- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 18 August 2014 10:30
- Hits: 4326
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8664 ข่าวสดรายวัน
โปรดเกล้าปธ.สนช. โหวต'ตู่'นั่งนายก 21 สค. สภาประชุมงบ 58 วันนี้ 'เจ้ากรม'แถลงปืนหาย คดีเก่า-แค่ 40 กระบอก สมัครสปช.วันที่สีหงอย
สนช.ถกร่างงบประมาณปี"58วันนี้หลังมีโปรดเกล้าฯประธานและรองประธานสนช.แล้ว"บิ๊กตู่"นำทีมคสช.ชี้แจงเอง "พีระศักดิ์"ยัน 21 ส.ค.โหวตเลือกนายกฯ สนช.สายทหาร-40 ส.ว.ลั่น เทคะแนน "บิ๊กตู่"นายกฯ ชี้เหมาะสม ครบเครื่องทุกด้าน สมัครสปช.วันที่สี่เงียบเหงา มีเสนอชื่อแค่ 37 คน ยอดรวมแค่ 265 คน "บิ๊กป้อม"นัด 11 ว่าที่ปธ.กรรมการสรรหา 19 ส.ค.นี้กำหนดทิศทาง ก่อนประชุมทั้ง 11 คณะต้นเดือนก.ย. กกต.เตรียมกก.สรรหาแต่ละด้านชงใช้ระบบการให้คะแนนคัด 50 ว่าที่สปช.ส่งคสช. เจ้ากรมพระธรรมนูญยอมรับปืนของกลางหายจริง 40 กว่ากระบอกไม่ใช่ 54 กระบอก เตรียมชี้แจงวันนี้ ชี้ เป็นปืนคดีทหาร ไม่เกี่ยวคดีความมั่นคง ตร. ย้ำเป็นคดีปืนเก่า เร่งตามล่าตัวคนโปรยใบปลิวโจมตีคสช. ออสซี่แจงสัมพันธ์กับ ไทยยังดีเยี่ยม
โปรดเกล้าฯ ประธานสนช.แล้ว
วันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระ หม่อม แต่งตั้งประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดังนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธานสนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นรองประธานสนช. คนที่หนึ่ง นายพีระศักดิ์ พอจิต เป็นรองประธานสนช. คนที่สอง อาศัยความตามมาตรา 10 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งนี้ ตามมติการเลือกประธานและรองประธาน สนช. ของ ที่ประชุม สนช.เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยวันที่ 18 ส.ค. เวลา 09.19 น. จะมีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานและรองประธาน สนช. ที่ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2
เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาง นรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช. ทำหนังสือเชิญ สนช.เข้าร่วมประชุม สนช. ครั้งที่ 2/2557 ในวันที่ 18 ส.ค. เวลา 10.00 น. โดยระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานและรองประธาน สนช.แล้ว ประธาน สนช.จึงมีคำสั่งให้นัดประชุมสภาสนช. โดยระเบียบ วาระการประชุม มีเรื่องด่วน 3 เรื่อง การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาสนช. การตั้งกมธ.สามัญกิจการสนช. (ชั่วคราว) และร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ซึ่งที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้เสนอ
"บิ๊กตู่"นำทีมคสช.แจงงบปี 2558
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 ส.ค. เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. จะนำทีมคสช. ประกอบด้วยพล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายความมั่นคง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. และนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ และสนช. เข้าชี้แจงร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 โดยหัวหน้า คสช.จะเป็นผู้นำเสนอด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่หัวหน้า คสช.จะไปพบฝ่ายนิติบัญญัติด้วยตนเอง
นัดโหวตเลือกนายกฯ 21 ส.ค.นี้
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 เปิดเผยว่า วันที่ 18 ส.ค. ที่ประชุมสนช.จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 ขั้นรับหลักการวาระแรก จากนั้นจะตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 ขึ้นมาทำงานคาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนก่อนเสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาลงมติ เห็นชอบในวาระ 2-3 ช่วงเดือนก.ย.ต่อไป
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการร่างข้อบังคับการประชุมนั้น กมธ.จะศึกษาและ ยกร่างกันอย่างละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงเสร็จ ดังนั้น การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น คาดว่าจะเป็นวันที่ 21 ส.ค.นี้ ที่ประชุมจะอนุโลมนำร่างข้อบังคับ หมวด "การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี" ที่ร่างเตรียมไว้ มาใช้ลงมติเลือกนายกฯ
บิ๊กสนช.หนุน"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯ
พล.อ.นพดล อินทปัญญา สนช. กล่าวว่า ในการประชุม สนช.วันที่ 18 ส.ค.นี้ เพื่อกำหนดวันที่จะคัดเลือกนายกฯ ซึ่งตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. มีความเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถนำประเทศชาติให้เดินไปข้างหน้าได้ ตนไม่เห็นมีใครมีความเหมาะสมเท่าพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งการโหวตคะแนน หรือใครเป็นผู้เสนอชื่อนั้นไม่สำคัญ เพราะใครจะเสนอชื่อก็ได้ แต่คิดว่า สนช.เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
พล.อ.นพดล กล่าวว่า ส่วนการตั้งวิป สนช.นั้น ตอนนี้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีมติใดๆ ว่าจะมีการดูแลพูดคุยกันอย่างไร ขอให้มั่นใจผู้ที่ทำหน้าที่ สนช.ในครั้งนี้ทุกคนทำเพื่อบ้านมือง และประเทศชาติอย่างเต็มที่
เล็งตั้งวิปกลางประสานเหล่าทัพ
รายงานข่าวจากสนช. แจ้งว่า สนช.สายทหารทั้งทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ มีความเห็นเดียวกันที่จะเสนอชื่อให้พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ในการประชุม สนช. วันที่ 21 ส.ค.นี้ เพราะมีความรู้ ความสามารถครบถ้วนทุกด้าน ที่สำคัญมีความมุ่งมั่นและตั้งใจนำประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนตำแหน่งผบ.ทบ.นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะนั่งควบต่อไปจนเกษียณราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้หรือไม่ สำหรับสัดส่วนของวิป สนช.นั้นจากการพูดคุยจะมีการแบ่งเป็นเหล่าทัพ จากนั้นจะมีวิป กลาง 1 คน เพื่อเป็นคนทำหน้าที่ประสานงานกับวิปเหล่าต่างๆ
มั่นใจเลือก"บิ๊กตู่"เสียงเอกฉันท์
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. และอดีตส.ว.กลุ่ม 40 ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดเลือกนายกฯว่า ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่นอน แต่จะอยู่ในกรอบเดิมวันที่ 21-22 ส.ค. ส่วนวิธีการโหวตนั้นจะทำตามระเบียบการโหวตแบบขานชื่อตามที่มีข่าวออกมาก็ย่อมได้ ไม่มีปัญหา แล้วแต่ข้อบังคับการประชุม ส่วนตัวจะโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และคาดว่าจะมีแต่คนเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ผลงานของพล.อ.ประยุทธ์ พิสูจน์แล้วว่าทำงานได้ดี ได้ใจประชาชน ทั้งยังมีผลการสำรวจความนิยมซึ่งแสดงถึงความพึงพอใจของประชาชนอีกด้วย
นพ.เจตน์ กล่าวถึงข่าวกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ไม่ได้ถูกสรรหาให้เป็นสนช. จะไปลงสมัครเป็นสปช.ว่า คาดว่าคงมีหลายคนในกลุ่ม 40 ส.ว. จะไปลงสมัครเป็น สปช. เพราะมีการพูดคุยกันเรื่องปัญหาในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จึงอยากมาเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรม นูญฉบับถาวรฉบับใหม่ หรือเข้าไปเสนอแนะสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนจะมีใครบ้างนั้นตนไม่สามารถยืนยันได้
ออสซี่ย้ำสัมพันธ์ไทยดีเยี่ยม
จากกรณีกลุ่มภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (ออสเตรเลีย) เผยแพร่สำเนาหนังสือลงนามโดยตรงของนางจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย เรื่องระงับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทย-ออสเตรเลียทางสื่อสังคมออนไลน์นั้น ทางกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย แถลงชี้แจงว่า ไม่เคยลดความสัมพันธ์กับประเทศไทย อย่างที่กลุ่มภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (ออสเตรเลีย) เผยแพร่ข้อมูล ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองและทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลียยังอยู่ในระดับดีเยี่ยม รวมไปถึงกองทัพ
พท.หนุนคสช.ยื่นเปิดบัญชีทรัพย์สิน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุไม่มีกฎหมายใดให้ คสช.ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ และต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนมีเพียงนายกฯ ครม. ส.ส.และส.ว. ซึ่งเป็นผู้ดำรงแหน่งทางการเมือง ส่วนตำแหน่ง คสช.ไม่ได้ถูกระบุไว้ในกฎหมายว่า ขอให้นายสรรเสริญไปพิจารณาเนื้อหาของกฎหมายให้ละเอียด โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 43 วรรคสอง ระบุก่อนมี ครม.ให้ คสช.มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน คสช.จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นรัฐบาล มีหัวหน้า คสช.ปฏิบัติงานเสมือนนายกฯ
นายเรืองไกร กล่าวว่า ที่สำคัญ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคสช. ได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน มีอำนาจสั่งการ ระงับ ยับยั้งการบริหารได้ เช่นเดียวกับนายกฯ และครม. ฉะนั้นเมื่อทำหน้าที่และมีอำนาจเหมือนรัฐบาล จึงต้องยื่นแสดงบัญชีเช่นเดียวกันตามกฎหมายที่ป.ป.ช.กำหนด
