วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8673 ข่าวสดรายวัน


ควักด่วน-แก้ยาง 6 พันล้าน สกัดม็อบบุกกรุง 
ประยุทธ์ส่งดอกไม้วันเกิด'ป๋า'ปนัดดาสะอื้น-ปลัดอำเภอเชียร์ อภิวันท์ป่วยหนักอยู่รพ.ฟิลิปปินส์

       คสช.เร่งเคลียร์ม็อบยาง ส่ง'บิ๊ก นมชง'เจรจาแกนนำ เบรกเคลื่อนเข้ากรุง สวนยางใต้ขู่รวมตัวยื่น 7 ข้อเรียกร้อง 'บิ๊กตู่'ถกคสช. อนุมัติงบฯ 5.9 พันล้าน แก้ปัญหาเร่งด่วน อีก 3 หมื่นล้านใช้ระยะยาว พร้อมจ่ายอุดหนุน อปท.อีก 8.5 พันล้าน 'ปนัดดา'ปลื้มปลัดอำเภอแห่ให้กำลังใจ'ป๋าเปรม'ปิดบ้านเงียบ วันเกิด 94 ปี บิ๊กตู่-ผบ.เหล่าทัพ ส่งตัวแทนมอบกระเช้าดอกไม้ 'บิ๊กต๊อก'ย่องพบส่วนตัว ยอดสมัครสปช. 13 วัน 2,792 ราย'บิ๊กอ๊อด-ยุทธศักดิ์'โผล่ลงชิงด้วย ทหารปล่อยตัว'วีระ สมความคิด'กับพวก 7 คน

'ป๋าเปรม'เก็บตัวเงียบวันเกิด

      เวลา 07.30 น. วันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มีสื่อมวลชนมาติดตามความเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 94 ปี แต่ปีนี้ไม่เปิดบ้านให้คณะบุคคลเข้าอวยพร ด้วยเหตุผลสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จัดงานเอิกเกริก และต้องการอยู่ส่วนตัวภายในบ้านพักอย่างสงบ โดยพล.อ.เปรมอยู่ภายใน บ้านพักไม่ได้เดินทางไปไหน ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าบ้านพักยังคงใช้กำลังทหารตามปกติ

     ช่วงบ่าย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชากองทัพไทยและเหล่าทัพ ส่งเลขานุการของแต่ละเหล่าทัพทยอยเข้ามอบกระเช้าดอกไม้อวยพรแทน รวมถึงกระเช้าของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

จับตา"บิ๊กต๊อก"ดอดพบ

     เวลา 14.00 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. เดินทางด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่งไปที่บ้านสี่เสาฯ ประตูด้านข้างสโมสรกองทัพบก เข้าอวยพรพล.อ.เปรม เป็นการส่วนตัว ใช้เวลา 20 นาทีก่อนเดินทางกลับ การเข้าพบเป็นที่จับตามองของหลายฝ่ายเพราะถือเป็นห้วงสำคัญในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี ขณะนี้เหล่าทัพส่งโผขึ้นมาตามลำดับชั้นแล้ว รอการนัดประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารประจำปีครั้งสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้พล.อ. ไพบูลย์ เป็นแคนดิเดตตำแหน่ง ผบ.ทบ. คู่กับพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ซึ่งขณะนี้บัญชีรายชื่อในหลายตำแหน่งยังไม่นิ่ง 

มทภ.4 ไม่หวั่นโดนย้าย

      ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค4 สน.) ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกระแสข่าวอาจถูกปรับย้ายตำแหน่งในต.ค.นี้ว่า ตนมีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด จะย้ายหรือไม่เป็นเรื่องของ ผู้บังคับบัญชา และไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่มีผล กระทบต่อการดำเนินงานโดยเฉพาะการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการแก้ปัญหามีนโยบายเดียวกันคือต้องยุติปัญหาด้วยสันติวิธี ใครมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ต้องยึดนโยบายเดียวกัน แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคนจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างไร ถ้าอยู่ตรงนี้ก็ทำหน้าที่เต็มที่ทุกตำแหน่งและไม่เคยทราบก่อนว่าจะได้ตำแหน่งอะไร เพราะรู้พร้อมสื่อและตอนประกาศอย่างเป็นทางการ

      "ยืนยันว่าทุกตำแหน่งไม่เคยไม่ทำงาน ผมทำแล้วทำเต็มที่และไม่เคยวิ่งเต้น ที่ผ่านมามีคนมาว่าผมไม่รู้เรื่องทั้งที่ยังไม่ให้โอกาส แต่ขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าผมมาจากที่อื่นก็ทำงานได้เพราะมีฝ่ายอำนวยการที่เข้มแข็ง ทุกคนมีหน้าที่ ภารกิจต้องเหนือสิ่งอื่นใด ผมเป็นทหารอาชีพต้องเห็นผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน จริงใจในภารกิจ สามารถสอบถามผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ผมดุเพราะต้องทำหน้าที่ ขออย่าดูถูกกันมากนัก ทุกคนต่างมีแนวคิด" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

