วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8655 ข่าวสดรายวัน


เล็ง'15 สค.'โหวต'บิ๊กตู่'นายกฯ 
พรเพชรปธ.สนช. 2 รองตามโผ สมยศจับคดีปืน-โยง'กริชสุดา'


บิร์ธเดย์ - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม เปิดมูลนิธิรอยต่อ 5 จังหวัด ใน ร.1รอ. ให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นำคณะนายทหาร เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบ 69 ปี เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

      'บิ๊กตู่'ออกทีวีลั่นบริหารประเทศได้ ไม่เห็นจะยากตรงไหน โต้กลับ'กริชสุดา'หน้าตาสวยเช้งยืนยันทหารไม่ได้ซ้อมทรมาน ด้าน'บิ๊กป้อม'ชื่นมื่น วันเกิดครบ 69 ปีอบอุ่น'พล.อ.ประยุทธ์'นำทีมคสช.-สนช.รุดอวยพร 'สมยศ'แถลงจับอาวุธพร้อมผู้ต้องหา ระบุโยง'สหายสุดซอย'จ่ายเงินจัดซื้อ สนช.ใช้เวลาแค่ 5 นาทีโหวตเลือกประธานกับ 2 รองประธาน'พรเพชร-สุรชัย-พีระศักดิ์'มาตามโผ วุฒิสภาประสานหัวหน้าคสช.นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ คาดวันที่ 15 ส.ค.ประชุมสนช.โหวตตั้งนายกฯได้ 

สนช.ยกระดับเป็นสภาสัตบุรุษ
      เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ครั้งที่ 1/2557 มีผู้มาลงชื่อเข้าประชุมอย่างคึกคักจำนวน 191 คน จาก 197 คน นายสมพร เทพสิทธา สนช.ที่อาวุโสสูงสุด อายุ 89 ปี ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมชั่วคราว โดยกล่าวก่อนดำเนินการประชุมว่า จะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ และเห็นว่าสนช.ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นสัตบุรุษ ได้รับการกลั่นกรองมาอย่างดี ถ้าสภาใดไม่มีสัตบุรุษ สภานั้นไม่ใช่สภา ตนขอเรียกว่าสภาแห่งนี้ว่า"สภาสัตบุรุษแห่งชาติ? 
     จากนั้น ที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557 และรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศแต่งตั้ง สนช. ก่อนที่สมาชิกสนช.จะร่วมกล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนปฏิบัติหน้าที่
      ต่อมา จึงเข้าสู่วาระการเลือกประธานและรองสนช. โดยที่ประชุมมีมติให้ยึดข้อบังคับการประชุมสนช. พ.ศ.2549 มาใช้ในการเลือกประธานและรองประธานสนช. นายสมพรเสนอขอมติที่ประชุมให้งดใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อ 6 วรรคสอง ที่กำหนดให้งดการแสดงวิสัยทัศน์ในการเลือกประธานและรองประธานสนช. เพื่อประหยัดเวลา แต่เกิดความวุ่นวายและปัญหาขลุกขลักขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนายสมพรในฐานะประธานที่ประชุมตั้งคำถามในการลงมติไม่ชัดเจน และยังไม่เข้าใจข้อบังคับการประชุม ทำให้สมาชิกเกิดความสับสน อีกทั้งเมื่อมีการเสียบบัตรลงมติสมาชิกบางส่วนไม่เข้าใจวิธีการเสียบบัตรลงคะแนน ทำให้ผลคะแนนลงมติที่ออกมามีคะแนนหายไปจำนวนมาก จนสมาชิกในห้องประชุม อาทิ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายตวง อันทะไชย นายสมชาย แสวงการ ต้องทักท้วงอธิบายให้เข้าใจถึงข้อบังคับการประชุมที่ถูกต้อง พร้อมให้เลขาธิการวุฒิสภา อธิบายวิธีการเสียบบัตรลงคะแนนใหม่ ทำให้เสียเวลาการประชุมไปกว่า 1 ชั่วโมง

'พรเพชร-สุรชัย-พีระศักดิ์'ตามโผ
     กระทั่งเวลา 10.50 น. นายสมพร จึงขอมติให้สมาชิกลงมติการของดเว้นข้อบังคับการประชุม ข้อ 6 วรรคสอง กรณีมีผู้เสนอชื่อประธานสนช.เพียงคนเดียว ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 174 ต่อ 16 งดออกเสียง 1 
     จากนั้น พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ สมาชิกสนช.เสนอชื่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธานสนช.โดยไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นมาแข่งขัน ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้นายพรเพชร เป็นประธาน สนช. ท่ามกลางเสียงปรบมือลั่นห้องประชุม โดยนายพรเพชรลุกขึ้นไหว้ขอบคุณสมาชิกด้วย
     จากนั้น เข้าสู่วาระการเลือกรองประธานสนช.ทั้ง 2 คน โดยพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เสนอชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นรองประธานสนช.คนที่ 1 โดยไม่มีสมาชิกเสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าร่วมแข่งด้วย ที่ประชุมจึงมีมติให้นายสุรชัย เป็นรองประธานสนช.คนที่หนึ่ง ท่ามกลางเสียงปรบมือลั่นห้องประชุมเช่นกัน โดยนายสุรชัย รีบยืนขึ้น ยกมือไหว้สมาชิกไปรอบห้องประชุม 
     ต่อมานายสมชาย แสวงการ เสนอชื่อนายพีระศักดิ์ พอจิต เป็นรองประธานสนช.คนที่ 2 โดยไม่มีสมาชิกเสนอชื่อบุคคลอื่นเช่นกัน ที่ประชุมจึงมีมติให้นายพีระศักดิ์เป็นรองประธานสนช.คนที่สอง โดยมีเสียงปรบมือยินดีจากสมาชิกทั้งห้องประชุม ทั้งนี้ใช้เวลาการเลือกประธานและรองประธานสนช.ไม่ถึง 5 นาที

ปธ.สนช.ยันรับฟังทุกความเห็น
     นายพรเพชร กล่าวหลังได้รับเลือกเป็นประธานสนช.ว่า มั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือจากสนช.ในการทำงานตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 นำประเทศไทยไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญ และนำประเทศไปสู่การเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ ขอปฏิญาณตนว่า จะดำเนินการในที่ประชุมด้วยการรับฟังความเห็นจากสมาชิกทุกเรื่อง ขอให้ไม่ต้องเกรงใจ สามารถเข้าพบตนได้ตลอดเวลา
     ด้านนายสุรชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 กล่าวว่า ขอบคุณสมาชิกที่ให้ความไว้วางใจ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตามคำที่ปฏิญาณต่อสภา และจะนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
     นายพีระศักดิ์ รองประธานสนช.คนที่ 2 กล่าวว่า จะร่วมมือทำงานกับประธานและรองประธานสนช.คนที่หนึ่ง ขอย้ำว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ระบุให้สนช.ทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ตนก็จะขอทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างเต็มที่
      เวลา 11.15 น. นายสมพรได้สั่งปิดประชุม โดยใช้เวลาการประชุมทั้งหมด 1 ชั่วโมง 45 นาที

เผย 4 สนช.ขอลาประชุมนัดแรก
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม สนช.นัดแรก มีสมาชิกไม่เข้าร่วมประชุม 4 คน ได้แก่ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายรัชตะ รัชตะนาวิน และพล.ท.วลิต โรจนภักดี โดยนายรัชตะ และพล.ท.วลิต ยื่นหนังสือลาราชการล่วงหน้า แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ทราบเรียบร้อยแล้ว ขณะที่พล.ต.กลชัยโทรศัพท์แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาว่า ป่วยไม่สามารถเดินทางมาประชุมได้
     พล.ต.กลชัย กล่าวว่า ไม่สามารถเดินทางไปประชุมสนช.นัดแรกได้ เพราะไม่สบาย เป็นไข้หวัด ได้ลาป่วยโดยแจ้งไปยังเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติการเลขาธิการ สนช.แล้ว

คาดวันที่ 15 ส.ค.โหวตตั้งนายกฯ
     นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมสนช.ลงมติเลือกประธานสนช. และรองประธานสนช.คนที่ 1-2 เรียบร้อยแล้ว สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จะส่งรายชื่อและประวัติของนายพรเพชร นายสุรชัย เและนายพีระศักดิ์ ส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 8 ส.ค. เพื่อประสานไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมต่อไป
     รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลังจากนายพรเพชร ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นประธานสนช.แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเรียกประชุมสนช.เพื่อโหวตแต่งตั้งนายกฯ คาดว่าจะอยู่ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.นี้

พรเพชร แจงถูกสอบคุณสมบัติ
      นายพรเพชรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาคุณสมบัติการเป็น สนช.ส่อขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า ถือเป็นประเด็นข้อกฎหมาย ต้องดูว่านายศรีสุวรรณมีอำนาจยื่นหรือไม่ ซึ่งมีองค์กรที่จะพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่ามีปัญหา ตนมีตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ด้วย แต่คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการวินิจฉัยในเรื่องนี้ ส่วนแนวคิดการลาออกจากตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งหรือไม่นั้นส่วนตัวคิดว่าการที่ตนมี 2 ตำแหน่งนั้นในชีวิตการทำงานที่ผ่านมาก็ทำงานหลายตำแหน่งในเวลาเดียวกันมาโดยตลอด แต่ที่สำคัญการทำงานหลายตำแหน่งต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
     "การดำรงตำแหน่งของผมในฐานะ สนช.ไม่ขัดต่อกฎหมาย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 41 ส่วนประเด็นต่อไปซึ่งไม่ใช่เรื่องกฎหมาย แต่เป็นประเด็นอื่น เช่น เรื่องความเหมาะสม ความสามารถ การขัดกันแห่งผลประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ผมกำลังพิจารณาอยู่ เพราะเกิดปัญหาการทับซ้อนกันระหว่างการเป็นองค์กรอิสระที่ต้องตรวจสอบ สนช. โดยอาจต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ระหว่างตำแหน่งที่มีวาระเหลืออยู่อีก 4 ปี กับตำแหน่งที่มีเกียรติมากที่สุด? นายพรเพชรกล่าว