นายเรืองไกร กล่าวว่า เห็นว่าเลขาธิการป.ป.ช.พูดเรื่องนี้เหมือนเกรงใจคสช. จึงไม่เห็นด้วยที่บอกว่าไม่มีกฎหมายฉบับใดระบุไว้ เพราะรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ระบุไว้ อีกทั้งกฎหมายก็ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับสูงและ ผบ.เหล่าทัพยื่นอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องเปิดเผย ซึ่งสิ่งที่ตนพูดอาจขัดหู คสช.ไปบ้างแต่ไม่ได้คิดร้าย เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็น นายกฯ ก็อยากให้สง่างาม เปิดเผยให้ประชาชนรับทราบอย่างโปร่งใส
ปัดข่าว"แม้ว"สั่งถอนฟ้องทุกคดี
นายเรืองไกรกล่าวถึงกระแสข่าวว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้พิจารณาเรื่องการถอนคดีฟ้องคดีความต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยว่า เชื่อว่าพ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องคดีความที่ยื่นฟ้องกันนั้นมีทั้งเรื่องส่วนตัวของสมาชิกและเรื่องที่สมาชิกเห็นว่าไม่ชอบธรรมและทำให้พรรคเสียหาย จึงดำเนินการในนามส่วนตัวเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง เช่น กรณีตนยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ก็ทำในนามส่วนตัว อีกทั้งพรรคยังไม่มีการพูดคุยหรือมีมติใดๆ แต่หากมีการถอนฟ้องจริงก็น่าจะเป็นมติพรรค ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีมติใดๆ ออกมา และตนจะทำหน้าที่ยื่นตรวจสอบต่อไป หากพบเรื่องไม่ถูกต้องก็ต้องยื่นฟ้องตามระเบียบต่อไป
ด้านนายนพดล ปัทมะ คณะกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าเป็น เรื่องจริง เพราะยังไม่ได้รับทราบข้อมูลใดๆ จากพ.ต.ท.ทักษิณ
เสนอชื่อสปช.วันที่สี่เงียบเหงา
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลที่ เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 11 ด้าน ซึ่งเปิดให้องค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อเป็นวันที่สี่ ว่า ในช่วงเช้าค่อนข้างเงียบเหงา มีผู้ถูกเสนอชื่อเพียง 5 คนเท่านั้น โดยด้านการปกครองท้องถิ่นมี 3 คน คือ นายปราโมทย์ ไพรชนม์ อดีตส.ว.เลือกตั้ง จ.ราชบุรี เสนอชื่อโดยเทศบาลตำบลสวนผึ้ง จ.ราชบุรี นายศักดิ์ชาย พรหมโท หัวหน้าพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เสนอชื่อโดยพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย และนายปรีชา วาสิงหล เสนอชื่อโดยสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สุวรรณนิเวศน์
ด้านบริหารราชการแผ่นดิน 1 คน คือ นายสราวุฒิ สิงหกลางพล รองหัวหน้าพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เสนอชื่อโดยพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย และด้านอื่นๆ 1 คน คือพ.ต.ท.ชุมพล เพ็งศิริ ข้าราชการบำนาญอดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดัง ถูกเสนอโดยองค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชน หนังสือพิมพ์ไฮแลนด์ นิวส์
พุทธอิสระโผล่ขอเอกสาร
จากนั้นเวลา 11.45 น. พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อดีตแกนนำกปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีกำหนดเทศนาธรรมให้กับลูกศิษย์ที่อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ ได้แวะเข้ามาสอบถามและ ขอเอกสารการสรรหาสปช. ที่สำนักงานกกต. โดยพุทธอิสระพูดคุยกับนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้เข้ารับการสรรหาเป็นสปช. รวมถึงวัดและมูลนิธิ ถือเป็นองค์กร นิติบุคคลที่จะเสนอชื่อได้หรือไม่ ซึ่งนายบุณยเกียรติยืนยันว่าวัดและมูลนิธิเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ได้
พุทธอิสระ กล่าวว่า ตนคงไม่ลงเข้าสรรหา สปช.เองแต่จะนำเอกสารและข้อมูลให้ญาติโยมที่มีความเหมาะสมและมีภูมิความรู้อย่างถ่องแท้ 11 คน โดยจะประชุมในสัปดาห์หน้าเพื่อให้วัดและมูลนิธิ เสนอชื่อเข้ารับการสรรหา เพราะเห็นว่าจำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ เท่าที่ดูคิดว่าน่าจะเสนอชื่อในด้านที่เกี่ยวกับ ศีลธรรมและพลังงาน เพราะเป็นแนวทางที่เคยต่อสู้มา แต่ติดใจตรงที่คณะกรรมการสรรหาด้านพลังงานเนื่องจากมีแต่อดีตกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคู่กรณีมาก่อน ถ้าเราส่งคู่กรณีที่เป็น ปรปักษ์กับปตท. จะโดนเขี่ยทิ้งหรือไม่
วันที่สี่เสนอแค่ 37 รวม 265 คน
เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สำนักงานกกต. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. แถลงสรุปภาพรวมการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. เป็นวันที่ 4 ว่า ตลอดทั้งวันมีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหากำไร เสนอรายชื่อผู้เข้ารับการสรรเป็นสปช. 7 ด้าน 16 คน แบ่งเป็นยื่นเอกสารที่สำนักงานกกต.โดยตรง 6 คน ส่งเอกสารมาทางไปรษณีย์ 10 คน ขณะที่การสรรหาในระดับจังหวัดมีผู้มาเสนอรายชื่อ 21 คน รวมวันนี้ 37 คน สรุปยอดรวม 4 วัน มีองค์กรนิติบุคคลที่เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาจำนวน 94 คน สมัครทางจังหวัด 171 คน รวมส่วนกลางและส่วนจังหวัด 265 คน ทั้งนี้ กระบวนการสรรหา สปช.ยังไม่พบปัญหาและอุปสรรคใดๆ ขอให้องค์กรนิติบุคคลเร่งเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ามาโดยเร็ว ซึ่งมีเวลาเหลืออีก 17 วันนับจากนี้ และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีองค์กรนิติ บุคคลทยอยเข้าเสนอรายชื่อจำนวนมาก
นายภุชงค์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่าภายในวันที่ 19 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาคสช. ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านการเมือง นัดคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน หารือภายในเพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางพิจารณาสรรหา สปช. ส่วนกระแสข่าวที่ระบุมีบางจังหวัดกระบวนการสรรหาเริ่มไม่เป็นธรรม เนื่องจากผู้ว่าฯกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าเป็นสปช.ไว้แล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่จะสอบถามข้อเท็จจริงไปยังคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ซึ่งตามกฎหมายผู้ว่าฯเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหา ตามพ.ร.ฎ. ว่าด้วยการสรรหาสปช. หากกระทำสิ่งใดที่ผิดไปจากพ.ร.ฎ.ที่กำหนดไว้ ถือว่าไม่ถูกต้อง
'บิ๊กป้อม'ถกกก.สรรหาอังคารนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 19 ส.ค. พล.อ.ประวิตร นัดประชุมคณะที่ปรึกษาคสช.ทั้ง 10 คน รวมถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเบอร์หนึ่งในคณะกรรมการสรรหาสปช.ทั้ง 11 ด้าน และถูกคาดหมายว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาของแต่ละด้าน ที่สโมสรกองทัพบก เวลา 09.00 น. เพื่อมอบนโยบายและให้ทิศทางการสรรหาสปช.แต่ละด้าน ซึ่งมีการแจ้งมายังสำนักงานกกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาให้เข้าชี้แจงความคืบหน้าการเปิดรับการเสนอชื่อ และสรุปแผนการทำงานที่วางไว้ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน ซึ่งนายภุชงค์ และนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งจะเข้าชี้แจงเอง
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อมีการปิดรับสมัครการเสนอชื่อบุคคลในวันที่ 2 ก.ย.แล้ว คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้านจะประชุมพร้อมกันอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 3-5 ก.ย. ซึ่งจะกำหนดวันเวลา สถานที่อีกครั้ง เพื่อคัดเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแต่ละด้าน และแต่ละด้านจะมีคำสั่งแต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการสรรหาอย่างถูกต้อง ก่อนเริ่มกระบวนการสรรหา
กกต.เล็งชงระบบคัดสรรสปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นสปช.ของคณะกรรมการสรรหานั้น พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสปช.ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าให้ใช้วิธีการใด ดังนั้น กกต.จึงเตรียมเสนอวิธีการสรรหาให้คณะกรรมการพิจารณา โดยจะเป็นวิธีเดียวกับที่กกต.ใช้สรรหากกต.จว. คือเมื่อสำนักงานกกต.ส่งรายชื่อพร้อมผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อในแต่ละด้านให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้านแล้ว จากยอดบัญชีผู้เข้ารับการเสนอชื่อแต่ละด้านที่ส่งไป จะเสนอให้กรรมการแต่ละคนคัดเลือกหรือให้เป็นคะแนนกับบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมเป็นสปช.มาคนละ 50 ชื่อ แล้วเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน ให้กรรมการทั้ง 7 คน เปิดรายชื่อหรือคะแนนของผู้เหมาะสมเป็นสปช.ที่กรรมการแต่ละคนเลือก เพื่อดูว่าแต่ละรายได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนเท่าใด อาจใช้การเรียงลำดับคะแนนก็ได้
ทั้งนี้ 50 ชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเลือกควรได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือเป็นมติเสียงข้างมากจากคณะกรรมการสรรหา แต่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหาว่าจะเห็นด้วยกับวิธีการนี้หรือไม่ หรือเห็นว่ามีวิธีการอื่นที่เหมาะสมกว่า ก็ดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าหากคณะกรรมการสรรหาเห็นด้วยกับวิธีที่กกต.เสนอ การประชุมคัดเลือก ผู้เหมาะสมเป็นสปช.ของคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุด น่าจะประชุมรวมแล้วไม่เกิน 3 ครั้ง จะได้ผู้เหมาะสมเป็นสปช.ด้านละ ไม่เกิน 50 คน ส่งให้คสช.ทันต่อกำหนดเวลาคือวันที่ 23 ก.ย.
