- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 13 May 2014 10:16
- Hits: 4900
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8567 ข่าวสดรายวัน
ศาลนัดชี้หมายจับ 43 แกนนำม็อบระทึกเทือกย้าย มาปักหลัก ทำเนียบฯ แดงจับตา ท้าชง'ม.7'
แดงพรึบ - บรรยากาศคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนยังคงปักหลักชุมนุมกันที่ถนนอักษะ ย่านพุทธมณฑล กทม. โดยแกนนำนปช.ประกาศยกระดับการชุมนุมทันทีหากมีการแต่งตั้งนายกฯคนกลาง เมื่อวันที่ 12 พ.ค. |
ระทึก 43 แกนนำกปปส.คดีกบฏและอีกหลายข้อหาศาลอาญานัดชี้พรุ่งนี้ ขณะเดียวก็ยกคำร้องที่ทนายความจำเลยที่ยื่นคัดค้าน ระบุเป็นเรื่องของผู้ร้องกับศาล ด้านเทือกนำทีมเคลื่อนม็อบย้ายจากสวนลุมฯมาปิดล้อมรอบทำเนียบฯ ที่หน้าออฟฟิศสหประชาชาติ ด้านเสื้อแดงยังคึกปักหลักชุมนุมต่อเป็นวันที่ 3 แกนนำสั่งจับตา'เทือก'ดีล'สุรชัย-ประธานวุฒิสภา'เตือนถ้ารับข้อเสนอชงนายกฯมาตรา 7-ฉีกรัฐธรรมนูญยกระดับชุมนุมเข้มข้นแน่
ยื่นร้องศาลขอหมายจับ 43 กปปส.
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 12 พ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุมัติหมายจับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำกปปส. พร้อมพวกซึ่งเป็นแกนนำกปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏและความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย หลังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 8 พ.ค.
ก่อนที่ศาลจะอ่านคำสั่ง พ.ต.ต.ยุทธนา แถลงต่อศาลว่าข้อหาที่ขอออกหมายจับ ส่วนใหญ่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พร้อมทั้งระบุถึงผู้ต้องหาบางรายที่ประสงค์ไม่ขอออกหมายจับ เนื่องจากออกหมายเรียกไปแล้ว
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานที่นำเสนอแล้วเห็นว่าตามคำร้องขอออกหมายจับของผู้ร้อง ปรากฏว่ามีสำเนาที่พนักงานอัยการสั่งฟ้องเป็นหนังสือที่ อส.0010/292 ฉบับลงวันที่ 8 พ.ค.2557 ศาลจึงให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำต้นฉบับที่สั่งฟ้องมาให้ศาลตรวจดู ปรากฏว่าเป็นฉบับเดียวกัน และพนักงานสอบสวน ดีเอสไอได้แถลงยืนยันว่าพนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามหนังสือฉบับดังกล่าวจริง
ศาลนัดชี้หมายจับ 14 พ.ค.-บ่าย 3
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่ผู้ร้องไม่ขอออกหมายจับ ได้แก่ นายสาธิต ปิตุเตชะ ผู้ต้องหาที่ 20 นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ต้องหาที่ 22 นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้ต้องหาที่ 29 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้ต้องหาที่ 34 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้ต้องหาที่ 35 และนางนาตยา เบญจศิริวรรณ ผู้ต้องหาที่ 53 ทั้งหมดเป็นอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอแถลงว่าบุคคลดังกล่าวได้รับหมายเรียกของพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งได้มารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนและได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนแล้ว จึงไม่มีความประสงค์ที่จะออกหมายจับผู้คนดังกล่าว
ส่วนนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ ผู้ต้องหาที่ 58 พนักงานสอบสวนดีเอสไอแถลงว่าเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช. ซึ่งเชื่อว่าสามารถที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ จึงไม่ขอออกหมายจับ แต่หากนายถวิลไม่มาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป ศาลจึงนัดฟังคำสั่งวันที่ 14 พ.ค. เวลา 15.00 น.
ส่วนที่นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทีมทนาย ความกลุ่ม กปปส. ได้ยื่นคำคัดค้านพนักงานสอบ สวนดีเอสไอ ในการขอหมายจับ โดยอ้างเหตุ ผู้ต้องหาไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี ขณะที่ ผู้ต้องหาบางราย พนักงานสอบสวนเคยออกหมาย จับแล้วหลายครั้ง ประกอบกับการตั้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนนั้นไม่ชอบ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุให้รับคำคัดค้านไว้ เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องและศาล
เผยชื่อ 43 แกนนำที่ขออนุมัติศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอขอออกหมายจับทั้ง 43 รายนั้น ประกอบด้วย 1.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 2.นายชุมพล จุลใส 3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 4.นายอิสสระ สมชัย 5.นายวิทยา แก้วภราดัย 6.นายถาวร เสนเนียม 7.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 8.นาย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 9.นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก 10.นายนิติธร ล้ำเหลือ 11.นายอุทัย ยอดมณี 12.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 13.พล.อ. ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 14.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 15.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 16.พ.ต.ท.สุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ 17.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 18.น.ส. จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือ กฤดากร 19.นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ 20.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
21.นายเสรี วงษ์มณฑา 22.นายกิตติศักดิ์ ปรกติ 23.นายถนอม อ่อนเกตุพล 24.พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ 25.นายสุริยะใส กตะศิลา 26. นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี 27. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 28.พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ 29. นาย สาวิทย์ แก้วหวาน 30.นายสาธิต เซกัล
31.นายกิตติชัย ใสสะอาด 32.นายคมสัน ทองศิริ 33.นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ 34.นาย มั่นแม่น กะการดี 35.นายประกอบกิจ อินทร์ทอง 36.นายนัสเซอร์ ยีหมะ 37.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว 38.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด 39.นายสำราญ รอดเพชร 40.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี 41.นางทยา ทีปสุวรรณ 42.พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี และ 43.พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ
นัดชี้คดีกบฏ'สนธิญาณ-สกลธี'
วันเดียวกัน ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดา ภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ อ.1191/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 52 ปี และนายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 37 ปี แกนนำ กปปส. เป็นจำเลยที่ 1- 2 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักร, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็น ผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการ กระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง , ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76 และ 152
ขณะที่ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายสนธิญาณ จำเลยที่ 1 ฟังแล้ว สอบคำให้การ นายสนธิญาณ ให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 13.30 น. ส่วนนายสกลธี จำเลยที่ 2 ศาลนัดสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันที่ 13 มิ.ย. เวลา 09.00 น.