เลือกนายกฯ หลังโปรดเกล้าฯ ปธ.
       นายพรเพชรกล่าวว่า การที่ สนช.มีมติเอกฉันท์เลือกตนเป็นประธานสนช. ถือเป็นความเชื่อมั่นว่า สนช.ต้องการแสดงความเป็นเอกภาพ เพื่อพัฒนางานด้านกฎหมายในเวลาที่จำกัด ให้เกิดความเข้าใจและเป็นไปอย่างดีที่สุด ส่วนที่มองตนเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า คสช.อยู่ด้วยนั้น ตำแหน่งที่ปรึกษานี้ คสช.ไม่ได้ประกาศแต่งตั้ง ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ คสช.จึงไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งยกเลิก แต่ คสช.สามารถปรึกษาตนได้เฉพาะเรื่องเฉพาะคราว เช่น การร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ผ่านมา ส่วนแนวทางปฏิบัติของ สนช.จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 โดยหน้าที่สำคัญคือการพิจารณากฎหมาย ส่วนเรื่องอื่นๆ จะตั้งกระทู้ซักถามหรือเสนอข้อคิดเห็นไปยังรัฐบาล 


ตามโผ - นายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้รับเลือกจากที่ประชุม สนช. ให้เป็นประธานสนช. ร่วมชูมือยินดีกับนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และนายพีระศักดิ์ พอจิต ที่ได้รับเลือกเป็นรองประธาน ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

    นายพรเพชร กล่าวว่า สำหรับภารกิจในการเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อกราบบังคมทูล ก็เป็นสิ่งที่ สนช.ชุดนี้ต้องปฏิบัติ ส่วนกระบวนการดำเนินการนัดประชุมเพื่อลงมติเลือกนายกฯ นั้น จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตำแหน่งประธาน สนช.ก่อน จากนั้นจะพิจารณาโดยไม่ช้า แต่คงให้พูดชัดเจนไม่ได้ว่าจะเป็นงานแรกที่ สนช.ต้องทำหรือไม่ เพราะระหว่างนี้หากมีเรื่องด่วนอื่นเข้ามาก่อนก็สามารถหยิบมาพิจารณาได้เมื่อตนได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแล้ว ทั้งนี้ การดูแลองค์ประชุมรัฐธรรมนูญชั่วคราวมีมาตรการเข้มงวดถึงขนาดระบุว่าหาก สนช.ไม่เข้าร่วมประชุมตามที่กำหนด สนช.ถึงกับต้องพ้นตำแหน่ง 

เตรียมศึกษาช่องทาง'ถอดถอน'
      นายพรเพชร กล่าวถึงการเตรียมการพิจารณากฎหมายว่า เมื่อ คสช.ส่งมาให้พิจารณาวิปของ สนช.จะเป็นผู้พิจารณาเรียงลำดับความสำคัญ โดยต้องคำนึงถึงความสำคัญที่รัฐบาลเรียงลำดับมาด้วย ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ตนในฐานะประธาน สนช.คงไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องมาก มีส่วนเพียงส่งตัวแทน สนช.เข้าไปร่วมคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมด้วย 
      นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนปัญหาเรื่องอำนาจในการถอดถอนของ สนช. ตนยังไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด แต่ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 6 ระบุให้ สนช.ทำหน้าที่ส.ส.และส.ว. แต่เรื่องที่จะเข้ามาสู่ สนช.ได้ต้องมาจาก ครม.หรือสมาชิก สนช.เสนอเข้ามา หรือเป็นไปตามช่องทางกฎหมายที่เปิดให้เสนอเข้ามา แต่การที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้กำหนดประเด็นถอดถอน ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่เคยเขียนรายละเอียดกระบวนการทั้งการแต่งตั้ง การให้ความเห็นชอบในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วนที่กฎหมาย ป.ป.ช.ไม่ได้ระบุเรื่องการถอดถอนนั้น ตนยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดว่าจะมีการเสนอเข้ามายังสนช.ในช่องไหน แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ สนช.ต้องพิจารณาว่ามีช่องทางใดที่จะรับเรื่องบ้าง

อดีตส.ส.ไม่แปลกใจปธ.-รองปธ.
       นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังที่ประชุม สนช.มีมติเลือกประธานและรองประธานแล้วว่า ไม่เกินความคาดหมาย บุคคลดังกล่าวเป็นเป้าล็อกที่คสช.ต้องใช้งาน โดยเฉพาะนายพรเพชรที่เชี่ยวชาญงานด้านกฎหมาย ส่วนรองประธาน สนช.ทั้ง 2 คนก็เป็นอดีตส.ว.ที่ คสช.ตั้งใจให้เข้ามานั่งในสนช. ทั้งนี้ เมื่อได้ตัวประธานและรองประธานแล้วขอให้ สนช.เร่งเดินหน้าตรากฎหมายที่ยังค้างอยู่ในสภาจำนวนมากให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สนช.จะอ้างเรื่องความล่าช้าไม่ได้ เพราะมีแต่กลุ่มและพรรคพวกตัวเอง ขอให้เร่งรัดทำหน้าที่ตามโรดแม็ปที่ คสช.กำหนดไว้
     นายสมคิด กล่าวว่า ตนเคยเป็นอดีตสมาชิกรัฐสภา ฝากถึง สนช.เร่งพิจารณาร่างพ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.... คาดว่าจะผ่านความเห็นชอบในวาระแรกไปแล้ว ขอให้รีบหยิบมาดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับข้าราชการ รวมถึงร่างพ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ควรเร่งพิจารณาและประกาศใช้โดยเร็วที่สุด เพราะมีผลกระทบกับผู้ใช้แรงงานกว่า 9 ล้านคน รวมทั้งแรงงานต่างชาติด้วย

บิ๊กตู่นำคสช.-สนช.อวยพรบิ๊กป้อม
     เวลา 07.15 น. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภายใน ร.1พัน.1 รอ. ถนนวิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. นำนายทหารระดับสูงจาก คสช.และกองทัพบกเข้าอวยพรพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม โอกาสวันคล้ายวันเกิด 69 ปี ในวันที่ 11 ส.ค. อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล เสธ.ทบ. นอกจากนี้นายทหารที่ได้รับแต่งตั้งเป็น สนช. เช่น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ และบรรดาแคนดิเดตรัฐมนตรีก็มาร่วมงานด้วย อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. และพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รองผบ.ทบ. 
     พล.อ.ประยุทธ์ นำกล่าวอวยพรว่า วันคล้ายวันเกิดของพล.อ.ประวิตรหรือพี่ป้อมของเราเวียนมาครบรอบอีกวาระ น้องๆ หลานๆ มากราบอวยพรด้วยความเคารพรัก ที่ผ่านมาพล.อ.ประวิตรทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชา เป็นพี่ที่ดีของน้องๆ และเป็นผู้ใหญ่ที่วางตัวเหมาะสม ดูแลทุกคนที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและน้องๆ ด้วยความเป็นธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและอดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ทุกอย่างก็เป็นผลสัมฤทธิ์เป็นประโยชน์โดยรวมต่อประชาชนและคนในประเทศ ส่วนการบริหารงานด้านความมั่นคงได้มอบแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน ให้ผู้ปฏิบัติได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
      "จริงๆ แล้วพวกเรามีโอกาสพบกันหลายครั้ง มีความผูกพันที่ดีมาหลายสิบปี พล.อ. ประวิตรเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องๆ ทุกคน วันนี้ประเด็นสำคัญคือทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ซึ่งพล.อ.ประวิตรก็ทำได้อย่างดี พวกเราขอตั้งจิตอธิษฐานกราบอวยพรวันคล้ายวันเกิดอีกครั้งหนึ่ง? พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ชมทำรัฐประหาร-ตัดสินใจถูกต้อง
      จากนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวตอบว่า ขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งมีเวลาน้อย แต่ให้เกียรติมาอวยพร รู้สึกภาคภูมิใจและประทับใจ ตนอายุมากแล้วแต่มีบุญมากที่ได้ยืนอยู่ถึงทุกวันนี้ ได้เห็นน้องๆ ที่ยังรับราชการเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง เสียสละแม้กระทั่งชีวิต ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ถ้าวันนี้หัวหน้า คสช.และน้องๆ ทุกคนไม่ตัดสินใจดำเนินการ บ้านเมืองก็ไม่เป็นสุขอยู่อย่างนี้ ตนเป็นคนนอก เห็นการทำงานก็ภาคภูมิใจ ทำไปเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปนั้นทำภายใต้ความโปร่งใสและความตั้งใจที่จะให้ทุกคน ไม่ต้องคิดว่าจะถูกหรือผิด แต่ 2 เดือนกว่าที่เราทุ่มเททำกันมานั้นบ้านเมืองเป็นอย่างไร 
       "ผมอายุ 69 จะขึ้น 70 ปี ถือเป็นผู้ชราของบ้านเมือง ดูน้องๆ ทำงานเพื่อความเจริญของบ้านเมือง ความสงบสุขของประเทศชาติ อนาคตผมและประชาชนฝากความหวังไว้กับหัวหน้า คสช. และทุกคนที่กำลังบริหารประเทศ คงทำให้บ้านเมืองเจริญอย่างที่ทุกคนหวัง อย่างที่หัวหน้า คสช.ทำ ประชาชนทุกคนรออยู่ นี่คือความสุขที่แท้จริง? พล.อ. ประวิตรกล่าว และว่า แม้บางคนไม่เห็นด้วย แต่เป็นส่วนน้อย ไม่มีรัฐบาลใดที่ใครชื่นชมเท่าคสช. ดังนั้น หัวหน้าคสช.และกองทัพต้องภูมิใจว่าเวลานี้ทำงานให้ประเทศชาติและประชาชนอย่างจริงจัง ตนไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากคำขอบคุณที่ทำงานให้กับประเทศชาติ

