- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 21 July 2014 12:02
- Hits: 3347
วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8636 ข่าวสดรายวัน
เกรงใจ'คสช.'แม้วห้าม แห่ฉลองวันเกิด จัดเฉพาะในหมู่ญาติ โพลหนุนบิ๊กตู่อนุมัติ ไฟเขียว'ปู'บินไปนอก ปปช.นัดถกแจงสังคม ปมเร่งฟันคดีจำนำข้าว
ทักษิณเบรกข้ามทวีป ไม่ให้ แห่บินไปร่วมเป่าเค้กวันเกิดที่ฝรั่งเศส หวั่นถูกคสช.จับตา อยากฉลองเป็นการภายในกับครอบครัว และคนสนิท ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ หลัง'บิ๊กตู่'เปิดทางคนต่างแดนกลับไทย 'นพดล'เผยนายใหญ่อยากใช้ชีวิตเงียบๆ มั่นใจ'ยิ่งลักษณ์'ไปนอกแล้วกลับมาสู้คดี โพลหนุนคสช.ไฟเขียว'ปู'บินต่างประเทศหลังป.ป.ช.ชี้มูลคดีจำนำข้าว ป.ป.ช.ย้ำทำหนังสือแจงหลังอดีตนายกฯ ตั้งข้อสังเกต 7 ข้อ ยันไม่ได้เร่งรัด แจงคดีคืบขึ้นกับพยานหลักฐาน อดีตประธานวุฒิฯเชื่อคสช.-ป.ป.ช.ไม่ตั้งใจปล่อยเสือเข้าป่า บิ๊กฉัตรชัยถกมหาดไทยประชุมวิดีโอผู้ว่าฯทั่วปท. 'บิ๊กจิน'ฟิตวันหยุดกางโต๊ะถกโครงสร้างคมนาคมเชื่อมพื้นที่สำคัญในและนอกประเทศ
โพลหนุนคสช.ไฟเขียวปูบินตปท.
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง "การเดินทางไปต่างประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังป.ป.ช. ชี้มูลความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในโครงการรับจำนำข้าว" สำรวจระหว่างวันที่ 18-19 ก.ค. จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,247 หน่วยตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.19 ระบุว่าเห็นด้วยกับการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมบุตรชายเดินทางไปต่างประเทศได้ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าว เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึงกระทำได้ ที่ผ่านมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ความร่วมมือในการเข้ามารายงานตัวต่อคสช.ด้วยดีตลอด โดยไม่มีท่าทีฝ่าฝืนหรือหลบหนีแต่ประการใด อีกทั้งยังไม่มี คำตัดสินจากศาลชั้นสูงว่าห้ามออกนอกประเทศ ขณะที่ร้อยละ 39.84 ระบุว่าไม่เห็นด้วย เพราะป.ป.ช. ชี้มูลความผิดออกมาแล้ว ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการไม่เดินทางออกนอกประเทศ และมีความกังวลว่าจะหลบหนีคดีและไม่กลับมาเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ร้อยละ7.97 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ปู'กลับ-ไม่กลับ'ตัวเลขใกล้เคียง
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการเดินทางกลับประเทศไทยตามกำหนดภายในวันที่ 10 ส.ค. 2557 ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ยื่นหนังสือขออนุญาตต่อ คสช.ไว้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 41 เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่กลับมาตามกำหนด ขณะที่ร้อยละ 39.04 เชื่อว่ากลับมาตามกำหนด และร้อยละ 18.96 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ท้ายสุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 26 ก.ค.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์กับครอบครัว พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.21 เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ร้อยละ 9.16 เชื่อว่าจะไม่ไปร่วม และร้อยละ 13.63 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
นพดลเชื่อยิ่งลักษณ์กลับมาสู้คดี
นายนพดล ปัทมะ คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพล ดังกล่าวซึ่งประชาชนบางส่วนเห็นว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์จะไม่กลับไทยตามกำหนดเวลาว่า ประชาชนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ แต่ตนเชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อคำพูดน.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในคดีที่คณะ กรรมการป.ป.ช. จะฟ้องในคดีจำนำข้าว เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