'พุทธอิสระ'ขอกลับวัดชั่วคราว
วันเดียวกัน พุทธอิสระนำผู้ชุมนุมเคลื่อน ขบวนด้วยรถบัสออกจากเวทีแจ้งวัฒนะ เดินทางไปทำบุญที่จ.สมุทรสาคร และสมุทร สงคราม เพื่อเชิญชวนให้สนับสนุนการขอ นายกฯตามมาตรา 7 และเข้าร่วมพิธีหล่อพระ และนอนค้างคืนที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โดยพุทธอิสระกล่าวถึงเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูก เชื่อว่าคนร้ายตั้งใจยิงใส่ที่พักตน แต่ระเบิดไปไม่ถึง
ต่อมาเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มการเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรืออีโอดี บช.น. นำทีมพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านเรือนไทย ใกล้เวทีการชุมนุมแจ้งวัฒนะ ซึ่งถูกยิงระเบิดเอ็ม 79 พร้อมเปิดเผยว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมี 2 จุด คือ บริเวณหน้าเรือนไทย และอีก 1 ลูกตกในพื้นที่ปตอ. เหตุเกิดช่วงประมาณ 22.00 น. เบื้องต้นจากการเก็บหลักฐานพบว่าเป็นระเบิดเอ็ม 79 ชนิดธรรมดา ไม่ใช่ชนิดเจาะเกราะ ส่วนทิศทางการยิงยังต้องรอผลการตรวจสอบพื้นที่ ทั้งร่องรอยสะเก็ดระเบิดและขนาดหลุมที่ระเบิดตก หลังเก็บหลักฐานที่หน้าเรือนไทยแล้ว จะนำทีมเก็บกู้ และตรวจสอบวัตถุระเบิดไปตรวจสอบภายในปตอ.ต่อไป
ทบ.เผย'บิ๊กตู่'ย้ายที่ทำงานไปร.1รอ.
วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวกองทัพจะทำรัฐประหารว่า ขณะนี้กองทัพบกปฏิบัติหน้าที่ภายในกรอบของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ดูแลสถานที่สำคัญ รวมถึงมีจุดต่างๆ ให้การดูแลและเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ประชาชน ในช่วงนี้ยังติดตามสถานการณ์ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สำหรับข่าวลือต่างๆ นั้นส่งผล กระทบต่อภาพรวม จึงอยากให้สังคมใช้ความระมัดระวังในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในโซเชี่ยลมีเดียด้วย เพราะอาจเกิดความสับสนได้ บางอย่างกระทบองค์กร อาจทำให้ประชาชนเข้าใจองค์กรนั้นผิด
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมสองฝ่ายไม่ปะทะกัน พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ในส่วนของกองทัพบก ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดการปะทะที่รุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ก็มีแผนรองรับไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกลุ่ม กปปส.ย้ายมาปักหลักที่ถนนราชดำเนิน บริเวณด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ทางพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.สั่งการให้กลับมาใช้กองบัญชาการกองทัพบกสำรอง ที่ร.1 รอ.อีกครั้ง เพื่อทำงานและประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน
ประชาคมสธ.โผล่ป้อง'ปลัดณรงค์'
วันเดียวกัน พญ.อุทุมพร กำภู ณ อยุธยา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะตัวแทนประชาคมสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วยชมรมต่างๆ กว่า 20 ชมรม จำนวนกว่า 300 คน เดินทางมารวมตัวกันบริเวณหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการ รมว.สาธารณสุข ทักท้วงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
พญ.อุทุมพร อ้างว่า ประชาคมสาธารณสุขเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่มากดขี่ข่มเหง ควรต้องดำเนินการทางกฎหมาย โดยฟ้องร้องทางอาญาต่อนพ.ประดิษฐ ใน 2 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท ทำให้ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง และละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
"เบื้องต้นปลัด สธ. เตรียมส่งเรื่องและเอกสารประกอบไปยังประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นกลไกของระบบราชการ เพื่อให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็น การแอบอ้างประเด็นทางการเมืองแต่งตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยอย่างร้ายแรงต่อข้าราชการอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม และขอให้เพิกถอนคำสั่ง" พญ.อุทุมพรกล่าว
พท.ยื่นเอาผิดเทือก-ส.ส.ปชป.อีก
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และพวก กรณีเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและเสนอนายกฯ ตามมาตรา 7 ซึ่งโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 113 เป็นกบฏ ล้มล้างการปกครอง ประกอบด้วยหลักฐานเป็นภาพถ่ายและรายละเอียดการกระทำของนายสุเทพและอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ การยึดทำเนียบรัฐบาลและเสนอขอนายกฯ มาตรา 7 นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว มองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ และทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทด้วย หากนายสุเทพ และ กปปส. ดำเนินการใดๆ ที่ผิดกฎหมายเพิ่มเติม พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการฟ้องร้องอีกเช่นกัน