ปูดบางจว.สรรหามีพิรุธ
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหาบุคคลเป็น สปช. ว่า ขณะนี้กระบวนการคัดเลือกบุคคลในบางจังหวัดเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น ซึ่งได้รับแจ้งว่าบางจังหวัดผู้ว่าฯ ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเป็น สปช.ในนามตัวแทนจังหวัดแล้ว ทั้งที่ในจังหวัดนั้น มีประชาชนอยากเป็นสปช.จำนวนมาก กลับไม่มีคัดเลือกให้ถูกต้อง นอกจากนี้บางจังหวัด เช่น ที่จ.ตาก ผู้ว่าฯ ให้กรรมการสรรหา 5 คน เสนอผู้ที่จะเป็น สปช. คนละ 1 ชื่อ ขณะที่ จ.อุตรดิตถ์ ผู้ว่าฯ ให้กรรมการเสนอคนละ 2 ชื่อ โดยไม่มีการคัดเลือกที่ถูกต้องตามกระบวนการที่กำหนดไว้
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีกระบวนการสรรหาดังกล่าว จึงอยากให้ คสช.รับทราบว่าการสรรหาบุคคลบางจังหวัดไม่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้ตัวแทนของจังหวัดจะกลายเป็นตัวแทนของผู้ว่าฯ ได้และน่าเป็นห่วงหากการสรรหาเป็นแบบนี้จะทำให้การปฏิรูปไม่สามารถสะท้อนความเห็นที่เป็นข้อเท็จจริงได้จากท้องถิ่น
ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ยันคัดสรรเหมาะสม
นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา สปช.ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การสรรหา สปช.อุตรดิตถ์ จะไม่ใช้วิธีเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไป แต่จะใช้วิธีทาบทาม กรรมการ 1 คนเสนอชื่อได้ 2 ชื่อรวมเป็น 10 รายชื่อ ให้ส่งรายชื่อวันที่ 19 ส.ค.นี้ และวันที่ 21 ส.ค. ให้ผู้ถูกทาบทามทั้ง 10 คน มาแสดงวิสัยทัศน์ก่อนให้กรรมการสรรหาลงมติให้เหลือ 5 คน แล้วส่งให้ คสช.เป็นผู้คัดเลือกเหลือ 1 คน ยืนยันว่ารายชื่อทั้ง 5 คนนั้นเป็นผู้ที่เหมาะสมและเป็นคนดีแน่ หากไม่ดีก็จะเสียหายถึงกรรมการทั้ง 5 คน
นายปัณณวัฒน์ นาคมูล ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อุตรดิตถ์ กล่าวว่า โดยหลักแล้วเห็นด้วยที่จะมีการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการเมืองเพื่อนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่การสรรหา สปช. ที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ แม้ตนจะมีคุณสมบัติ แต่ไม่มีความคิดเข้าร่วม เพราะที่มาของ สปช. ไม่ได้เริ่มต้นจากพื้นฐานของความเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน และยังตัดสิทธิ์บุคคลบางกลุ่มด้วย เหมือนใส่เสื้อแล้วติดกระดุมเม็ดแรกก็ผิดแล้ว ดังนั้นคนเสื้อแดง และนปช.อุตรดิตถ์ ไม่คิดจะเข้าร่วมรับการสรรหาด้วย
'อ๋อย'ห่วงมีหวยล็อก
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นต่อการปฏิรูปว่า หลังเปิดรับสมัคร สปช. เป็นเวลา 3 วัน มีผู้มาสมัครน้อยกว่าที่คาดมาก ทั้งที่ไม่มีใครออกมาขัดขวาง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำเป็นข้อแรกคือกำหนดกระบวน การปฏิรูปให้ชัดเจนว่าจะเปิดกว้างให้ผู้มีความรู้ ประสบ การณ์ผู้สนใจมีโอกาสเข้าร่วมด้วยวิธีและขั้นตอนต่างๆ อย่างเต็มที่ อย่าทำให้รู้สึกว่าสมัครไปก็เท่านั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รับการคัดเลือก หรืออย่าให้คนรู้สึกว่ามีหวยล็อก หมายถึงต้องกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับความรู้ประสบ การณ์ให้ชัดเจน และมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ให้คนตรวจสอบได้ว่าใครได้หรือไม่ได้เพราะอะไร ผู้ที่ได้นั้นเหนือกว่าหรือเหมาะสมกว่าคนอื่นตรงไหน ที่สำคัญต้องไม่ให้รู้สึกว่าแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ควรปิดกั้นคนที่เห็นต่างหรือวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง หรือสร้างบรรยากาศให้เห็นว่าชมได้ ติไม่ได้ มิฉะนั้นคนจะยิ่งไม่กล้าเข้าร่วม หรือแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ก็จะไม่กล้าทำกัน
"เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีคนสนใจเป็น สปช.น้อยเช่นนี้ อยากเสนอว่าอาจเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะพิจารณาให้รอบคอบว่าแท้จริงแล้วการปฏิรูปในภาวะไม่ปกติ โดยไม่ได้รับฉันทามติจากประชาชนควรครอบคลุมทั้ง 11 ประเด็นจริงหรือ หากจะเน้นเฉพาะเรื่องกฎกติกาการเมืองการปกครองจะไม่ดีกว่า สอด คล้องกับความเป็นจริงมากกว่าและถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตยมากกว่าหรือ" นายจาตุรนต์ระบุ
ปชป.หวั่นกก.สรรหาจว.ฮั้วกันเอง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ในบางจังหวัดมีข้อตกลงของคณะกรรมการสรรหา 5 คน โดยการให้โควตากรรมการแต่ละคนไปหาบุคคลเข้ารับการสรรหา บางจังหวัดกรรมการ 1 คนได้โควตา 2 คน ขณะที่บางจังหวัดได้ 3 คน ซึ่งจังหวัดไหนที่กรรมการได้โควตา 3 คน จะทำให้มีบุคคลเข้ารับการสรรหา 15 คน จากนั้นจะคัดเลือกให้เหลือ 5 คน โดยนิตินัยการให้โควตาแบบนี้เหมือนผลัดกันเกาหลัง และเป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่มีตัวแทนของกรรมการแต่ละคน ซึ่งเชื่อว่ากรรมการจะตกลงกันว่าจะเอาผู้รับการสรรหาคนใดบ้าง และกรรมการ 5 คนจะมีตัวแทนคนละคน พวกใครพวกมันและไม่เกิดความหลากหลาย
อัด"วิษณุ"ทำคสช.เพี้ยน
นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ตนและสมาชิกสตรีในนามขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปประเทศ ได้รณรงค์สมาชิกกว่า 60 องค์กรทั่วประเทศ ให้ส่งสตรีในพื้นที่ต่างๆ ร่วมคัดสรรสปช.ในแต่ละจังหวัด ตั้งเป้าให้ได้สัดส่วนสตรีเข้าไปทำหน้าที่ 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก แต่ ขณะนี้คงหมดหวังเพราะการคัดเลือกในระดับท้องถิ่น ค่อนข้างใช้วิธีการทาบทามตัวบุคคลมากกว่าการคัดสรรอย่างเป็นธรรม และต้องให้ คสช.เป็นผู้ตัดสินใจเลือกอีกทอดหนึ่ง พูดง่ายๆ คือมองไม่เห็นกระบวนการคัดสรรที่เป็นรูปธรรมว่า ทุกคนก็มีโอกาสได้รับเลือกเท่าเทียม เกรงว่าวิธีนี้จะทำให้ประชาชนไม่มีที่ยืนและตัวแทนแสดงความเห็น เรื่องนี้มองว่า คสช.เพี้ยน โดยมีที่มาจากนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. ที่เป็นคนร่างกติกาแบบนี้
จก.ธน.รับปืนของกลางหายจริง
พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญเปิดเผยถึงกรณีพ.ท.สุรวุฒิ ศรีอังกูร เจ้าหน้าที่ของศาลทหารกรุงเทพฯ ได้รับมอบหมายจากตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพฯ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับร.อ.ชินพล ออรุ่งโรจน์ และจ.ส.อ.สมเกียรติ ม้ายอง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของทางราชการ เป็นอาวุธปืนของกลางจำนวน 54 กระบอกว่า ยอมรับว่ามีการแอบลักขโมยอาวุธปืนของกลางไปจริง แต่อาวุธปืนที่หายไปนั้นไม่ใช่อาวุธปืนที่จับได้ช่วงประกาศใช้กฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ตรวจยึดมา แต่เป็นอาวุธปืนที่เป็นของกลางในส่วนของคดีทางทหารที่เป็นคดีอยู่ 2 กระบอกเท่านั้น ซึ่งหายไปทั้งหมดเพียง 40 กว่ากระบอก ไม่ใช่ 54 กระบอกอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งอาวุธปืนที่หายไปนั้นเป็นปืนที่คดีสิ้นสุดหมดแล้ว เพียงแต่ที่เก็บไว้เนื่องจากในอนาคตอาจมีการร้องเพื่อรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ทำให้กรมพระธรรมนูญเก็บรักษาไว้
ชี้เป็นคดีทหาร-เร่งตามตัวมือฉก
"ประเด็นจริงๆ ก็คือ ปืนที่อยู่ในคดีมีเพียง 2 กระบอก และอีก 40 กว่ากระบอกที่หายไปเป็นคดีที่จบหมดแล้ว แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ใช่ปืนของกลางที่คสช.ตรวจยึดมา และไม่ใช่ปืนอาวุธสงคราม เป็นคดีของทหารทั้งหมดหรือเป็นคดีที่จำเลยเป็นทหารทั้งหมด เป็นอาวุธปืนสั้น เช่น คดีครอบครองพกพาไปในเมืองที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือปืนที่ทหารนำไปใช้กระทำความผิด อาทิ พยายามฆ่า ฆ่าผู้อื่น ใช้ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ มันก็มีหลายรูปแบบ" เจ้ากรมพระธรรมนูญกล่าว
พล.อ.จิระ กล่าวว่า สำหรับจ.ส.อ.สมเกียรติ ผู้ต้องหาอีกรายขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งตนได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ.10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยมอบรูปพรรณสัณฐานต่างๆ ของคนร้ายให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุม ซึ่งพล.ต.อ.จรัมพรได้ดำเนินการอย่างเต็มที่อยู่ ส่วนร.อ.ชินพลไม่ได้ หลบหนี จึงต้องควบคุมตัวไว้เพราะมีหน้าที่โดยตรงในการเก็บกุญแจห้องเก็บของกลางอยู่แล้ว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีส่วนร่วมกระทำความผิด แต่ร.อ.ชินพลยังให้การปฏิเสธ ตนจึงสั่งให้พักราชการไว้ก่อนทั้ง 2 นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 ส.ค. เวลา 10.00 น. ที่ชั้น 4 กรมพระธรรมนูญ พล.อ. จิระจะชี้แจงกรณีดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง
ตร.เผยเป็นปืนในคดีเก่า
พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. และ รรท.ผบก.น.1 กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารได้แจ้งความอาวุธปืนหายไป 2 กระบอก แต่จำนวนที่แน่นอนนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารจะเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. ทั้งนี้ อาวุธปืนที่หายไปเป็นอาวุธปืนในคดีของศาลทหารที่ยึดได้มาหลายปีแล้ว ไม่ใช่อาวุธปืนที่ยึดช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง หรือช่วงที่ คสช.สั่งการให้มีการกวาดล้างตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
วินธัยย้ำอีกไม่ใช่คดีการเมือง
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. เปิดเผยว่าอาวุธปืนของกลางดังกล่าวเป็นของกลางในคดีเดิมของศาลทหารที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งไม่ใช่คดีอาวุธสงครามในช่วงที่คสช.ดำเนินการเพราะคดีเหล่านั้นยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวน ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ส่วนอาวุธที่หายไปคดีสิ้นสุดแล้ว แต่ทางการยังไม่จำหน่ายเนื่องจากอาจมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ ส่วนใหญ่เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบหาผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีใครอีกหรือไม่ ส่วนการสอบสวนเป็นเรื่องภายในของศาลทหาร ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนของกลางยังไม่ได้คืน
ส่วนกรณีมีมือดีโปรยใบปลิวโจมตี คสช.นั้น พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เป็นการแสดงออกของคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐและต้องการแสดงออก ซึ่งต้องดูว่าจะมีความผิดหรือไม่ แต่ยอมรับว่าการแสดงออกช่วงนี้ให้ระวังเพราะอาจถูกดำเนินคดีได้
ตร.เร่งตามตัวมือโปรยใบปลิว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีมีการโปรยใบปลิวและมีข้อความในใบปลิวเป็นอักษรขนาดใหญ่พิมพ์ข้อความโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช. ลงบนกระดาษเอ 4 ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับใบปลิวที่เคยมีการแจกที่จ.นนทบุรี เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนว่า ทางคสช.ได้ให้พนักงานสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามจับกุมกลุ่มบุคคลที่ลงมือกระทำการดังกล่าวให้ได้ ซึ่งมีมาตรการรองรับให้ทุกพื้นที่ตั้งด่านตรวจสกัดจับ โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ ที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ทั้งหมด เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาไทย และกองทัพต่างๆ ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญและติดตามเอาใจใส่เป็นกรณีพิเศษ
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่มีการโปรยใบปลิวเบื้องต้นพบว่า กลุ่มคนดังกล่าวใช้เส้นทางการหลบหนีมุ่งหน้าไปทางจ.นนทบุรี ซึ่งขณะนี้เรากำลังตรวจสอบอยู่ หากจับกุมได้จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งของคสช.ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และข้อหาหมิ่นประมาทบุคคล
ผู้นำชุมชนหนุนคสช.ทำงานต่อ
นายเชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล รองประธานมาสเตอร์โพลล์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์ เรื่องสำรวจฐานสนับ สนุนของแกนนำชุมชนต่อ คสช. และความคิดเห็นต่อรายการคืนความสุขให้คนในชาติ กรณีศึกษาตัวอย่าง แกนนำชุมชนทั่วประเทศ 599 ชุมชน วันที่ 10-16 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 90.1 ติดตามรับชมรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยร้อยละ 94.9 พึงพอใจต่อรูปแบบรายการมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 94.1 พึงพอใจต่อเนื้อหารายการมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 76.8 สนับสนุน คสช.ทำงานต่อไป
ความพึงพอใจต่อการทำงานของ คสช.ด้านสังคมและการพัฒนา พบว่าอันดับหนึ่ง ได้แก่ การช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประเทศลิเบียกับอิสราเอล ได้ 8.41 คะแนน อันดับที่สอง การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ได้ 8.37 คะแนน อันดับที่สาม การแก้ปัญหาการเรียกรับ ผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างได้ 8.23 คะแนน อันดับที่สี่ การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย ไม่ซ้ำซ้อน ได้ 8.22 คะแนน อันดับที่ห้า การจัดการกับขบวนการล่วงละเมิดสถาบัน ได้ 8.20 คะแนน
ปลื้ม-ลดปัญหาขัดแย้ง
ด้านการเมือง อันดับแรก ความพยายามในการยุติความรุนแรงและลดปัญหาความขัดแย้งของฝ่ายต่างๆ ได้ 8.84 คะแนน อันดับที่สอง การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน การสื่อสารข้อมูลต่างๆ ของ คสช.ต่อประชาชน ได้ 8.71 คะแนน อันดับที่สาม การกำกับดูแลและการบริหารราชการแผ่นดิน โดย คสช.ได้ 8.66 คะแนน อันดับที่สี่ การเปิดตัวสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ 8.38 คะแนน และอันดับที่ห้า การตั้งศูนย์ดำรงธรรมรบทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้ 8.22 คะแนน
ด้านเศรษฐกิจ อันดับแรก การพิจารณาปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ ได้ 8.35 คะแนน อันดับสอง การยกระดับรายได้ของประชาชน และการลดความเหลื่อมล้ำ ได้ 8.13 คะแนน อันดับที่สาม การสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ (เยอรมันและอินโดนีเซีย) ได้ 8.11 คะแนน อันดับที่สี่ การแก้ปัญหาการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ได้ 7.94 คะแนน อันดับ ที่ห้า ความพยายามแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน หนี้นอกระบบ ได้ 7.93 คะแนน
ชี้นายกฯต้องเก่ง-มีบารมี-เด็ดขาด
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต หรือสวน ดุสิตโพล สอบถามความเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,368 คน วันที่ 12-16 ส.ค. ถึง"คณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ต้องการ" พบว่า คุณสมบัติพื้นฐานของครม.นั้น ร้อยละ 84.50 ต้องเป็นคนดีซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้อยละ 81.87 มาจากการสรรหาที่โปร่งใสบริสุทธิ์ ยุติธรรม ร้อยละ 78.58 เป็นคนเก่งมีความรู้ความสามารถเฉพาะทางมีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับ ร้อยละ 63.88 มุ่งมั่น ขยันตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบกล้าคิดกล้าตัดสินใจ และร้อยละ 63.16 มีวิสัยทัศน์มีมุมมองที่ทันสมัย ทำงานเป็นระบบมีผลงานเป็นรูปธรรม
คุณสมบัติเฉพาะของ ครม. ที่ประชาชนต้องการในภาพรวมนั้น นายกฯต้องมีความเป็นผู้นำมีบารมี เด็ดขาด เก่งมีความรู้ความสามารถในทุกด้าน รองนายกฯต้องบริหารจัดการได้ดีและเป็นระบบมีความรู้ มีวุฒิภาวะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ต้องมีทักษะการสื่อสารและการประสานงานที่ดีบุคลิกภาพดี
เผยรมว.กห.ควรมาจากทหาร
ตัวรมว.กลาโหมต้องเป็นทหาร เด็ดขาด จริงจังเข้าใจกองทัพ รมว.คลังต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมีประสบ การณ์โดยตรง รมว.ต่างประเทศต้องมีความรู้ด้านการทูตเก่งภาษา การสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี รมว.เกษตรและสหกรณ์ประชาชนต้องการคนที่มีความรู้ด้านเกษตรมีประสบการณ์ ทำงานมานานเข้าใจเกษตรกร
ส่วนรมว.คมนาคมนั้น จะต้องมีประวัติ ดีมีความรู้ความเข้าใจในระบบขนส่งเป็นคนเก่ง ลุย ลงพื้นที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม(ทส.)ต้องเป็นคนตรงไปตรงมาไม่เกรงกลัวอิทธิพล ซื่อสัตย์รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัยเก่งเทคโนโลยีและการสื่อสารเป็นนักบริหาร
รมว.พลังงาน บริหารจัดการพลังงานได้อย่างยั่งยืนซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์เรื่องพลังงานกว้างไกล ส่วนรมว.พาณิชย์ ต้องเป็นคนเก่ง มีความสามารถ เชี่ยวชาญเรื่องการค้าและธุรกิจเจรจาต่อรองเก่ง ขณะที่ตัวรมว.มหาด ไทย ต้องเป็นนักปกครองที่ดีเป็นทั้งนักบริหารและนักปฏิบัติเข้าใจระบบบริหารราชการ ส่วนรมว.ยุติธรรมต้องมีประวัติดี ไม่เสื่อมเสียเก่งกฎหมาย มีความยุติธรรมช่วยเหลือประชาชน
เสมา 1 ต้องเข้าใจงานศธ.-มีวิสัยทัศน์
รมว.แรงงานต้องมีความรู้เรื่องแรงงานและกฎหมายคุ้มครองแรงงานเข้าใจหัวอกผู้ใช้แรงงาน รมว.วัฒนธรรม ต้องรักและเข้าใจวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริงทำงานเก่งให้เห็นเป็นรูปธรรม รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี ต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัยทำงานเร็ว รมว.ศึกษาธิการ ต้องอยู่ในแวดวงการศึกษาเข้าใจระบบและการทำงานมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเข้าใจครูและบุคลากรในกระทรวง