บิ๊กตู่ใช้อำนาจคสช.เท่าที่จำเป็น

      เวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.เป็นประธานการประชุมคสช.ชุดใหญ่ครั้งที่ 12/2557 ตามปกติ มีรองหัวหน้าคสช. ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. รวมทั้งพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคสช. เลขาธิการนายกฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนการประชุมว่า แม้ขณะนี้จะรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกฯแล้ว ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 43 วรรคสอง ระบุว่าก่อนที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)จะเข้ารับหน้าที่ ให้อำนาจหน้าที่ของนายกฯและครม. เป็นอำนาจของหัวหน้า คสช. ดังนั้น การลงนามในเอกสารต่างๆ จะยังคงเป็นรูปแบบเดิมจนกว่าจะนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดทุกชุดตามคำสั่ง คสช.เหมือนที่ผ่านมาแม้จะมีรัฐบาลแล้ว และจากนี้ คสช.จะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นในเรื่องความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และขอให้ทุกกองกำลังปฏิบัติงานด้วยความละมุนละม่อม การบังคับใช้กฎหมายจะเน้นใช้กฎหมายปกติ ส่วนกฎอัยการศึกจะใช้เมื่อจำเป็น 

ปัญหาเร่งด่วน-ช่วยเกษตรกร 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายยึดมั่นและปฏิบัติตามแนวทางการทำงานที่ตนกล่าวไว้ในพิธีสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ หลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ทั้งเรื่องการตรวจสอบการทุจริต การบริหารราชการแต่ละด้านที่ยังมีปัญหา รวมถึงการแก้ปัญหาเร่งด่วนในแต่ละด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ยางพารา การช่วยเหลือสินค้าเกษตร การแก้ปัญหาสังคม 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เน้นให้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติควบคู่กับทำการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การจัดพื้นที่เกษตรกรรม การแก้ไขปัญหาสินค้า การฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างภาษี การปรับโครงสร้างพลังงาน 

แจงตั้งเขตศก.พิเศษ

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้การวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาหรือขับเคลื่อนประเทศด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น ไม่ใช่การป้องกันไม่ให้แรงงานเข้ามาในพื้นที่ แต่ทำพื้นที่เขตอุตสาหกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การค้าขาย เพื่อลดปัญหาด้านแรงงาน การขนส่ง เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนที่มีผู้แอบอ้างได้โควตาจากคสช.ในเรื่องน้ำ พลังงานโซลาร์เซลล์ ยืนยัน คสช.ไม่มีโควตาใดๆ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง หากมีข้อสงสัยให้สอบถาม คสช.โดยตรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระการประชุม คสช. มีเรื่องเพื่อทราบ 12 เรื่อง แบ่งเป็นเพื่อทราบปกติ 6 เรื่อง เรื่องเพื่อทราบถือเป็นมติเห็นชอบหรืออนุมัติ 6 เรื่อง ขณะที่วาระเรื่องเพื่อพิจารณามี 27 เรื่อง

แถลงนโยบายหลังตั้งครม. 

ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิ การ(กมธ.) สามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ชั่วคราว) หรือวิปสนช. กล่าวว่า การประชุมสนช.วันที่ 28-29 ส.ค. จะพิจารณาร่างกฎหมายเร่งด่วน 10 ฉบับ ตั้งเป้าให้เสร็จในสัปดาห์นี้ ส่วนการแถลงนโยบายต่อสนช.ของนายกฯ ตามประเพณีแล้วแต่นายกฯจะพิจารณา คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังแต่งตั้ง ครม.แล้ว

อนุมัติงบ 8.5 พันล้านให้อปท.

เวลา 15.00 น. ที่หอประชุมทบ. เทเวศร์ น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษกคสช. แถลงผลประชุมคสช.ว่า คสช.เห็นชอบจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป ปีงบประมาณ 2557 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) วงเงิน 8,500 ล้านบาท ใช้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศแบ่งเป็น 2 ส่วน คือจัดสรรให้อปท.ทุกแห่งๆ ละ 1 ล้านบาท ที่เหลือจัดสรรให้อปท.ตามสัดส่วนที่อปท.แต่ละแห่งได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อให้ดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ ใช้ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงถาวร พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ใช้ส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนในท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว ห้ามนำเงินไปใช้ศึกษาดูงานของบุคลากรท้องถิ่น

สั่งสศช.รวบรวมข้อมูลศก. 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ.และทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมว่าให้เรียกตำแหน่งหัวหน้าคสช.และต้องการให้สื่อมวลชนใช้ตำแหน่งหัวหน้าคสช.ในการนำเสนอข่าว เนื่องจากยังไม่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ 

เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ ประชุมคสช. ในฐานะหัวหน้าคสช.และนายกฯครั้งแรก สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าได้รับมอบหมายงาน 2 ตำแหน่ง ต้องมีงานเพิ่ม 2 เท่า ทำให้การประชุมครั้งนี้มีวาระเพื่อทราบถึง 29 เรื่องและใช้เวลานานกว่าปกติ และต้องเตรียมงานเพื่อมอบให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ รับไปดำเนินการ โดยสั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวบรวมข้อมูลด้านเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและรวบรวมคำพูดภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกฯเมื่อวันที่ 25 ส.ค. เพื่อจัดทำเป็นแผนงานอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะเรื่องปราบปรามทุจริต

คสช.เกาะติดข่าวโผครม.