ด้านนายธาริต กล่าวว่า ความผิดของนาย สุเทพ และ กปปส. เป็นมติของคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่แล้วโดยเฉพาะในคดีขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. โดยดีเอสไอ ตำรวจและอัยการได้สรุปสำนวนส่งฟ้องไปแล้ว 51 ราย ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. แต่ปรากฏว่า กปปส. ยกระดับยึดทำเนียบ เป็น กองบัญชาการ ยึดสถานีโทรทัศน์และประกาศจัดตั้งนายกฯ มาตรา 7 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน แม้เป็นความผิดทำนองเดียวกันกับคดีก่อนหน้า แต่ถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ ดังนั้น ในเบื้องต้น ดีเอสไอจึงรับคำร้องไว้ เพราะถือเป็นภาระหน้าที่ โดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
เหลิมรุดศอ.รส.-แฉม็อบย้ายสวนลุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส. เดินทางมายังที่ทำการศอ.รส. ตามปกติ โดยให้สัมภาษณ์ว่าได้ปรึกษากับผบ.ตร.เกี่ยวกับการทำหน้าที่ผอ.ศอ.รส. ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงยังถือว่าตนยังเป็นผอ.ศอ.รส.อยู่ ดังนั้นจะเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชและพลร่มจากค่ายนเรศวร จับกุมนายสุเทพ และพวกในฐานะกบฏตามหมายศาล
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ที่นายสุเทพเสนอให้ประธานศาลทั้ง 3 ศาล พิจารณาเลือกนายกฯ ตามมาตรา 7 นั้นไม่มีหลักการทางกฎหมายใดรองรับ เป็นเพียงความคลุ้มคลั่งเฉพาะตัวของนายสุเทพเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานศาลรัฐธรรมนูญตนไม่มั่นใจ แต่ประธานศาลฎีกา มั่นใจว่าท่านจะไม่เอาด้วยกับนายสุเทพแน่นอน เพราะเป็นคนดี สมถะ และไม่ฝักใฝ่การเมือง ยืนยันว่าไม่มีนายกฯ มาตรา 7 และไม่มีทางออกอื่นนอกจากการเลือกตั้ง
"กปปส.ย้ายเวทีไปถนนราชดำเนินเพราะไม่มีทางเลือก โรงแรมดุสิตได้รับผลกระทบ ลูกค้ายกเลิกห้องพักเป็นปี ส่วนสถานการณ์การชุมนุมขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยของคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ เพื่อป้องกันการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ส่วนกปปส. ต้องระวังตัว เพราะไปทำเขาไว้เยอะ เตือนนายสุเทพว่าไม่อยากให้ทะเลาะกัน ถ้าไปไม่ไหวก็ขอให้จบ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เทือกนำม็อบออกจากสวนลุมพินี
ที่เวทีการชุมนุม กปปส. สวนลุมพินี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ามวลชนเริ่มทยอยเก็บสัมภาระส่วนตัว และร่วมกันเก็บเต็นท์ตามจุดต่างๆ รวมทั้งช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้คืนกรุงเทพ มหานคร ก่อนเตรียมตัวไปปักหลักชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลและหน้าองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก โดยหลังจากผู้ชุมนุม กปปส. เคลื่อนขบวนออกจากสวนลุมพินี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรืออีโอดี จะเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ต่อไป
กระทั่งเวลา 14.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยแกนนำ กปปส. ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นางทยา ทีปสุวรรณ นายสกลธี ภัททิยกุล นายอิสสระ สมชัย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายชุมพล จุลใส น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ร่วมสักการะพระบรมราชาอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ก่อนเคลื่อนขบวนออกจากสวนลุมพินี ในเวลา 14.14 น. จากนั้นเมื่อขบวนถึงทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพจะนำผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเดินทางไปหน้ารัฐสภา เพื่อติดตามการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษหาทางออกประเทศว่าจะมีการเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ตามข้อเสนอ กปปส. หรือไม่ ซึ่งที่หน้ารัฐสภาจะมีการตั้งเวทีปราศรัยในเวลา 15.00 น. โดยแกนนำ กปปส. ประกอบด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย นายสำราญ รอดเพชร นายสุริยะใส กตะศิลา และนายนิติธร ล้ำเหลือ
ขอเลือกตั้ง- นพ.ภีศเดช สัมมานันท์ แถลงในนามกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้ กกต.เร่งจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด และปฏิเสธนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. |
บุกประชิดสภา-ขอให้วุฒิฯถ่ายสด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายสุเทพนำมวลชนมาถึงเวทีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติแล้ว ในเวลา 17.00 น. นายสุเทพได้นำมวลชนส่วนหนึ่งเคลื่อนขบวนมายังรัฐสภา เพื่อติดตามความคืบหน้าการประชุมนอกรอบสมาชิกวุฒิสภาโดยกลุ่ม กปปส.ได้เข้าปิดประตูทางเข้าออกรัฐสภาทั้งหมด พร้อมเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมเพื่อให้มวลชนได้รับชม จากนั้น ได้ส่งนายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. เข้าไปเจรจากับนายวิเชียร รุจิธำรงกุล เลขานุการนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา
จากนั้น นายวิเชียรเดินออกไปพูดคุยกับนายสุเทพซึ่งนั่งรอฟังผลการเจรจาอยู่บริเวณถนนพิชัย โดยนายสุเทพได้ยื่นข้อเสนอ 2 แนวทาง คือ 1.ขอให้นายสุเทพเข้าไปชี้แจงถึงการเคลื่อนไหวในห้องประชุมวุฒิสภาด้วยตัวเอง และ 2.ขอให้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา หากไม่ดำเนินการตามก็จะปิดล้อมจนกว่าจะได้ข้อสรุป ขณะที่มวลชนนั่งชุมนุมอยู่บนพื้นถนนหน้ารัฐสภา โดยมีแกนนำขึ้นปราศรัยเรียกร้องวุฒิสภาดำเนินการตามข้อเสนอของกลุ่ม กปปส. และเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสดการประชุม พร้อมให้มวลชนส่งเสียงให้กำลังใจ ส.ว. เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาการเมือง
เข้าพบปธ.วุฒิ-ไล่สื่อออกนอก
ต่อมาเวลา 18.30 น. วุฒิสภามีมติให้นายสุเทพเข้าไปชี้แจงได้ โดยนายสุเทพ กล่าวว่า ประชาชนมีความคาดหวังว่า วันนี้วุฒิสภาจะช่วยทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เราพยายามติดตามว่า วุฒิสภาหารือกันไปถึงไหน ปรากฏว่า สถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุของรัฐสภาก็ไม่ยอมถ่ายทอดสด ตั้งใจปิดหูปิดตาไม่ให้ประชาชนรู้ เราจึงต้องเข้ามาติดตาม โดยประสงค์ให้การชี้แจงเป็นไปโดยเปิดเผย เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ฟัง
ด้านนายสุรชัย กล่าวว่า เรื่องที่ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่ได้เป็นความตั้งใจของวุฒิสภา นายสุเทพก็เคยเป็นส.ส.คงทราบดีว่า การควบคุมการประชุมและระบบทั้งหมดอยู่ในการดูแลโดยสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดูแล วันนี้ระบบในห้องประชุมถูกล็อกทั้งหมด ทั้งระบบแอร์กับระบบเสียง รวมถึงระบบสัญญาณการควบคุมที่นั่งของประธานก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ และการถ่ายทอดกล้องวงจรปิดในอาคารก็ยังไม่เปิด ซึ่งไม่ได้เป็นสั่งการจากตนหรือสมาชิกวุฒิสภาที่ปิดกั้นการสื่อสารระหว่างวุฒิสภา แต่เรามีความตั้งใจที่จะสื่อสารไปยังประชาชนและมีความพยายามที่จะแก้ไข ขณะนี้เหลือสมาชิกวุฒิสภาที่จะต้องอภิปรายอีก 15 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการพูดคุยเจรจา นายสุเทพให้สื่อมวลชนออกจากห้อง เพื่อขอเวลาพูดคุยกับนายสุรชัยเป็นการส่วนตัว
'ตู่'เตือนปธ.วุฒิไม่ราบรื่นแน่
ที่เวทีนปช. ถนนอักษะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.เปิดเผยว่าคนเสื้อแดงจะติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มรัฐบุคคลที่เดินสายเข้าพบผู้บัญชาการเหล่าทัพ นอกจากนี้ยังขอเตือนไปยังนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าให้หยุดเดินตามเเนวคิดการเจรจากับประธานทั้งสามศาล คือศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกา รวมถึง กกต. เพราะทั้งสามศาลไม่ได้ตอบรับในการพูดคุยแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงกลไกของวุฒิสภา ซึ่งมีทัศนคติตรงข้ามกับรัฐบาลมาโดยตลอด รวมถึงมีปัญหาด้านความชอบธรรม เพราะการขอเปิดประชุมวุฒิสภาจากคณะรัฐมนตรี มีวาระประชุมเรื่องการแต่งตั้ง ป.ป.ช. แต่กลับมีการเลือกประธานวุฒิสภาขึ้น จนทำให้นายสุรชัยซึ่งเป็นรองประธานวุฒิสภา ขึ้นเป็นประธาน จึงขอยืนยันว่าหนทางข้างหน้าของนายสุรชัย ไม่ได้ราบ รื่นเเน่นอน ขณะนี้นายสุเทพ พยายามคุ้มครองการดำเนินการของนายสุรชัย จึงขอท้าให้เร่งเสนอนายกฯมาตรา 7 ก็จะเห็นการต่อต้านอย่างแน่นอน
'เต้น'ท้าให้เสนอนายกฯ ม.7 เร็วๆ
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม นปช.เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้สังคมไทยน่าจะได้ข้อสรุปว่าการชุมนุมของนายสุเทพและขบวนการที่อยู่เบื้องหลังไม่มีความชอบธรรม เหลืออยู่เเล้ว เพราะอุดมการณ์และข้อเรียกร้องขัดกับหลักประชาธิปไตยชัดเจน รวมถึงเเนวทางการเคลื่อนไหวที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนบ่อยครั้ง อาทิกรณีที่การ์ดทำร้ายร่างกายประชาชนบริสุทธิ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบ่อยครั้ง การเคลื่อนไหวของนายสุเทพ จึงไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ร่วมกันแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวแสดงออกร่วมกัน ไม่ว่าช่องทางใดก็ตาม
ส่วนการพยายามดึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลงมาสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้ข้อเสนอทางการเมืองของนายสุเทพนนั้น ขณะนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง ยกเว้นกลไกของวุฒิสภา หากประกาศชื่อนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งดังกล่าว รวมถึงมีการฉีกรัฐธรรมนูญ เวทีนปช.ถนนอักษะ จะยกระดับการชุมนุมทันที และจะไม่หยุดเคลื่อนไหว รวมถึงมีการเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมาและจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด จนกว่าสังคมนี้จะเป็นประชาธิปไตย หากวันนี้มีการเปลี่ยน แปลงทางการเมืองใดๆ ก็ตามที่ไม่เป็นประชาธิปไตย นปช.ก็จะประกาศต่อสู้ตอบโต้ทันที
เตือนระวังโดนข้อหาก่อกบฏด้วย
เมื่อเวลา 18.10 น. นายจตุพรกล่าวปราศรัยบนเวทีว่า วันนี้หัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์เสนอทางออกให้เลขาธิการวุฒิสภา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งนายสุรชัย เป็นประธานวุฒิสภาแทนนายกรัฐมนตรี ถ้าเลขาธิการวุฒิสภาเชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ตนขอท้าให้นำชื่อนายสุรชัยขึ้นทูลเกล้าฯเอง เพราะผิดกฎหมายชัดเจน เพราะตามขั้นตอนการทูลกล้าฯเสนอชื่อประธานวุฒิสภา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการต้องเป็นนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกฯเท่านั้น ฝากถึงนายสุรชัยถ้าอยากทำลายประเทศ ก็ขอให้เชื่อนายสุเทพ แล้วตัวเองก็ต้องถูกดำเนินคดีฐานก่อกบฏ ถ้าตัดสินใจอย่างที่นายสุเทพต้องการ เท่ากับเป็นการกระทำที่มิบังควรต่อสถาบัน
