- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 24 August 2014 12:15
- Hits: 3681
ชง'บิ๊กเต่า-ดาว์พงษ์'เสียบ มท.-กห. ถ้าป้อม-ป๊อกปัดร่วมครม. บิ๊กตู่รับพระราชโองการ ตั้งนายกฯ 10 น.จันทร์นี้ เปิดใจแถลงแนวบริหาร แจงเหตุ?บัตรสนช. 6 ปี
'บิ๊กตู่'ตรวจความพร้อม บก.ทบ. จัดสถานที่รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯนายกฯ 25 ส.ค. ถ่ายสดรวมการเฉพาะกิจ
@ ยันซ่อม"ทำเนียบ"ทันรบ.ใหม่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมความคืบหน้าปรับปรุงห้องสีงาช้างและห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ลวดลายต่างๆ ทั้งสองห้อง มีสภาพทรุดโทรม ทางกรมศิลปากรเข้ามาปรับปรุงวาดลวดลายและซ่อมบำรุงใหม่ เป็นไปตามมาตรฐานโบราณสถานและโบราณวัตถุ
"ซึ่งห้องสีงาช้างและห้องสีเขียวเป็นห้องรับรองในพิธีการต่างๆ ทั้งนี้คิดว่าภาพรวมจะเสร็จทันตามกรอบเวลา ยกเว้นตึกบัญชาการ 2 ที่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน เนื่องจากตัวตึกภายในเป็นไม้" ม.ล.ปนัดดากล่าว
@ เผยบิ๊กตู่ยังไม่เข้ามาทำงาน
ม.ล.ปนัดดากล่าวถึงการใช้พื้นที่ในพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ว่า คงจะใช้ตึกบัญชาการกองทัพบก ส่วนพิธีการรับสนองฯนั้นจะใช้สถานที่ใดสุดแล้วแต่จะพระราชทานโปรดเกล้าฯลงมา
"ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงจะรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาใช้ทำเนียบรัฐบาล อีกทั้งคิดว่าหลังจากมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแล้ว จะต้องมีขั้นตอนแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ครม. จะต้องเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น หากยังไม่มี ครม. ว่าที่นายกรัฐมนตรีจะยังไม่เข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาล" ม.ล.ปนัดดากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าถูกทาบทามให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่มีการทาบทามแต่อย่างใด เพราะตนเป็นข้าราชการประจำ นั่งทำงานในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเริ่มต้นรับราชการเป็นข้าราชการจังหวัด กระทั่งโชคดีได้มาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ถือว่าเป็นความฝันสูงสุดแล้ว
เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้มีข้าราชการประจำเป็นจำนวนมากจะดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ที่มีนักการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ข้าราชการประจำจะยึดเรื่องระเบียบวินัย ความถูกต้องตามครรลองครองธรรม ถือหลักผู้บังคับบัญชาตามสายงานราชการ โดยหัวใจสำคัญคือ การรับใช้ประชาชน ถ้าข้าราชการทุกคนคิดได้ตามกรอบนี้ได้ ระบบราชการจะเรียบร้อยและเป็นไปตามมาตรฐานในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทย
"ขณะที่นักการเมืองจะมีความหลากหลาย มีความแตกต่างกัน ทั้งที่มาที่หลากหลายในการเป็นผู้แทนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ หากประสานงานกันได้ทั้งสองส่วน ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศชาติ" ม.ล.ปนัดดากล่าว
@ เตรียม"ทบ."รับพิธีโปรดเกล้าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. และว่าที่นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อติดตามการทำงาน และในช่วงบ่ายวันที่ 24 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาจะซักซ้อมพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่ บก.ทบ. โดยได้จัดเตรียมห้องประชุมบริเวณชั้น 2 ไว้ เพื่อใช้เป็นห้องจัดพิธี
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะแถลงแนวทางการทำงานต่อประชาชน
@ "บิ๊กต้อม"ชี้โผ"ครม.ตู่1"เหมาะสม