เมื่อถามว่าหัวหน้าคสช.กังวลเรื่องการเลือกรัฐมนตรีให้เหมาะสมกับงานหรือไม่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ไม่มีการพูดในที่ประชุม ส่วนโผรายชื่อครม.ที่ปรากฏตามสื่อทุกฉบับ คสช.รับฟังในทุกเรื่องที่สังคมสะท้อนความเห็นมา อาทิ เรื่องเด็กแว้น ทั้งนี้ หัวหน้าคสช.ยังเป็นห่วงเรื่องบริการประชาชนและให้การบ้านที่ประชุมให้คิดถึงเรื่องนี้ด้วย

ให้ตั้งสถาบันวิจัยยาง 

พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคสช. ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ เร่งรัดโครงการจัดทำภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทย เพื่อดึงดูดและกระตุ้นการท่องเที่ยว จึงมอบให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งรัดดำเนินการในส่วนนี้ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่าพยายามให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่มีความเข้มข้นสูงอย่างกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตาม พล.อ. ประยุทธ์ แจ้งในที่ประชุมว่า พบมีการใช้ชื่อของคสช.ไปดำเนินการบางอย่าง เช่น กรณีอ้างเป็นคสช.เพื่อขอเปลี่ยนผู้บริหารองค์กรและบริษัทของรัฐ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพื่อความแน่ใจหากพบว่ามีการอ้างเป็นคสช.ในมุมไหน สามารถสอบถามและร้องเรียนเข้ามาได้

พ.อ.วินธัยกล่าวว่า การแก้ปัญหาราคายางพารา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงและให้ความสำคัญอย่างมากทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว โดยมาตรการระยะสั้นให้หาตลาดเพิ่ม ให้ซื้อขายในราคาที่เหมาะสม ไม่ให้กดราคา ส่วนมาตรการระยะยาวเรื่องส่งเสริมมูลค่าผลิตภัณฑ์ เช่น มีสถาบันการเงินให้การสนุบสนุนการแปรรูปและจัดทำผลิตภัณฑ์ของยางเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้จัดตั้งสถาบันวิจัยยางพารา เพื่อศึกษาดูความต้องการซื้อและขายให้เหมาะสมกันจริงๆ และให้หน่วยงานจัดทำแผนแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมด้วย

ผ่านหลักการแก้หนี้นอกระบบ 

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคสช. แถลงว่า ที่ประชุมคสช.เห็นชอบหลักการการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ตามที่ฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. คือกระทรวงการคลังเสนอ โดยมอบให้กระทรวงการคลัง รับผิดชอบดำเนินการและมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ ประกอบด้วยสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์ช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงแรงงาน สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนองค์การมหาชน ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 

ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า หลักการคือให้ชุมชนมีบทบาทแก้ปัญหาผ่านองค์กรการเงินชุมชน ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. แก้ปัญหาและคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างระหว่างชุมชนเมืองและชุมชนในเขตชนบท วิธีการคือ 1.ดำเนินการผ่านหน่วยงานและองค์กรที่มีอยู่ 2.สร้างกลไกการเจรจาและการประนอมหนี้ 3.จัดให้มีกระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพของลูกหนี้ 4.กระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยผู้ประสบปัญหาหนี้นอกระบบขอรับการช่วยเหลือได้ 2 ทางเลือกคือ 1.องค์กรการเงินของชุมชนสำรวจหนี้นอกระบบและแก้ไขหนี้ให้กับสมาชิก 2.ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ลูกหนี้ติดต่อสถาบันการเงินในพื้นที่เพื่อขอรับความช่วยเหลือ

มติใช้งบ 6 พันล้านแก้ยาง

ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องการปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรรมอย่างแท้จริงและชัดเจนว่าจะไปขอรับความช่วยเหลือจากที่ไหนได้บ้าง โดยให้เชื่อมโยงศูนย์ดำรงธรรม รวมทั้งให้กระทรวงการคลังให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการหนี้กับประชาชน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนในเรื่องการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนให้เหมาะสม และให้ฝ่ายความมั่นคงรวบรวมข้อมูลหนี้นอกระบบเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งองค์กรปกครองท้องถิ่นต้องเชื่อมโยงข้อมูลด้วย

ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการพัฒนายางพาราทั้งระบบ โดยเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในปี 2557 มีกรอบวงเงิน 5,938.25 ล้านบาท โดยใช้งบกลางรายการสำรองฉุกเฉินและกรณีจำเป็นเร่งด่วนปีงบประมาณ 2557 จำนวน 977.75 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.มาตรการยกระดับราคาโดยเพิ่มสภาพคล่องด้านการตลาด โดยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางวงเงิน 350 ล้านบาท 2.แนวทางการเพิ่มมูลค่าและคุณภาพการผลิตวงเงินตลอดโครงการในปี 2557 วงเงิน 1,088.25 ล้านบาท 3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารา ให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ วงเงินตลอดโครงการ 4,500 ล้านบาท 

อนุมัติ 3 หมื่นล.แก้ระยะยาว 

ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางพัฒนาและยกระดับราคายางพาราในระยะยาว 10 ปี (ก.ย. 2557-67) วงเงินรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ประกอบด้วย 3 มาตรการหลักได้แก่ 1.มาตรการยกระดับราคาโดยเพิ่มสภาพคล่องด้านการตลาดเพื่อรวบรวมยางพารา วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท 2.แนวทางการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและคุณภาพผลผลิตยางพารา โดยสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.ให้กับสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราวงเงิน 5,000 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารา 1.5 หมื่นล้านบาท 

ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังรายงานสถานการณ์การส่งออกยางพาราของไทย พร้อมข้อเสนอแนะส่งเสริมการ ส่งออกยางพาราไปยังตลาดต่างประเทศ ว่าควรแสวงหาความต้องการของตลาดใหม่ๆ ในตลาดเกิดใหม่ และใช้เวที Rubber Valley ที่เมืองชิงเต่า มณฑลชานตง ประเทศจีน ทำกิจกรรมการซื้อขายยางพาราในจีนทางออนไลน์ รวมทั้งการเร่งเจรจาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยางร่วมกับมาเลเซีย และผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม Global Rubber Conference

ปล่อยกู้ 1.5 หมื่นล้าน

นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผอ.องค์การสวนยาง(อ.ส.ย.) เผยว่า มติคสช.วันที่ 26 ส.ค.เห็นชอบวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยางทั้งระบบนั้น แยกเป็น 2 ส่วนคือ วงเงิน 5,000 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนเกษตรกรแปรรูปยางขั้นต้นเพื่อจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น อีก 10,000 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นวงเงินหมุนเวียนรับซื้อยางของสถาบันเกษตรกรเหล่านี้ เงินกู้ทั้งหมดจะมาจากธ.ก.ส. อัตราดอกเบี้ย 4 % โดยสถาบันเกษตรกรกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการจะรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ เพียง 0.01% ที่เหลือรัฐบาลจะสนับสนุนอัตราดอกเบี้ย 3% และใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์สนับสนุนในอัตราที่เหลือ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่เห็นชอบไปแล้ว

นายชนะชัยกล่าวว่า การระบายยางในสต๊อก 2.1 แสนล้านตัน ขณะนี้พร้อมลงนามกับผู้ประกอบการแล้ว 1 แสนตัน ที่เหลืออีก 1.2 แสนตันพบมีผู้ประกอบการเสนอซื้อโดยให้ราคาสูงกว่ารายแรก ซึ่งอ.ส.ย.กำลังพิจารณาวิธีระบาย เป็นไปได้ว่าเพื่อให้ สอดรับกับมติวันนี้ กรณีสถาบันเกษตรกรจะมียางเพื่อจำหน่ายมากขึ้นนั้น อ.ส.ย.จะเจรจาขายยางให้ได้ 2 แสนตัน แยกเป็นยางในสต๊อก 1.2 แสนตัน และที่เหลือเป็นยางที่จะได้จากสถาบันเกษตรกรเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้ราคายางในประเทศปรับตัวสูงขึ้น

"ฉัตรชัย"ถกสวนยาง

เวลา 14.00 น. ที่บก.ทบ. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผบ.ทบ. ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. กล่าวว่า เวลา 17.00 น. หัวหน้าคสช.มอบให้ตนเจรจาพูดคุยกับนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ตัวแทนประธานชุมชนสหกรณ์เกษตรกรรมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางแก้ไขราคายางพาราตกต่ำ โดยนายอุทัยจะชี้แจงข้อมูลปัญหาต่างๆ โดยไม่ได้มายื่นหนังสือหรือเรียกร้องใดๆ กับคสช.ทั้งสิ้น ซึ่งคสช. มีมาตรการช่วยเหลือและการแก้ปัญหาที่ชัดเจนอยู่แล้ว ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ยั่งยืน อาทิ การหาแหล่งเงินกู้ การวิจัยยางพาราเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในประเทศ

แกนนำยันไม่เคลื่อนเข้ากรุง 

ด้านนายอุทัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนและคณะจะมาพบพล.อ.ฉัตรชัย เพื่อหารือการแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวเข้ามากรุงเทพฯเพราะไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย เกษตรกรสวนยางพาราทั้ง 63 จังหวัด ทำหนังสือผ่านผู้ว่าฯถึงนายกฯเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่ยื่นเสนอไปได้แก่ ไม่ต้องการให้ขายยางในสต๊อก 120,000 ตัน การนำมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติมาใช้การเสริมสภาพคล่องช่วงราคาตกต่ำ 10,000 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อการแปรรูป 5,000 ล้านบาท สินเชื่อ ผู้ประกอบการนำไปขยายฐานการผลิต โดยเฉพาะถุงมือยางซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ยาง 4-5 แสนตัน การเสนอให้ 8 ประเทศอาเซียนที่ส่งออกยางพาราซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 80 ของโลก รวมตัวกันเพื่อต่อรองราคาได้ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาราคายางพารานั้นเบื้องต้นเกษตรกรขอให้ราคาปัจจุบันใกล้เคียงกับต้นทุน 65.25 บาทต่อกิโลกรัมก่อน จากนั้นจึงหามาตรการแก้ไขต่อไป ราคาล่าสุดวันที่ 22 ส.ค. อยู่ที่ 22.82 บาทต่อกิโลฯ 

