รบ.ประยุทธ์ กับ ก้าวย่างแรก และย่างก้าวต่อไป

วิเคราะห์

     รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว ภายหลังจากเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

     ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามโรดแมป

      เริ่มจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 การแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. การโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และการแต่งตั้งรัฐมนตรี 32 คน ร่วมคณะ

ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกรรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 

      นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

      นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

      นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

    นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

     นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นาย

      ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

      นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

      ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

      พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

     เบื้องหลังการคัดเฟ้นบุคคลมาเป็นรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้ภาวะผู้นำตัดสินใจเลือก ทำให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลมีบุคคลที่โอนเอียงไปทาง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มาก

      เช่นเดียวกับการแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เห็นชอบให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. เป็นว่าที่ ผบ.ทบ. และย้าย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ข้ามไปเป็นว่าที่รองปลัดกระทรวงกลาโหม

       และยังมีการตัดสินใจด้านอื่นๆ อีก

       การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมทำให้เกิดกลุ่มคนผิดหวัง และกลุ่มคนที่ผิดหวังก็พร้อมเคลื่อนไหวตอบโต้

      บางทีคนพลาดหวังก็เป็นกองเชียร์ของคนที่ผิดหวัง

     ที่น่าคิด ก็ คือกลุ่มคนพลาดหวังที่พร้อมจะกลับหลังหันไปเผชิญหน้ากับรัฐบาลมีเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

      การเลือกสมาชิก สนช. 200 คน ทำให้คนที่เหลือผิดหวัง

      การเลือก สปช. 250 คน ทำให้ผู้สมัครอีก 6 พันคน เสียใจ

      ในจำนวนนี้มีกลุ่มคนที่จัดอยู่ใน "คนกันเอง" หลายคนที่ผิดหวัง 

      เมื่อผิดหวังก็ออกอาการไม่พอใจ

      การตัดสินใจเลือกและไม่เลือก ทุกครั้งมักเกิดแรงกระเพื่อมแบบนี้

      ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้ง เมื่อเกิดการเลือกย่อมเกิดความพอใจและไม่พอใจ

      ปัจจัย "คนกันเอง" จึงมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล แม้จะเป็นรัฐบาลที่เพิ่งยึดอำนาจมาได้ก็ตาม

     แรงกระเพื่อมจาก "คนกันเอง" นี้ ยังเป็นแรงกระเพื่อมภายในที่คนภายนอกอาจยังจับสัญญาณไม่ได้ 

     แรงกระเพื่อมที่ผู้คนสามารถจับสัญญาณได้กลับเป็นแรงกระเพื่อมจากนโยบายของรัฐบาล

     นโยบายเศรษฐกิจที่มิอาจทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง จะกระตุ้นให้เกิดความปั่นป่วน เช่น ม็อบเกษตรกร เป็นต้น 

     นโยบายทางการเมืองที่ไม่อาจเยียวยาความเป็นธรรมแก่

      สังคมได้ ก็จะเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กลุ่มคนกระด้างกระเดื่อง

      ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดเรื่องการกระจายอำนาจ ซึ่งเกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากส่วนท้องถิ่นทันทีที่ส่วนกลางรุกล้ำ

      กรณี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงทรรศนะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กับความเคลื่อนไหวของแกนนำองค์กรท้องถิ่นเหล่านั้น

      การประโคมข่าว เมื่อส่วนกลางโยกงบประมาณที่ท้องถิ่นเคยได้คิดเองใช้เอง ไปอยู่ในกลุ่มต้องผ่านการพิจารณาจากส่วนกลางก่อน

       การประโคมข่าวการใช้วิธีสรรหาแทนการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นที่หมดอายุลงในช่วงนี้

       ยังมีแนวทางการดำเนินการกับความขัดแย้งจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง โดยเฉพาะคดี 99 ศพ ที่อยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม อาจเป็นอีกปัจจัยในอนาคต

แนวทางการใช้และยกเลิกกฎอัยการศึก ที่กระทบกับการ

      ท่องเที่ยว และกลายเป็นข้อบังคับในเรื่องการใช้สิทธิเรียกร้องและแสดงความคิดเห็น

      ทำให้กลุ่มผู้เรียกร้องเรื่องพลังงานถูกควบคุมตัว ทำให้กลุ่มผู้เรียกร้องในคดี 99 ศพ ถูกควบคุมตัว 

       ทำให้การจัดเวทีเสวนาของผู้สื่อข่าวต่างประเทศต้องยุติไป

        นโยบายทางการเมืองเช่นนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมจากภายนอก เช่น ยูเอ็นแสดงความเป็นห่วงเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในประเทศไทย หรือการตัดสิทธิทางด้านการค้าจากยุโรป 

        ณ ขณะนี้แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะมั่นคง เพราะมีกำลังทหารสนับสนุน

แต่ปัจจัยจาก "คนกันเอง" นั้นอาจส่งผลให้รัฐบาลสั่นสะเทือน

      เช่นเดียวกับปัจจัยจาก "นโยบายการเมือง" ที่อาจปลุกให้

      คนไทย และต่างประ เทศ ยืนคนละฟากกับรัฐบาลได้

       ดังนั้น ทั้งย่างก้าวที่ผ่านมา และย่างก้าวต่อไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเดิน ยังคงต้องระมัดระวังอย่างสูง

     ระมัดระวังทั้ง "คนกันเอง" ระมัดระวังทั้ง "นโยบาย" ที่อาจชักศึกเข้าบ้าน

      ทั้ง "บ้าน" ที่หมายถึงรัฐบาล และ "บ้าน" ที่หมายถึงประเทศไทย ...