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี (ครม.) ว่า แม้ว่าตามโผ ครม.ในกระทรวงใหญ่จะเป็นนายทหารนั้น ตนคิดว่าสื่อมวลชนต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนถึงคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งตรงนี้เป็นข้าราชการประจำ ถ้าไปเปรียบเทียบกับนักการเมืองที่ผ่านๆ มา เห็นเป็นที่แน่ชัดว่าบางกระทรวง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ ก็ไปเอาคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเข้ามา
"ขอถามว่าแล้วจะมีประสิทธิภาพในการบริหารงานได้อย่างไร แต่ว่าคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดก็ตามต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์ มีความตั้งใจ และจริงใจในการบริหารงาน ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติงานจริงๆ คือ ข้าราชการประจำ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วในการให้ข้าราชการประจำมาบริหารงานกระทรวง เพราะเป็นคนสนองนโยบายลงไปปฏิบัติอย่างแท้จริง" พล.ต.วราห์กล่าว
@ หนุน"บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กจิน"นั่งรมต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง คสช. ติดโผเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เหมาะสมหรือไม่ พล.ต.วราห์กล่าวว่า พล.อ.ธนะศักดิ์เหมาะสมดีเพราะติดต่อกับนานาชาติมามากมาย ทั้งยังเคยเป็นผู้บัญชาการหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากลมาแล้ว เหมาะสมแล้วที่ได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ "ส่วน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. ก็เหมาะสม เพราะสำเร็จการศึกษาดุษฎีบัณฑิตด้านพลังงาน นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นภาพเท่านั้น แต่สิ่งสะท้อนชัดเจนคือ หัวหน้า คสช.ได้เลือกบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ และมีความโปร่งใสเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง" พล.ต.วราห์กล่าว และว่า ทหารถูกมองแบบนี้มาตั้งแต่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจในวันที่ 22 พฤษภาคม ฉะนั้นขอให้ดูที่ความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองดีกว่า ตนคิดว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคนที่จะมาทำงานต้องมีคุณธรรม จริยธรรม อีกทั้งข้อดีของข้าราชการประจำคือ จะทำงานในกรอบกติกา กฎระเบียบ ทำเพื่อประเทศชาติปราศจากการทุจริต
@ "มทภ.1"เชื่อมือ"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯ
พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี สนช.มีมติเป็นเอกฉันท์เลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ว่า จะพูดไปแล้วในฐานะที่ตนเป็นทหารและประชาชน ขอบอกเลยว่าไม่มีความเป็นห่วงหรือกังวลอะไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเก่ง พวกเราก็ช่วยกันสนับสนุนตามแนวทางหรือโรดแมปที่ได้วางไว้ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ต้องไปบอกว่านายกรัฐมนตรีจะต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง เพราะขณะนี้ คสช.ก็ทำหมดทุกอย่างอยู่แล้ว
"ทหารก็ทำตามนโยบายสนับสนุนเต็มที่ให้สามารถเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ให้สามารถเดินไปข้างหน้าให้ได้ ผมเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ พวกเราจะช่วยนายกฯทำงาน ปัญหาต่างๆ จะช่วยกันแก้ไข เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีสามารถทำได้แน่นอน กำลังพลทั้งกองทัพบกเชื่อมั่นในความสามารถในตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน" พล.ท.ธีรชัยกล่าว
@ ฮึ่ม!กลุ่มต้านอย่าขวาง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นห่วงกลุ่มบุคคลที่จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า คงออกมาไม่ได้ จะออกมาได้อย่างไร ขอบอกว่าในสมัยที่พวกเขาบริหารประเทศอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อ คสช.เข้ามาบริหารประเทศแล้วจะไปขวางด้วยเหตุผลอะไร ขวางทำไม พวกเขาอยู่ตั้ง 8-9 ปี ไม่เห็นทำอะไร พอ คสช.เข้ามาแล้วจะมาขวางเรื่องอะไร ขอให้ดูการบริหารงานของรัฐบาลก่อน ซึ่งต้องเป็นกำลังใจให้กันดีกว่า ก็เหมือนอย่างที่หัวหน้า คสช.พูดว่า ต้องดูการทำงานก่อน เมื่อเปิดโอกาสให้เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วจะมาบอกว่าทำไม่ได้คงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