นายจตุพร กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นที่ประจักษ์ แล้วว่าประมุขทั้ง 3 ศาล และประธานกกต. ไม่เอาด้วยกับสุทเพ เหลือคนเดียวคือประธานวุฒิสภา นปช.ยังมีจุดยืนว่าถ้ามีการแต่งตั้ง นายกฯมาตรา 7 จะดำเนินการทั้งทางกฎหมาย และเคลื่อนพลอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อหยุดยั้งพฤติกรรมดังกล่าว นปช.เดินมาขนาดนี้จะยอมถอยหลังให้บ้านเมืองกลับไปเป็นอำมาตยาธิปไตยอีกไม่ได้ เราไม่เอานายกฯมาตรา 7 และไม่เอาการรัฐประหารใดๆ ทั้งสิ้น
ชี้'เทือก'เจอทางตัน-แนะเลิกชุมนุม
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่าขณะนี้การชุมนุมของนานสุเทพทำลายสถิติการชุมนุมต่อเนื่องยาวนานที่สุด 193 วัน ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯได้ทำไว้ สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องเวลา แต่การชุมนุมของนายสุเทพได้ทำลายทุกระบบ ทุกกลไก ทุกโครงสร้างของประชาธิปไตยมากกว่าทุกการชุมนุมที่ผ่านมาด้วย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายสุเทพพยายามร้องหาผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย แต่วันนี้ตนทราบจากแหล่งข่าวว่า หากผู้ใหญ่ที่นาย สุเทพพูดถึงหมายรวมถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ บัดนี้มีข้อมูลค่อนข้างแน่ชัดว่า พล.อ. สุรยุทธ์พูดกับคนใกล้ชิดหลายครั้งหลายหนว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง จะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวแต่อย่างใด นายสุเทพต้องเข้าใจว่าผู้ใหญ่เขาสลัดนายสุเทพทิ้งไม่เหลือเยื่อใยแล้ว เขาไม่อยากอุ้มอีกต่อไป เพราะเห็นหายนะที่รออยู่ข้างหน้า ตนมั่นใจว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเห็นนายสุเทพเดินไปมาแบบคนหมดตัว หมดหน้าตัก จึงแนะนำให้ไปสมทบกับพุทธอิสระแล้วไปปลงกันที่วัดอ้อน้อย หลังจากนั้นก็ประกาศยุติการชุมนุม น่าจะเป็นช่องทางที่เป็นไปได้ที่สุด
'วันนอร์'ปราม'สุรชัย'ระวังคุก
เวลา 20.00 น. นางธิดา โตจิราการ ที่ปรึกษาประธานนปช. กล่าวว่า สุเทพโมเดลหรือการปฏิวัติประชาชนที่นายสุเทพอ้าง จะไม่ได้ผล เพราะพยายามจะเปลี่ยนประเทศที่ก้าวหน้าไปสู่ประเทศที่ล้าหลัง ซึ่งประชาชนไม่เอาด้วย วันนี้ทราบข่าวว่า วุฒิสภาจะเชิญนายสุเทพไปคุยด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่ทุเรศ ควรให้แค่ทำจดหมายแล้วเอามาดูกันเท่านั้น ขณะนี้มีการถกเถียงกันว่าใครจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ กปปส.บอกว่านายนิวัฒน์ธำรงไม่มีอำนาจ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปทูลเกล้าฯเสนอชื่อประธานวุฒิสภา ปล่อยให้เป็นประธานเถื่อนอยู่อย่างนั้น ต้องระวังว่าถ้า กปปส. ไม่ประสบความสำเร็จใน 2-3 วันนี้ อาจจะมีการยกระดับความรุนแรง ครั้งนี้จะเป็นจุดจบของสงครามยืดเยื้อระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาชน ซึ่งประชาชนจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
ต่อมานายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานสภา ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ในฐานะที่เคยนำความกราบบังคมทูลแต่งตั้งนายกฯ 2 คน คือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายชวน หลีกภัย อยากเรียนผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนายสุรชัย ที่จะเสนอนายกฯคนกลางว่า อย่าเสียเวลาเลย หนทางนี้ทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะรธน. 2550 มาตรา 171 ระบุว่า นายกฯต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วจะหาคนกลางมาจากวิมานไหน ถ้าประธานวุฒิสภาและวุฒิสภาไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญก็จะถูกฟ้องร้อง
เสื้อแดงนัดเวียนเทียนวิสาขะ
อดีตประธานสภากล่าวอีกว่า กฎหมายยังระบุด้วยว่า ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ไม่ใช่ประธานวุฒิสภา แล้วนายสุรชัยจะมีหน้าไปนำความกราบบังคมทูลได้อย่างไร ถ้ากระทำนอกเหนือกฎหมายถือว่ากระทำการไม่บังควร เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เมื่อยังไม่มีประธานสภาผู้แทนฯ ก็ต้องไปเลือกตั้ง ให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเอาผู้ใดเป็นนายกฯ ไม่ใช่องค์กรอิสระ กปปส. หรือ ส.ว. เป็นคนเลือก นอกจากนี้ ในช่วงที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร รธน.มาตรา 132 ระบุว่า จะประชุมวุฒิสภาไม่ได้ เว้นแต่กรณีการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และการประกาศสงคราม ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ก็ยังไม่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ตลอดทั้งวันยังมีคนเสื้อแดงปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชุมนุมทยอยมากันหนาแน่นในช่วงค่ำ ทั้งนี้ตลอดทั้งวันไม่มีการเคลื่อนขบวนไปจุดไหน และบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย โดยกิจกรรมของนปช.ในวันที่ 13 พ.ค. นี้ จะเวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา ตั้งแต่เวลา 19.00 น.