รมว.สาธารณสุข ต้องมีความรู้ด้านแพทย์และสาธารณสุขมีประสบการณ์มานาน เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือเข้าใจเรื่องของสุขภาพอนามัยประชาชนรมว.อุตสาหกรรมน่าจะทำงานอยู่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเป็นคนเก่ง ทำงานเร็วมีประสบการณ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นที่รู้จัก เป็นนักบริหารจัดการที่ดีทำงานได้ทั้งด้านการท่องเที่ยวและกีฬา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีความรู้ความสามารถด้าน สังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพดี จิตใจดี ช่วยเหลือผู้อื่น
ย้ำสปช.ต้องซื่อสัตย์-มีความรู้
ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ร้อยละ 86.55 ต้องมีซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริย ธรรมไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 78.07 ต้องมีประสบการณ์มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปและกฎหมาย ร้อยละ 70.47 มาจากการสรรหาที่โปร่งใสยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ร้อยละ 67.84 มีความเสียสละอุทิศเวลา ทำเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม และร้อยละ 62.57 มาจากหลากหลายสาขาอาชีพเป็นอิสระ เป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
จี้'คสช.-สนช.-สปช.'เปิดทรัพย์สิน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "การเปิดเผยทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" จำนวน 1,241 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 14-15 ส.ค. พบว่า ในส่วนของคสช. ร้อยละ 87.91 ระบุว่าจำเป็นต้องเปิดเผย ร้อยละ 10.31 ระบุไม่จำเป็น และร้อยละ 1.77 ไม่ระบุ
ด้านสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร้อยละ 88.64 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 8.14 ไม่จำเป็น และร้อยละ 3.22 ไม่ระบุ ส่วนสปช. ร้อยละ 87.51 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 9.11 ระบุไม่จำเป็น และร้อยละ 3.38 ไม่ระบุ
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 83.32 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 12.81 ไม่จำเป็น และร้อยละ 3.87 ไม่ระบุ และในด้านของรัฐบาลของ คสช. ร้อยละ 92.10 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 5.96 ไม่จำเป็น และร้อยละ 1.93 ไม่ระบุ ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ระบุเหตุผลที่ต้องเปิดเผยทรัพย์สินว่าเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และประชาชนทุกภาคส่วนต้องเข้าถึงในการรับทราบข้อมูลด้วย
ยันคู่สมรส-ลูกต้องแสดงด้วย
ส่วนการเปิดเผยทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อป้องกันการคอร์รัปชั่นนั้น ในส่วนคู่สมรสที่จดทะเบียน ร้อยละ 81.47 ระบุจำเป็นต้องเปิดเผย ร้อยละ 15.95 ระบุไม่จำเป็น และร้อยละ 2.58 ไม่แน่ใจ สำหรับคู่สมรสที่ไม่จดทะเบียน ร้อยละ 53.99 ระบุจำเป็น ร้อยละ 38.44 ไม่จำเป็น และร้อยละ 7.57 ไม่แน่ใจ สำหรับอดีต คู่สมรส ร้อยละ 39.81 ระบุจำเป็น ร้อยละ 53.59 ไม่จำเป็น และร้อยละ 6.61 ไม่แน่ใจ ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ต่ำกว่า 20 ปี)ร้อยละ 49.96 ระบุจำเป็น ร้อยละ 45.37 ไม่จำเป็น และร้อยละ 4.67 ไม่แน่ใจ
ส่วนบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว (อายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป) ร้อยละ 74.21 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 22.80 ระบุว่าไม่จำเป็น และร้อยละ 2.98 ไม่แน่ใจ และบุตรบุญธรรม ร้อยละ 61.97 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 32.72 ไม่จำเป็น และร้อยละ 5.32 ไม่แน่ใจ ส่วนบิดามารดา ร้อยละ 61.24 ระบุว่าจำเป็น ร้อยละ 34.73 ไม่จำเป็น และร้อยละ 4.03 ไม่แน่ใจ และพี่น้อง ร้อยละ 57.05 ระบุจำเป็น ร้อยละ 37.95 ไม่จำเป็น และร้อยละ 5.00 ไม่แน่ใจ
'บิ๊กต๊อก'โต้ข่าวเสนอนิรโทษกรรม
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. ปฏิเสธกรณีมีข่าวระบุพล.อ.ไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้าคสช. สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายแยกคดีต่างๆ ที่เป็นคดีอาญา คดีทางการเมือง เพื่อแยกกลุ่ม โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง โดยจะสอบถามประชาชน หากจะมีการนิรโทษกรรมในคดีที่ทำได้หรือไม่ว่า ตนไม่เคยพูดและไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบนั้น สื่อต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ขอตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนมีขบวนการโจมตีและดิสเครดิตตนมาตลอด โดยมีการปล่อยข่าวลือต่างๆ ว่าตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทั้งที่ตนไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่เคยพูด
"ผมมีหน้าที่ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และทำหน้าที่ของผมเพื่อชาติบ้านเมืองให้ดีที่สุด อย่ามาโจมตีผมเลย สื่อทั้งหลายแฟร์กับผมหน่อย ผมพูดหรือไม่พูดอะไรลงให้มันตรง ผมไม่โกหกและทำงานไม่เคยหวังผลหรือหวังตำแหน่งใดๆ อย่าเอาผมไปโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้ หวังว่าสื่อจะเข้าใจผม" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ท่องเที่ยวจี้คสช.เลิกอัยการศึก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่โรงแรมรายาแกรนด์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว เขตพื้นที่ 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมจัดกิจกรรม "นัดพบเอเยนต์" เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการให้เข้มแข็งรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศและสังคมโลก
นายชัยอนันต์ ทินกุล ผู้ประกอบการ บริษัท เอเชียอัพเดททราเวล จำกัด กล่าวว่า หาก คสช.ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกได้โดยเร็วจะช่วยผ่อนคลาย สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาอย่างมาก รวมทั้งเจรจากับประเทศจีนเพื่อไม่ให้ยกเลิกหนังสือเดินทาง จะเป็นการคืนความสุขได้อย่างแท้จริง มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านบริการ โรงแรม ที่พัก รถโดยสาร และร้านขายสินค้าของฝากลักษณะลูกโซ่
โปรดเกล้าปธ.-รองสนช. พรเพชรฟิต เรียกประชุมงบ 58 ทันที คสช.ยกทีมร่วมแจงสภา ลั่นพร้อมโชว์ทรัพย์สิน โวยผู้ว่าล็อคสเปกสปช. บิ๊กป้อมเรียกคุย 11 ด้าน
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง"พรเพชร"เป็นประธานแล้ว สนช.นัดเปิดประชุม 18 ส.ค.ประเดิมถกงบ"58
@ โปรดเกล้า ปธ.-รองสนช.แล้ว
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 155 ง ได้เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื้อความว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติ
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 เลือกสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้เป็นประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือ 1.นายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่หนึ่ง 3.นายพีระศักดิ์ พอจิต เป็นรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่สอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 จึงแต่งตั้งให้ผู้มีนามดังกล่าวเป็นประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 17 สิงหาคม พุทธศักราช 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
@ สภานัดถกทันที 3 วาระด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 สิงหาคม เวลา 09.19 น. สภาจัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานและรองประธาน สนช. ณ ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2
ขณะที่นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ทำหนังสือนัดหมายประชุม สนช. ตามคำสั่งของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ในวันที่ 18 สิงหาคม เวลา 10.00 น. มีวาระพิจารณาเรื่องเร่งด่วน 3 เรื่อง คือ 1.ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. 2.ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญกิจการ สนช. (ชั่วคราว) และ 3.ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ที่หัวหน้า คสช.เป็นผู้เสนอ
ทั้งนี้ นายพรเพชร ประธาน สนช. กล่าวว่า มีการประสานเป็นการภายในกับสมาชิก สนช. เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณโดยได้แจกจ่ายร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้กับสมาชิก สนช.ไปศึกษาและพร้อมสำหรับการพิจารณาแล้ว
@ พีระศักดิ์เผยงบ 58 เสร็จก.ย.