'บิ๊กตู่'ยันไทยไม่มีไพร่-อำมาตย์ 
       เมื่อเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ?ครั้งที่ 9 ว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ อยากให้ทุกคนช่วยกันทำสิ่งดีๆ ตั้งจิตปรารถนาดีๆ ให้ประเทศชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล การสื่อสารทั้งในระบบ นอกระบบในโซเชี่ยลมีเดียหรือในโลกส่วนตัวของแต่ละคน ยังมีการกล่าวอ้าง ทำให้สถาบันเสียหาย 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำกล่าวอ้างเราเป็นประเทศที่มีศักดินา มีไพร่ มีอำมาตย์ ความจริงเลิกใช้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 พระราชทานเลิกทาสมาเป็นเวลานานแล้ว ใครที่ยังใช้คำเหล่านี้อยู่ถือว่าดูถูกคนไทยทั้งประเทศ เราทุกคนเท่าเทียม เสมอกันในความเป็นคน เราเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นระบบสังคมนิยม หรือการปกครองแบบอื่นใด ขีดความสามารถในการแข่งขัน ประกอบอาชีพ การเข้าถึงแหล่งทรัพยากรอาจไม่เท่าเทียมกัน เพราะมีพื้นฐาน ต้นทุนที่ต่างกัน แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลทุกรัฐบาลต้องพยายามลดความเหลื่อมล้ำเหล่านั้นให้ได้ ถ้าไปอ้างว่าเป็นเพราะสิ่งต่างๆ หรือโทษสถาบัน หรือเรื่องของอำมาตย์ ไพร่ ไม่ถูกต้อง ขอความร่วมมือ ขอความเข้าใจกรุณาอย่านำสถาบันลงมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งอีก 


ซัด"เปิ้ล" - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. แถลงจับนายพีรพงษ์ สินธุสนธิชาติ ผู้ต้องหาคดีจัดหาอาวุธถล่มม็อบการเมือง สารภาพอ้างรู้จักกับ "เปิ้ล"กริชสุดา คุณะเสน สาวเสื้อแดง เมื่อ 8 ส.ค.

      หัวหน้าคสช. กล่าวว่าการปฏิรูปครั้งนี้ก็น่าที่จะเป็นการนำทุกเรื่องที่ต้องปฏิรูป ให้ไปสู่การมีธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง เพื่อดูแลให้การบริการทุกข์สุขของประชาชนอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน เราต้องเร่งรัดการปฏิรูปประเทศชาติให้ได้ก่อน 

ชี้การบริหารบ้านเมืองไม่เห็นยาก
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารราชการของ คสช.วันนี้ หลายคนบอกทหารจะรู้เรื่องการบริหารราชการ การบริหารบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ เราทำตามกฎ กลไกของรัฐปกติ การบริหารราชการแผ่นดินไม่เห็นจะยากตรงไหนในการที่จะบริหารให้คนทำงาน แต่จะก้าวหน้าหรือไม่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้เราทำตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีกฎ มีระเบียบ มีพ.ร.บ.ที่มีเขียนไว้มากมาย วันนี้เรามากำกับดูแลให้เขา ขับเคลื่อนให้เขา สร้างให้ริเริ่ม ให้คิด ทำเป็นกระบวนการ ให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน ทหารทำได้เพราะดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้วในกองทัพ จะนำประสบการณ์ไปขับเคลื่อนให้เกิดการบูรณาการ จึงไม่น่าจะยากมากนักในเรื่องของอื่นๆ
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความรู้และเรื่องต่างๆ ต้องพึ่งพาอาศัยข้าราชการ อาศัยคนที่มีความรู้ ความสามารถ อาศัยที่ปรึกษา รับฟัง อ่านเอกสาร จัดระเบียบเขาให้ทำงานได้ ซึ่งเรียกว่าการบริหารจัดการ กองทัพบกทำมานานแล้ว ปีนี้พัฒนาคน ปีหน้าพัฒนาทุกระบบ ปีต่อไปบริหารระบบบริหารจัดการ ปีต่อไปเป็นเรื่องของการพัฒนากองทัพไปสู่ความทันสมัย มีกรอบกำหนดเวลาไว้ชัดเจน ตนจะนำสิ่งเหล่านี้ไปขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาลที่จะมีในอนาคต วันนี้ขอให้ คสช.ทำ ขอให้ไว้ใจกัน ตนไม่ได้ไปดูถูกภูมิปัญญาใคร อาจรู้น้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่มีความจริงใจ มีความบริสุทธิ์ใจในการบริหารราชการและต้องแก้ปัญหาของประเทศ 

ขอโทษทำร้ายความรู้สึกบางกลุ่ม
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเราไม่ยึดถือหลักการ ใช้วิธีการเดิมๆ ต่อสู้กันต่อไป ท้ายสุดก็ต้องไปเข่นฆ่ากัน วันนี้ต้องลดสิ่งเหล่านี้ให้ได้ คนที่คิดว่า จะไปสู้ใต้ดินประเทศชาติเสียหาย ไม่น่าจะถูกต้อง ไม่ใช่เวลา 
     "หลายๆ คนอาจโกรธเคืองผมอยู่บ้าง ต้องขอโทษด้วย หากคำกล่าวใดๆ ที่ผ่านมา อาจทำร้ายความรู้สึกของคนบางกลุ่มบางพวกโดยไม่ตั้งใจ ผมจำเป็นต้องหยุดเลือดที่ไหลอยู่ให้ได้ก่อน บางอย่างอาจพูดแรงไปบ้าง พูดเบาไปบ้าง เพราะทุกฝ่ายนั้นเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง ผมต้องทำให้ทุกคนสงบลง แล้วนำกฎหมายมาแก้ไข ที่ผ่านมาลดลงได้ระดับหนึ่งแล้ว คราวนี้เป็นการเริ่มต้นสร้างกระบวน การทางความคิดใหม่? พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
      จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินการของ คสช. ระบุถึงการชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ ตอนหนึ่งระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของอินโดนีเซียแสดงความเข้าใจและพร้อมร่วมมือ มีมุมมองจากการสัมมนาของอดีตเอกอัครราชทูต สหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย สรุปที่เขากล่าวได้ว่า "แนวทางประชาธิปไตยในรูปแบบตะวันตกอาจไม่ใช่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ จึงไม่มีความจำเป็นที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติตาม แต่ละประเทศควรหาแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ โดยไม่ขัดแย้งต่อหลักการประชาธิปไตยของสังคมโลกมากนัก? 

โต้กริชสุดา-ยันทหารไม่ได้ซ้อม
     พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงกรณี น.ส.กริชสุดา คุณะแสน ด้วยว่า ไม่อยากจะไปให้ร้าย แต่เขาให้ร้าย คสช. ให้ร้ายกองทัพ ให้ร้ายประเทศชาติ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ตอนเรียกตัวมาพูดคุย ผู้รับผิดชอบเขารายงานตนว่า ครบ 3 วัน 5 วัน 7 วัน คุยกันดี สามีก็มาด้วย พอถึงวันกลับก็ให้กลับ ไม่กลับบอกอันตรายขออยู่ที่นี้ก่อน วันนี้บอกทหารไปซ้อมจะซ้อมทำไม เห็นหน้าตาก็สวย มีคลิปให้ดูเขาถ่ายไว้ พูดจาดีทุกอย่าง ให้ความร่วมมือ แต่วันนี้กลับมาอีกแล้ว ก็ไม่เข้าใจจะไปทรมานอะไรขนาดนั้น ทั้งหมดไม่มีใครถูกทรมานสักคน ส่อเจตนาไม่ดีและไปร่วมกลุ่มกับใครก็รู้อยู่ ทำความผิดทั้งนั้น ละเมิดสถาบันบ้าง หนีหมายเรียก หมายจับบ้าง จะต้องถูกดำเนินคดี 
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องขบวนการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ หลายวันมานี้ได้รับแจ้ง หลายคนถูกดำเนินคดีและออกหมายเรียกหมายจับไปแล้ว แต่หนีไปต่างประเทศ บางประเทศที่ใหญ่เขาไม่มีกฎหมายพวกนี้และไม่เห็นความสำคัญของเราในเรื่องของกฎหมายหมิ่น ก็ยากเหมือนกัน ซึ่งขอเอ่ยชื่อ นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน นายอเนก ชัยชนะ นายเสน่ห์ ถิ่นแสน นายอำนวย แก้วชมพู นายองอาจ ธนกมลนันท์ และอื่นๆ อีกพอสมควร รวมหัวกลุ่มต่อต้านซึ่งมีหลักฐานเชื่อมโยงกันอยู่ มีรูปถ่าย คนเหล่านี้ใช้ไม่ได้ ทุกคนมีคดีอาญาต้องถูกดำเนินคดี และพยายามจะทำหนังสือส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งอาจจะยาก 