แม้วยังไม่ส่งซิกหลังบิ๊กตู่เปิดทาง
ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยขอให้คนที่อยู่ต่างประเทศกลับมาและพร้อมให้ความเป็นธรรมนั้น นายนพดลกล่าวว่าไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะไม่ทราบว่าหมายถึงใคร หากตอบโต้จะเป็นประเด็นทางการเมือง ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งสัญญาณหรือขานรับในเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์พูดข้างต้นหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร อีกทั้งตนไม่ได้คุยกับพ.ต.ท. ทักษิณมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณประสงค์จะใช้ชีวิตเงียบๆ มากกว่า
เบรกพท.-เสื้อแดงบินร่วมเป่าเค้ก
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับงานวันเกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสนั้น อดีตส.ส. สมาชิกพรรคและแกนนำเสื้อแดงหลายคนตัดสินใจไม่เดินทางไปร่วมงานในปีนี้ โดยพ.ต.ท.ทักษิณกำชับมาถึงทุกคนว่าอยากให้งานวันเกิดปีนี้มีแต่คนในครอบครัวและคนที่สนิทจริงๆ ไม่อยากให้มีปัญหาและไม่อยากให้เป็นที่จับตามองโดยเฉพาะจาก คสช.
ปูจูงไปป์ขึ้นเครื่องตี1วันที่ 23 ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากำหนดการเดินทางของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ได้ทำหนังสือถึงคสช.เพื่อขอเดินทางไปต่างประเทศระหว่างวันที่ 20 ก.ค. ถึง 10 ส.ค.57 นั้น ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมด้วยด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย จะเดินทางออกจากประเทศไทยในเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 23 ก.ค. โดยไม่ได้เปิดเผยเที่ยวบินที่ใช้เดินทางและจุดหมายปลายทางเผยเพียงว่าทั้ง 2 คนเดินทางไปยัง 5 ประเทศ ประกอบด้วยเยอรมนี เบลเยียม ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้คาดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปร่วมงานคล้ายวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 26 ก.ค.นี้
เผยชาวบ้านหนุนปูสู้คดีจำนำข้าว
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีความเห็นแตกต่างระหว่างป.ป.ช.กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในประเด็นโครงการรับจำนำข้าวว่าป.ป.ช.เร่งรีบ รวบรัด ไม่ยอมรับฟังพยานให้รอบด้านและสองมาตรฐานหรือไม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความเห็นต่อสาธารณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตนในฐานะประชาชนคนหนึ่งมีเวลาพบปะประชาชนเป็นประจำ ต่างฝากให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะทุกฝ่ายรู้อยู่แก่ใจ ข้อเท็จจริงสามารถเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ เป็นที่ประจักษ์ โกหกกันไม่ได้ ประชาชนฝากมาว่าขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์สู้ต่อไปในชั้นอัยการและศาลทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
"ขณะที่คสช.กำลังทำงานปรองดองสร้างความสามัคคีของคนในชาติ จะเยียวยาจิตใจประชาชนส่วนหนึ่งอย่างไร ที่เขาเห็นว่าองค์กรอิสระหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญอาจกำลังสองมาตรฐาน ประชาชนอยากเห็นคสช.ทำให้เป็นมาตรฐานเดียว ซึ่งจะทำให้งานปรองดองของคสช.สัมฤทธิผล" นายชวลิตกล่าว
ป.ป.ช.ย้ำทำหนังสือแจงปู