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวว่า การเปิดประชุม สนช.ในวันที่ 18 สิงหาคม สภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ในขั้นรับหลักการวาระแรก จากนั้นจะทำการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ขึ้นมาทำงาน คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาลงมติเห็นชอบในวาระ 2-3 ช่วงเดือนกันยายนต่อไป
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการร่างข้อบังคับการประชุมนั้น คณะ กมธ.จะทำการศึกษาและยกร่างกันอย่างละเอียด ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงแล้วเสร็จ ดังนั้น การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี อันเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 คาดว่าจะเป็นวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ที่ประชุมจะทำการการอนุโลมนำร่างข้อบังคับ หมวด "การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี" ที่ร่างเตรียมไว้ มาใช้ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ไปก่อน โดยใช้หลักการตามข้อบังคับเดิมคือโหวตรายบุคคลด้วยวิธีการขานชื่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีชื่อนายกรัฐมนตรีในใจแล้วหรือไม่นั้น นายพีระศักดิ์กล่าวติดตลกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) ถ้าจะเป็นนายกฯ ก็วันที่ 21 นี้ ตัวเลขกลับไปกลับมา เวลานี้คงไม่มีชื่ออื่นในใจนอกจากหัวหน้า คสช.
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. กล่าวถึงกำหนดการประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า จะอยู่ในกรอบเวลาเดิม คือวันที่ 21-22 สิงหาคม คงเป็นไปตามที่ประธาน สนช.จะกำหนด โดยปกติจะมีการประชุมทุกวันจันทร์และอังคาร แต่สัปดาห์นี้จะเป็นวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม และวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม ในส่วนวิธีการโหวตจะทำตามระเบียบการโหวตแบบขานชื่อตามที่มีกระแสข่าวออกมาก็ย่อมได้ ไม่มีปัญหาแล้วแต่ข้อบังคับการประชุม
@ 'บิ๊กตู่'นำทีมคสช.แจงงบ 58
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 10.00 น. วันที่ 18 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะนำทีม คสช. ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายความมั่นคง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการคสช. และนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเป็นสมาชิก สนช.เข้าชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 โดยหัวหน้า คสช.จะเป็นผู้นำเสนอ ได้บรรจุไว้เป็นเรื่องด่วนเรื่องที่ 3 ของระเบียบวาระการประชุม สนช. ครั้งที่ 2/2557 ถือเป็นครั้งแรกที่หัวหน้า คสช.จะเดินทางไปพบฝ่ายนิติบัญญัติด้วยตนเอง
@ 'แม้ว'ปล่อยทหารเล่นเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังประเทศฮ่องกง โดยมีนักการเมือง อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. ที่ทราบข่าวเดินทางไปพบเยี่ยมเยียน โดย พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีท่าทีสั่งการเคลื่อนไหว หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ บอกกับคนที่ไปพบแต่เพียงว่า ปล่อยให้ทหารแสดงฝีมือ บริหารบ้านเมือง ในเมื่อสถานการณ์เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องเปิดเวทีให้ทหารเล่นไปเต็มที่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ทุกคนต้องพยายามให้ความร่วมมือ อย่าไปขัดแข้งขัดขา ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จจะได้ไม่โทษว่าเป็นอุปสรรค ถ้าไม่นิ่งแล้วเกิดอะไรขึ้นมาก็จะโบ้ยความผิดให้ได้ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังประเมินสถานการณ์การเมืองว่า คสช.คงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ไม่เกินกว่าที่ประกาศไว้ เพราะมีแรงกดดันเยอะ อีกทั้งยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ส่วนการปฏิรูปการเมืองยังมองว่าเป็นเรื่องที่ยาก อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณได้ฝากเรื่องของคดีความ หากให้อภัยหรือยอมความกันได้ก็จะเป็นเรื่องดี
@ พท.ไม่เชื่อให้ยุติทุกคดีความ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ทางสมาชิกพรรค พท.ทั้งหมด ถอนฟ้องคดีต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศของความปรองดองว่า ทราบกระแสข่าวนี้เช่นกัน ส่วนตัวมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่น่าลงมาสั่งการหรือยุ่งเรื่องดังกล่าว หากมีการดำเนินการถอนฟ้องจริงน่าจะเป็นมติพรรค ตอนนี้ยังไม่มีมติใดๆ ออกมา ส่วนตัวก็จะทำหน้าที่ต่อไป หากพบเรื่องไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการยื่นฟ้องตามระเบียบต่อไป
ด้านนายนพดล ปัทมะ คณะกรรมการกิจการพรรค พท. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าเป็นเรื่องจริง เพราะยังไม่ได้รับทราบข้อมูลใดๆ จาก พ.ต.ท.ทักษิณ
@ คสช.กำชับจัดการมือใบปลิว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง กล่าวกรณีมือดีโปรยใบปลิวพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และ คสช. โดยข้อความเหมือนกับใบปลิวที่พบใน จ.นนทบุรี เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนว่า คสช.สั่งกำชับให้สืบสวนสอบสวน เร่งรัดติดตามจับให้ได้ ก็ได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ตั้งด่านตรวจและจับกุมหากพบว่ามีการกระทำกรณีดังกล่าวโดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาไทย และกองทัพต่างๆ ที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ทั้งหมด ได้ย้ำกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้ความสำคัญและติดตามเอาใจใส่เป็นกรณีพิเศษ
ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) กล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่โปรยใบปลิว พบว่ากลุ่มมือโปรยใบปลิวใช้เส้นทางหลบหนี โดยมุ่งหน้าไปทาง จ.นนทบุรี หากจับกุมได้ จะถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และข้อหาหมิ่นประมาทบุคคล
@ นิติบุคคลเสนอชื่อต่อเนื่อง
ทางด้านการเปิดรับสมัครสรรหาบุคคลเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) วันที่สี่นั้น เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ลานอเนกประสงค์ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงเช้า มีผู้เข้ามาขอเสนอชื่อเข้าสรรหา สปช. 5 คน แบ่งเป็นการเสนอสรรหา สปช.ด้านการปกครองท้องถิ่นมีจำนวน 3 คน คือ เทศบาลตำบลสวนผึ้ง จ.ราชบุรี เสนอชื่อนายปราโมทย์ ไพรชนม์ อดีต ส.ว.เลือกตั้ง พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เสนอชื่อนายศักดิ์ชาย พรหมโท หัวหน้าพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สุวรรณนิเวศน์ เสนอชื่อนายปรีชา วาสิงหล ส่วนการเสนอสรรหา สปช.ด้านบริหารราชการแผ่นดิน มี 1 คน พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย เสนอชื่อนายสราวุฒิ สิงหกลางพล รองหัวหน้าพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย และด้านอื่นๆ จำนวน 1 คน คือ องค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชน หนังสือพิมพ์ไฮแลนด์ นิวส์ เสนอชื่อ พ.ต.ท.ชุมพล เพ็งศิริ ข้าราชการบำนาญอดีตนายตำรวจ
@ พุทธะอิสระโผล่ขอเอกสารสมัคร
ต่อมาเวลา 11.45 น. พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อดีตแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ มีกำหนดการเทศนาธรรมที่อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ได้แวะเข้ามาสอบถามและขอเอกสารเกี่ยวกับการสรรหา สปช. ที่สำนักงาน กกต.ตั้งอยู่ในอาคารดังกล่าว ทางพระพุทธะอิสระได้พูดคุยกับนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้เข้ารับการสรรหาเป็น สปช. รวมถึงวัดและมูลนิธิ ถือว่าเป็นองค์กรนิติบุคคลที่จะเสนอชื่อบุคคลที่เข้ารับการสรรหาหรือไม่ นายบุณยเกียรติยืนยันว่า วัดและมูลนิธิสามารถเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ได้
พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า คงไม่ลงเข้าสรรหา สปช.เอง แต่จะนำเอกสารและข้อมูลไปให้ญาติโยมที่มีความเหมาะสมและมีภูมิความรู้อย่างถ่องแท้ จำนวน 11 คน โดยจะประชุมในสัปดาห์หน้าเพื่อให้วัดและมูลนิธิเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเห็นว่าจำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศชาติ แต่เท่าที่ดูแล้วคิดว่าน่าจะเสนอชื่อในด้านที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมและพลังงาน เพราะเป็นแนวทางที่เคยต่อสู้มา แต่ติดใจตรงที่คณะกรรมการสรรหาด้านพลังงานมีอดีตกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คู่กรณีเดิม ดังนั้น ถ้าส่งคู่กรณีที่เป็นปรปักษ์กับ ปตท. จะโดนเขี่ยทิ้งหรือไม่
พระพุทธะอิสระ ยังถามทิ้งท้ายว่า "มีเด็กฝากบ้างหรือไม่" นายบุณยเกียรติได้เพียงแค่หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเท่านั้น
@ สรุป4วันสรรหาสปช.265คน
เมื่อเวลา 17.30 น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.เป็นวันที่ 4 ว่า ตลอดทั้งวันมีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหากำไรเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับการสรรเป็น สปช.จำนวน 7 ด้าน 16 คน แบ่งเป็นยื่นเอกสารที่สำนักงาน กกต.โดยตรง 6 คน ส่งเอกสารมาทางไปรษณีย์ 10 คน ขณะที่การสรรหาในระดับจังหวัดมีผู้มาเสนอรายชื่อจำนวน 21 คน รวมวันนี้จำนวน 37 คน สรุปยอดรวม 4 วัน มีองค์กรนิติบุคคลที่เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาจำนวน 94 คน สมัครทางจังหวัด จำนวน 171 คน รวมส่วนกลางและส่วนจังหวัด จำนวน 265 คน
นายภุชงค์ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าภายในวันที่ 19 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช. ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการเมือง ได้นัดคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน หารือเป็นการภายในเพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางในการพิจารณาสรรหา สปช. ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ามีบางจังหวัดกระบวนการสรรหาเริ่มมีความไม่เป็นธรรม เนื่องจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าเป็น สปช.ไว้แล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ก็จะมีการสอบถามข้อเท็จจริงไปยังคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ตามกฎหมายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาตาม พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. หากกระทำสิ่งใดที่ผิดไปจาก พ.ร.ฎ.ที่กำหนดไว้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
@ 'บิ๊กป้อม'ถกกก.สรรหาสปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 19 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช.ได้นัดประชุมคณะที่ปรึกษา คสช.ทั้ง 10 คน รวมถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่สโมสรกองทัพบก เวลาประมาณ 09.00 น. ทั้งหมดถือเป็นเบอร์หนึ่งในคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 ด้าน ถูกคาดหมายว่าจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาของแต่ละด้าน เพื่อมอบนโยบายและให้ทิศทางการสรรหา สปช.แต่ละด้าน โดยนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.และนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งจะเข้าชี้แจงความคืบหน้าของการเปิดรับการเสนอชื่อผู้สรรหาเป็น สปช.
