กรณีหุ้นตก 138 จุด ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ว่า นายสมหมาย ภาษี สรุปตรงกันว่า

ปัจจัยมาจาก "ข่าวลือ"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยัน "สถานการณ์ในประเทศยังปกติ มีแต่ 'ข่าวลือ' ส่งเดชเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย"

บทสรุปอย่างเป็น "ทางการ" จาก "รัฐบาล"

ปัจจัย 1 มาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ปัจจัย 1 มาจากเรื่องราวภายในประเทศ

เป็นเรื่อง ประเภท "ข่าวลือ" เป็นข่าวลือในแบบ "ส่งเดช"

ภายในความมั่นใจที่ว่า หุ้นตกดำเนินไปในลักษณะเป็น "กระแส" ไม่เฉพาะแต่เพียงของไทย หากใน "ต่างประเทศ" ก็ตก

กระนั้น กล่าวเฉพาะ "เอเชีย" ของไทย "หนักที่สุด"

จากการสรุปรวมตั้งแต่วันที่ 4-15 ธันวาคม มูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของไทยหายไป 1.1 ล้านล้านบาท

ตรงนี้ "สำคัญ" ตรงนี้ไม่ควร "ชะล่า" ใจ

ถามว่ากรณีหุ้นตกมากกว่า 138 จุดมีความหมายหรือไม่ คำตอบเห็นได้จากที่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการ 3 อย่างติดต่อกัน

1 สั่งการให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ตรวจสอบ

1 สั่งการเรียนประชุมคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นเวลากว่า 2 ชม.

1 เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่อง "หุ้น"

"คำว่าหุ้นจะให้ขึ้นอย่างเดียวคงไม่ได้ มันต้องขึ้นต้องลง ต้องดูว่าเวลาขึ้นก็เยอะซึ่งก็ได้กำไรเยอะ เวลาลงก็ต้องเจ็บตัวกันบ้าง อยากเตือนนักเล่นหุ้นว่า อย่าเอาเงินจมไปเล่นหุ้น คืออย่ากู้เงินมาแล้วไปเล่นหุ้น

มันต้องเงินลอย เงินเหลือใช้นำไปเล่น"

แม้นายกรัฐมนตรีจะยืนยัน "รัฐบาลได้ติดตามมาโดยตลอด การขึ้นลงของหุ้นไทยวันนี้เป็นไปตามตลาดหุ้นซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสถานการณ์น้ำมันโลก หรือปัญหาการเมืองและการสู้รบในต่างประเทศ"

แต่สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สรุปอย่างหงุดหงิด คือ "มีแต่ข่าวลือส่งเดช เรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร"

ประเด็น "ข่าวลือ" ต่างหากที่เป็น "ปัจจัยเฉพาะ"

อาจเป็นเรื่องธรรมดาของ "ข่าวลือ" จะเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าปกติ หรือไม่ปกติ

แต่ที่สำคัญก็คือ "ควัน" ความของ "ข่าวลือ" มาจากไหน

โคลงโลกนิติอาจเตือนไว้นานมาแล้วว่า "ห้ามเพลิงไว้อย่าให้มีควัน ห้ามสุริยะแสงจันทร์ส่องไซร้ ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า

ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา"

เป้าหมายของโคลงบทนี้อยู่ที่ธรรมชาติของ "การนินทา" กระนั้น ก็สะท้อนสำแดงให้เห็นรากที่มาของแต่ละปัญหา

นั่นก็คือ เมื่อมี "ควัน" ก็ย่อมมี "เพลิง"

แท้จริงแล้ว นับแต่เกิดสถานการณ์ประกาศกฎอัยการศึก สถานการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา การบริหารทุกๆ ด้านล้วนอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ล้วนเบ็ดเสร็จเด็ดขาดภายใต้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)

ไม่น่าจะมี "อะไร" อยู่นอกเหนือ "การควบคุม"

อาการเผยแสดงของ "ข่าวลือ" 1 เท่ากับยืนยันลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของกระบวนการควบคุมข่าว ขณะเดียวกัน 1 คือ ลักษณะการแข็งขืน ไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง

จึงเท่ากับเป็นการ "ลองของ" และ "หยั่งเชิง"

ขบวนศึกไม่ว่าจะจากยุคของซุนวู ไม่ว่าจะจากยุคของนโปเลียน ไม่ว่าจะจากยุคของแพ็ตตัน

1 พยายามเจาะลงไปในจุดอ่อนแอและเปราะบางมากที่สุด 1 ขยายแผลและกระพือข่าวให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

"ตลาดหุ้น" จึงเป็นจุดหนึ่งในพรมแดน "เศรษฐกิจ"