@ วอนใจเย็นๆรอดูผลงาน
"อยู่มา 8-9 ปี มีแต่ปัญหาเยอะแยะ ขณะที่เราเข้ามาแก้ปัญหากำลังทำงานกันอยู่ทุกวัน ปัญหามีเยอะต้องช่วยกันสนับสนุนให้เกิดความราบรื่น ต้องหันหน้ามาช่วยกัน อย่าเพิ่งออกมาติกันเลย ทุกอย่างก็สามารถพูดคุยกันได้ และต้องมีเสียงสะท้อนบ้างเป็นธรรมดา แต่ต้องพูดคุยกันได้ ไม่ใช่ออกมาติกันซะแล้ว ต้องใจเย็นๆ ดูการทำงานของรัฐบาลไปก่อนไม่ดีกว่าหรือ ผมขอรับรองว่านายกรัฐมนตรีตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ พวกเรา คสช.ก็ทำงานด้วยใจกันทุกคน มีความรู้ไม่ใช่พวกเรามาจากกระบอกไม้ไผ่" พล.ท.ธีรชัยกล่าว และว่า ฉะนั้นทุกภาคส่วนต้องช่วยกันทำงานเพื่อให้ประเทศชาติขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ ทั้งนี้ในฐานะ ผบ.กกล.รส. ได้สั่งเกาะติดกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีจำนวนหนึ่งแต่เปิดเผยไม่ได้
@ เมิน"ทักษิณ"วิจารณ์ปฏิรูป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจและการปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ใครทำกันมาต้องกลับไปดูในอดีตกันบ้าง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงคนไทยมีความรู้ความสามารถเยอะ เขาเก่งคนเดียวซะที่ไหน เราต้องให้กำลังใจกันเพื่อให้นายกรัฐมนตรีมีกำลังใจในการทำงาน รับรองได้ว่าไม่เกินความสามารถของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ถึงการตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีนายทหารชั้นนายพลใน คสช.เข้ามาเป็นรัฐมนตรีกันจำนวนมาก พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า ยังไม่ได้ตั้งกันเลย ยังไม่เห็นหน้าตาเป็นอย่างไรก็ออกมาวิจารณ์กันแล้ว ขอให้คอยดูก่อนไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรเลยเป็นเพียงเขาเล่าว่า รอให้ ครม.ออกมาก่อนค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า มีความเป็นได้ว่านายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยหรือไม่ พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า รายชื่อ ครม.ยังไม่ออกมาเลย เมื่อออกมาก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน อย่าไปคาดการณ์อะไรล่วงหน้า
@ "บิ๊กแดง"ชี้กลุ่มต้านผิดอัยการศึก
พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) กล่าวถึงกรณีมาตรการในการดำเนินคดีต่อกลุ่มต่อต้าน คสช.ว่า ทุกอย่างต้องปฏิบัติไปตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 หากแต่ต้องดูที่เจตนาไป ถ้าการดำเนินการที่ขัดต่อ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ต้องทำตามขั้นตอนและกระบวนการอย่างละมุนละม่อม ทั้งนี้ตามกฎหมายก็ไม่ได้ใช้เต็มรูปแบบเต็มอัตราอยู่แล้ว มิหนำซ้ำประชาชนทั่วไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี อีกทั้งยังให้เวลา คสช.เข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศชาติ
"ดังนั้น กลุ่มคนต่อต้านเล็กๆ น้อยๆ สามารถแสดงความเห็นได้ แต่ไม่ควรแสดงออก ซึ่งถ้าพบว่ามีการนัดกลุ่มชุมนุมประท้วงกัน ทางตำรวจต้องประสานงานมายังเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการตามกฎหมาย" พล.ต.อภิรัชต์กล่าว
@ เผยรู้ตัวมือดีโปรยใบปลิว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการจับกุมผู้โปรยใบปลิวโจมตี คสช.ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า เป็นบางพวกบางกลุ่มที่อยากจะแสดงออกโจมตี คสช. ตอนนี้รู้ตัวผู้กระทำผิดหมดแล้ว ที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าน่าจะเป็นกลุ่มใดที่กระทำการ ทั้งนี้ จะเห็นได้ชัดเจนคนที่กระทำการไม่กล้าทำแล้ว เมื่อถามย้ำว่าเป็นกลุ่มใด พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า เป็นวัยรุ่นที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช. หรือไม่ก็อาจจะได้รับการว่าจ้างจากหัวหน้าใหญ่มาอีกต่อหนึ่ง เพื่อจะสร้างสถานการณ์ให้มีเชื้อในการต่อต้านและการเคลื่อนไหวอยู่