เทพอ้างปธ.วุฒิรับดันนายกใหม่
เมื่อเวลา 21.00 น. ที่เวทีการชุมนุม กปปส. หน้ารัฐสภา นายสุเทพกล่าวบนเวทีปราศรัยว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นตัวแทนยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อให้รับทำหน้าที่แก้ไขปัญหาบ้านเมือง ประธานวุฒิสภาก็รีบนัดประชุมสมาชิกวุฒิสภาเป็นวาระพิเศษ แต่ปัญหาคือว่าเราไม่ได้ยินเสียง เปิดสถานีโทรทัศน์ของรัฐสภาและสถานีวิทยุก็ไม่ถ่ายทอด เราเห็นว่าผิดปกติ จึงมากันที่รัฐสภา เพื่อมาดูแลไม่ให้ใครทำอะไรประธานวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภา จึงต้องขอเข้าพบประธานวุฒิสภา
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ตนยังเรียนให้ทราบว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่ปกติ เพราะประเทศนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องตั้งนายกฯคนใหม่ ซึ่งประชาชนคนไทยรู้ดีว่า คนที่จะตั้งนายกฯ คือสภาผู้แทนราษฎร แต่ขณะนี้ไม่มี ประชาชนจึงคาดหวังกับวุฒิสภา เพราะเป็นองค์กรที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นที่พึ่งของปวงชนชาวไทยเพียงองค์กรเดียวที่เหลืออยู่ พวกท่านคือคนที่จะเลือกนายกฯคนใหม่ให้ประชาชนโดยทันที หากช้าบ้านเมืองจะเสียหาย ตนขอให้วุฒิสภาทำงานให้สบายใจ เราจะอยู่ที่หน้ารัฐสภาต่อไป เพื่อไม่ให้ใครมาข่มขู่คุกคามวุฒิสภา และจะรอจนกว่าวุฒิสภาจะออกมาบอกผลการประชุมกับเรา ซึ่งวันนี้ได้รับคำตอบเบื้องต้นว่า วุฒิสภาจะรับเป็นภาระเพื่อปรึกษาหารือกันดำเนินการเพื่อให้มีนายกฯคนใหม่ของประเทศนี้
แดงสิ้นใจขณะเดินทางมาชุมนุม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พ.ค. นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เป็นประธานงานบำเพ็ญกุศลศพนางสำลี แก้วขาว อายุ 71 ปี ที่บ้านเลขที่ 163 ม.3 ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี หลังเสียชีวิตกะทันหันระหว่างการเดินทางไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ
นายขวัญชัยเปิดเผยว่า นางสำลี พร้อมด้วยสมาชิกชมรมคนรักอุดรฯ ได้เดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศออกจากอุดรธานี เพื่อไปร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะและแวะพักระหว่างทางที่ปั๊มน้ำมันโคราช เกิดหัวใจวายกะทันหันขณะนั่งพักที่ม้านั่ง และเสียชีวิตระหว่างทางนำส่ง โรงพยาบาล จึงได้รีบนำศพมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ผู้ตายเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาว นานกับคนเสื้อแดงอุดรฯ ไปชุมนุมด้วยทุกครั้ง ตนได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือไป 1 หมื่นบาท นายขวัญชัยกล่าวว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทราบเรื่องได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้ตายจำนวน 5 หมื่นบาท นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. และนางธิดา โตจิราการ มอบเงินช่วยเหลือ 5 หมื่นบาท แกนนำ นปช.ทั้ง 7 คนคนละ 1 พันบาท พร้อมเงินช่วยเหลือจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ชมรมคนรักอุดร อีกจำนวน 100,500 บาท
นายขวัญชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเดินทางรอบสองของคนเสื้อแดงจากอุดรฯ จึงขอเลื่อนการเดินทางไปเป็นเย็นวันที่ 13 พ.ค. โดยรถยนต์โดยสารปรับอากาศจำนวน 20 คัน และรถกระบะอีกจำนวนหนึ่ง ครั้งนี้เราเตรียมเสบียงข้าวปลาอาหารแห้งไปจำนวนมาก ตอนนี้ชาวบ้านคนเสื้อแดงต้องใช้เวลาในการเตรียมสัมภาระเพราะจะชุมนุมนานหลายวัน เมื่อเกมส์ต่อสู้ต้องยืดเยื้อออกไป เราจะส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงไปชุมนุมเพิ่มอีกหลายเท่าตัว
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8567 ข่าวสดรายวัน
อำทั้งเมือง กรวยศักดิ์สิทธิ์-ห้ามแตะ ขยับปุ๊บ-โดน'ลูกปืน'ปั๊บ ตัดต่อรูปโพสต์ล้อเลียน ประชดกลุ่มการ์ดม็อบ! ชีวิตคนกรุงสุดอันตราย
อำสนั่น- ภาพล้อเล่น'กรวย'ในลักษณะต่างๆ มีคนโพสต์กันกระหึ่มในโลกออนไลน์ หลังเกิดเหตุประชาชนโดนการ์ดผู้ชุมนุมรุมทำร้ายและยิงจนบาดเจ็บหลายราย เพราะแค่ลงไปขยับกรวยกั้นถนนเท่านั้น ตามข่าว |