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยว่าในวันอังคารที่ 22 ก.ค.จะเสนอเรื่องถึงคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ให้รับทราบถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เป็นธรรมที่ถูกป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดในโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 7 ประเด็น คาดว่าคณะกรรมการป.ป.ช.จะทำหนังสือชี้แจงประเด็นที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดใจเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาเพื่อให้สาธารณชนรับทราบ หลังจากนั้นในวันที่ 24 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่จะลงมติรับรองเอกสารสำนวนการชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าวเพื่อส่งสำนวนดังกล่าวให้อัยการสูงสุดพิจารณาต่อไป คาดว่าอย่างช้าภายใน 2 สัปดาห์น่าจะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดได้
ปมระบายข้าวแค่ยกตัวอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งข้อสังเกตการชี้มูลความผิดเรื่องการระบายข้าวว่าก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ยืนยันมาตลอดว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการระบายข้าว จึงทำให้ไม่ได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาต่อสู้หรือหักล้าง นายสรรเสริญกล่าวว่าการชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ในเรื่องการระบายข้าวเป็นการยกตัวอย่างภาพรวมของโครงการที่ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาจำนวนมาก เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาไปหยิบยกประเด็นเรื่องการระบายข้าวประเด็นเดียวมาเป็นข้อโต้แย้ง ต้องรอฟังคำชี้แจงของคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันที่ 22 ก.ค.นี้อีกครั้ง
ยันคดีคืบขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
ด้านนายภักดี โพธิศิริ คณะกรรมการป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งข้อสังเกตว่าป.ป.ช.ใช้เวลาพิจารณาคดีรับจำนำข้าวอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากคดีอื่นที่ใช้เวลาหลายปีว่า ที่ผ่านมามีคดีทุจริตหลายคดีที่ป.ป.ช.ใช้เวลาพิจารณาและชี้มูลเพียงปีเศษเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร บางเรื่องถ้าสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้รวดเร็วก็ชี้มูลได้ ในการพิจารณาคดีมีการกำหนดขั้นตอนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหา หลังจากนั้นจะให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หากมีข้ออะไรยังไม่ชัดเจน ป.ป.ช.ต้องดำเนินการจนกระทั่งสมบูรณ์พร้อมวินิจฉัยได้ ยืนยันว่าคดีนี้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ไม่ได้เร่งรีบอะไรทั้งสิ้น หลังจากนี้คณะกรรมการป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าก่อให้เกิด 16 ที่สุดของจำนำข้าวคือ อาทิ การใช้เงินซื้อข้าว การขาดสภาพคล่อง ทำลายการส่งออก ใช้โกดังเก็บมากที่สุด ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์ เกิดเหตุข้าวเน่าและเสื่อมสภาพ และตอบคำถามไม่ได้
พล.อ.ธีรเดชการันตีทหารมีความรู้
พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานวุฒิสภา เปิดเผยถึงกรณีการสรรหาคณะบุคคลเพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติว่า เสมือนกับการเป็นสมาชิกรัฐสภาซึ่งจำเป็นต้องมีผู้แทนจากหลายสาขาอาชีพ โดยมองว่าการที่คสช.จะแต่งตั้งผู้ใดเข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น เชื่อว่าคงจะพิจารณาคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้วว่าต้องมีความรู้ความสามารถเหมาะสมเพียงพอ เมื่อพูดถึงทหารแล้วอยากให้เข้าใจว่าในทุกวันนี้ทหารได้รับการศึกษาวิชาความรู้เหมือนพลเรือนทั่วไป ในรั้วโรงเรียนนายหาร นายตำรวจทั้งสี่เหล่า มีการเรียนการสอนหลากหลายสาขาวิชาเหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป เพราะฉะนั้นในด้านความรู้ความสามารถน่าจะเหมือนกับคนไทยทุกคน ไม่ใช่ว่าเป็นทหารแล้วจะมีความรู้ความสามารถด้อยกว่าหรือมีความรู้แค่เฉพาะด้านเท่านั้น
อย่ารังเกียจว่าคนมียศรู้น้อยกว่า
พล.อ.ธีรเดชกล่าวต่อว่าสถาบันทหารเป็นสถาบันที่มีการศึกษาอบรมอยู่ตลอดเวลา เช่น โรงเรียนเสนาธิการ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นแบบสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั่วไปในประเทศโดยเฉพาะในสาขาวิชาการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงเรื่องความรู้ความสามารถด้านการบริหารจัดการตนไม่มีข้อสงสัยว่าทหารจะแตกต่างจากพลเรือน น่าจะทำหน้าที่ได้ดีเหมือนกัน จึงไม่อยากให้รังเกียจตรงที่ว่าหากมียศแล้วจะต้องรู้น้อยกว่าคนไม่มียศหรือจำเป็นต้องเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการรบอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่ตัวชี้วัด เพราะจริงๆ แล้วทหารมักจะเป็นต้นแบบองค์ความรู้ในหลายด้าน
ผลงานคสช.เป็นเครื่องพิสูจน์
อดีตประธานวุฒิสภากล่าวอีกว่าลองดูได้จากผลงานคสช.ว่าที่ผ่านมาปรากฏผลงานอย่างไรบ้าง หากเราให้เวลาคสช.มากพอ บ้านเมืองจะดีขึ้นเป็นลำดับ เหมือนกับที่คสช.พูดอยู่เสมอว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน คสช.ก็คืนมาเป็นระยะๆ จนถึงวันนี้คืนความสุขให้คนในชาติมาหลายเรื่องด้วยกันแล้ว เพราะฉะนั้นผลงานจะเป็นตัวชี้วัดได้เองว่าแค่ภายในเวลาขนาดนี้คสช.ยังแก้ไขปัญหาได้ถึงระดับนี้ อยากให้ประชาชนร่วมมือและ ให้กำลังใจคสช.ให้มีโอกาสทำหน้าที่ แล้วผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคสช.จะทำได้อย่างที่มุ่งมั่นตั้งใจแค่ไหน
"โดยส่วนตัว ผมห่างจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. มากถึง 14 ปี แต่รู้จักในฐานะที่เป็นนายทหารรุ่นน้องที่อยู่ในกองทัพบกด้วยกัน ผมเชื่อและได้ยินมาว่าพล.อ.ประยุทธ์เคยให้คำพูดเอาไว้ว่าเมื่อท่านเสียสละเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแล้วท่านจะดำเนินการแก้ไขให้จบ ผมคิดว่าเป็นความมุ่งมั่นของพล.อ.ประยุทธ์และคณะที่แน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เสร็จสิ้น เสียงสะท้อนในขณะนี้ไม่ว่านักธุรกิจหรือประชาชนโดยทั่วไปอยากเห็นประเทศชาติของเราสงบมั่นคง เพื่อก้าวต่อไปได้เหมือนนานาประเทศ" อดีตประธานวุฒิสภากล่าวและว่า ถ้าความขัดแย้งยังอยู่ก็ไม่มีความสงบ ไม่มีใครกล้ามาลงทุน บ้านเมืองก็เดินไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรให้เป็นไปตามเป้าหมายและความตั้งใจของคสช.
เชื่อไม่ตั้งใจปล่อยเสือเข้าป่า
ต่อข้อถามถึงกรณีที่คสช.อนุญาตให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปพักผ่อนที่ยุโรปในขณะที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดโครงการจำนำข้าว พล.อ. ธีรเดชกล่าวว่าเข้าใจว่าทั้งคสช.และป.ป.ช.ต่างทำตามหน้าที่ เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอลาไปพักผ่อน คสช.เห็นว่าเหมาะสมก็อนุญาต แต่ป.ป.ช.ก็ทำงานของป.ป.ช. ซึ่งชี้มูลมาตรงกันพอดี น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าจงใจ มั่นใจว่าทั้งคสช.และป.ป.ช.ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ต่างฝ่ายก็พิจารณากันแล้วเห็นว่าเหมาะสมตามเหตุผล เชื่อว่าไม่ใช่ตั้งใจปล่อยเสือเข้าป่าอย่างที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งข้อสงสัยกัน
บิ๊กฉัตรชัยวิดีโอถกผู้ว่าฯทั่วปท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 21 ก.ค. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. จะเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทยเวลา 13.00 น. โดยจะมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอทางไกลผ่านดาวเทียมไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามการทำงานของกระทรวงมหาดไทยรวมทั้งการตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ข้อมูลและบริการประชาชนทั่วประเทศตามคำสั่งคสช. การดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การจัดระเบียบสังคม และการกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการลดต้นทุนทางการเกษตร
บิ๊กจินถกโครงสร้างคมนาคม
พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ ที่ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติส่วนกองทัพอากาศ กล่าวว่าในวันเดียวกันนี้ เวลา 08.30 น. ที่บ้านพักรับรองกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคสช. และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เชิญนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือเพื่อกำหนดข้อสรุปร่างยุทธ ศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อเตรียมนำเสนอหัวหน้าคสช.ในการประชุมคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ
พล.อ.ท.มณฑล กล่าวว่าการประชุมมีการหารือเกี่ยวกับประเด็นแผนงาน โครงการในยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม 5 ด้านที่ประชุมไปแล้วรวม 4 ครั้ง เพื่อนำมาบูรณาการกับนโยบายของหัวหน้าคสช.ในเรื่องการเชื่อมต่อพื้นที่สำคัญภายในประเทศและระหว่างประเทศ ได้แก่ เมืองหลวง เมืองใหญ่ ชนบท เมืองท่า ด่านชายแดน และนิคมอุตสาหกรรม ในการเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชมคมอาเซียน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ในเอเชีย โดยจะนำเสนอร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อที่ประชุมคสช.ในโอกาสแรกต่อไป
สิงห์ทองจ่อยื่นคสช.ปมสุเทพบวช
นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. เข้าพิธีอุปสมบทอย่างเงียบๆ ที่วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจน ดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานีว่า การที่พระสุเทพไปบวชตนเชื่อว่ามีนัยยะ เพราะวันนี้เขาเจอข้อหากบฏและอัยการสั่งฟ้อง แต่วันนี้เหมือนมีเงื่อนไขต่อรองว่าจะไม่ดำเนินคดีกับพระ สุเทพในเรื่องข้อหากบฏ โดยให้ไปบวชและอยู่อย่างสงบ และขณะนี้อัยการก็ส่งฟ้องเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นระดับเล็กๆ ทั้งนี้ตนจะไปยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด และคสช. ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ เพื่อคัดค้านและขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ โดยตนอยากให้กระบวนการยุติธรรมยึดประกาศคสช. ฉบับที่ 63/2557 ด้วย
วิษณุแจงสภาปฏิรูป-นิติบัญญัติ
เวลา 19.00 น. วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. กล่าวในรายการ "อาทิตย์สโมสรกับวิษณุ" ออกอากาศทางช่องทีเอ็นเอ็น 24 โดยกล่าวถึงกระบวนการของสภาปฏิรูปและสภานิติบัญญัติว่า เมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมามีประชาชนหลายกลุ่มออกมาแสดงความไม่พอใจหลายสิ่งหลายอย่างในสังคมไทย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกกลุ่มเห็นตรงกันคือเรื่องการปฏิรูป และในเวลานี้ถือเป็นเวลาที่สมควรที่สุดเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ให้สัญญาว่าหากตั้งธรรมนูญชั่วคราวขึ้นมาแล้วจะจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่ออกกฎหมายแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต่อจากนั้นจะจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ
เร่งทำ 1 ปีก่อนมอบรบ.ต่อไปสานต่อ
