รายงานข่าว จากทวิตเตอร์ @thepthai หรือ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทวิตข้อความ โดยระบุว่า
"ลุงกำนันตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบ ที่วัดท่าไทร และจะไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ "
มติชนออนไลน์ ได้ตรวจสอบไปยังผู้ใกล้ชิด ภายหลังที่นายเทพไท ได้ทวิตข้อความ และรูปภาพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้อุปสมบทที่วัดท่าไทร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ได้รับการยืนยันว่า มีการอุปสมบทจริงตามที่ปรากฎเป็นข่าว แต่ไม่ทราบรายละเอียด ว่าในวันและเวลาใด ส่วนเหตุผลของการบวชครั้งนี้ "เพื่อต้องการความสงบ" และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา นายสุเทพ ได้อุทิศตนเพื่อทำงานการเมือง และ เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับประชาชน จึงทำให้ไม่มีเวลา
อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ที่ คสช. เข้ามาจัดการบ้านเมือง ก็มีนักการเมืองหลายคนได้ ใช้เวลานี้เพื่อบวชเช่นเดียวกัน จึงเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แหล่งข่าวระบุ
โดยเหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนชาว จ.สุราษฎร์ธานี ได้เกิดความแตกตื่นหลังจากพบมีการส่งภาพทางโซเซียลเฟซบุ๊กต่อๆ กัน ซึ่งหลายคนไม่เชื่อน่าจะเป็นภาพตัดต่อ
ผู้สื่อข่าวเดินทางที่วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ ตรวจสอบพบว่า นายสุเทพ ได้บวชเป็นพระจริง โดยทราบว่า เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 14 ก.ค.นายสุเทพพร้อมญาติลูกพี่ลูกน้องเพียง 2 คนได้เดินทางมาพบพระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดท่าไทรและเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี แจ้งความประสงค์จะขอบวชโดยบอกว่า ตอนนี้ไม่มีภาระอะไรแล้ว จะขอบวชเงียบๆไม่ใครรู้และไม่บอกใคร
พระเทพพิพัฒนาภรณ์ ได้โกนผมให้ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางคืนและนอนพักที่กุฎิเจ้าอาวาส กระทั่งได้ฤกษ์อุปสมบทเมื่อเวลา 09.09 น.วันที่ 15 ก.ค.มีผู้อยู่ในโบสถ์ประกอบพิธีกันเพียง 3 คนโดยพระเทพพิพัฒนาภรณ์ เป็นพระอุปชาและให้ฉายา “ ประภากะโร ” แปลว่าผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง เมื่อบวชแล้วเสร็จห่มผ้าเหลืองเดินออกประตูโบสถ์มา มีพระลูกวัดมาพบเข้าพอดีได้ขอถ่ายรูปจนมีการส่งต่อๆกัน
พระอธิการสุชาติ ปัญญาทีโป เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล(สวนโมกขพลาราม) ต.เลม็ด อ.ไชยา เปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่านายสุเทพจะบวช โดยเมื่อช่วงบ่ายน้องสาวคนหนึ่งของนายสุเทพมาพบและแจ้งว่าพระสุเทพบวชฉุกเฉินจะมาขอจำพรรษาและปฏิบัติธรรมที่วัดอยู่เงียบๆจึงรีบให้พระลูกวัดและโยมในวัดจัดเตรียมกุฎิรับรองไว้ให้ เนื่องจากกุฎิหลังอื่นมีพระบวชพรรษาจำอยู่แล้ว 70 รูปเต็มหมดแล้ว กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น.พระสุเทพเดินทางมาพร้อมกับผู้ติดตามอีก 1 คน
พระอธิการสุชาติ กล่าวว่า ท่านไม่ได้บอกเหตุผลในการบวชแต่คงจะว้าวุ่นใจอยากจะสงบจิตใจอยู่สงบมากกว่า แจ้งว่าจะขออยู่จำพรรษาสักระยะหนึ่งและยังไม่มีกำหนดจะไปที่ไหนต่อ ซึ่งมีญาติโยมของท่านมาอยู่ด้วย 1 คนเพื่อช่วยดูแล เนื่องจากท่านยังเจ็บที่แขนยังห่มจีวรเองไม่ได้ และระยะนี้ท่านคงไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ ทางวัดมีโรงครัวทำอาหารถวายให้
“ญาติโยมในแถบนี้ยังไม่มีใครรู้ทราบเรื่องและไม่ได้บอกใคร แต่คงไม่อยากให้รบกวนท่าน เพราะท่านต้องการอยู่สงบเงียบๆ ซึ่งท่านถามว่าทางวัดมีกิจกรรมอะไรบ้างก็บอกว่ายังเหมือนสมัยก่อนตื่นนอนตี 4 ครึ่ง ทำวัตรเช้า เวลา 8 โมงฉันภัตตาหารเช้า และช่วงบ่ายไปทำสมาธิที่ลานหินโค้งหลังจากนั้นพักผ่อนตามสบาย พอ 6 โมงครึ่งตอนเย็นจะทำวัตรเย็นสวดมนต์ฟังเทปบรรยายธรรมของท่านอาจารย์พุทธทาส” พระอธิการสุชาติ กล่าว
พระอธิการสุชาติ กล่าวและว่า จริงๆ ท่านเคยบวชพระจำวัดที่สวนโมกข์เมื่อหลายสิบปีก่อนบวชให้ภรรยาของท่านเสียชีวิต และท่านยังได้สร้างอาคารที่สวนโมกข์นานาชาติถวายท่านอาจารย์พุทธทาสไว้ด้วย
นายธานี เทือกสุรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ น้องชายพระสุเทพ กล่าวว่า ไม่รู้เรื่องหรือทราบเรื่องมาก่อนจริงๆ ซึ่งท่านไม่บอกใครเลยและญาติพี่น้องก็ไม่มีใครทราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากครอบครัวของพระสุเทพไม่ทราบแล้ว บรรดานักการเมืองท้องถิ่นหรือแม้แต่คนสนิทในกลุ่ม กปปส.ใน จ.สุราษฎร์ธานีไม่มีใครทราบมาก่อนเลย
โดยพระสุเทพได้เดินทางกลับมายังบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งแรกหลังการยุติชุมนุมทางการเมืองเมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย.57 และเดินทางกลับไปกรุงเทพฯ กระทั่งกลับมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 ก.ค.57 เป็นประธานเปิดงานขนมหวานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าสุราษฎร์ธานี และตัดสินใจบวช