อำกันสนั่นเมือง! นักท่องเน็ต-โซเชี่ยลมีเดีย ฮือโพสต์ข้อความ- ตัดต่อรูปประชด'กรวยศักดิ์สิทธิ์'ของการ์ดม็อบกปปส. จวกยับแค่ไปขยับ-จับ-ก็ถึงตาย ด้านรองโฆษกเพื่อไทยสุดเอือม ชาวกรุงต้องใช้ชีวิตอยู่ในยุค 'กรวยอาถรรพ์ เฉี่ยวปางตาย ย้ายถูกยิง'เตือนหลีกเลี่ยงเดินทางผ่านเข้าใกล้บริเวณพื้นที่ชุมนุมกปปส. ถ้าให้ดีอย่าเข้าใกล้กรวยม็อบเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจโดนรุมทำร้ายร่างกายเจ็บสาหัสเหมือนเหยื่อหลายๆ รายที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายธนกฤต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี คนส่งน้ำแข็ง ขับรถไปเฉี่ยวโดนกรวยยางที่การ์ดม็อบคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ "กปปส." ตั้งเอาไว้บริเวณ ถนนพหลโยธิน หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทำให้การ์ดม็อบไม่พอใจและใช้อาวุธมีดแทงนายธนฤกตบาดเจ็บสาหัส ต่อหน้าต่อตาภรรยาของนายธนกฤตที่ตั้งท้องอยู่ด้วย เหตุเกิดเวลา 23.00 น. วันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายอนุสรณ์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยขอประณามการ์ดกปปส.ที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนหาเช้ากินค่ำ ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ต้องโดนทารุณกรรมราวกับไม่ใช่คน ไม่ใช่เพื่อนร่วมชาติ กระหน่ำแทงแล้วมัดใส่ถุงดำเตรียมทำลายหลักฐาน ในลักษณะคล้ายๆ กันในหลายกรณี โดยเฉพาะกรณีการ์ดกปปส.ทำร้ายนายยืม นิลหล้า มัดมือ มัดเท้า ใส่ถุง แล้วนำมาถ่วงแม่น้ำบางปะกง ล่าสุดศาลออกหมายจับนายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส. กับพวก 6 คน ในฐานความผิดพยายามฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งไม่น่าจะเป็นการทำร้ายร่างกายธรรมดา แต่ถึงขั้นพยายามฆ่า
"คนเดินถนนต้องระวังกรวยอาถรรพ์'เฉี่ยวปางตาย ย้ายถูกยิง'ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้งดเว้นอย่าเข้าร่วมการชุมนุมกับกปปส. หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านเข้าใกล้บริเวณพื้นที่ชุมนุมตลอดเวลา โดยเฉพาะมาน้อยต้องระวังเวลาเข้าใกล้กรวยอาถรรพ์ ทำร้ายกันขนาดนี้เกินกว่าเหตุ" รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
ทั้งนี้ รอบหลายเดือนที่ผ่านมา มีประชาชนทั่วไปหรือแม้แต่นายทหารระดับสูงถูกการ์ด กปปส. ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมาแล้วหลายราย สาเหตุเพียงเพราะไม่คุ้นชินเส้นทางที่ถูกม็อบปิดการจราจรและลงจากรถไปเลื่อนกรวยกั้นออก ไม่มีเจตนายุ่งเกี่ยวกับการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น โดยเหยื่อที่โดนรุมทำร้าย อาทิ นายมารุต จันทร์นวล เซลส์เอนจิเนียร์ เหตุเกิดพื้นที่ชุมนุมกปปส.แจ้งวัฒนะ วันที่ 8 มี.ค. 2557, พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ สำนักวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เหตุเกิดพื้นที่ชุมนุมกปปส. แจ้งวัฒนะ โดนยิงขาและรุมชกต่อย วันที่ 25 เม.ย., นายสุรศักดิ์ โสวัฒนางกูร นักบินฝึกหัด สถาบันวิทยุการบินพลเรือน การ์ดกปปส. แจ้งวัฒนะ รุมทำร้ายบนทางยกระดับโทลล์เวย์ วันที่ 9 พ.ค. และรายล่าสุดคือนายธนกฤต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีคนถูกทำร้ายร่างกายเพียงเพราะไปขยับกรวยของ การ์ดกปปส.ดังกล่าว ทำให้มีนักท่องอินเตอร์เน็ต รวมถึงสมาชิกโซเชี่ยลมีเดียจำนวนมากต่างแสดงความเห็นในเชิงประชดประชัน พร้อมกับโพสต์ภาพตัดต่อในเชิงเสียดสีเพื่อสะท้อนถึงภยันอันตรายชนิดใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถใช้ถนนในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาไม่ได้ โดยคำที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในโซเชี่ยลมีเดีย อาทิ กรวยศักดิ์สิทธิ์, โฮลี่กรวย, กรวยเทพ, ม็อบหวงกรวย และกรวยอาถรรพ์ ขยับ-จับ-ตาย
ส่วนภาพตัดต่อที่แพร่หลายในโซเชี่ยลมีเดีย เช่น ภาพคนนั่งกราบกรวยสีส้ม, ภาพชาวบ้านนั่งไหว้กรวยเพื่อขอหวย, ภาพกรวยขนาดยักษ์ 4 กรวยแทนที่ครีบ 4 ด้าน ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, ภาพตัดต่อนำเอากรวยสีส้มไปปิดทับใบหน้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเขียนว่า "ผมไปเขยิบกรวยมาแล้วครับ ผมสัญญาว่าจะเดินหน้าหาทางออกจากกรวยให้ได้, ภาพนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งพลเมืองเน็ตขนานนามว่ารัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ยืนเผชิญหน้าท้าสู้กับกรวยยักษ์ ด้าน เฟซบุ๊กจอมอำชื่อดัง 'จอนนี่แมวศุภลักษณ์' ก็โพสต์ภาพล้อเลียนจับเจ้า 'จอนนี่ อาตแมว' แมวดังแห่งโลกโซเชี่ยลฯ นั่งถือปืนของเล่นอยู่บนเก้าอี้ แล้วมีแมวอีกตัวขับรถของเล่นมาชนกรวย จนเจ้าจอนนี่ อาตแมว ต้องขู่ฮึ่มว่า'อ้าว!!! อยากตายรึไง บังอาจมาชนกรวยศักดิ์สิทธิ์ของอาตแมว!!!'