ยางใต้ยื่น 7 ข้อเสนอ 

เวลา 11.30 น. ที่ศูนย์บริการประชาชนฯ ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนเครือข่ายชาวสวนยางพาราภาคใต้ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำให้แก่เกษตรกร โดยนายประทบ สุขสนาน ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคายางพาราคงต้องปล่อยตามกลไกตลาด เพราะหากกำหนดราคาต่อก.ก.ให้รัฐบาล รัฐบาลก็คงไม่เห็นชอบและถือเป็นการแทรกแซงราคา ไม่สามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้ ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯจะไม่มีการชุมนุมปิดถนน แต่อาจรวมตัวกันเพื่อแสดงพลัง ซึ่งต้องดูท่าทีของรัฐบาลก่อนว่ามีการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เชื่อว่าหากมีรัฐบาลที่ครบสมบูรณ์ การชุมนุมเรียกร้องก็ทำได้เพราะเป็นเรื่องปัญหาปากท้อง ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง 

นายประทบกล่าวว่า ทางเครือข่ายฯได้เสนอแนวทางแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบ ดังนี้ 1.ให้ส่งเสริมสถาบันเกษตรกรแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยรัฐบาลสนับสนุนการนำยางไปแปรรูปใช้ในประเทศ จัดทำเป็นโครงการนำร่องให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน 2.จัดทำสต๊อกสินค้าปริมาณยางพาราภายในประเทศ 3.จัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบจัดเก็บข้อมูลสถิติพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งที่มีเอกสารสิทธิและไม่มีเอกสารสิทธิ 4.กำหนดมาตรการป้องกันการลักลอบนำยางพาราออกนอกราชอาณาจักร 5.ให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางดูแลเกษตรกรชาวสวนยางตั้งแต่การปลูกจนถึงการโค่นล้มไม้ยางพารา 6.ให้เพิ่มวงเงินการขอทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อลดปริมาณผลผลิตยางพาราภายในประเทศ 7.รณรงค์ให้เกษตรกรหยุดกรีดยาง 6 เดือน เพื่อลดปริมาณผลิตผลยางพาราออกสู่ตลาด

ปลัดอำเภอให้กำลังใจ"ปนัดดา"

เวลา 07.45 น. ที่ห้องรับรองสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล มีตัวแทนสมาชิกกลุ่มคณะกรรมการสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) นำโดยนายเรวัติ เครือบุดดีมหาโชค ประธานสมาพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เข้าพบและให้กำลังใจ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกฯ โดยนายเรวัติกล่าวว่า ตนและส.ปอ.ท.ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศขอเป็นกำลังใจและขอสนับสนุนแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของม.ล.ปนัดดา รวมถึงการต่อต้านยับยั้งการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกภาคส่วน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป

จากนั้น ส.ปอ.ท. ยื่นแถลงการณ์ต่อปลัดสำนักนายกฯ ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนภารกิจ 4 ข้อคือ 1.ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้เหนือสิ่งอื่นใด ยึดมั่นการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ยึดมั่นและดำรงความถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล หยุดยั้งและต่อต้านการทุจริต 3.รักษาความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน ถวายความปลอดภัยแด่องค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ และ 4.ขับเคลื่อนนำพาประชาชนและประเทศชาติสู่ความเจริญรุ่งเรืองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุนให้ตราพ.ร.บ.จัดระเบียบบริหารการพัฒนาหมู่บ้าน พ.ศ.... รวมทั้งการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่ล้าหลังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาชนและประเทศ

เสียงเครือ-สัญญาไม่ทำให้ผิดหวัง

ม.ล.ปนัดดากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือกับส.ปอ.ท.ว่า ถือเป็นกำลังใจให้ปฏิบัติหน้าที่ในอีก 2 ปีที่เหลือและจะไม่ทำให้คนกระทรวงมหาดไทยผิดหวัง จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความถูกต้องและไม่ลืมคำมั่นสัญญาที่จะช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ปลอดภัย ขอกำลังใจจากทุกคนส่งถึงข้าราชการทั่วประเทศเพื่อให้เป็นแบบอย่างของคนดี ไม่ใช่ของคนไม่ดี ตนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่

จากนั้นม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดแต่งชุดดำของกลุ่มองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เพื่อแสดงความไม่พอใจกรณีโพสต์เฟซบุ๊กระบุ อบจ.ใช้งบประมาณฟุ่มเฟือยเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ว่า ยืนยันไม่ได้ตำหนิทั้งหมด การกระทำเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลเฉพาะกลุ่ม ที่ได้พบกับเลขาธิการสมาคม อบจ.ก็เชื่อว่าความเข้าใจเกิดขึ้นมาก ตนไม่ได้หมายถึงอปท.ทั้งหมด ใครจะกล้าพูดเช่นนั้น 

ไม่เปิดชื่ออบจ.จิบไวน์แพง 

ม.ล.ปนัดดา ยืนยันว่า คงไม่เปิดเผยราย ชื่อนายกอบจ.ที่นั่งเครื่องบินเฟิร์สต์คลาส จิบไวน์ขวดละแสนบาทตามที่ระบุในเฟซบุ๊ก เมื่อถามว่าถ้าไม่เปิดเผยชื่อจะส่งชื่อให้ อปท.ช่วยกันตรวจสอบหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เรามีขั้นตอนทำงาน เมื่อถามย้ำว่าถ้าไม่เปิดเผยชื่อแล้วจะตรวจสอบอย่างไร ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ขอไม่พูดเรื่องนี้ เมื่อถามว่าบอกได้หรือไม่ว่าอบจ.จากภาคไหน ม.ล.ปนัดดาหัวเราะแต่ไม่ตอบคำถาม 

เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับอบจ.แต่ละจังหวัดหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ตนได้รับเชิญจากอบจ.ให้ไปพูดเรื่องอาเซียน ซึ่งเป็นโอกาส ไม่ใช่จะไปทำความเข้าใจเพียงอย่างเดียว

เมื่อถามว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้รู้สึกท้อหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่ท้อและตนเป็นคนเช่นนี้ อุปนิสัยใจคอเช่นนี้ เป็นอย่างไรเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น คิดว่าส่วนปกครองท้องถิ่นและส่วนปกครองระดับภูมิภาคต้องคานอำนาจและตรวจสอบกัน ต้องกอดคอกันทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่กอดคอกันทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คิดว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะมีกรอบความคิดเช่นนี้ อย่าคำนึงแค่เรื่องการกระจายอำนาจอย่างเดียว แต่อยากให้กระจายอำนาจที่เป็นระบบ ระเบียบ และสร้างสรรค์ก่อประโยชน์ให้สังคม เป็นไปได้อยากให้มีคณะกรรมการจริยธรรมประจำทุกหน่วยงานในทุก อปท.และต้องให้อำนาจให้เขาทำหน้าที่ ไม่ใช่ตั้งขึ้นเพื่อจัดอบรมเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง และการปราบทุจริตก็เป็นความมุ่งมั่นของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นวาระแรกที่จะกอบกู้ฟื้นประเทศให้คืนสภาวะปกติ เราทุกคนขอเป็นกำลังใจให้นายกฯ

เมื่อถามว่าจะเสนอให้คสช.สังคายนาอปท.หรือไม่ในเรื่องทุจริต ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ทราบว่าเรื่องเหล่านี้อยู่ในใจอยู่แล้ว การทุจริตถือเป็นศัตรูกับข้าราชการและประชาชน เราต้องช่วยกันฝ่าฟันปัญหานี้ให้ได้

ยันไม่ได้รับทาบทามนั่งรมต. 

ม.ล.ปนัดดา ยืนยันว่า ไม่ได้รับการติดต่อทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีเพราะตนเป็นข้าราชการประจำ เคยเป็นทั้งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ถือว่าโก้มากแล้ว ผู้ว่าฯและได้เป็นปลัดสำนักนายกฯ ถือว่าสูงและเป็นเกียรติยศของตัวเองและวงศ์ตระกูล ส่วนการจัดทำบัญชีโยกย้ายข้าราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ อีกไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย อาจต้องรอจนกว่าจะมีครม.เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก่อน

ม.ล.ปนัดดากล่าวถึงความคืบหน้าปรับปรุงทำเนียบว่า ทุกอาคารจะเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค. หรือยืดหยุ่นเล็กน้อย ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้กล่าวถึงการเข้ามาทำงานในทำเนียบว่าเมื่อไร ส่วนที่มีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์จะรอเกษียณในตำแหน่งผบ.ทบ.ก่อนจึงจะเข้ามาทำงานในทำเนียบนั้น ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คิดว่าเมื่อมี ครม.แล้วคงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามานั่งทำงานในทำเนียบ ตนคาดว่าเช่นนั้น หลายคนก็เชื่อเช่นนั้น

"อรินทราช"ตรวจทำเนียบ 

ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเช้า คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย (อรินทราช 26) บก.สปพ. จำนวน 50 นาย ซึ่งเป็นหน่วยงานปฏิบัติการทางยุทธวิธีของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ที่รับผิดชอบภารกิจการต่อต้านการก่อการร้ายสากลและการแก้ไขวิกฤตการณ์อาชญากรรมร้ายแรง เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานและการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบ รวมถึงสำรวจสภาพพื้นที่และศึกษาแผนผังอาคารต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังมีรัฐบาลชุดใหม่ โดยมีพ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 และหัวหน้าส่วนสำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบ เป็นผู้บรรยาย ทั้งนี้ หน่วยงานดังกล่าวเคยเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบช่วงที่มีชุมนุมทางการเมือง 

สำหรับการปรับปรุงอาคารต่างๆ ในทำเนียบรัฐบาล ผู้รับเหมาและฝ่ายช่างเร่งงานและเก็บรายละเอียดเพื่อเตรียมส่งมอบงานในส่วนของตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี และตึกนารีสโมสร ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เหลือเพียงการปรับปรุงพื้นการจราจรโดยรอบทำเนียบเพื่อรอราดยางแอสฟัลต์ ซึ่งจะดำเนินการ เป็นลำดับท้ายสุดหลังปรับปรุงอาคารต่างๆ เรียบร้อยแล้ว

"สมชัย"ยื่นเอกสารชิงสปช.

เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เข้ายื่นเอกสารรับการสรรหาเป็นสปช.ด้านการเมือง ในนามสำนักงานกกต. โดยกล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิในฐานะองค์กรนิติบุคคลตามที่กกต.มีมติเสนอชื่อตน และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เข้ารับการสรรหา จากนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาสปช.และคสช. จะคัดเลือกให้เป็นสปช.หรือไม่ 

นายสมชัยกล่าวว่า หากได้รับการสรรหายืนยันว่าจะยึดหลักทำงาน 3 ด้าน คือ 1.มองประโยชน์ของสังคมเป็นหลักมากกว่าตนเอง หรือกกต. 2.นำประสบการณ์การเลือกตั้งเข้าไปช่วยเสนอแนวทางแก้ปัญหาจัดการเลือกตั้ง และ 3.อยากให้การปฏิรูปครั้งนี้ เป็นที่ยอมรับของประชาชนก็ต้องฟังเสียงประชาชน อยากให้ใช้กลไกสปช.เป็นทางออกของสังคม ไม่อยากให้แยกสี แยกฝ่าย ซึ่งตนมีแผนงานเสนอชัดเจน แต่หลายเรื่องควรช่วยกันคิด ช่วยกันตรวจสอบ จึงควรรับฟังและร่วมกันคิดในข้อเสนอต่างๆ ดีกว่า 

มั่นใจสมัครตามเป้า3พันคน 

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบการเสนอชื่อ สปช.มีปัญหาอะไรและจากการทยอยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับการเสนอชื่อก็ไม่พบว่าใครมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ มีเพียงนางลีนา จังจรรยา ที่มีปัญหาเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่ได้มีหนังสือแจ้งประสงค์ขอไม่รับการสรรหาแล้ว องค์กรนิติบุคคลที่เข้าเสนอชื่อก็ไม่พบว่าขาดคุณสมบัติ ส่วนคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดก็เข้าใจชัดเจนว่าต้องเปิดรับการเสนอชื่อไปจนถึงวันที่ 2 ก.ย. และก่อนวันที่ 2 ก.ย. ไม่สามารถประชุมพิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นสปช.ได้ และแม้หลังวันที่ 2 ก.ย. ตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จก่อนระยะเวลา 10 วันกำหนดไว้ การจะประชุมคัดเลือกบุคคล 5 คน เป็นผู้เหมาะสมเป็นสปช.ก่อนก็ไม่ควร ควรเริ่มคัดเลือกพร้อมกับคณะกรรมการสรรหา 11 ด้าน เพื่อให้การคัดเลือกผู้เป็นสปช.ทั้งจาก 2 ส่วนเป็นไปสอดคล้องกัน

นายภุชงค์กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้การเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาขององค์กรนิติบุคคลบางด้านอาจมีผู้เข้ารับการสรรหาไม่ถึง 50 คน ตามที่กฎหมายกำหนดว่าให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.ด้านละไม่เกิน 50 คน แต่ถึงวันที่ 2 ก.ย. ที่ปิดรับการเสนอชื่อ จะมีผู้เข้ารับการสรรหาเกินกว่า 50 คนแน่นอน เมื่อรวมยอดก็จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีผู้เข้ารับการเสนอชื่อราว 3 พันคน

13 วันสมัครสปช. 2,792 คน

เวลา 17.00 น. การเปิดรับการเสนอชื่อเป็นสปช.เข้าสู่วันที่ 13 มีองค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. 11 ด้าน จำนวน 193 ส่วนระดับจังหวัดมี 138 คน ทำให้ยอดรวมการเสนอชื่อตั้งแต่วันที่ 14-26 ส.ค. มีองค์กรนิติบุคคล 1,020 คน ระดับจังหวัด 1,772 คน รวม 2,792 คน สำหรับการเสนอชื่อวันเดียวกันนี้ มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ ด้านการเมือง สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอชื่อนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานกกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายพิฑูรย์ พุ่มหิรัญ อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 

ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอชื่อนายอุดม รัฐอมฤต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายชาติชาย สิทธิกลม อดีตเลขาฯ กสม. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายปัญญา อุดชาชน ที่ปรึกษาสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ นายพิมล พูพิพิธ อดีตคณบดีบัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง

"ยุทธศักดิ์"มีชื่อเข้าชิง

ด้านปกครองท้องถิ่น มูลนิธิพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ เสนอชื่อนายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านเศรษฐกิจ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ เสนอชื่อนายวิชัย เบญจรงคกุล กรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เบญจจินดา กรุ๊ป สมาคมกงสุลกิตติมศักดิ์ (ประเทศไทย) เสนอชื่อนาย อัมรินทร์ คอมันตร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศสหรัฐอเมริกา 

ด้านสื่อมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอชื่อนายมานิต สุขสมจิตร สื่อมวลชนอาวุโส และที่ปรึกษาชมรมเพื่อโดม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสนอชื่อ พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร เลขานุการประธานกสทช. และด้านอื่นๆ มูลนิธิโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เสนอชื่อพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศ 

มท.เคาะส่งใคร 28 สิงหา 

เวลา 08.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดฯ มหาดไทย กล่าวหลังเป็นประธานประชุมกระทรวงมหาดไทย ถึงการสรรหา สปช. ในส่วนกระทรวงมหาดไทยว่า จะพิจารณาวันที่ 28 ส.ค. คาดจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ โดยจะพิจารณาบุคคลที่มีความสามารถ ไม่ได้ดูจากตำแหน่ง ซึ่งทาบทาบทั้งอดีตข้าราชการ ผู้บริหารกระทรวง และข้าราชการที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน เบื้องต้นหลายคนตอบรับมาแล้ว วันที่ 28 ส.ค. จะประชุมเสนอรายชื่อ และการสรรหาองค์กรอิสระเพื่อคัดเลือกสมาชิกสภากรุงเทพ มหานคร(ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) เป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งคสช. โดยจะประชุมที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 