เมื่อถามว่า ทราบหรือยังว่าผู้กระทำผิดถูกกลุ่มคนใดเป็นผู้ว่าจ้างมา พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า รอให้จับได้ก่อน แต่ตอนนี้รู้หมดแล้ว รู้แหล่งว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง โดยทางตำรวจจะพยายามสืบหาให้ละเอียดกว่านี้ รวมทั้งพยายามสืบหาผู้ที่โจมตี คสช.ตามสื่อออนไลน์ด้วย ส่วนจะเปิดเผยการจับกุมเมื่อใดต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ
@ ดันบิ๊กเต่าคุมมท.-ดาว์พงษ์นั่งกห.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดโผ ครม.ยังต้องรอความชัดเจน โดยเฉพาะในตำแหน่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ปรึกษา คสช. และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ปรึกษา คสช. ที่มีข่าวว่าจะมารับตำแหน่งในรัฐบาล เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์เคยเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์มาก่อน จึงมีการพิจารณาว่า หากเข้าร่วมรัฐบาล จะมีความเหมาะสมหรือไม่ และหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ซึ่งอาจจะมี คสช.เข้ามาเป็นรัฐมนตรี และอาจต้องแต่งตั้ง คสช.เพิ่ม พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์อาจจะเข้าไปทำหน้าที่ใน คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์ไม่รับตำแหน่ง มีแนวโน้มว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ได้รับการวางตัวให้เป็น รมว.แรงงาน อาจมาเป็น รมว.มหาดไทย และให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม
@ "พท."ชี้ต้องให้โอกาสทหาร
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตอนนี้เป็นห้วงเวลาของฝ่ายความมั่นคงในการเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองและปัญหาต่างๆ ในเวลาอันจำกัดตามโรดแมปที่ประกาศต่อสาธารณชนและชาวโลกไว้ ฝ่ายการเมืองจึงควรให้โอกาสและไม่ขัดขวางการทำงานของผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถแสดงความเห็น หรือเสนอแนะอะไรไม่ได้
"ความจริงได้เคยเสนอความเห็นในเชิงหลักการ โดยเน้นไปที่หัวใจของปัญหาบ้านเมือง หากจัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่กระทบกับความมั่นคงของชาติ ยังยืนยันความเห็นเดิมว่า ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองแบ่งเป็นฝ่าย ลงลึกไปยังตำบล หมู่บ้าน เป็นปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ถึงขั้นที่นักลงทุนอาจย้ายฐานการลงทุนหากการเมืองยังไม่มั่นคง และปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากมายจนเราจะไม่สามารถตามโลกและประเทศเพื่อนบ้านได้ทัน" นายชวลิตกล่าว
@ ยกหลักศาสนา"เมตตา-อภัย"
นายชวลิต กล่าวว่า ประเทศบอบช้ำมานานมากแล้ว ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันก้าวให้พ้นหลุมดำแห่งความขัดแย้งให้ได้ ลำพังจะใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์แก้ไขปัญหาของประเทศ อาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้หลักศาสนามาประกอบด้วยคือเมตตาและอภัย ซึ่งในห้วงหลายปีที่ผ่านมาที่คนไทยทนทุกข์ทรมานกับความขัดแย้งในบ้านเมืองนั้น
"ถ้าพวกเราสังเกตให้ดี จะมีพระบรมราโชวาทที่ทรงคุณค่าที่องค์พระประมุขของเราพระราชทานแก่คนไทยทุกคนในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2555 และวันที่ 31 ธันวาคม 2555 พระราชทานพรปีใหม่มีสาระสรุปว่า ทรงอยากเห็นคนไทยมีเมตตาและปรารถนาดีต่อกัน เราซึ่งเป็นพสกนิกรควรน้อมนำพระบรมราโชวาทมาเป็นหลักหรือเป็นธงในการนำทาง ปัญหาต่างๆ น่าจะได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ด้วยดีจากความร่วมมือของทุกฝ่าย" นายชวลิตกล่าว