ก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. กล่าวปราศรัยบนเวทีชุมนุมเสื้อแดง อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล จ.ชัยภูมิ ว่า ตนขอตั้งสัญลักษณ์ใหม่ให้ กปปส. เป็นกรวยแทนนกหวีด เพราะมีผู้ถูกทำร้ายบริเวณถนนแจ้งวัฒนะไปแล้วหลายราย เพียงเพราะลงไปขยับกรวยที่ขวางกั้นการจราจรบนถนนเท่านั้น จนสื่อมวลชนต่างขนานนามว่าเป็น 'กรวยอาถรรพณ์ ใครจับขยับตาย' สะท้อนได้ว่าการชุมนุมดังกล่าวไม่ได้สันติปราศจากอาวุธดังที่กล่าวอ้าง และยังกล่าวล้อเลียนแกนนำ กปปส. ว่า หากใครนำกรวยมาครอบศีรษะจะกลายเป็นพวกหัวกรวยไปกันหมดเลย
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15:47 น. ข่าวสดออนไลน์ กลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องเลือกตั้ง - ขอตัวแทนยูเอ็น ช่วยแก้ความขัดแย้ง |
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. กลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นพ.ภีศเดช สัมมานันท์ รศ.นพ.ไตรจักร ซันดู และ นพ.ดิเรก บรรณจักร์ ออกแถลงการณ์ในนามกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย ว่า กลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วยแพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ พยาบาลและวิชาชีพสาธารณสุขด้านอื่นๆ จำนวนกว่า 1,200 คนทั่วประเทศ ห่วงใยต่อสถานการณ์ของประเทศที่ยังมีความขัดแย้งกันอย่างสูงตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสงบลง ทั้งยังอาจจะเกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคต
แถลงการณ์ระบุว่า 1.ขอสนับสนุนให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานของรัฐ มีความเป็นกลางทางการเมือง ปฏิบัติตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา และทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ตามรัฐธรรมนูญ และตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน เพื่อให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจและมีที่พึ่งในสถานการณ์ในปัจจุบัน
2.เราปฏิเสธนายกรัฐมนตรีที่มิได้มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเพื่อให้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีรักษาการต้องปฏิบัติงานภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ไม่มีอำนาจหน้าที่เต็มในการดูแลแก้ไขปัญหาของประเทศ จนสภาวะเศรษฐกิจเริ่มถดถอย และการปล่อยให้การเลือกตั้งเนิ่นช้าออกไป จะทำให้ความขัดแย้งในสังคมขยายวงกว้างยิ่งขึ้น 3.ขอเรียกร้องให้ผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผู้บังคับใช้กฎหมาย และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ พิจารณากฎหมายตามลายลักษณ์อักษร หลีกเลี่ยงการใช้อคติและความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจทำให้มีการโน้มเอียงไปทางฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่สามารถทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ เกิดความเคลือบแคลงสงสัย และยิ่งเพิ่มความขัดแย้งและนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด
4.ขอให้รัฐบาลรับตัวแทนของสหประชาชาติ หรือตัวแทนของสหภาพยุโรป เป็นคนกลางในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากปัจจุบันไม่มีคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ ทั้งสององค์กรดังกล่าวก็เคยแสดงเจตจำนงมาก่อนหน้านี้ในการเป็นตัวกลางในการเจรจา เฝ้าระวังความรุนแรง และสังเกตการณ์การเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกฝ่ายหันมาวิธีแก้ปัญหาตามครรลองในระบอบประชาธิปไตย ตามกฎหมาย สันติ และนำความสงบกลับคืนสู่ประเทศ
และ 5.เรียกร้องให้รัฐบาลทำคำประกาศรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมไม่อาจทำคำวินิจฉัยให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปได้ ฝ่ายต่างๆ อาจเลือกใช้วิธีรุนแรงต่อกัน การยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ จะเป็นการป้องปรามมิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใช้ความรุนแรงต่อกัน