"วิบูลย์"ไม่หนักใจข่าวเด้งพ้นปลัด 

นายวิบูลย์กล่าวถึงการเตรียมรับรมว.มหาดไทยคนใหม่ว่า ได้สรุปภารกิจของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงข้อมูลที่ได้รับมอบภารกิจจากคสช. เพื่อเตรียมรายงานต่อรัฐมนตรี และกระทรวงพร้อมรับนโยบายของรมว.มหาดไทยคนใหม่มาปฏิบัติอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าหนักใจกับการทำงานหรือไม่หลังมีข่าวโยกย้ายเกิดขึ้น นายวิบูลย์กล่าวว่า "ไม่หนักใจ เป็นธรรมดาของการทำงานที่มีความต้องการและความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งผมไม่ได้เอามาเป็นสาระ บางเรื่องเป็นข่าวฮาๆ ผมมองในภาพบวกมาตลอด การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ผมเตรียมพร้อมอย่างเดียวคือพร้อมทำงาน"

นายวิบูลย์กล่าวถึงกรณีปลัดสำนักนายกฯ โพสต์พฤติกรรมของผู้บริหารอบจ.บางคน ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวจนทำให้นายกอบจ.และข้าราชการท้องถิ่นไม่พอใจ นัดแต่งดำประท้วงว่า กระทรวงไม่ได้สั่งตรวจสอบเรื่องนี้ คิดว่าสมาคมอบจ.และผู้เกี่ยวข้องคงประสานขอข้อมูลจากปลัดสำนักนายกฯ โดยตรง

อภิวันท์ป่วยหนัก-อยู่"ปินส์"

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า หลังจากศาลอาญาอนุมัติหมายจับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ในความผิดตามประมวลอาญามาตรา 112 กรณีขึ้นปราศรัยเวทีนปช. กล่าวพาดพิงสถาบัน ในท้องที่สน.ชนะ สงครามนั้น ล่าสุด พ.อ.อภิวันท์ ป่วยเป็น โรคปอด รักษาตัวอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ขณะนี้อาการยังน่าเป็นห่วง โดยก่อนหน้านี้ พ.อ.อภิวันท์ บ่นว่าไม่ค่อยสบาย และที่มีอาการหนักเพราะสูบบุหรี่ด้วย ทราบว่ายูเอ็นเอชซีอาร์ขององค์การสหประชาชาติเข้ามาให้การดูแล ให้เป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองระหว่างการรักษา สมาชิกนปช.ที่ทราบข่าวต่างกังวลใจ

ปล่อย"วีระ"-กลุ่มปฏิรูปพลังงาน

วันที่ 26 ส.ค. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกและทีมโฆษกคสช. เผยว่า วันที่ 27 ส.ค. กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนา "การปฏิรูปพลังงานเพื่อความปรองดองของชาติ" ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีรังสิต ตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น. มีตัวแทนกระทรวงพลังงาน อาทิ นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ รองปลัดฯ และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม และกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) จะนำตัวนายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำคนไทยหัวใจรักชาติและกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงาน ที่ถูกจับกุมเนื่องจากออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้ด้วย

เวลา 16.30 น. ที่บก.ป. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. พร้อมเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร เข้าพบ พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อเบิกตัวนายวีระ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีตส.ว.สมุทรสงคราม นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา แกนนำกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย พร้อมพวกรวม 8 คน ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เพื่อซักถามและปรับทัศนคติ

รายงานข่าวแจ้งว่า ทหารพิจารณาปล่อยตัวนายวีระ กับพวกรวม 8 คน ในวันที่ 27 ส.ค. เวลา 08.00 น. โดยจะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งตัวไปยังสโมสรทหารบก ส่วนที่ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากมีการพูดคุยปรับทัศนคติกันเข้าใจแล้ว ทั้งหมดรับปากว่าจะไม่เคลื่อนไหวด้วยวิธีเดินเท้าไปตามท้องถนนอีก แม้บางรายจะไม่ยอมตกปากรับคำด้วยความเต็มใจแต่ถูกนายวีระ และพวกที่เหลือห้ามปรามไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเดินเท้าของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เข้ากรุงเทพฯในวันที่ 8 นั้น ยังคงอยู่ที่จ.นครศรีธรรมราช โดยมีชุดใหม่รับช่วงเดินรณรงค์ต่อ อาทิ นายเลิศชาย ศิริชัย นายวิชาญ เชาวลิต นายอุดม ศรีนวล และเครือข่ายนักวิชาการหลายคนที่ออกเดิน ทิ้งระยะไม่ให้เกินกลุ่มละ 5 คน

นายเอกชัย อิสระทะ เครือข่ายขาหุ้นฯกล่าวว่า ช่วงเช้าเดินออกจากอ.ท่าศาลา จะใช้เวลาอีก 3 วันเพื่อเข้าสู่เขตจ.สุราษฎร์ธานี บรรยากาศสองข้างทางคึกคักมาก มีประชาชนรอให้กำลังใจตลอดเส้นทาง ผู้ร่วมเดินจึงมีกำลังใจอย่างมาก และมีนักวิชาการในพื้นที่มาร่วมเดินด้วยหลายคน