@ ไม่แปลกใจ"ครม.ตู่1"ทหารอื้อ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท.กล่าวถึงกระแสโผ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ส่วนใหญ่เป็นทหาร ว่าเป็นเรื่องปกติที่ ครม.ส่วนใหญ่เป็นทหาร หากเป็นพลเรือนมากกว่าถึงเป็นเรื่องแปลก อย่างที่มี สนช.ก็มีทหารเกินครึ่ง ส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คงมาตามที่เขากำหนดไว้เช่นกัน พรรคเพื่อไทยถึงไม่อยากเข้าไป ไม่มีอะไรผิดคาด
"หากจะดูตัวอย่าง พล.อ.ประยุทธ์นั่งควบถึง 3 ตำแหน่งยังไม่แปลกเลย โดยในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เราบอกว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แต่ของ พล.อ.ประยุทธ์คือตั้งค่ายทหารในรัฐบาล" นายเรืองไกรกล่าว
@ แนะเลือกคนที่เหมาะสม
นายเรืองไกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องทบทวน หากตั้งรัฐบาลที่มีทหารเกินครึ่งแต่ไม่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจ อันนี้จะทำให้ประเทศติดหล่มอำนาจอีกครั้ง ตรงนี้เป็นห่วง ฝากให้ใช้คนที่ถูกงาน ตนไม่เชื่อทหารเก่งทุกคน เข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์มีความเด็ดขาดเป็นจุดแข็ง แต่การใช้คนเหมาะสมหรือไม่เป็นจุดอ่อน เห็นจากการตั้ง สนช.เอาพรรคพวกมาล็อกโหวตไม่ให้มีใครค้าน แต่การเป็นรัฐบาลคนละเรื่อง ต้องใช้คนมีความรู้ความสามารถ และที่ทุกคนไม่ขวางเป็นอันตราย ยาต้องขมถึงรักษาโรคได้ ยาหวานๆ ไม่เกิดประโยชน์ ตนเป็นห่วง
นายเรืองไกร กล่าวว่า ส่วนที่ว่ากฎอัยการศึกยังไม่ยกเลิก ตนว่าน่าแปลก คือจะให้กฎอัยการศึกทั้ง 2 ฉบับออกไปหรือจะยกเลิกสักฉบับ เพราะวันนี้มีกฎอัยการศึก 2 ฉบับ คือวันที่ 20 พฤษภาคม ออกโดยผู้บัญชาการทหารบก วันที่ 22 พฤษภาคมอีกฉบับหนึ่ง ออกโดยหัวหน้า คสช. สรุปจะใช้ฉบับใด ส่วนตัวไม่มีปัญหา แต่งงมากว่าทำไมมีกฎหมายซ้อนกันอยู่ และที่เรียกไปรายงานตัวใช้ฉบับวันที่ 20 หรือ 22 พฤษภาคม
@ ปชป.เชื่อ"บิ๊กตู่"เลือกคนทำงาน
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวตั้งทหารเป็นรัฐมนตรีว่า การตั้ง ครม.เป็นอำนาจในการตัดสินใจของนายกฯ เมื่อ สนช.วางใจเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯเข้ามาบริหารประเทศแล้ว เป็นสิทธิของนายกฯในการเลือก ครม.เข้ามาทำงาน ถ้านายกฯเลือกคนที่ไว้วางใจ เลือกคนให้ถูกกับงาน และเป็นคนที่มีความสามารถเฉพาะด้านเข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาที่ต้องทำการปฏิรูปก็ไม่น่าจะมีอะไร
"เชื่อว่าถ้าเลือกคนดีมีความสามารถในแต่ละด้านเข้ามาจะเป็นคุณูปการที่ดี และเป็นศักดิ์ศรีให้กับประเทศได้ ผมขอสนับสนุนให้คนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีตั้งใจทำงาน เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้" นายวิรัตน์กล่าว
@ ภท.เชื่อทหารมีฝีมือ
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของการเข้ามาบริหารประเทศหากมีทหารน้อยกว่าพลเรือนถึงเป็นเรื่องแปลก แต่เมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้วอยากให้ใช้ฝีมือเต็มที่ ใช้กำลังที่มีอยู่ในมือช่วยเหลือสังคม ที่มีทหารมากก็เพื่อให้การสั่งการง่าย เป็นไปในทิศทางยุทธศาสตร์เดียวกัน แต่สิ่งสำคัญคือต้นน้ำ หรือยุทธศาสตร์ที่ดี หากสิ่งนี้ดี ปลายทางก็ดี จะรับลูกกัน ส่วนจะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น มองว่าทหารได้รับความรู้ขั้นพื้นฐานมาเหมือนกับพลเรือนทั่วไป อย่ามองว่าทหารจะรบเป็นอย่างเดียว อยู่ที่พื้นฐานความคิด คิดเป็นทำเป็นก็ได้แล้ว
"ไม่มีอะไรจะแนะนำรัฐบาลที่กำลังจะมีขึ้นแต่มีข้อความที่จะฝากถึง คือ ให้บริหารประเทศโดยยึดโยงประชาชนทุกคน และให้ยุทธศาสตร์ที่ออกมายึดโยงประชาชนเป็นที่ตั้ง จะเป็นการคืนความสุขที่แท้จริง ขอให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ในการทำหน้าที่ เพราะเชื่อว่าต้องมีคนขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเหลือประเทศ" นายทรงศักดิ์กล่าว
@ "พีระศักดิ์"เร่งทำข้อบังคับสนช.