จากนั้นหลังปิดรับการเสนอชื่อในวันที่ 2 กันยายนแล้ว คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน จะนัดประชุมในช่วงวันที่ 3-5 กันยายน เพื่อคัดเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแต่ละด้าน ก่อนจะเริ่มกระบวนการสรรหา
@ กกต.ชงสูตรสรรหาสปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาบุคคลเป็น สปช. ของคณะกรรมการสรรหานั้น พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช.ไม่ได้กำหนดชัดเจนใช้วิธีการอย่างใด เพียงระบุว่าให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละคณะ คัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช.ด้านละไม่เกิน 50 คน ส่งให้ คสช.พิจารณา ดังนั้น กกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาจึงเตรียมเสนอวิธีการสรรหา จะเป็นวิธีเดียวกับที่ กกต.ใช้สรรหา กกต.ประจำจังหวัด คือ เมื่อสำนักงาน กกต.ส่งรายชื่อพร้อมผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อแต่ละด้านให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้านแล้ว จากยอดบัญชีผู้เข้ารับการเสนอชื่อแต่ละด้านที่ส่งไป ก็จะเสนอให้กรรมการแต่ละคนไปพิจารณาคัดเลือกหรือให้เป็นคะแนนกับบุคคลที่ตนเองเห็นว่าเหมาะสมเป็น สปช.มาคนละ 50 ชื่อ เมื่อมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน ก็ให้กรรมการทั้ง 7 คน เปิดรายชื่อหรือคะแนนของผู้เหมาะสมเป็น สปช. เพื่อดูว่าผู้เหมาะสมแต่ละรายได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ 50 ชื่อควรจะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหาว่าจะเห็นด้วยกับวิธีการนี้หรือไม่ หากเห็นด้วย ก็น่าจะประชุมรวมแล้วไม่เกิน 3 ครั้ง น่าจะได้ผู้เหมาะสมเป็น สปช.ด้านละไม่เกิน 50 คน ส่งให้ คสช.ทันต่อกำหนดเวลาคือวันที่ 23 กันยายน 2557
@ 'พีระศักดิ์'ปูดพบจว.ล็อกตัวสปช.
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหาบุคคลดำรงตำแหน่งเป็น สปช. ว่า พบว่ากระบวนการสรรหาบุคคลในบางจังหวัดเกิดความไม่ธรรม ได้รับแจ้งว่าผู้ว่าราชการจังหวัดได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเป็นสมาชิก สปช. ในนามตัวแทนจังหวัด ทั้งที่ในจังหวัดนั้นๆ มีประชาชนเข้าร่วมการสรรหาจำนวนมาก กลับไม่มีการคัดเลือกให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดตากให้กรรมการสรรหา 5 คน เสนอผู้ที่จะเป็นสมาชิก สปช. คนละ 1 ชื่อ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ให้กรรมการเสนอผู้ที่จะเป็นสมาชิก สปช. คนละ 2 ชื่อ โดยไม่ต้องมีการคัดเลือกที่ถูกต้องตามกระบวนการที่มีการกำหนดไว้ และยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีกระบวนการสรรหาลักษณะดังกล่าว อยากให้ คสช.ได้รับทราบไว้ว่าการสรรหาบุคคลบางจังหวัดไม่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้ตัวแทนของจังหวัดกลายเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ และน่าเป็นห่วงหากการสรรหาเป็นแบบนี้จะทำให้การปฏิรูป ไม่สามารถสะท้อนความเห็นที่เป็นข้อเท็จจริงได้จากท้องถิ่น
@ ปชป.ชี้สปช.จว.ไม่หลากหลาย
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการรับสมัครบุคคลเข้าเป็น สปช.ว่า ในบางจังหวัดมีข้อตกลงของคณะกรรมการสรรหา 5 คน ให้โควต้าคณะกรรมการแต่ละคนไปหาบุคคลเข้ารับการสรรหา บางจังหวัดกรรมการ 1 คน ได้โควต้าหาบุคคล 2 คน ขณะที่บางจังหวัดได้ 3 คน จังหวัดไหนที่กรรมการได้โควต้า 3 คน จะทำให้มีบุคคลเข้ารับการสรรหา 15 คน
จากนั้นจะคัดเลือกให้เหลือ 5 คน โดยนิตินัยการให้โควต้าแบบนี้เหมือนลักษณะผลัดกันเกาหลัง และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีตัวแทนของกรรมการแต่ละคน ท้ายที่สุดเชื่อว่ากรรมการจะตกลงกันว่าจะเอาผู้รับการสรรหาคนใดบ้าง และกรรมการ 5 คนก็จะมีตัวแทนคนละคน เห็นว่าการเลือกบุคคลดังกล่าวอยู่ที่จริตของกรรมการแต่ละคนที่จะเลือกคนของตัวเองจึงทำให้ได้ตัวแทนเป็นพวกใครพวกมันและไม่เกิดความหลากหลาย
@ โวยองค์กรสตรีหมดสิทธิลุ้น
นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.กล่าวว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตนและสมาชิกสตรีในนาม ขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปประเทศ รณรงค์สมาชิกกว่า 60 องค์กรทั่วประเทศ ให้ส่งสตรีพื้นที่ต่างๆ ร่วมสรรหาในแต่ละจังหวัด ตั้งเป้าให้ได้สัดส่วนสตรีเข้าไปทำหน้าที่ 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก แต่คงหมดหวังเพราะการคัดเลือกระดับท้องถิ่น ค่อนข้างใช้วิธีการทาบทามตัวบุคคลมากกว่า แล้วให้ คสช.เลือกอีกทอดหนึ่ง พูดง่ายๆ คือมองไม่เห็นกระบวนการสรรหาที่เป็นรูปธรรมว่า ทุกคนก็มีโอกาสได้รับเลือกเท่าเทียม เกรงว่าวิธีนี้จะทำให้ประชาชนไม่มีที่ยืน และตัวแทนในการแสดงความเห็นมองว่ามีที่มาจากนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. เป็นคนร่างกติกาแบบนี้
@ ผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ยันคัดแต่คนดี
นายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา สปช.ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การสรรหา สปช.อุตรดิตถ์ จะไม่ใช้วิธีการเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไป แต่จะใช้วิธีการทาบทาม คณะกรรมการสรรหา 1 คน สามารถเสนอชื่อได้ 2 ชื่อรวมเป็น 10 รายชื่อ ต้องเป็นบุคคลที่ดีมีประสบการณ์เหมาะสมกับตำแหน่ง ให้ส่งรายชื่อวันที่ 19 สิงหาคมนี้ และวันที่ 21 สิงหาคม ให้ผู้ถูกทาบทามทั้ง 10 คน มาแสดงวิสัยทัศน์
"หลังจากแสดงวิสัยทัศน์แล้ว จะมีการลงมติ กรรมการสรรหา 1 คน สามารถเลือกได้ 1 ชื่อเท่านั้น กรรมการอาจจะไม่เลือกบุคคลที่ทาบทามมาก็ได้ ขึ้นอยู่ที่การแสดงวิสัยทัศน์ว่าใครเหมาะสมและดีที่สุด จะเหลือ 5 คนระดับจังหวัด จากนั้นส่งรายชื่อไปยัง คสช.เป็นผู้คัดเลือกให้เหลือ 1 คน เพื่อเป็น สปช.อุตรดิตถ์ ยืนยันว่ารายชื่อทั้ง 5 คน ระดับจังหวัดก่อนที่จะเสนอไปยัง คสช. ต้องเป็นผู้ที่เหมาะสมและเป็นคนดีแน่นอน หากไม่ดีก็จะเสียหายถึงกรรมการทั้ง 5 คนที่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีประสิทธิภาพทั้งนั้น" นายชัชกล่าว
สำหรับ คณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ทั้ง 5 คน ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด, ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบลระดับจังหวัด และประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด โดยมีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเป็นเลขานุการ
@ 'อ๋อย'ดักคอสปช.ต้องโปร่งใส
นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Chaturon Chaisang ระบุว่า ความเห็นต่อการปฏิรูป ตอนที่หนึ่งกระบวนการในการปฏิรูป หลังจากเปิดรับสมัครสมาชิก สปช.มา 3 วัน มีผู้มาสมัครน้อยกว่าที่คาดทั้งที่ไม่มีใครขัดขวาง การปฏิรูปเรื่องใหญ่สักเรื่องหนึ่งหรือด้านหนึ่งจะต้องอาศัยกำลังสำคัญหลายสิบคน มีผู้ร่วมงานอีกเป็นร้อยๆ ยังต้องมีผู้ช่วยให้ความเห็นอีกเป็นพันๆ ยิ่งหลายด้านก็ยิ่งมาก การขาดผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ย่อมทำให้การปฏิรูปไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ตามที่วางแผน