พร้อมลงโทษทหารทำตัวกร่าง
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรับย้ายข้าราชการระดับสูง ช่วงนี้เป็นการเลือกมาดูเพราะยังไม่ได้เข้าขั้นตอน วันนี้นำมาดูว่าจะปรับกันอย่างไร เหมือนทหารทำแบบนี้ ฉะนั้นอย่าไปเสียเงินเสียทองให้ใคร อย่าไปกลัวคดีไม่มีความผิดก็ไม่ต้องกลัว จะพยายามให้ความเป็นธรรม ต้องส่งให้รัฐมนตรีไปดูแลว่าจะทำอย่างไรใครจะได้ ใครไม่ได้ ทหารไม่เคยเสียเงิน อยากให้ทุกคนไม่ต้องเสียเงินในการแต่งตั้งโยกย้าย อาจมีคนไปโกหกหลอกลวงอย่าไปเสียเงินให้เขา ไม่มีแน่นอน ต้องมีจริยธรรม คุณธรรม ไม่ใช่เป็นใหญ่เป็นโตใช้เงินซื้อ พูดอะไรไม่ออก พูดได้ไม่เต็ม ส่วนการเรียกรับผลประโยชน์ในระดับล่าง หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร หรือใครก็ตามไปเรียกร้องผลประโยชน์ในนาม คสช.แจ้งมาโดยเร็ว อย่าไปพูดไปสื่อในโซเชี่ยลมีเดีย บางคนบอกทหารพูดจาไม่เหมาะสม พูดจากระโชกโฮกฮาก กร่าง รายงานมาเลยถึงตน จะลงโทษให้ทันที 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่ทุกคนอยากรู้คือเงินเดือนข้าราชการ อยู่ในขั้นกำลังพิจารณา ประชาชนดีข้าราชการก็ต้องดี ข้าราชการไม่ได้ปรับมานานแล้วอาจขึ้นในระดับล่างก่อน ประชาชนก็ต้องปฏิรูปการสนับสนุนในภาพรวมของรัฐ เพราะทุกคนทำอาชีพอิสระ ในส่วนของเอกชน 15,000 บาทปรับไปแล้ว บางคนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างเงินเดือน 6,000-7,000 บาทอยู่ไม่ไหว สำหรับนโยบายปฏิรูปวันที่ 9 ส.ค. จะเปิดตัวชี้วัดเรื่องปฏิรูปที่สโมสรทหารบก เชิญทุกพวกทุกฝ่าย อย่าบอกว่าไม่มา ไม่มาต้องฟังหน่อย ไม่ได้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด

'จาตุรนต์'ติงเพิ่มโทษย้อนหลัง
       วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงรัฐธรรมนูญปี 2557 ไม่ให้ผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่ง สนช. สปช. หรือรัฐมนตรีว่า เป็นการลงโทษเพิ่มเติมย้อนหลังซึ่งขัดหลักนิติธรรม เช่น สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ถูกเพิกถอนสิทธิ์ 5 ปี โดยการออกกฎหมายย้อนหลังมาลงโทษ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของฝ่ายตุลาการขณะนั้น ตีความว่า การลงโทษย้อนหลังโดยไม่ใช่คดีอาญานั้นสามารถทำได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับโทษกันไปแล้วตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ และบทลงโทษของนักการเมืองเหล่านั้นก็มีอายุกำหนดไว้แล้ว มาวันนี้มีการบัญญัติว่าใครจะเป็นสมาชิก สนช. หรือเป็นรัฐมนตรีต้องไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาก่อน เท่ากับเป็นการเพิ่มโทษย้อนหลังให้แก่คนเหล่านั้นอีก
       "พวกผมถูกตัดสิทธิ์โดยเงื่อนไขอื่นอยู่แล้ว จึงไม่สนใจหรือไม่ต้องการเข้าไปเป็นสมาชิกในองค์กรเหล่านี้ แต่โดยหลักการ เช่น กรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถือเป็นการไปเพิ่มโทษและลงโทษย้อนหลังแก่นายสมคิด ปัญหาใหญ่คือจะใช้หลักการเดียวกันนี้สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ ถ้าทำอย่างนั้นจะเท่ากับขัดหลักนิติธรรมและมีปัญหาในการเลือกกระทำกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน? นายจาตุรนต์กล่าว

กกต.คาดชง 550 สปช.ให้คสช.
    ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.เป็นประธานประชุมชี้แจงการเตรียมพร้อมสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคสช.เข้าร่วม 
    นายศุภชัย กล่าวว่า การสรรหามีเวลา 50 วัน ตั้งแต่ 14 ส.ค. - 2 ก.ย. อยากให้ตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามก่อนส่ง เราไม่อยากให้มีการแต่งตั้งแล้วมาพบว่าขาดคุณสมบัติภายหลัง 
     นายศุภชัย กล่าวว่า ส่วนพรรคการเมือง คสช.ให้ข้อยกเว้น เป็นอำนาจของหัวหน้าพรรคเสนอชื่อโดยไม่ต้องผ่านที่ประชุมใหญ่ของพรรค ส่วนการสรรหาบุคคลเป็นสปช.ทั้ง 11 ด้าน กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าแต่ละด้านต้องมีสัดส่วนเท่ากัน ระบุแค่ให้คณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านเสนอบุคคลไม่เกิน 50 คน หรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ส่วนระดับจังหวัด จังหวัดละ 5 คน ดังนั้น รายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอให้คสช.ทั้งหมด จะไม่เกิน 550 คน แล้วคสช.จะคัดเลือกให้เหลือไม่เกิน 250 คน 

วอนพรรคการเมืองส่งคนเข้าร่วม
     ด้านนายสมชัยให้สัมภาษณ์ว่า กกต.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาสปช. พร้อมดำเนินการ เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เชื่อว่าเนื้อหาสาระที่ได้จากสปช.จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและรัฐสภาชุดต่อไปที่มาจากการเลือกตั้ง กรณีพรรคการเมืองไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมนั้น ไม่อยากให้สังคมตั้งข้อรังเกียจนักการเมือง เพราะล้วนแต่เป็นผู้มีประสบการณ์ น่าจะเป็นประโยชน์หากเข้ามาทำหน้าที่ แต่หากทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ข้อเสนอจะไม่ได้รับการตอบสนองเพราะในสภาปฏิรูปมีคนหลายกลุ่ม อยากให้พรรคการเมืองส่งคนเข้ามาร่วมเป็นสปช. ดีกว่าส่งเพียงข้อเสนอ ในส่วนกกต.จะเสนอชื่อบุคคลเช่นกัน สัปดาห์หน้าจะชัดเจนว่าจะส่งใคร 
      ด้านนายภุชงค์กล่าวถึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตการสรรหาสปช.ในระดับจังหวัดอาจมีการล็อกสเป๊กบุคคลล่วงหน้าว่า คงไม่เกิดปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการสรรหาจังหวัดมาจากหลายภาคส่วน รู้จักตัวบุคคลในจังหวัดเป็นอย่างดี สามารถคัดสรรคนมีความรู้ความสามารถ ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามมาเป็นสปช.จังหวัดได้

ก.ต.มีมติลงโทษวินัย4ผู้พิพากษา
     วันที่ 8 ส.ค. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติไล่ผู้พิพากษาออกจากราชการ 4 ราย ว่า เป็นเรื่องการลงโทษทางวินัยร้ายแรงต่อผู้พิพากษา ทุกอย่างเป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนอยู่แล้ว เมื่อก.ต.มีมติออกมาแล้วก็ให้มีผลบังคับใช้ทันที ทราบว่าผู้พิพากษาที่ถูกลงโทษทางวินัยได้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว
     แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทราบว่า ที่ประชุม ก.ต.มีมติพิจารณาลงโทษผู้พิพากษารวม 7 ราย กรณีใช้ดุลพินิจพิจารณาอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดียาเสพติด และคดีอื่นๆ ช่วงระหว่างปี 2548-2553 พบว่ามีมูลความผิดจริง จึงเสนอความเห็นผ่านตามขั้นตอนไปยัง ก.ต.และได้ลงโทษผิดวินัยร้ายแรง แต่ทราบว่ามติไม่เป็นเอกฉันท์
      โดยมติ ก.ต.ให้ผู้พิพากษาทั้ง 4 ราย พ้นจากตำแหน่งตาม พ.ร.บ.ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ มาตรา 32 (7) และมีกรณีให้งดเลื่อนขั้นเงินเดือนผู้พิพากษาระดับชั้นศาลฎีกาอีก 2 ราย และภาคทัณฑ์ผู้พิพากษาระดับชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 1 อีก 1 ราย
       รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้พิพากษาที่ ก.ต.มีมติลงโทษวินัยร้ายแรง 4 ราย โดยให้พ้นจากตำแหน่ง ประกอบด้วย นายองอาจ โรจนสุพจน์ ผู้พิพากษาอาวุโส อดีตรองประธานศาลฎีกา และนายสิงห์พล ละอองมณี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ก.ต.มีมติไล่ออกจากราชการ ส่วนผู้พิพากษาอีก 2 ราย คือ นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ ผู้พิพากษาอาวุโส อดีตประธานศาลอุทธรณ์ และนายสิทธิชัย พรหมศร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ก.ต.มีมติให้ออกจากราชการ ขณะนี้ผู้พิพากษาทั้ง 4 ราย หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมติของ ก.ต.แล้ว 