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. เปิดเผยว่า คณะ กมธ.พิจารณาข้อบังคับคืบหน้าไปมากแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงยึดตามร่างของ สนช.ปี 2549 เป็นหลัก แต่ปรับปรุงเพิ่มหมวดต่างๆ ขึ้นเพื่อให้เป็นตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ในส่วนของจำนวนคณะ กมธ.สามัญประจำ สนช. ให้มี กมธ. 20 คณะ
"โดยให้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ คณะ กมธ.วิสามัญการปฏิรูปการเมือง คณะ กมธ.วิสามัญศึกษาและติดตามกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งเพิ่มหมวดของการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้กำหนดวิธีการขั้นตอนหลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี" นายพีระศักดิ์กล่าว
นายพีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในร่างข้อบังคับฉบับใหม่จะเพิ่มหมวดของการถอดถอน และการพ้นสมาชิกภาพของ สนช.ด้วย คาดว่าร่างข้อบังคับดังกล่าวจะเสร็จในสัปดาห์หน้า
@ วางเกณฑ์พ้นสภาพสนช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ที่คณะ กมธ.ยกร่าง ได้พิจารณาฉบับใหม่นี้มีการปรับเพิ่มในกรณีสิ้นสมาชิกภาพของ สนช. โดยระบุถึงจำนวนครั้งที่สมาชิกไม่ได้แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมสภาตามกำหนดก็จะพ้นสมาชิกภาพ คือ หากสมาชิกไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมสภาตามวรรคหนึ่งเกินกว่าหนึ่งในสามของจำนวนครั้งที่มีการแสดงตนเพื่อลงมติทั้งหมดในรอบระยะเวลาเก้าสิบวัน ให้สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงตามมาตรา 9(5) ของรัฐธรรมนูญ วันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละรอบระยะเวลาให้เป็นไปตามที่ประธานสภากำหนด
@ เพิ่มหมวดถอด"นักการเมือง"
ส่วนหมวดการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต (ป.ป.ช.) นั้น คณะ กมธ.ได้ยกร่างขึ้นอย่างคร่าวๆ โดยเขียนคำจำกัดความของผู้ถูกกล่าวหา ผู้ดำรงตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช. และได้กำหนดขั้นตอนวิธีการพิจารณาการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล โดยเมื่อ ป.ป.ช.ส่งมาให้ สนช.พิจารณาถอดถอน ก็ให้ประธาน สนช.พิจารณาโดยบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน แล้วแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบ จากนั้นให้ประธาน สนช.นัดประชุมนัดแรกภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงานและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อกำหนดวันแถลงของ ป.ป.ช. และผู้ถูกกล่าวหาและพิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐาน
จากนั้นให้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาเพื่อถอดถอนบุคคล เมื่อเสร็จสิ้นก็ให้ประธานเรียกประชุมเพื่อลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนภายใน 30 วัน นับแต่วันแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจา หรือวันพ้นกำหนดให้ยื่นคำแถลงการณ์ปิดสำนวนเป็นหนังสือ ส่วนการออกเสียงลงคะแนนถอดถอนให้กระทำโดยวิธีลงคะแนน เมื่อสภามีมติแล้ว ให้ประธานสภาแจ้งมติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง แล้วแต่กรณี รวมทั้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบโดยเร็ว เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการถอดถอน อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.ยกร่างยังเพิ่มการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งนอกเหนือไปจากกฎหมาย ป.ป.ช.ได้ด้วย เช่น การถอดถอนนายกรัฐมนตรี
