- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 18 September 2017 09:52
- Hits: 9895
นายกฯ เตรียมนำทีม ครม. ลงพื้นที่ภาคกลางและประชุม ครม.นอกสถานที่ 18 – 19 ก.ย. นี้ ตั้งเป้าพัฒนาสู่มหานครที่ทันสมัย เป็นฐานการเชื่อมโยงไทยสู่เส้นทางขนส่ง 2 ฝั่งทะเล
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ภาคกลาง เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล พร้อมรับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเข้าร่วมการประชุม ครม. นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จ.พระนครศรีอยุธยา ในระหว่างวันที่ 18-19 ก.ย.60
“ที่ผ่านมารัฐบาลได้ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำ อาทิ การจัดที่ดินทำกินแก่ราษฎรยากไร้พร้อมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาอ้อยพันธุ์ดี พร้อมทั้งขยายพันธุ์อ้อยปลอดโรคสู่เกษตรกร พัฒนาขีดความสามารถ SMEs ในการแปรรูปการเกษตรและสร้างมูลค่าเพิ่มแบบครบวงจร รวมถึงโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งใน 7 ลุ่มน้ำหลักของภาคกลาง ได้แก่ การก่อสร้างและปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานกว่า 200,000 ไร่ มีผู้ได้ประโยชน์กว่า 155,000 ครัวเรือน ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ขุดลอก กำจัดวัชพืช ให้เก็บกักน้ำได้มากขึ้น มีพื้นที่เกษตรได้ประโยชน์ราว 39,000 ไร่ พัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ประชาชนได้ประโยชน์ 8,300 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่เกษตรกว่า 100,000 ไร่ ขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อน้ำอุปโภคบริโภคและก่อสร้างระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำดื่มให้แก่โรงเรียนรวม 362 แห่ง และกำลังดำเนินโครงการขุดดินแลกน้ำโดยร่วมกับภาคเอกชนปรับปรุง หรือ สร้างแหล่งเก็บน้ำในพื้นที่ขาดแคลนด้วย”
ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในฐานะที่เมืองโบราณในพระนครศรีอยุธยาเป็นมรดกโลก ซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหาด้านความเป็นระเบียบและความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว รัฐบาลจึงจัดทำโครงการประชารัฐ เนรมิตอยุธยา โดยบูรณะโบราณสถาน ต้นไม้ ส่งเสริมการเดินทางโดยจักรยาน เรือ รถราง สร้างจุดแวะพัก และดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งไปยังแหล่งท่องเที่ยวเมืองอื่น ๆ เช่น โครงการมอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน-นครราชสีมา บางใหญ่-กาญจนบุรี และก่อสร้างรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มาบกะเบา-ชุมทางจิระ ลพบุรี-ปากน้ำโพ เป็นต้น
ส่วนการดูแลรักษาความสะอาด รัฐบาลได้สร้างระบบฝังกลบขยะมูลฝอยอย่างถูกหลักวิชาการ และขนย้ายขยะสะสมกว่า 2 แสนตันที่เป็นปัญหาหมักหมมมานานกว่า 10 ปีในพื้นที่วิกฤตภาคกลางได้สำเร็จ และล่าสุดได้นำร่องก่อสร้างศูนย์บริหารจัดการขยะแบบครบวงจรที่บ่อขยะกลางทุ่ง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
สำหรับ การประชุม ครม. นอกสถานที่ในครั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าชูทิศทางการพัฒนาภาคกลางสู่มหานครที่ทันสมัยและเป็นฐานการเชื่อมโยงประเทศไทยสู่เส้นทางขนส่ง 2 ฝั่งทะเล รวมทั้งจะเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก บรรเทาความเสียหายและความเดือดร้อนจากน้ำท่วมน้ำแล้งให้แก่ประชาชน ตลอดจนให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยจากพายุเซินกาและตาลัส และสนับสนุนการฟื้นฟูอาชีพ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อย่างครบวงจรด้วย