'เชน'ปัดซื้อที่ดินรุกป่าเชียงคาน
      วันที่ 8 ส.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเชน เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง จ.เลย บุกเข้าตรวจสอบและยึดบ้านไม้ทรงไทยหรูมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท พร้อมที่ดิน 528 ไร่ที่ปลูกยางพาราพร้อมกรีด ฐานบุกรุกป่าสงวนป่าดงปากชม ใกล้อ่างเก็บน้ำห้วยชมแล้ง หมู่ 10 บ้านโนนภูทอง ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย ว่า ขอปฏิเสธว่าในชีวิตไม่เคยมีที่ดินในจ.เลย แม้แต่ไร่เดียว แต่ยอมรับว่าเคยไปดูที่ดินในจ.เลย เพราะมีคนเสนอขาย แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ซื้อเพราะรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นนักการเมือง หากซื้อของไม่ถูกต้อง วันหนึ่งจะตกเป็นเป้าหมายการเมืองแน่นอน โดยเฉพาะในจ.เลย พื้นที่ของพรรคเพื่อไทย และทราบตามข่าวว่าสวนยางดังกล่าวปลูกมาไม่ต่ำกว่า 5-7 ปี หากเป็นของตนจริงสมัยรัฐบาลเพื่อไทยคงไม่ปล่อยไว้แน่
      นายเชน กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักนายชลิต บุญสา รู้จักแต่ชื่อนายละออ บุญสา ผู้เป็นบิดา ซึ่งอดีตเป็นผอ.บขส. ค่อนข้างมีฐานะและเป็นคนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ฝากถึงคนจ.เลยและพี่น้องชาวอีสานว่า ถ้ามีคนมาอ้างทั้งชื่อตน นายสุเทพ หรือนายธานีว่ามีที่ดินอยู่ในจ.เลย หรือในพื้นที่ภาคอีสาน พวกตนยินดียกให้ฟรี ให้เข้าไปใช้ทำมาหากินได้เลย เพราะเราไม่มีที่ดินในภาคอีสาน แต่ที่ผ่านมาทราบจากพรรคพวกเพื่อนฝูงว่ามีคนขายที่ดินเคยแอบอ้างชื่อพวกตนในการขายที่เพื่อสร้างเครดิตให้น่าเชื่อถือ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

"สมยศ"จับอาวุธ-โยง"กริชสุดา"
      เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 8 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. แถลงจับกุมนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/1 หมู่ 2 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ที่ 10 ก./2557 ลงวันที่ 25 มิ.ย.57 กล่าวหาว่าร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย โดยผู้ต้องหาเป็นผู้จัดหา นำส่งอาวุธสงครามให้กับผู้ก่อความไม่สงบในช่วงการชุมนุม
      พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า คสช.ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ตำรวจจึงร่วมกับทหารกวดขันจับกุมผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุระหว่างการชุมนุมทางการเมือง ล่าสุดจับกุมนายพีรพงษ์ได้ที่บ้านพัก จ.ระยอง หลังพบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธสงครามยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงชุมนุมทางการเมือง ที่มีนายยงยุทธ หรือชินจัง บุญดี นายชัชวาล หรือชัช ปราบบำรุง นายทวีชัย หรือทวี วิชาคำ นายณรงค์ศักดิ์ หรือตุ้ย พลายอร่าม ถูกออกหมายจับและถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ พบว่านายพีรพงษ์เป็นผู้จัดหานำอาวุธมาส่งมอบให้ผู้ก่อเหตุ พร้อมเอกสารที่เชื่อมโยงกับการก่อเหตุในหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารที่พบเพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ
     พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่ารู้จักน.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล สหายสุดซอย นักกิจกรรมเสื้อแดง ซึ่งเอกสารที่ตรวจยึดได้พบว่าน.ส. กริชสุดาเกี่ยวข้องกับการจัดการด้านการเงิน และการจัดหาอาวุธด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารที่พบ โดยให้นายพีรพงษ์ ชี้รูปถ่ายน.ส.กริชสุดาด้วย
      จากนั้น พล.ต.อ.สมยศชี้แจงข่าวน.ส.กริชสุดา พร้อมโชว์หลักฐานภาพถ่ายที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบปากคำขณะควบคุมตัวที่ มทบ.11 ระบุว่าหลังจากภาพถูกเผยแพร่ในโซเชี่ยลมีเดีย ได้เรียกพนักงานดีเอสไอมาสอบถาม พบว่าไม่มีการทำร้ายหรือพันธนาการ น.ส.กริชสุดา น.ส.กริชสุดายังลงลายลักษณ์อักษรว่าให้ข้อมูลต่างๆ ด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ และมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน มีภาพถ่ายยืนยันการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่เป็นไปตามที่น.ส.กริชสุดาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าสร้างเรื่อง เพื่อหวังผล อย่างใดอย่างหนึ่ง เจ้าหน้าที่เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับเกี่ยวกับการก่อเหตุรุนแรงในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองแล้ว รวม 8 คน มีหมายจับจำนวน 23 หมาย รวมหมายจับของนายวุฒิพงศ์ หรือโกตี๋ กชธรรมคุณ รวม 4 หมายด้วย

'พรเพชร'ฉลุยปธ.ตามโผ เล็ง 15 สค. ดีเดย์สนช.โหวตนายกฯ'สุรชัย' รอง 1 'พีระศักดิ์' 2 เชิดชูเป็น'สภาสัตบุรุษ' 'สนธิ'นอนคุก-อดประกัน ยันดีเอสไอทำคดี 99 ศพ


ปธ.คนใหม่ - นายพรเพชร วิชิตชลชัย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และนายพีระศักดิ์ พอจิต ร่วมชูมือแสดงความยินดี ภายหลังได้รับคัดเลือกเป็นประธาน สนช. รองประธาน คนที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ในการประชุม สนช.นัดแรกอย่างเป็นทางการ ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 



บิ๊กป้อม 69 ปี -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. นำคณะนายทหารระดับสูง เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 69 ปี "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม ที่บ้านพัก ร.1 รอ. เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม

       ตามโผ'พรเพชร'ประธาน สนช.'สุรชัย-พีระศักดิ์'นั่งรอง 1-2 หลังโปรดเกล้าฯพร้อมโหวตเลือกนายกฯทันที 'สมพร'ยกสภานิติบัญญัติฯเป็น'สภาสัตบุรุษแห่งชาติ'

สมพรยกสนช.'สภาสัตบุรุษ'

       เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 1/2557 มีสมาชิก สนช. มาลงชื่อเข้าประชุม 193 คน จาก 197 คน โดยสมาชิก สนช. 4 คน ที่ไม่ร่วมประชุม คือ พล.ท.วลิต โรจนภักดี, พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์, นายบุญทักษ์ หวังเจริญ และนายรัชตะ รัชตะนาวิน โดยนายรัชตะและ พล.ท.วลิต ยื่นหนังสือลาล่วงหน้าแล้ว ส่วน พล.ต.กลชัยโทรศัพท์แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาว่าป่วย

      ทั้งนี้ ในการประชุมมีนายสมพร เทพสิทธา สมาชิก สนช.ที่อาวุโสสูงสุด อายุ 89 ปี ทำหน้าที่เป็นประธานชั่วคราว นายสมพรกล่าวก่อนดำเนินการประชุมว่า สนช.ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นสัตบุรุษ ได้รับการกลั่นกรองมาอย่างดี ขอยกคำพระพุทธเจ้าที่ว่าถ้าสภาใดไม่มีสัตบุรุษ สภานั้นไม่ใช่สภา ฉะนั้น ขอเรียกสภาแห่งนี้ว่า "สภาสัตบุรุษแห่งชาติ" จากนั้นที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557 และรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งสมาชิก สนช. ก่อนที่สมาชิก สนช.จะร่วมกล่าวปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่

สนช.นัดแรกวุ่นเสียบบัตร

      ต่อมาเข้าสู่วาระการเลือกประธาน สนช. และรองประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ยึดข้อบังคับการประชุม สนช.ปี 2549 มาใช้ โดยนายสมพรเสนอขอมติให้งดใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 6 วรรคสอง ที่ระบุให้แสดงวิสัยทัศน์ในการเลือกประธานและรองประธาน สนช. เพื่อประหยัดเวลา แต่เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากนายสมพรตั้งคำถามในการลงมติไม่ชัดเจน และยังไม่เข้าใจข้อบังคับการประชุม ทำให้สมาชิกสับสน 

    อีกทั้ง เมื่อมีการเสียบบัตรลงมติ สมาชิก สนช.บางส่วนไม่เข้าใจวิธีการเสียบบัตรลงคะแนน ทำให้มีคะแนนหายไปจำนวนมาก จนสมาชิก สนช. อาทิ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายตวง อันทะไชย นายสมชาย แสวงการ ทักท้วงและอธิบายถึงข้อบังคับการประชุม พร้อมกับให้เลขาธิการวุฒิสภา อธิบายวิธีการเสียบบัตรลงคะแนนใหม่ เพราะหากลงคะแนนไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต่อคุณสมบัติการเป็น สนช.ต้องสิ้นสุดลง ทำให้เสียเวลาการประชุมไปกว่า 1 ชั่วโมง

"พรเพชร"ปธ.สนช.ตามโผ

      กระทั่งเวลา 10.50 น. นายสมพรขอมติให้สมาชิก สนช. ลงมติของดเว้นข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 6 วรรคสอง กรณีที่มีผู้เสนอชื่อประธาน สนช.เพียงคนเดียว ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 174 ต่อ 16 งดออกเสียง 1 จากนั้น พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ สนช. เสนอชื่อนายพรเพชร พิชิตชลชัย เป็นประธาน สนช. โดยไม่มีใครเสนอชื่อบุคคลอื่นมาแข่งขัน ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้นายพรเพชรเป็นประธาน สนช. ท่ามกลางเสียงปรบมือลั่นห้องประชุม โดยนายพรเพชรลุกขึ้นไหว้ขอบคุณสมาชิก สนช.

"สุรชัย-พีระศักดิ์"นั่งรอง1-2

      จากนั้นถึงวาระการเลือกรองประธาน สนช. 2 คน โดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เสนอชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นรองประธาน สนช.คนที่ 1 โดยไม่มีสมาชิกเสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าร่วมแข่ง ที่ประชุมจึงมีมติให้นายสุรชัยเป็นรองประธาน สนช.คนที่ 1 ท่ามกลางเสียงปรบมือลั่นห้องประชุม และนายสุรชัยลุกยืนยกมือไหว้สมาชิก ต่อมานายสมชาย แสวงการ เสนอชื่อนายพีระศักดิ์ พอจิต เป็นรองประธาน สนช.คนที่ 2 ซึ่งไม่มีสมาชิกเสนอชื่อบุคคลอื่นเช่นกัน ที่ประชุมจึงมีมติให้นายพีระศักดิ์เป็นรองประธาน สนช.คนที่ 2 จากนั้นมีเสียงปรบมือแสดงความยินดี โดยใช้เวลาการเลือกประธานและรองประธาน สนช.ไม่ถึง 5 นาที

"พรเพชร"ลั่นนำชาติสู่ปชต.

      นายพรเพชรกล่าวต่อที่ประชุมหลังได้รับเลือกเป็นประธาน สนช. ว่ามั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือจาก สนช.ในการทำงานตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 นำประเทศไทยไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และนำประเทศไปสู่การเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ ขอปฏิญาณตนว่าจะรับฟังความเห็นจากสมาชิกทุกเรื่อง สมาชิกทุกคนไม่ต้องเกรงใจสามารถเข้าพบเพื่อพูดคุยกับตนได้ตลอดเวลา

     ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 กล่าวว่า ขอบคุณสมาชิกที่ให้ความไว้วางใจ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตามคำที่ปฏิญาณต่อสภา และจะนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ 

     ขณะที่นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวว่า จะร่วมมือทำงานกับประธานและรองประธาน สนช.คนที่ 1 ขอย้ำว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ระบุให้ สนช.ทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ก็จะขอทำหน้าที่ สนช.อย่างเต็มที่

กระทั่งเวลา 11.15 น. นายสมพรสั่งปิดประชุม ซึ่งการประชุม สนช.นัดแรกใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที

"พรเพชร"เล็งทิ้งเก้าอี้ผู้ตรวจ

     ต่อมา นายพรเพชรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุบรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาคุณสมบัติการเป็น สนช.ของตนส่อขัดรัฐธรรมนูญเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า ต้องดูว่านายศรีสุบรรณ มีอำนาจยื่นหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ด้วย และคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการวินิจฉัยเรื่องนี้ 

     "การดำรงตำแหน่งของผมในฐานะ สนช.ไม่ขัดกฎหมาย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 41 จึงไม่ใช่ประเด็นเรื่องกฎหมาย แต่เป็นประเด็นอื่น เช่น เรื่องความเหมาะสม การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ผมกำลังพิจารณาอยู่ เพราะเกิดปัญหาการทับซ้อนกันระหว่างการเป็นองค์กรอิสระที่ต้องตรวจสอบ สนช. อาจต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง" นายพรเพชรกล่าว และว่า ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้า คสช.นั้น คสช.ไม่ได้ประกาศแต่งตั้งไม่ใช่ตำแหน่งทางการ คสช.จึงไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งยกเลิก แต่ คสช.สามารถปรึกษาได้เฉพาะเรื่องพร้อมเลือกนายกฯทันที

พร้อมเลือกนายกฯทันที

     "ส่วนกระบวนการลงมติเลือกนายกฯนั้น จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีการโปรดเกล้าฯตำแหน่งประธาน สนช.ก่อน จากนั้นจะพิจารณาโดยไม่ชักช้า" นายพรเพชรกล่าว 

     นายพรเพชรกล่าวว่า เรื่องอำนาจ สนช.ในการถอดถอนตำแหน่งทางการเมืองนั้น ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียด แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้ สนช.ทำหน้าที่ ส.ส. ส.ว. และรัฐสภา แต่เรื่องที่จะเข้ามาสู่ สนช.ได้ต้องมาจาก ครม. หรือสมาชิก สนช.เสนอเข้ามา หรือเป็นไปตามช่องทางกฎหมายที่เปิดให้เสนอเข้ามา แต่การที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้กำหนดประเด็นถอดถอน ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่เคยเขียนรายละเอียดกระบวนการทั้งการแต่งตั้งและการให้ความเห็นชอบในเรื่องต่างๆ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่เป็นเรื่องที่ สนช.ต้องพิจารณาว่ามีช่องทางใดที่จะรับเรื่องบ้าง

     รายงานข่าวแจ้งว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประธาน สนช.แล้ว คาดว่าจะมีการเรียกประชุม สนช.ในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อลงมติแต่งตั้งนายกฯต่อไป

ส่งชื่อปธ.-รองสนช.ให้สคล.

     นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า หลังที่ประชุม สนช.มีมติเลือกประธานและรองประธาน สนช.คนที่ 1-2 แล้ว สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จะส่งรายชื่อและประวัติของนายพรเพชร นายสุรชัย และนายพีระศักดิ์ ให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ภายในวันเดียวกันนี้ เพื่อประสานไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป 

      นายอำพน กิตติอำพน สมาชิก สนช. และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประวัติของประธานและรองประธาน สนช.อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของเลขาธิการ สนช. เมื่อเรียบร้อยแล้วจะส่งต่อให้ สคล.ตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง และจัดทำหนังสือนำความกราบบังคมทูล จากนั้นจะส่งให้กับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาฯ คสช. เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและนำส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นำหนังสือกราบบังคมทูลขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนจะใช้เวลาเท่าใดไม่ขอตอบ

ปปช.ยันสนช.ยื่นทรัพย์สิน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าสมาชิก สนช.ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ไปชี้แจงสมาชิก สนช.แล้ว แต่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาก่อนว่าเมื่อปี 2549 สนช.ตอนนั้นเปิดเผยหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดย ป.ป.ช.จะประชุมสัปดาห์หน้า ที่ตนเข้าใจผู้ที่ต้องเปิดเผยมีเพียงคณะรัฐมนตรี ส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินหรือไม่ ยังไม่มีมติแน่ชัด คงต้องรอให้สรรหาแล้วเสร็จและมาพิจารณาอีกครั้ง โดยดูจากบทบาทหน้าที่ของ สปช. ทำหน้าที่เหมือน ส.ส.และ ส.ว.หรือไม่ หากเหมือนก็ต้องยื่น

วันเดียวกัน ที่อาคารรัฐสภา 2 นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นวิทยากรชี้แจงสมาชิก สนช.หลักเกณฑ์การยื่นบัญชีทรัพย์สินรวมถึงคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 

"บิ๊กตู่"อวยพรวันเกิด"บิ๊กป้อม"

เมื่อเวลา 07.15 น. วันเดียวกัน ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดในพระบรมราชินูปถัมภ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ สนช. เปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. นำนายทหารระดับสูงในกองทัพบกเข้าอวยพร พล.อ.ประวิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 69 ปี ในวันที่ 11 สิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยมีนายทหารระดับสูงมาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะผช.ผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ.

พล.อ.อักษรา เกิดผล เสธ.ทบ. พร้อมด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ สนช. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ สนช. 

นอกจากนี้อดีตนายทหารระดับสูงที่เป็นแคนดิเดตจะเป็นรัฐมนตรีมาร่วมงานด้วย อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รอง ผบ.ทบ.

ยก"ประวิตร"แบบอย่างน้องๆ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์นำกล่าวอวยพรว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประวิตรทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชา และเป็นพี่ที่ดีของน้องๆ รวมถึงเป็นผู้ใหญ่ที่วางตัวได้เหมาะสมในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาและน้องๆ ด้วยความเป็นธรรม และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและอดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ซึ่งทุกอย่างเป็นผลสัมฤทธิ์ และเป็นประโยชน์โดยรวมต่อคนในประเทศ ส่วนการบริหารงานด้านความมั่นคงก็ได้มอบแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน ให้ผู้ปฏิบัติได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 

"วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญ จริงๆ แล้วพวกเรามีโอกาสพบกันหลายครั้ง มีความผูกพันที่ดียาวนานหลายสิบปี และตลอดเวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องๆ ทุกคน ในวันนี้ประเด็นสำคัญคือทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ทำได้อย่างดี ฉะนั้นพวกเราขอตั้งจิตอธิษฐาน กราบอวยพรวันคล้ายวันเกิดอีกครั้งหนึ่ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

บิ๊กป้อมภูมิใจน้องๆทำเพื่อชาติ

ต่อมา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอขอบพระคุณทุกคนที่สละเวลามาอวยพรวันเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีเวลาน้อย แต่อุตส่าห์ให้เกียรติมาอวยพร มีความภาคภูมิใจและประทับใจอย่างยิ่งที่ทุกคนกรุณากับตนมาโดยตลอด โดยเฉพาะหัวหน้า คสช. ตนอายุมากแล้ว แต่ก็มีบุญมากที่ได้ยืนอยู่ถึงทุกวันนี้ อีกทั้งได้เห็นน้องๆ ทุกคน เสียสละทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งชีวิต และทุ่มเทกำลังกายกำลังใจในการทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสถาบันกษัตริย์และประชาชน 

"ถ้าวันนี้หัวหน้า คสช.และน้องๆ ทุกคนไม่ตัดสินใจในการดำเนินการ บ้านเมืองก็ไม่เป็นสุขอยู่อย่างนี้ ผมเป็นคนนอกได้เห็นการทำงานก็มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นน้องๆ ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ในการที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความเจริญ ความผาสุกของบ้านเมือง และประชาชน ทำไปเถอะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปนั้น เราทำภายใต้ความโปร่งใส ความตั้งใจที่จะทำให้ทุกคน ดังนั้นทำไปเลย ไม่ต้องคิดว่าจะถูกหรือผิด แต่เห็นว่า 2 เดือนกว่าที่เราทุ่มเททำกันมานั้นบ้านเมืองเป็นอย่างไร" พล.อ.ประวิตรกล่าว 

ฝากคสช.ทำให้ปชช.สมหวัง

"ผมอายุ 69 ปีแล้วถือเป็นผู้ชราของบ้านเมือง ดูน้องๆ ทำงานเพื่อความเจริญของบ้านเมือง ความสงบสุขของประเทศชาติ ผมและประชาชนฝากความหวังไว้กับหัวหน้า คสช. และทุกคนที่กำลังบริหารประเทศในขณะนี้คงทำให้บ้านเมืองเจริญอย่างที่ทุกคนหวัง อย่างที่หัวหน้า คสช.ทำ ประชาชนทุกคนรออยู่ นี่คือความสุขที่แท้จริง" พล.อ.ประวิตรกล่าว

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า มีบางคนไม่เห็นด้วย แต่เป็นส่วนน้อย ไม่มีรัฐบาลใดที่ใครชื่นชมเท่า คสช. ในอดีตการดำเนินการแบบนี้เคยทำมาเยอะ แต่ไม่เป็นแบบ คสช. ฉะนั้นหัวหน้า คสช.และกองทัพต้องภูมิใจว่าเวลานี้ทำงานให้กับประเทศชาติจริงจัง โดยตรงต่อประชาชน ไม่มีอะไรตอบแทนให้หัวหน้า คสช.และกำลังพล นอกจากตนและประชาชนขอขอบคุณที่ทำงานให้กับประเทศชาติ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวแทนมอบกระเช้าอวยพรให้ พล.อ.ประวิตร โดยในงานมีการแจกของชำร่วย เป็นนาฬิกาหนึ่งเรือน, พระพิฆเนศรุ่น "สำริด สำเร็จ" และริสต์แบนด์สีขาวมีข้อความว่า "คืนความสุข" พร้อมหัวใจสองดวง และอีกข้อความว่า "รักกันไว้เถิด" ให้กับผู้ที่เข้าร่วมงาน

"บิ๊กตู่"แจงผู้นำติมอร์ไทยดีขึ้น

ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) นายเคย์ ราลา ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคง สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์เลสเต

เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต้อนรับว่า ขอบคุณรัฐบาลติมอร์ฯที่ถวายการต้อนรับแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างสมพระเกียรติ ในโอกาสเสด็จฯเยือนติมอร์ฯ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับและมีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไทย การที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศครั้งนี้ เพียงเพื่อกำกับดูแลและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้ดีขึ้นเท่านั้น รวมทั้งขอเวลาเพื่อจัดการทุกอย่างให้ดีขึ้น และเข้าใจดีถึงข้อห่วงกังวลของประชาคมโลก ยืนยันที่จะดำเนินการทุกอย่างให้ดีที่สุด ส่วนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เป็นข่าวนั้นไทยขอยืนยันว่าไม่เคยทำ 

ประยุทธ์เชิญทุกฝ่ายร่วมปฏิรูป

ต่อมาเวลา 16.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า สำหรับนโยบายปฏิรูปวันที่ 9 สิงหาคม จะเปิดตัวชี้วัดเรื่องปฏิรูปที่สโมสรทหารบก เชิญทุกพวกทุกฝ่าย สปช.ไม่ได้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ไม่ได้จัดมาเพื่อกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เพื่อทหาร ยังไม่ได้สั่งอะไรสักอย่าง มาทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำ เพราะจะเสียเปล่า ไม่ทราบจะทำไปทำไม ต้องให้เกิดความทั่วถึง คนส่วนน้อยต้องได้รับการดูแลที่เป็นธรรม เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก ไม่ใช่เพิ่มอำนาจหน้าที่ไปไล่ล่าฆ่าฟันจับกุม เชิญ

ทุกคน ขอให้มาร่วมมือกับ คสช.ในการทำงาน ระยะต่อไปจะทำให้ดีเหมือนเดิม

อัด"กริชสุดา"ให้ร้ายกองทัพ

"สำหรับกรณี น.ส.กริชสุดา คุณะเสน นักกิจกรรมกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ผมไม่อยากจะไปให้ร้ายท่าน แต่ท่านให้ร้าย คสช. ให้ร้ายกองทัพ ให้ร้ายประเทศชาติ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ตอนเรียกตัวมาพูดคุย ผู้รับผิดชอบเขารายงานผมแล้วว่าครบ 3 วัน 5 วัน 7 วัน คุยกันดี สามีก็มาด้วย พอถึงวันกลับก็ให้กลับ แต่ไม่กลับบอกอันตรายขออยู่ที่นี่ก่อน วันนี้บอกทหารไปซ้อม จะซ้อมทำไม เห็นหน้าตาก็สวย เห็นมีคลิปให้ดูเขากำลังทำอยู่ เขาถ่ายไว้แล้ว ที่ตอนไปอยู่ก็พูดจาดีทุกอย่าง ให้ความร่วมมือ วันนี้กลับมาอีกแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

"ผมก็ไม่เข้าใจจะไปทรมานอะไรขนาดนั้น ทั้งหมดไม่มีใครถูกซ้อม ถูกทรมานสักคน ทำไมเขาถึงจะทรมานเธอ นี่ถือว่าส่อเจตนาไม่ดี และไปร่วมกลุ่มกับใครก็รู้อยู่ที่ทำความผิดทั้งนั้น ละเมิดสถาบันบ้าง หนีหมายเรียกหมายจับบ้างมากมาย จะต้องถูกดำเนินคดีและไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนใครเลย" หัวหน้า คสช.กล่าว

ทหารขอมธ.งดเสวนา"รธน."

วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ เกิดเหตุความวุ่นวายเล็กน้อย จากการที่กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยจัดเสวนาเรื่อง "ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557" ณ ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1 เวลา 13.00-16.00 น. มีนายบัณฑิต จันทร์โรจนกิจ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กลุ่มคณะนิติราษฎร์ เป็นวิทยากร แต่มีหนังสือจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ขอความร่วมมือให้งดจัดกิจกรรม

นายปิยบุตรกล่าวว่า นักศึกษากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย เคยปรารภว่าขณะนี้รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกมาแล้ว มีการรับรองสิทธิเสรีภาพด้วย จึงน่าจะเป็นโอกาสดีที่จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ได้ จึงอยากจะจัดงานโดยเชิญตัวเองและนายบัณฑิต ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัฐธรรมนูญมาพูด เป็นการพูดทางวิชาการ ไม่ได้เจาะจงที่ คสช.แต่อย่างใด และที่ผ่านมาหลังรัฐธรรมนูญชั่วคราวประกาศใช้ก็มีเวทีทางวิชาการพูดเรื่องพวกนี้บ้างแล้ว และในฐานะนักวิชาการและนักศึกษา กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์ ก็น่าจะมีเสรีภาพในการพูดเรื่องนี้ได้ด้วย

อาจารย์นิติฯชี้มธ.เปลี่ยนไป

นายธีระ สุธีวรางกูร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. และเป็นหนึ่งในอาจารย์คณะนิติราษฎร์ซึ่งมาร่วมกิจกรรมด้วย กล่าวว่า ทหารมีหนังสือมาถึงมหาวิทยาลัย และทางมหาวิทยาลัยก็นำหนังสือมายืนยันว่ากองทัพไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ แต่ประเด็นอยู่ที่มหาวิทยาลัยให้ความร่วมมือกับทางกองทัพ จึงเป็นหน้าที่ของคณาจารย์ นักศึกษา ที่จะต้องแสดงความเห็นต่อมหาวิทยาลัยในการจัดงานครั้งนี้

"จากนี้ไป การจัดงานแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญหรือการเมืองการปกครองอาจจะจัดได้ยาก ยกเว้นอย่างเดียว คือ จัดงานในลักษณะที่สนับสนุนกองทัพ วันนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่เหมือนอย่างที่เราเคยรู้จักเมื่อ 10-30 ปีที่ก่อน แต่ไม่น่าแปลกใจในช่วง 7-8 ปีมานี้ ยิ่งท่าทีของอธิการบดีที่เข้าไปเป็นสมาชิก สนช. ผมคิดว่างานลักษณะแสดงความคิดเห็นต่อกองทัพอีกมุมหนึ่งควรจะได้รับการจัด ในฐานะนักวิชาการ นักศึกษา การแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งสำคัญ" นายธีระกล่าว