@ วุฒิฯแจงบัตรสนช.6ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช. ส่งเอกสารชี้แจงถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวโดยตั้งข้อสังเกตว่าบัตรประจำตัวสมาชิก สนช.มีอายุถึง 6 ปีว่า เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542 ในมาตรา 4(1) "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และ (11) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา และในมาตรา 8 บัญญัติว่า "บัตรประจำตัวซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้ได้หกปีนับแต่วันออกบัตร เว้นแต่บัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีวาระการดำรงตำแหน่งน้อยกว่าหกปีให้ใช้ได้จนถึงวันที่ผู้ถือบัตรครบวาระการดำรงตำแหน่ง และบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับบำเหน็จบำนาญที่ใช้ได้ในวันที่ผู้ถือบัตรมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ให้คงใช้ได้ตลอดชีวิต"
@ "ครูหยุย"ยันบัตรปี"49อายุ6ปี
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. กล่าวว่า เป็นการออกบัตร สนช.เป็นออกตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542 ซึ่งการออกบัตรประจำตัวจะต้องให้ใช้ได้ 6 ปี ไม่ว่าจะเป็น ส.ว.หรือ ส.ส. ก็มีอายุบัตรเป็นเวลา 6 ปี สมัยที่ตนเป็น สนช.ปี 2549 บัตรประจำตัว สนช.มีอายุถึง 6 ปี บัตรครบกำหนดเมื่อปี 2555 ดังนั้นที่ออกมาเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันว่า สนช.จะอยู่ยาวคงไม่ทราบข้อมูลตรงนี้ ซึ่ง สนช.หลายคนรู้สึกแปลกใจ ตนได้ชี้แจงให้รับทราบ ทุกคนก็สบายใจ
@ นัดสนช.ประชุมด่วน28-29ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.ได้ทำหนังสือด่วนมากที่ สว(สนช.) 0007/(น 7) ถึง สนช. ว่าตามที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ได้มีคำสั่งให้นัดประชุม สนช.ครั้งที่ 4-5/2557 ในวันที่ 28-29 สิงหาคม เวลา 10.00 น. มีวาระการพิจารณาเรื่องด่วน ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อพิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นสมควรเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ หลังจากตุลาการศาลยุติธรรม 2 คนคือ นายพิภพ อะสีติรัตน์ และนายวรสิทธิ์ โรจนพานิช ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 13 สิงหาคม ยังมีการบรรจุระเบียบวาระเรื่องด่วน คือ พิจารณาร่างกฎหมายเร่งด่วน 10 ฉบับ ที่ พล.อ.
ประยุทธ์เป็นผู้เสนอให้ สนช.พิจารณา คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย 2.ร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ 3.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 4.ร่าง พ.ร.บ.ศุลกากร 5.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร 6.ร่าง พ.ร.บ.การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญ ตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ 7.ร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ 8.ร่าง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 9.ร่าง พ.ร.บ.
ประกันวินาศภัย และ 10.ร่าง พ.ร.บ.ประกันชีวิต
@ อดีตบิ๊กขรก.ตบเท้าชิง"สปช."
เมื่อเวลา 10.30 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการเปิดรับสมัครผู้เข้าเป็น สปช.ว่า ในส่วนขององค์กรนิติบุคคล เป็นการรับสมัครเป็นวันที่ 10 ยังคงมีผู้ทยอยเดินทางมาเสนอชื่ออย่างต่อเนื่อง อาทิ นายวิจารณ์ พานิช อดีตประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ที่มูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาด้านการศึกษา และมูลนิธิดังกล่าวยังได้เสนอชื่อนายวันชัย บุญแสง ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติเข้ารับการสรรหาด้านการศึกษาเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายนที วรรธนะโกวินท์ นายกสมาคมรถเช่าไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัทแจแปน เร้นท์ ประเทศไทย ถูกเสนอชื่อโดยสมาคมรถเช่าไทยเข้ารับการสรรหาด้านเศรษฐกิจ นางศิริพร ไศละสูตร อดีตอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ที่มูลนิธิหวาน-จุ้ย สุขแก้ว เสนอเข้ารับการสรรหาด้านพลังงาน เช่นเดียวกับนายประเจิด สุขแก้ว อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ถูกเสนอชื่อสรรหาในด้านเดียวกัน
