มติชนออนไลน์ : หมายเหตุ : มุมมองของคณะกรรมการธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่มีการยกร่างฯใหม่ และมีการตัดอำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยบัญญัติใหม่ให้มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) และให้ กกต.มีอำนาจสั่งเลือกตั้งใหม่เฉพาะกรณีใบเหลือง ส่วนกรณีใบแดงให้เป็นอำนาจศาล 

บรรเจิด สิงคะเนติ 

     สำหรับ ประเด็น กกต. ถือว่าต่างฝ่ายต่างมีเหตุและผล ซึ่งทาง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาบนหลักการของเหตุและผล โดยพยายามที่จะแยกผู้จัดการเลือกตั้ง (Operator) ออกจากผู้ควบคุมการเลือกตั้ง (Regulator) และไปทำให้ปลายทางมีศาลแผนกคดีเลือกตั้งขึ้นมาให้ชัดเจน เนื่องจากเดิมทีทั้ง 3 อำนาจ คือ จัดการเลือกตั้ง ควบคุมการเลือกตั้ง และวินิจฉัยคดีเลือกตั้งนั้นรวมอยู่ภายในองค์กรเดียวกัน ซึ่งก็ทำให้ กกต.มีภาระถึง 3 ส่วน โดยเฉพาะการไปวินิจฉัยก่อนประกาศผลการเลือกตั้งนั้นเป็นอำนาจเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ทาง กมธ.ยกร่างฯจึงได้พยายามทำสิ่งที่คลุมเครือออกมาให้มีความชัดเจน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของ กมธ.ยกร่างฯต้องการที่จะแยกระบบที่เป็นลักษณะแบบทรีอินวันออกจากกัน เพื่อต้องการที่จะทำให้ระบบการเลือกตั้งมีความชัดเจน ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้คิดจะไปลดอำนาจใครแต่อย่างใด แต่ประเด็นหลักของผู้ที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ควบคุมการเลือกตั้ง และวินิจฉัยชี้ขาดนั้น ควรจะต้องมีความชัดเจน 

     ส่วนกรณีที่มีความเห็นจากหลายฝ่ายออกมาทั้งที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนนั้น ทาง กมธ.ยกร่างฯพร้อมที่จะรับฟังทุกเสียงที่สะท้อนมา อีกทั้งในช่วงท้ายก่อนที่ กมธ.ยกร่างฯจะส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาภายในวันที่ 17 เมษายน ทาง กมธ.ยกร่างฯก็คงนำข้อท้วงติงของหลายฝ่ายมาพิจารณาอย่างรอบคอบและสมเหตุสมผลอีกครั้ง

เอนก เหล่าธรรมทัศน์

      ที่ผ่านมา กกต.ปฏิบัติงานได้ดีมาตลอด ไม่เห็นว่ามีปัญหาใด ซึ่งการที่ กมธ.ยกร่างฯพิจารณาแยกอำนาจการจัดการเลือกตั้งออกจาก กกต. ก็เพื่อให้งานของ กกต.นั้นดียิ่งขึ้น และทำให้ กกต.สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาเป็นกังวลหรือพะวงในการจัดการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นการลดอำนาจแต่อย่างใด อำนาจของ กกต.ยังคงมีอยู่เช่นเดิม สามารถตรวจสอบควบคุมกระบวนการเลือกตั้งได้ตามปกติ ส่วนการจัดการเลือกตั้งนั้นก็แยกออกมาให้คนอื่นจัดการแทน เขาจัดการเลือกตั้งออกมาไม่ดีอย่างไร กกต.ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบควบคุมก็สามารถตรวจสอบ มองว่าตามหลักการคนจัดการเลือกตั้งกับคนควบคุมและตรวจสอบการเลือกตั้งควรแยกออกจากกัน ส่วนการให้ใบเหลือง กกต.ก็ยังมีอำนาจอยู่เช่นเดิม ยกเว้นการให้ใบแดงที่ส่งไปให้ศาลดำเนินการพิจารณาแทน แต่ต้นเรื่องก็ยังอยู่ที่ กกต. ทั้งนี้ มองว่าข้อเสนอที่มีคนไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องปกติ โดยทุกความเห็นที่สะท้อนมานั้นเรายินดีรับฟัง

ไพบูลย์ นิติตะวัน

      สำหรับ ประเด็นการตัดอำนาจของ กกต.ไม่ให้จัดการเลือกตั้งนั้น แตกต่างจากการรวมผู้ตรวจการแผ่นดินกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าด้วยกัน เพราะทั้ง 2 องค์กร เมื่อนำมารวมกันนั้นมีอำนาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะได้บริหารและดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับ กกต.นั้น โดยหลักการคือตัดอำนาจของ กกต.เหลือเพียงทำหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้ง ส่วนอำนาจการจัดการเลือกตั้งนั้นให้มี กจต.ซึ่งมาจากข้าราชการจากส่วนต่างๆ ทั้งนี้ การแยกอำนาจจัดการเลือกตั้งและควบคุมการเลือกตั้งออกจากกันนั้นมองว่าเป็นหลักการที่ดี เพราะผู้ที่เป็นผู้ควบคุมการเลือกตั้งไม่ควรเป็นผู้จัดการเลือกตั้งไปพร้อมกัน ถ้า กกต.ทำ 2 อย่างไปพร้อมกัน เท่ากับว่าไม่มีการแบ่งแยกอำนาจ จะทำให้ไม่มีการตรวจสอบการเลือกตั้งเลย ดังนั้น ถ้าจะให้เกิดการถ่วงดุลระหว่างผู้จัดการเลือกตั้งกับผู้ตรวจสอบนั้น ทั้งผู้จัดการเลือกตั้งและผู้ตรวจสอบต้องสามารถตรวจสอบกันเองได้ 

      อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กมธ.ยกร่างฯพร้อมฟังทุกเสียงสะท้อนตลอดเวลา แต่เสียงที่แสดงความเห็นมานั้นต้องมีเหตุมีผล ต้องยอมรับว่าปัญหาที่ กมธ.ยกร่างฯเป็นห่วงนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ในอดีตที่ผ่านมา กกต.ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่ไม่ค่อยไปตรวจสอบการจัดการเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้ง ว่ามีความเป็นกลางหรือไม่ ตรวจสอบน้อยเกินไป ดังนั้นหากอยากให้อำนาจการจัดการเลือกตั้งกลับไปอยู่ที่ กกต.เหมือนเดิม ทาง กกต.ก็ต้องมีมาตรการที่จะตรวจสอบแบบเข้มข้นอย่างไร จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบเช่นไร