว่าพันปีแล้วว่า
"การศึกย่อมมิหน่ายเล่ห์"
ไม่ว่าการศึกระหว่างชนเผ่ากับชนเผ่าย่อมเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าการศึกระหว่างรัฐต่อรัฐย่อมเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าการศึกระหว่างประเทศต่อประเทศย่อมเป็นเช่นนี้
ที่สำคัญอยู่ที่ว่า "เล่ห์" ฝ่ายใดจะ "แพรวพราว" กว่า