@ เผยมีสมัครสรรหาแล้ว1,845
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ยังมีนิติบุคคลทยอยเข้ามาเสนอชื่ออย่างต่อเนื่อง ที่ได้รับรายงานว่ามีผู้มาเสนอชื่อแล้ว 1,845 คน เป็นนิติบุคคล 541 คน เชื่อว่าก่อนที่จะสิ้นสุดการเปิดรับเสนอชื่อในวันที่ 2 กันยายน น่าจะมีนิติบุคคลเข้ามาเสนอชื่อไม่ต่ำกว่า 1,000 รายชื่อ ส่วนที่บางด้านที่มีผู้เสนอชื่อน้อยนั้น ในทางปฏิบัติสามารถคละกันได้ เพราะบางด้านอาจจะมีไม่ถึง 50 คน เช่นในด้านพลังงานที่มีคนมาเสนอชื่อน้อย อาจจะเป็นเพราะมีคนที่มีความรู้จริง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องนี้มีไม่มาก
"ทราบมาว่าหลายหน่วยงานที่มีความประสงค์จะเสนอชื่อ แต่ยังติดปัญหาเรื่องเอกสารและข้อมูลต่างๆ ซึ่งต้องรอเอกสารเหล่านั้น จึงเป็นปัญหาด้านธุรการ ก็ได้สั่งให้เพิ่มบุคลากรในการอำนวยความสะดวก ให้ข้อมูลความรู้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มเพิ่มบุคลากรเป็น 100 คน จากเดิมที่มีบุคลากร 70 คน" นายภุชงค์กล่าว
@ ชี้"บิ๊กตู่"ให้ความสำคัญผู้สมัคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความกังวลเรื่องจำนวนผู้สมัครแต่ละด้านที่มีจำนวนแตกต่างกันหรือไม่ นายภุชงค์กล่าวว่า หัวหน้า คสช.ได้ให้ความสำคัญและได้เชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ามาเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. เข้ามาเสนอชื่อ รวมทั้งเชิญชวนคนที่อยู่วงนอกเข้ามาด้วย จึงเชื่อว่า หัวหน้า คสช.ไม่มีความเป็นห่วงเรื่องนี้ รวมทั้งที่ผ่านมา กกต.ก็ประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่แล้ว คาดว่าเมื่อปิดรับการเสนอชื่อแล้วจะมีรายชื่อคนที่ถูกเสนอชื่อไม่ต่ำกว่า 3 พันคนแน่นอน
เมื่อถามว่า จะมีการขยายวันเปิดรับการเสนอชื่อหรือไม่ นายภุชงค์กล่าวว่า ทำได้ยาก เพราะตาม พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ.2557 กำหนดให้มีระยะเวลาในการสรรหา สปช. 50 วัน ดังนั้น ต้องทำตามข้อกำหนดของ พ.ร.ฎ. และ คสช.ต้องการทำตามระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในโรดแมป
@ สรรหาสปช.วันที่10ยอด77คน
เมื่อเวลา 16.30 น. นายภุชงค์แถลงผลการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.เป็นวันที่ 10 ว่ามีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ใน 11 ด้าน โดยมายื่นเองที่สำนักงาน กกต. 35 คน ส่งทางไปรษณีย์ 10 คน รวม 45 คน ส่วนผู้ที่เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาในระดับจังหวัดมี 32 คน รวมนิติบุคคลและจังหวัดมีจำนวนทั้งสิ้น 77 คน ดังนั้น จึงทำให้ยอดรวมการเสนอชื่อเป็น สปช. ตั้งแต่วันที่ 14-23 สิงหาคมนั้น มีนิติบุคคล 586 คน และจังหวัด 1,321 คน รวม 1,907 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจและเป็นไปได้ว่าภายในวันที่ 25 สิงหาคม จำนวนผู้ที่เข้ามาเสนอชื่อเป็น สปช.ทั้ง 11 ด้าน และจังหวัดน่าจะแตะถึงหลักสองพันเป็นอย่างน้อย อีกทั้งขณะนี้สำนักงาน กกต.ยังไม่พบปัญหาอุปสรรคใดๆ ในการเสนอชื่อดังกล่าว
@ ศรีสะเกษปัดล็อกสเปกสปช.
สำหรับความไหวเปิดสมัคร สปช.ในต่างจังหวัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ศรีสะเกษ มีผู้มายื่นแบบแสดงความประสงค์ที่จะเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.แล้ว 17 คน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีชื่อเสีย