นายจาตุรนต์ ยังเขียนตอนหนึ่งด้วยว่า เมื่อการรับสมัครสมาชิกเกิดปัญหามีคนมาสมัครน้อยมาก สิ่งที่ควรทำเป็นข้อแรกคือการกำหนดกระบวนการการปฏิรูปให้ชัดเจนว่าจะมีการเปิดกว้างให้ผู้มีความรู้ ประสบการณ์ตลอดจนผู้สนใจทั้งหลายเข้าร่วมด้วยวิธีการต่างๆ และในขั้นตอนต่างๆ อย่างเต็มที่ จะทำอย่างนี้ได้ต้องไม่ทำให้ผู้สนใจทั้งหลายรู้สึกว่าสมัครไปก็เท่านั้น พูดง่ายๆ คืออย่าให้คนรู้สึกว่ามีหวยล็อกเสียแล้ว หมายถึงต้องกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับความรู้ประสบการณ์ให้ชัดเจน และมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส
นายจาตุรนต์ ระบุว่า การคัดเลือกอีกอย่างหนึ่งคือต้องไม่ให้คนรู้สึกว่าแบ่งฝักแบ่งฝ่าย บางฝ่ายได้รับการชื่นชมต้อนรับเป็นพิเศษ บางฝ่ายเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์เสียเหลือเกิน ไม่ควรปิดกั้นคนที่เห็นต่างหรือวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมือง หรือสร้างบรรยากาศให้เห็นว่าชมได้ ติไม่ได้ มิฉะนั้นคนก็จะยิ่งไม่กล้าเข้าร่วม นอกจากนี้ควรแสดงแผนการขั้นตอนในการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายในสังคมให้ชัดเจนว่าจะมีอย่างกว้างขวาง จริงจังและจริงใจ ในเรื่องของกระบวนการก็คือต้องไม่ล็อกสเปก ไม่แบ่งฝ่าย
"อยากเสนอว่าบางทีอาจเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะพิจารณาให้รอบคอบว่าแท้จริงแล้วการปฏิรูปในภาวะไม่ปกติ โดยไม่ได้รับฉันทามติจากประชาชนควรครอบคลุมทั้ง 11 ประเด็นจริงหรือ หากจะเน้นเฉพาะเรื่องกฎกติกาเกี่ยวกับการเมืองการปกครองจะไม่ดีกว่า สอดคล้องกับความเป็นจริงมากกว่าและถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตยมากกว่าหรือ" นายจาตุรนต์กล่าว
@ 'พิพัฒน์'ขอเลื่อนถกงบกทม.
นายแมน เจริญวัลย์ ส.ก.เขตบึงกุ่ม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานสภา กทม. คนที่ 1 เปิดเผยกรณีนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางรัก ในฐานะประธานสภา กทม. ถูกตำรวจควบคุมตัวที่กองบังคับการปราบปราม ภายหลังมีกลุ่มผู้ค้าหน้าวัดหัวลำโพง ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีข้อหากรรโชกทรัพย์และเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตบางรัก ขณะนี้นายพิพัฒน์ยังถูกควบคุมตัว เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ทำการฝากขังในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ว่า นายพิพัฒน์ได้ประสานขอกลับมาทำหน้าที่ประธานสภา กทม. ในการพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 วงเงิน 65,000 ล้านบาท โดยนายพิพัฒน์ขอเลื่อนการประชุมจากวันที่ 20 สิงหาคม เป็นวันที่ 22 สิงหาคม แทน เพื่อขอศาลให้ประกันตัวให้ออกมาทำหน้าที่ประธานสภา กทม.ในวันนั้นซึ่งครบเวลาที่ถูกควบคุมตัว 7 วัน
"จากการพูดคุยกับ ส.ก. อีกหลายคน รวมทั้งฝ่ายบริหารกทม. ยืนยันให้เป็นไปตามกำหนดเดิมที่จะใช้เวลาพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ ระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม ให้ทันกรอบเวลา 45 วัน ตามที่กำหนดในร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพราะหากเลื่อนเป็นวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกรอบการพิจารณา อาจเสี่ยงพิจารณาไม่ทันตามกฎหมาย เพราะโดยปกติจะใช้เวลาพิจารณา 1-2 วัน ขอยืนยันว่า สภา กทม.จะไม่เลื่อนการประชุม ยังคงกำหนดการประชุมตามเดิม ผมในฐานะรองประธานสภาคนที่ 1 สามารถทำหน้าที่แทนได้ เพื่อไม่ให้กระทบกับหน่วยงาน" นายแมนกล่าว
@ เผยทหารดักจับส.ก.ทุจริตเพิ่ม
แหล่งข่าวจากสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า การจับกุมนายพิพัฒน์เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ฝ่ายทหารได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของนายพิพัฒน์พร้อมเก็บหลักฐานบันทึกคลิปวิดีโอมาหลายเดือนแล้ว ส.ก.หลายพื้นที่ก็ถูกทหารติดตามความเคลื่อนไหวเช่นกันว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่หรือไม่ ทราบมาว่าให้รอติดตามว่าอาจจะมี ส.ก.เขตใหญ่แห่งหนึ่งถูกจับกรณีคล้ายคลึงกัน
@ พระธรรมนูญยันหาย40กระบอก
พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ กล่าวกรณี พ.ท.สุรวุฒิ ศรีอังกูร เจ้าหน้าที่ของศาลทหารกรุงเทพฯ ได้รับมอบหมายจากตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพฯ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.อ.ชินพล ออรุ่งโรจน์ และ จ.ส.อ.สมเกียรติ ม้ายอง ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของทางราชการ เป็นอาวุธปืนของกลางจำนวน 54 กระบอกว่า ยอมรับว่ามีการแอบลักขโมยอาวุธปืนของกลางไปจริง แต่ไม่ใช่อาวุธปืนที่จับได้ช่วงประกาศใช้กฎอัยการศึกของ คสช. แต่เป็นอาวุธปืนที่เป็นของกลางในส่วนของคดีทางทหารที่เป็นคดีอยู่จำนวน 2 กระบอกเท่านั้น โดยหายไปทั้งหมดเพียง 40 กว่ากระบอก ไม่ใช่ 54 กระบอกอย่างที่เป็นข่าว อาวุธปืนที่หายเป็นปืนที่คดีสิ้นสุดหมดแล้ว เพียงแต่ที่เก็บไว้เนื่องจากอาจจะมีการร้องรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่
"ประเด็นจริงๆ ปืนที่อยู่ในคดีมีเพียง 2 กระบอก ส่วนอีก 40 กว่ากระบอกเป็นคดีที่จบหมดแล้ว แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่ใช่ปืนของกลางที่ทาง คสช.ตรวจยึดมา ไม่ใช่ปืนอาวุธสงคราม เป็นอาวุธปืนสั้น เช่น คดี ครอบครองพกพาไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือปืนที่ทหารนำไปใช้ทำความผิด อาทิ พยายามฆ่า ฆ่าผู้อื่น ใช้ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ มันก็มีหลายรูปแบบ" เจ้ากรมพระธรรมนูญกล่าว
@ สั่งพักราชการ 2 ทหารเอี่ยว
พล.อ.จิระกล่าวว่า จ.ส.อ.สมเกียรติ ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนี ทางตำรวจได้ออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว ตนได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ.10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมอบรูปพรรณสัณฐานต่างๆ คนร้ายให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุม พล.ต.อ.จรัมพร ก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วน ร.อ.ชินพล ถูกควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีหน้าที่เก็บกุญแจห้องเก็บของกลางอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะมีส่วนร่วมด้วย แต่ ร.อ.ชินพล ยังให้การปฏิเสธ จึงสั่งให้พักราชการไว้ก่อน ทั้ง 2 นาย ทั้งนี้ในวันที่ 18 สิงหาคม เวลา 10.00 น. ที่ชั้น 4 กรมพระธรรมนูญ จะชี้แจงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง