วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8646 ข่าวสดรายวัน

คสช.รื้อสอบ งบ 396 โรงพัก 
รวบ'เสธ.เจมส์' เก็บค่าคุ้มครอง 


ตรวจสภา - พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ เข้าตรวจเยี่ยมรัฐสภาและประชุมเตรียมความพร้อมสนับสนุนภารกิจด้านนิติบัญญัติ เพื่อรองรับการเปิดสภานิติบัญญัติฯ (สนช.) รวมถึงสภาปฏิรูปฯ (สปช.) เมื่อวันที่ 30 ก.ค.

       กก.ตรวจสอบการใช้งบฯ ลุยสอบโครงการ 'ไทยเข้มแข็ง' กับโครงการก่อสร้าง 396 โรงพักสมัยรัฐบาลปชป. คสช.วางกรอบจัดทำงบฯ จัดการน้ำใน 45 วัน 'บิ๊กตู่'ตรวจรายชื่อ สนช. 'ปานเทพ' แจกแจงความจำเป็นต้องมีป.ป.ช. ในสภาปฏิรูปฯ "เสี่ยปั้น"บัณฑูร ล่ำซำ ปัดร่วมครม.ใหม่ กกต.ยันสอบทัวร์นกขมิ้น ไม่มีการเมืองแอบแฝง ป.ป.ช.จ่อยื่นอัยการฟันอาญา "ปู" คดีจำนำข้าวสัปดาห์หน้า 'เรืองไกร' จี้สอบทรัพย์สิน'ชวน' ศาลทหารเลื่อนอ่านคำสั่งฟ้อง'จาตุรนต์'

'บิ๊กตู่'เร่งพิจารณาตั้งสนช.
       เวลา 09.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) รับทราบรายงานสถานการณ์และการปฏิบัติงานจากทั้ง 4 กองทัพภาค โดยพล.ท. วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงความ คืบหน้าการดูแลความสงบเรียบร้อยและ ความปลอดภัยในพื้นที่หลังผ่านพ้นช่วงเทศกาลรอมฎอน 
       ส่วนพล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้ามายังบก.ทบ.และติดตามการทำงานของคสช.ในด้านต่างๆ รวมทั้งความคืบหน้าการพิจารณาแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) 

'ฉัตรชัย'ถกแผนงบจัดการน้ำ 
       ขณะเดียวกัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะรองหัวหัวฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครั้งที่ 2 โดยกล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า หลังให้แนวทางจัดทำแผนงบประมาณบริหารจัดการน้ำในการประชุมครั้งที่ผ่านมา วันนี้จะเปิดกว้างรับฟังความเห็นทุกฝ่ายเพื่อจัดทำแผนเกิดประโยชน์สูงสุด ใช้งบระมาณอย่างคุ้มค่า โปร่งใส ซึ่งประชาชนสนใจและต้องการแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มีประชาชนทำหนังสือร้องเรียนและให้คำแนะนำการบริหารจัดการน้ำ มายังคสช. แนวทางการหารือครั้งนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงบประมาณบริหารจัดการน้ำภายใน 30-45 วัน
       พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า คณะกรรมการตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ 5 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ทุกลุ่มน้ำและการปฏิบัติในทุกมิติ เพื่อจัดทำนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยปีงบประมาณ 2557 ยังมีโครงการบริหารจัดการน้ำในส่วนราชการต่างๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการอยู่จำนวนมาก เป็นงบประมาณถึง 13,000 ล้านบาท เกือบ 5,000 โครงการ กระจายในทุกภาคของประเทศโดย คสช.มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการผลการดำเนินการโดยเร็ว เพื่อเก็บกักน้ำได้ทันก่อนถึงฤดูแล้ง 

แนะแก้กม.-แบ่งหน้าที่
       นายสุวัฒนา จินตลดากร ที่ปรึกษาประธานวิศวกรรมแหล่งน้ำ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เผยหลังการประชุมว่า คณะอนุกรรมการ 5 ชุด เสนอกรอบแนวคิดเพื่อทำแผนการบริหารจัดการน้ำ เช่น ปัญหาของแต่ลุ่มน้ำในแต่ละพื้นที่ซึ่งแตกต่างกัน ส่วนที่ปรึกษาเห็นตรงกันว่าการจัดทำแผนจัดการน้ำจะต้องวางแผนเป็นลุ่มน้ำ ทั้ง 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ จึงมอบให้คณะอนุกรรมการทั้ง 5 ชุด จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำเสนอที่ประชุมครั้งถัดไป ซึ่งจะใช้เวลา 45 วันทำแผนดังกล่าว 
       นายสุวัฒนา กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรมีการแก้ไขกฎหมายการบริหารจัดการน้ำ เพราะยังสับสนในเรื่องภาระหน้าที่ว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้ดำเนินการหากเกิดเหตุ จึงให้นักวิชาการ วสท.ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเสนอต่อคณะอนุกรรมการชุดนี้และผลักดันเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิรูปตามโรดแม็ปของ คสช.ด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย เน้นย้ำและเข้าใจว่าระยะเวลาดำเนินการสั้น แต่กำชับให้มีทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและแก้ปัญหาระยะยาว ส่วนตัวเห็นว่าเวลา 45 วันนั้น อาจทำให้เห็นภาพการดำเนินโครงการแผนต่างๆ ในระยะสั้น แต่ในส่วนระยะกลางและระยะยาว หรือโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาศึกษาต่อไป

คตร.ฮึ่มเอาผิดทุจริตโครงการรัฐ
       เวลา 13.00 น. พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) กล่าวในการประชุมคตร. ครั้งที่ 8/2557 ว่า หลังจาก คตร.ตรวจสอบโครงการต่างๆ แล้ว ต่อไปจะมีการลงโทษหน่วยงานหรือบุคคลที่กระทำทุจริต เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นซ้ำอีก พร้อมกันนี้ยังขอให้ฝ่ายเลขานุการไปรวบรวมผลการปฏิบัติงานตลอดเวลากว่า 2 เดือนที่ ผ่านมาด้วย เพื่อตรวจสอบว่ามีงบประมาณที่สามารถติดตามคืนมาได้มากน้อยเพียงใด เพื่อสนองนโยบายของหัวหน้า คสช. นำงบประมาณที่ได้ไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนต่อไป
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวันนี้จะติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการไทยเข้มแข็ง โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจตามโครงการสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ค่าก่อสร้างอาคารและชิ้นงานนิทรรศการศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นสูงเพื่อการท่องเที่ยว โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน 800 เมกะวัตต์ รวมถึงการที่คตร.หรือผู้แทนไปสังเกตการณ์ในวันประมูลโครงการต่างๆ ของส่วนราชการ 

'อดุลย์'ยันรัฐสภาพร้อมรับสนช.
      เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ เข้าตรวจเยี่ยมความพร้อมของรัฐสภาในการเตรียมการสนับสนุนภารกิจด้านนิติบัญญัติ เพื่อรองรับ สนช.และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นางนรรัตน์ พิมพ์เสน เลขาธิการวุฒิสภา ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปงานของรัฐสภา โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง 
      จากนั้นพล.ต.อ.อดุลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า หลังรับฟังบรรยายสรุป ตนไม่กังวลใดๆเนื่องจากรัฐสภามีความพร้อมแล้ว จึงไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ส่วนการเปิดรัฐพิธีประชุมรัฐสภาในวันที่ 6 ส.ค.นั้น ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการดังกล่าว ต้องรอการโปรดเกล้าฯ สนช.ก่อน หากโปรดเกล้าฯเมื่อใด สนช.ก็พร้อมทำงานทันที 
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจห้องประชุมรัฐสภาที่จะใช้เป็นห้องประชุมสนช. พล.ต.อ.อดุลย์ สนใจสอบถามการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ขณะที่รัฐสภามอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว ข้อบังคับ รวมทั้งเอกสารสำคัญให้พล.ต.อ. อดุลย์ ด้วย 

'สุภา'นั่งปปช.ต้องรอสนช.
        นางนรรัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ได้ประสานงานเตรียมความพร้อมภายในรัฐสภามาตลอด ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์ มีข้อแนะนำเล็กน้อยเพื่อให้งานของรัฐสภาสมบูรณ์มากขึ้น ส่วนข้อบังคับการประชุม สนช. เบื้องต้นจะใช้ข้อบังคับ สนช.ปี 2549 ก่อน จากนั้น จะให้สมาชิก สนช.ร่างข้อบังคับให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว ส่วนวาระที่ค้างอยู่ในรัฐสภา ขึ้นอยู่กับ คสช.จะเห็นชอบให้นำเรื่องใดขึ้นมาพิจารณา สำหรับการประชุมคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ยังเดินหน้าตามปกติ แม้จะไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก คสช.ออกประกาศให้กระบวนการสรรหาเดินหน้าต่อไปได้ตามจำนวนคณะกรรมการสรรหาที่มีอยู่ ส่วนกรณีวุฒิสภาลงมติเลือกน.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นกรรมการป.ป.ช.ก่อนรัฐประหารนั้น คงต้องรอให้ สนช.เป็นผู้พิจารณาต่อไป


คืนสุข - ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจเข้าชมงานมหกรรมผลิตภัณฑ์ชุมชน คืนความสุขสู่ประชาชน ที่อาคารชาเลนเจอร์ 3 เมืองทองธานี วันที่ 30 ก.ค. โดยงานนี้จะจัดต่อไปจนถึงวันที่ 3 ส.ค. เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายคสช. 

      เมื่อถามว่าสนช.สามารถถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งตามที่ป.ป.ช. ส่งเรื่องมา ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ นางนรรัตน์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกยกเลิกแล้ว จึงต้องดูข้อกฎหมายก่อน และต้องให้ประธาน สนช.พิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป 

'บัณฑูร ล่ำซำ'ปัดร่วมครม.ใหม่ 
      นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งในครม.ชุดใหม่ว่า ตนไม่เคยได้รับการทาบทาม และได้แสดงเจตจำนง ที่ชัดเจนไปกับคสช.แล้วว่า ขณะนี้ ในฐานะประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย มีภารกิจต้องบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจธนาคาร อีกทั้งรับสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโจทย์รักษ์ป่าน่าน ที่ต้องดำเนินการและลงพื้นที่ในจ.น่านอยู่เสมอๆ ซึ่งเต็มเวลาเต็มที่แล้ว ไม่อยู่ในวิสัยจะรับงานอื่นได้อีก

ชี้สปช.ต้องมีปปช.ร่วมด้วย 
       ที่สำนักงานป.ป.ช. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช กล่าวถึงการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ว่า ป.ป.ช.จะเสนอใครนั้นต้องประชุมกันก่อน และให้คสช.แจ้งหรือติดต่ออย่างเป็นทางการ หากจะส่งตัวแทนเข้าไปเป็นสมาชิกในสปช. ต้องเป็นผู้ที่รู้เกี่ยวกับกฎหมาย เช่น นายวิชา มหาคุณ หรือนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. และรู้เรื่องยุทธศาสตร์ของป.ป.ช เช่น นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช. หรือนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาฯป.ป.ช.
       นายปานเทพ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะมีคนจากป.ป.ช.เข้าไปในสปช. เพื่อปฏิรูปเรื่องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น จะได้มีบุคคลที่ประสานงานเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องการปฏิรูป เช่น กฎหมายป.ป.ช. เรื่องอายุความ ยุทธศาสตร์ด้านกฎหมายของป.ป.ช กฎหมายอาญาระหว่างประเทศและกฎหมายการอายัดทรัพย์สิน เนื่องจากปกติจะมีเวลาอายัดได้เพียง 1 ปี ทั้งนี้ป.ป.ช. ต้องการให้ขยายเวลาออกไปถึง 2 ปี โดยประสานเรื่องนี้ให้คสช.แล้ว นอกจากนี้ ป.ป.ช.เตรียมแก้กฎหมายฟ้องร้องกรรมการป.ป.ช. โดยผู้ฟ้องร้องต้องยื่นเรื่องผ่านส.ว.และเข้าชื่อเสนอ จากนั้นต้องยื่นผ่านศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองเท่านั้นไม่สามารถยื่นฟ้องผ่านศาลชั้นต้นได้ด้วย

"ปู"ยืดแจงทัวร์นกขมิ้นได้อีก 
       แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยว่า กรณีคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต. มีมติเอกฉันท์ แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ กับพวกรวม 9 คน กระทำการขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง จากการไปตรวจราชการในพื้นที่ต่างๆ ระหว่างมีพ.ร.ฎ. เลือกตั้ง 2 ก.พ. มีการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในเลือกตั้งนั้น ขณะนี้ทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหนังสือขอขยายเวลาการชี้แจงเนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับจากต่างประเทศวันที่ 10 ส.ค. คณะกรรมการสืบสวนฯอนุมัติให้ขยายเวลาครั้งแรก 15 วัน นับจากวันที่ 10 ส.ค. เพื่อให้ผู้ถูกร้องมีเวลาเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ การขยายเวลาครั้งแรกจะสิ้นสุดในวันที่ 25 ส.ค. และเพื่อป้องกันกรณีผู้ถูกร้องอาจประวิงเวลาจึงให้ขยายเวลาชี้แจงได้ 2 ครั้ง ถ้าเกินกว่านั้น คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนจะพิจารณาความเหมาะสมว่าจะอนุมัติให้ขยายเวลาหรือไม่ หรือกรณีผู้ถูกกล่าวหาไม่ให้ความร่วมมือ จะถือว่าไม่ติดใจชี้แจง
       แหล่งข่าวกล่าวว่า ส่วนกระแสวิจารณ์กกต.เร่งพิจารณาคดีเพื่อเอาผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น คำร้องนี้ กกต.ได้ติดตามมาตั้งแต่ช่วงที่มีพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และเชิญเจ้าหน้าที่สำนักนายกฯ มาชี้แจงแล้ว แต่ติดขัดในเรื่องเอกสาร หลักฐาน เนื่องจากผู้ถูกร้องระบุว่าไม่สามารถรวบรวมได้เพราะมีการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ทำให้การพิจารณาคำร้องนี้เลื่อนออกมา พอเหตุการณ์สงบการพิจารณาคำร้องก็ดำเนินการตามปกติเป็นไปตามระเบียบวาระการประชุมทุกขั้นตอน ไม่มีเจตนาแอบแฝงทางการเมือง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคำร้องดังกล่าวถือว่าอยู่ในขั้นแรก ยังมีเวลาที่ผู้ถูกร้องจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและยังเหลือกระบวนยุติธรรมอีกหลายขั้นตอน จึงไม่อยากให้มองว่าเป็นการเล่นเกมการเมือง

ปปช.ยื่นอัยการคดี"ปู"สัปดาห์หน้า
      ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการส่งสำนวนชี้มูลความผิดคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดว่า อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดสำนวนคดี คาดว่าจะส่งให้อัยการสูงสุดได้ภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่สำนวนคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในโครงการรับจำนำข้าวที่ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดไปตั้งแต่เดือนพ.ค.2557 ขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่สำนักงานป.ป.ช.เช่นกัน เนื่องจากในช่วงที่ป.ป.ช.จะส่งสำนวนให้วุฒิสภาถอดถอน เป็นช่วงที่คสช.มีคำสั่งให้ยุบวุฒิสภาพอดี จึงต้องชะลอการส่งสำนวนคดีถอดถอนน.ส. ยิ่งลักษณ์ไว้ก่อน เพื่อรอให้มีสนช.ก่อน จึงจะส่งเรื่องให้สนช.ดำเนินการต่อ นอกจากนี้ยังมีคดีการถอดถอนอดีตส.ส.ที่ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ ป.ป.ช.ก็ต้องชะลอการไต่สวนไว้ก่อนเช่นกัน เพื่อรอความชัดเจนให้ตั้งสนช.ขึ้นมาก่อน 

ตรวจโกดังข้าวใกล้เสร็จ 
       ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วงนี้ขออนุญาตงดโพสต์เรื่องผลการตรวจโกดังและไซโลข้าวเพราะใกล้เสร็จสิ้นการออกตรวจสอบข้อเท็จจริงโกดังและไซโลข้าวของคณะทำงาน ทั้ง 100 คณะแล้ว นำโดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ และกระทรวงต่างๆ ตนและทีมงานทุกภาคส่วนกำลังศึกษาวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์ที่เป็นภาพรวม เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ทั้งในเรื่องคุณภาพข้าวประเภทต่างๆ ปริมาณคงเหลือ โดยทีมงานทุกคนจะร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อตอบแทน บุญคุณพี่น้องชาวนาไทย ฟื้นฟูชื่อเสียงข้าวไทยให้คืนสู่สถานภาพเดิมที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณไปทั่วโลก 


จับเสธ. - ภาพนาทีทหารและตร.บางรัก บุกโรงแรมตวันนา เข้าควบคุมตัวพล.ต.เจนรณรงค์ เดชวรรณ หรือ "เสธ.เจมส์" ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกลาโหม ฐานเรียกเก็บค่าคุ้มครองตลาดพัฒน์พงษ์ เจ้าตัวโต้โดนกลั่นแกล้ง เมื่อ 30 ก.ค.

ปชป.ชี้กก.ตรวจข้าวหลงทาง 
       นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศว่า เป็นสิ่งที่ได้ใจประชาชนแต่มาสะดุดตรงบทสรุปที่ระบุว่าตรวจสอบข้าวทั่วประเทศ 1,290 แห่ง จากที่มีทั้งหมด 1,787 แห่ง คิดเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นข้าวที่มีคุณภาพดีและถูกต้อง มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้และเสื่อมคุณภาพ หากพิจารณาแค่ข้าวเสื่อมสภาพคล้ายจะหลงทางจริงๆ เนื่องจากกรรมการตรวจโกดังใช้แค่สุ่มเจาะบางกองและรื้อกองตรวจบางกระสอบเท่านั้น ไม่ได้เจาะข้าวทุกกระสอบ ทุกโกดัง จึงจะบอกได้ว่าข้าวเสื่อมกี่กระสอบและเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นตัวเลข 10 เปอร์เซ็นต์ที่อ้างว่าเสื่อมคุณภาพ จึงสับสนว่าออกมาได้อย่างไร 

ตร.จับ 2 ผู้ต้องหาขโมยข้าว 
        เวลา 12.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 ร่วมกันแถลงการจับกุมนายกิตติพงศ์ แสนวรางกุล และนายธีรศักดิ์ แสนวรางกุล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ขโมยข้าวจากโกดังองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จ.ปทุมธานี ในโครงการรับจำนำข้าว โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ถูกจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี หลังร่วมกันวางแผนทำสัญญากับผู้เสียหายให้เช่าพื้นที่โกดังเพื่อเก็บข้าว จากนั้นผู้ต้องหาร่วมกันขโมยข้าวที่ผู้เสียหายฝากไว้หลายครั้ง รวมข้าวสูญหายกว่า 98,000 กระสอบ มูลค่าความเสียหายกว่า 98 ล้านบาท
       พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบมีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวในเขตพื้นที่ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี จึงเข้าตรวจสอบทั้งปริมาณ และคุณภาพข้าว จนพบการทุจริตดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล นอกจากนี้ได้รับรายงานว่าที่จ.พิจิตรปริมาณข้าวในโกดังไม่ตรงตามปริมาณ ที่กำหนดไว้เช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

สทบ.เข้มจัดงบกองทุนหมู่บ้าน 
       นายนที ขลิบทอง ผอ.สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เผยว่า สทบ.เตรียมเสนอโครงการกองทุนหมู่บ้านให้ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเร็วๆ นี้ พิจารณาแนวทางขับเคลื่อนโครงการ หลังที่ประชุมคสช.เห็นชอบให้ดำเนินโครงการต่อ เบื้องต้นการจัดสรรเงินให้กับหมู่บ้านต้องผ่านการพิจารณาความเหมาะสมก่อน จะไม่จัดสรรเงินให้เหมือนแนวทางเดิม โดยเฉพาะหมู่บ้านที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินเพิ่มทุนในระยะสุดท้ายที่มีเหลืออยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
       "การจัดสรรเงินครั้งนี้จะไม่แจกเหมือนเดิม แต่จะขอดูแผนงานและศักยภาพของกองทุนในหมู่บ้านนั้นๆ มีผลสำเร็จเพียงใด ส่วนการเพิ่มทุน เดิมให้หมู่บ้านส่งเอกสารยืนยันการขอรับการเพิ่มทุนมาที่สทบ. เพื่อจัดสรรเงินให้ แต่ครั้งนี้ต้องทบทวนโครงการใหม่ตามความเหมาะสม และอาจให้ยืนยันโครงการมาใหม่ ซึ่งทุกโครงการต้องเสนอบอร์ดกองทุนฯ และคสช. พิจารณาด้วยว่าจะเห็นชอบการจัดสรรเงินให้กองทุนหมู่บ้านในรูปแบบไหน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อหมู่บ้านและงบประมาณที่จัดลงไปมากที่สุด" นายนทีกล่าว

ตั้งสถาบันเรียนรู้ 84 แห่ง
      นายนที กล่าวว่า ในระยะแรก สทบ.จะเน้นจัดตั้งสถาบันการเรียนรู้กองทุนหมู่บ้านเฉลิมพระเกียรติ 84 แห่ง ตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสานต่อโครงการเดิมให้เดินหน้าต่อ ส่วนกองทุนที่มีปัญหาจะมอบให้กองทุนหมู่บ้านที่มีศักยภาพเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานะกองทุนหมู่บ้านวันที่ 23 มิ.ย.2557 ช่วงก่อนปีงบประมาณ 2557 กองทุนมีงบฯสะสมคงเหลือรวมเป็นเงิน 26,543 ล้านบาท แยกเป็นงบบริหารจัดการ 806 ล้านบาท และโครงการเพิ่มทุนกองทุน 25,737 ล้านบาท ขณะที่ปีงบประมาณ 2557 ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณ เพื่อบริหารจัดการกองทุน 307 ล้านบาท ส่วนสุดท้ายเป็นเงินกองทุนสะสมคงเหลือ มีอยู่ 34,183 ล้านบาท

เรืองไกรจี้ปปช.สอบบัญชี"ชวน"
     นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนส่งเอกสารทางระบบอีเอ็มเอสไปยังป.ป.ช. ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือมีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบหรือไม่ เนื่อง จากการยื่นแสดงบัญชีต่อป.ป.ช.ล่าสุด 3 ครั้ง คือกรณีเข้ารับตำแหน่งวันที่ 2 ส.ค.2554 กรณีพ้นจากตำแหน่งแล้ว 1 ปี วันที่ 9 พ.ค.55 และกรณีพ้นจากตำแหน่งวันที่ 8 ธ.ค.56 มีความเคลื่อนไหวเฉพาะรายการบัญชีเงินฝากเท่านั้น เมื่อนำเงินฝากวันที่ 8 ธ.ค.2556 คือ 3,700,639.10 บาท ลบด้วยยอดเงินฝากวันที่ 2 ส.ค.2554 คือ 2,111,235 บาท ยอดทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ในเงินฝากเป็นเงิน 1,589,404.10 บาท จึงควรได้มาจากรายได้หักด้วยรายจ่ายตามที่แจ้งไว้ 
        นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อนำยอดรวม ของรายได้หักด้วยยอดรวมของรายจ่ายจะได้ 1,054,771.28 บาท ซึ่งควรเป็นรายได้สุทธิ ที่เพิ่มขึ้นและทำให้ยอดเงินฝากเพิ่มขึ้น ในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อนำรายได้ ดังกล่าวไปเทียบกับทรัพย์สินสุทธิที่เพิ่มขึ้น 1,589,404.10 บาท พบว่ามีผลต่างในบัญชีเงินฝากที่เพิ่มขึ้นเกินกว่ารายได้สุทธิ 534,632.82 บาท การที่ตัวเลขในบัญชีเงินฝากเพิ่มขึ้นเกินกว่ารายได้สุทธิ จึงมีเหตุควรสงสัยว่านายชวน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือไม่ หรือ การยื่นบัญชีดังกล่าวมีการปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามความในพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. มาตรา 34 หรือไม่ นอกจากนี้พบว่าในรายการทรัพย์สินอื่น ลำดับที่ 4 คือพระพุทธรูปประมาณ 200 องค์ ไม่ได้แจ้งวันเดือนปีที่ได้มา และไม่แจ้งมูลค่าไว้ จึงมีประเด็นให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่าพระพุทธรูป 200 องค์ มีการปกปิดมูลค่าเอาไว้หรือไม่
        นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่มีทหารเข้ามานั่งใน สนช.เกินครึ่งหนึ่งเพื่อโหวตเลือก นายกฯ คงไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนใครจะเป็นประธานสนช.นั้น ถ้าเป็นนักกฎหมายก็ยิ่งดี ขอให้ใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ อย่าเหมือนนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานสนช.ปี 50 ตนรับไม่ได้ที่การผ่านกฎหมาย 80 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงดังกล่าวมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญแทบทั้งสิ้นเพราะคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งและยังมีกฎหมายคาอยู่อีกจำนวนมาก ดังนั้นประธาน สนช.ปี 2557 ต้องไม่ทำเรื่องแบบนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างจากสภาตรายาง ขอให้กำลังใจประธาน สนช.คนใหม่

จี้คสช.คืนความสุขชาวสวนยาง
       นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำ ขอเรียกร้องให้คสช.เข้ามาแก้ปัญหาโดยด่วน มาตรการระยะสั้น 1.ประกาศลดอุปทาน เพื่อเพิ่มความต้องการของผู้ซื้อในตลาด นำยางในสต๊อกมาทำยุทธภัณฑ์ ส่งเสริมการใช้ภายในประเทศ ไม่ส่งเสริมให้ปลูกยางเพิ่มจนกว่าราคายางจะดีขึ้น 2.ส่งเสริมให้พ่อค้ายางแข่งขันการซื้อและเก็บสต๊อก โดยคสช.สนับสนุนเงินทุนและสต๊อกเครดิต 3.คสช.เจรจากับประเทศผู้ผลิตหลักกำหนดมาตรการทางบวกร่วมกัน 4.หากราคายังไม่ดีขึ้นประเทศผู้ผลิตหลักโดยเฉพาะไทยจะต้องชี้นำการตลาด กำหนดราคาเป้าหมายยางแผ่นดิบ ราคากิโลกรัมละ 80 บาทและยกระดับไปกิโลกรัมละ 100 บาท 
       นายชินวรณ์ กล่าวว่า มาตรการระยะยาว 1.กำหนดโซนนิ่งผลผลิตทางการเกษตรอย่างจริงจัง 2.ส่งเสริมการแปรรูปยางและผลิตภัณฑ์ยางอย่างจริงจัง เช่น จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ขององค์การสวนยาง 3.สนับสนุนการวิจัยและพัฒนายาง 4.นำไทยให้เป็นศูนย์กลางอาเซียนด้านยางพาราแทนการแข่งขันกัน คสช.ต้องประกาศว่าคืนความสุขให้ชาวสวนยาง เชื่อว่าจะมีผลต่อจิตวิทยาการตลาดทันทีและราคายางจะยกระดับตามมา หัวหน้าคสช.ต้องลุยเองด้วยความจริงใจ

คสช.งดจัดงานวันพิทักษ์ป่าโลก 
      วันที่ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมจัดงานวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากทั่วประเทศมาร่วมงาน เพื่อเชิดชูเกียรติ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาป่านั้น เมื่อวันที่ 30 ก.ค. คสช.มีหนังสือถึงนางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ปลัดกระทรวงทส. ให้กรมอุทยานฯ ระงับการจัดงานดังกล่าว ระบุว่ากระทรวงส่งเรื่องไปยัง คสช.ล่าช้า ทำให้พิจารณาอนุมัติไม่ทัน คำสั่งดังกล่าวทำให้กรม อุทยานฯ ต้องเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน ให้แต่ละสำนักพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ทั้ง 16 แห่ง จัดงานภายในและให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากทั่วประเทศ 1,200 นาย เดินทางกลับพื้นที่ ส่วนการจัดงานที่อุทยานฯเขาใหญ่ อาจปรับรูปแบบเป็นการจัดงานอนุรักษ์พื้นที่มรดกโลกแทน 
       นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ไม่ได้สั่งระงับแต่กรมอุทยานฯยังไม่ได้ทำเรื่องขออนุมัติ คสช. เวลานี้อยู่ระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก จึงเกรงจะไม่เหมาะสม จึงเปลี่ยนให้แต่ละพื้นที่จัดงานแทน