ทหารแจงป้องความเห็นต่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือขอความร่วมมือดังกล่าวลงชื่อ พ.อ.นฤดล ท้าวฤทธิ์ ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ส่งถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยระบุว่า ตามที่กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) กำหนดเสวนาเรื่อง "ห้องเรียนประชาธิปไตย: บทที่ 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557" โดยขอใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นสถานที่ในการจัดเสวนา ในวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 13.00-17.00 น. นั้น โดยกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งมีความรับผิดชอบในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่เขตพระนครตามคำสั่งของ คสช. ซึ่งการจัดงานเสวนาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาของชาติ อีกทั้งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเห็นต่างทางทัศนคติในการเมืองเกิดขึ้นมาอีก ตลอดจนปัจจุบันทุกภาคส่วนร่วมมือในการดำเนินการสนับสนุนการปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ จึงขอความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการประสานกับกลุ่มผู้จัดกิจกรรมเสวนาให้งดการจัดกิจกรรมดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาคณะผู้จัดงานเจรจากับทางมหาวิทยาลัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนได้ข้อสรุปยืนยันว่าจะจัดกิจกรรมต่อไป เพราะเป็นเรื่องทางวิชาการไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยชี้แจงว่า ถ้าจะดำเนินการต่อก็ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งนักศึกษากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีฯ และวิทยากรยืนยันที่จะจัดงานต่อไป ท่ามกลางนักศึกษาและประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก

เสวนาชี้ล็อกสเปกรธน.ใหม่

ทังนี้ ในเวทีเสวนา นายปิยบุตรกล่าวว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนปัจจุบัน และส่วนอนาคต ส่วนปัจจุบัน ได้ให้กำเนิดสถาบันทางการเมือง 5 สถาบัน คือ คสช., สนช., สปช., ครม. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย คสช.ถือว่ามีบทบาทมากที่สุด แม้มีการบัญญัติเสรีภาพประชาชนในมาตรา 4 แต่ในมาตรา 47 ทำให้คำสั่งประกาศ คสช.ที่ออกมานั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งหมด ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งโยกย้ายข้าราชการ หรือการละเมิดสิทธิเสรีภาพใดๆ ที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญหากเกิดขึ้น เช่นการโยกย้ายข้าราชการ มีไปยื่นร้องเรียนต่อศาล เช่น ศาลปกครอง ก็จะได้รับคำตอบว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 47 กระบวนการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐ จะไม่สามารถทำได้ 

นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ส่วนอนาคต คือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 38 บัญญัติเงื่อนไขการจัดทำรัฐธรรมนูญไว้ว่าให้ร่างรัฐธรรมนูญได้ใหม่จนกว่าจะได้รับการยอมรับจากทาง คสช. ทั้งกำหนดกรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ในมาตรา 35 เหมือนเป็นการล็อกสเปกรัฐธรรมนูญใหม่ในกรอบ 10 ข้อ ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งเข้ามาไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะถูกกำหนดในวงเล็บที่ 9 ในมาตรา 35 

นายบัณฑิตกล่าวว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มีบทบัญญัติหลายข้อที่แสดงความรังเกียจนักการเมืองอย่างชัดเจน แต่ไม่กำหนดให้ สนช.แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเหมือนนักการเมือง จึงอยากให้ผู้มาเป็น สนช.แสดงมโนธรรมสำนึกเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเอง โดยไม่ต้องมีกฎหมายบังคับ ใครที่เป็นข้าราชการอยู่แล้วควรรับเงินเดือนแค่ตำแหน่งเดียวหรือไม่ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่กำหนดกรอบให้ชัดเจน จึงควรกำหนดเวลาจะช่วยเรียกความศรัทธาให้กับประชาชนที่รอคอยรัฐธรรมนูญอยู่

กกต.ติวเข้มรับสมัคร"สปช."

วันเดียวกัน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมชี้แจงสื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ผู้บริหารสำนักงาน กกต. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมงาน

นายศุภชัยกล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหา สปช.ออกแบบให้กระบวนการสรรหา สปช.เป็นไปโดยง่าย เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่จำกัดว่าจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มที่มีความเห็นทางการเมืองอย่างไร เพื่อให้ สปช.มีสมาชิกที่มีความรู้ ความสามารถ เหมาะสมกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างไรก็ตามการสรรหา สปช.มีระยะเวลาเพียง 50 วันหลังจาก คสช.แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาภายในวันที่ 13 สิงหาคม แล้วในวันที่ 14 สิงหาคมก็จะเปิดให้องค์กรนิติบุคคลเริ่มเสนอชื่อได้ทันที

นายสมชัยกล่าวว่า ไม่อยากให้มองว่า สปช.ถูกสงวนไว้สำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือมีพิมพ์เขียวประเด็นการปฏิรูปไว้ล่วงหน้า อยากให้มองว่าการปฏิรูปเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกัน และสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนจากสำนักงาน กกต.ว่าจะเสนอรายชื่อบุคคลใด 2 คนเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.

เปิดโหลดฟอร์มสรรหาสปช.

นายภุชงค์กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมสรรหา สปช.ครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจต่อการสรรหา สปช. รวมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็น สปช. ขอขอบคุณ คสช.ที่เชื่อมั่นและมอบภารกิจครั้งสำคัญให้แก่สำนักงาน กกต.ในการเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา ขอยืนยันว่าสำนักงาน กกต.จะปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ

นายภุชงค์กล่าวว่า สำหรับแบบฟอร์มการเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหา สปช. ประกอบด้วย 1.แบบคำขอนิติบุคคลเพื่อเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช. 2.แบบแสดงความประสงค์บุคคล 3.หนังสือยินยอมให้เสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช. 4.แบบคำรับรองบุคคล และ 5.ประวัติบุคคลผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช.ของคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดและกรุงเทพฯ ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 16.30 น. วันเดียวกันนี้ องค์กรนิติบุคคลสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและดาวน์โหลดแบบฟอร์มการเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ได้ทางเว็บไซต์ www.ect.go.th

2อดีตพ่อเมืองชิงสปช.อุตรดิตถ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์จะเสนอตัวเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. จ.อุตรดิตถ์ คือ นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน อายุ 61 ปี และนายสมบูรณ์ พรหมเมศร์ อายุ 76 ปี อดีตผู้ว่าฯ ตาก และอดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำ จ.อุตรดิตถ์

ด้านนายศุภสัณห์ หนูสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล (ทต.) นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา อุปนายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.มีมติส่งนายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายก สทท. และนายประเสริฐ วชิระเขื่อนขันธ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมือง (ทม.) พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นตัวแทนองค์กรเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช. ส่วนตนจะสมัครสมาชิก สปช. จ.สงขลา

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี นายก อบจ.สงขลา ในฐานะกรรมการสรรหา สปช. จ.สงขลา คาดว่า จะมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. จ.สงขลาหลายคน ต้องวางกรอบคัดเลือกให้เหลือ 5 คน โดยมีการแสดงวิสัยทัศน์ในการปฏิรูปประเทศและการตรวจสอบภูมิหลังของแต่ละคน

แดง-เหลืองจี้แก้สรรหาสปช.

นายชุมพล ลีลานนท์ ผู้ประสานงานสภาประชาชนจังหวัดพะเยา อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 17 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า การสรรหาสมาชิก สปช.ระดับจังหวัดต้องเป็นผู้ที่จดทะเบียนเป็นองค์กรนิติบุคคล บุคคลธรรมดา ส่วนองค์กรที่ไม่เป็นทางการไม่ใช่นิติบุคคลไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการสรรหาได้ ตนมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิประชาชน เพราะในพะเยาองค์กรที่เป็นนิติบุคคลที่มีบทบาทและสนใจเรื่องการปฏิรูปการเมืองส่วนใหญ่จะเป็นองค์กรที่ไม่เป็นทางการ ดังนั้น คสช.ควรปรับหลักเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติที่จะเข้ารับการสรรหา สปช.ในระดับจังหวัด โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศที่พึงปรารถนาของคนไทยทั้งประเทศอย่างเป็นจริง

ด้านนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จ.พะเยา กล่าวว่า หากผู้ที่จะเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. ไม่ว่าจะเป็นการรับสมัครหรือการทาบทามหรือวิธีการใดก็ตาม แต่เป็นบุคคลที่จะต้องมาจากองค์กรนิติบุคคลเท่านั้น ถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมอย่างไม่เหมาะสม หากเกิดการกีดกัน จำกัดสิทธิ ความปรองดองจะไม่เกิดหรือเกิดได้ยาก ท้ายที่สุดการปฏิรูปก็จะไม่ตอบโจทย์เรื่องความปรองดอง การปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นต้องสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยและลดความเหลื่อมล้ำทุกด้าน จึงจะเกิดความปรองดองที่แท้จริง

"ปู"บินกลับไทย11ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักผ่อนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีกำหนดกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคม เวลา 01.25 น. ด้วยเครื่องบินการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 693 จากนครลอสแองเจลิส ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 11 สิงหาคม เวลาประมาณ 11.00 น.

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันนี้สมาชิก สนช.เข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้ว อย่างไรก็ดี ที่มาของทั้ง สนช.ต่างจาก ส.ส.หรือ ส.ว.บางส่วนที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อ สนช.ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน ดังนั้นตำแหน่งผู้ช่วยฯ ที่ปรึกษาฯ อาจไม่จำเป็นต้องตั้ง หรือหากตั้งก็ควรลดจำนวนลง จากเดิมที่กำหนดให้ ส.ส. ส.ว.มีผู้ช่วยฯ ได้ 5 คนที่ปรึกษาฯ 2 คน สนช.อาจจะให้มีแค่อย่างละ 1 คนน่าจะพอแล้ว จะช่วยลดงบประมาณได้จำนวนมาก

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ไม่เกินความคาดหมายที่ สนช.มีมติให้นายพรเพชรเป็นประธาน สนช. และนายสุรชัย