ศาลเลื่อนอ่านสั่งฟ้อง"จาตุรนต์"
       เวลา 10.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่กรมพระธรรมนูญ ศาลทหารกรุงเทพฯ ศาลทหารนัดนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ ให้มาฟังคำสั่งฟ้องภายหลังวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการศาลทหาร โดยมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้องนายจาตุรนต์ ทั้ง 3 ข้อหา คือ 1.ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคสช. โดยไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งเรียก มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 กรณีฝ่าฝืนกฎอัยการศึกและยุงยง ปลุกปั่น โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ 3.ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเองแต่มอบให้ทีมทนายความ นำโดยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนรับฟังคำสั่งเท่านั้น โดยนายนรินท์พงศ์ เผยหลังเข้าพบกับอัยการศาลทหารว่า ตนนำหนังสือพร้อมใบรับรองแพทย์มาชี้แจงต่อศาลถึงเหตุผลที่นายจาตุรนต์ ไม่สามารถมารับฟังคำสั่งของศาลได้เนื่องจากเข้ารักษาตัวจากอาการเจ็บหน้าอกที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และต้องวินิจฉัยอาการในวันนี้ (30 ก.ค.) ซึ่งหลังการชี้แจงศาลอนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่งฟ้องไปเป็นวันที่ 4 ส.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้อัยการทำสำนวนเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของคำสั่ง
     นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า หากวันที่ 4 ส.ค. นี้ อัยการมีคำสั่งฟ้องนายจาตุรนต์ ทีมทนายจะยื่นขอประกันตัวอีกครั้งในวงเงินเดิมที่ 400,000 บาท และหากศาลอนุมัติให้ปล่อยตัวก็ต้องดำเนินการเช่นเดียวกับกรณีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด คือนำตัวไปปล่อยที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล

จับ"เสธ.เจมส์"สอบคดีมาเฟีย
       เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร ได้เชิญตัว พล.ต.เจนรณรงค์ เดชวรรณ หรือ"เสธ.เจมส์" ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม กับพวกประกอบด้วยผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 1 คน รวม 5 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ปากคำ หลังจากถูกร้องเรียนว่า มีส่วนพัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการย่านซอยพัฒน์พงศ์ ถนนสีลม เขตบางรัก โดยเจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน 3 รอ. ได้ร่วมกับสน.บางรัก วางแผนสืบสวน ให้ผู้ค้านำเงินสด 2,000 บาท มาส่งมอบให้ที่บริเวณล็อบบี้โรงแรมตวันนา ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อพบเสธ.เจมส์ จึงสอบสวนในเบื้องต้นและลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางรัก ก่อนจะเชิญตัวมาสอบสวนต่อ ที่บก.ป.โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก
      ด้านพ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ผู้ถูกล่าวหามีทั้งหมด 5 คน เป็นพลเรือน 4 คน โดยในส่วนของพลเรือนจะกักตัวไว้ที่ ห้องขัง บก.ป.ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เป็นเวลา 7 วัน ส่วนเสธ.เจมส์ฝ่ายทหารจะรับตัวไปควบคุมในพื้นที่ทหาร หากพบว่าเป็นความผิด ก็จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป โดยทางพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
      ด้านพล.ต.เจนรณรงค์ให้สัมภาษณ์หลังการสอบปากคำว่า กรณีนี้สืบเนื่องจากตนได้รับร้องเรียนจากผู้ค้าย่านพัฒน์พงศ์ ว่าถูกกลุ่มมาเฟียชุดเก่า เข้ามากดขี่ข่มเหง จึงเข้ามาจัดการกับปัญหาโดยจัดระเบียบให้กับผู้ค้าในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้กลุ่มมาเฟียดังกล่าวเสียผลประโยชน์ จึงกลั่นแกล้งทำเรื่องร้องเรียนไปยัง คสช.เพื่อดำเนินการกับตน ซึ่งกรณีนี้ตนสามารถชี้แจงได้ และเชื่อมั่นว่าผู้บังคับบัญชาจะรับฟังข้อเท็จจริงของปัญหา