นายวิษณุกล่าวต่อว่าส่วนอีกองค์กรที่ทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศคือสภาปฏิรูป โดยจะแบ่งหัวข้อการปฏิรูป อาทิ การปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปการเลือกตั้ง การปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจการตรวจสอบการใช้อำนาจต่างๆ การปฏิรูประบบราชการ การปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น การศึกษา การสื่อสารมวลชน รวมทั้งเศรษฐกิจสังคม แต่จะปฏิรูปกันอย่างไรขึ้นอยู่กับคนในสภาปฏิรูปซึ่งอาจทำให้เกิดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันได้ เพราะยิ่งมากคนก็มากความ ดังนั้นเราต้องมีกระบวนการพิจารณาความเห็น อย่างไรก็ตามคนที่มาทำหน้าที่กรรมาธิการปฏิรูปต้องมีเป้าหมายตรงกัน หากมีข้อสรุปใดและลงมติแล้วสามารถทำได้เลยตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หรือเป็นมติคณะรัฐมนตรี แต่อะไรก็ตามที่ต้องแก้ตัวบทกฎหมาย เช่น การปฏิรูประบบภาษี การปฏิรูปการกระจายรายได้ การปฏิรูปการเมืองการปกครอง การปฏิรูปการเลือกตั้ง ต้องเปลี่ยนหรือออกกฎหมายเพื่อนำเข้าสภานิติบัญญัติ ตามแนวทาง "สภาปฏิรูปคิด สภานิติบัญญัติทำ" กระบวนทั้งหมดนี้หัวหน้าคสช.ระบุว่าต้องใช้เวลา 1 ปี หากครบกำหนดแล้วยังมีแนวทางใดที่ค้างอยู่จะให้สภานิติบัญญัติบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปสานต่อให้เรียบร้อย
'ชวน'ติวเนติบัณฑิตยึดกฎหมาย
วันเดียวกัน ที่เนติบัณฑิตยสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ บรรยายหัวข้อ "บทบาทของนักกฎหมายในระบอบประชาธิปไตย" ในการอบรมหลักสูตรภาคจริยธรรมเนติบัณฑิต สมัยที่ 66 ตอนหนึ่งว่านักกฎหมายที่ดีควรยึดมั่นหลักจริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและทำงานเพื่อส่วนรวม ควรปฏิบัติภารกิจด้วยความชอบธรรม และนำความรู้ด้านกฎหมายมาช่วยเหลือสังคมเต็มที่ เนติบัณฑิตต้องไม่ละทิ้งอุดมการณ์และความชอบธรรมเพื่อแลกกับอำนาจและตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ขณะเดียวกันกฎหมายมีความหลากหลายต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้รอบด้านเพื่อพัฒนาศักยภาพตนเอง จะได้นำความรู้มาสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป
นายชวน กล่าวต่อว่ากฎหมายมีความสำคัญสำหรับประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เพราะทุกคนต้องเคารพกฎกติกาบ้านเมืองที่ยึดหลักนิติธรรมและความยุติธรรม ประเทศจึงจะสงบสุขอย่างแท้จริง บทบาทของนักกฎหมายจึงมีผลต่อการปกครองประเทศ "ถ้าผู้รักษากฎหมายของบ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมาย วันนี้ก็จะไม่มีการยึดอำนาจจากฝ่ายทหารหรือมีผู้เสียชีวิต" นายชวนกล่าว
เรืองไกรหนุนคสช.ยืดแวต 7%
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว.กทม. ระบุว่าการที่คสช.ประกาศลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 6.3 ไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.58 จากนั้นจะเพิ่มเป็นร้อยละ 9 อาจถูกมองจากประชาชนว่าเป็นเพียงสโลแกน ไม่ต่างจากคำหวานที่ทุกรัฐบาลมักหาเสียงว่า เรื่องนี้ต้องชมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. ที่ออกคำสั่งดังกล่าว พล.อ. ประยุทธ์ทำถูกเพราะการต่อพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 549) พ.ศ.2555 จะหมดอายุวันที่ 30 ก.ย.นี้ หากไม่ต่อพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จะต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ทั้งนี้ในภาษากฎหมาย ร้อยละ 7 นั้น เขาเรียกร้อยละ 6.3 บวกภาษีท้องถิ่นอีกร้อยละ 0.7 ดังนั้นการที่น.ส.รสนาแสดงความเห็นต่อพล.อ.ประยุทธ์ว่าการลดภาษีเป็นการทำประชานิยมนั้นไม่ถูกต้อง เพราะร้อยละ 6.3 เป็นของเดิมที่ใช้อยู่แล้ว อยากให้น.ส.รสนาไปอ่านประมวลรัษฎากรมาตรา 80 ให้ชัดเจน เรื่องนี้พล.อ. ประยุทธ์ทำถูกต้องแล้ว เพราะทำต่อๆ กันมาตั้งแต่ปี 2535 คนแสดงความเห็นอาจไม่เข้าใจเรื่องประมวลรัษฎากร เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่
จี้รสนาขอโทษบิ๊กตู่
"ผมอยากให้น.ส.รสนาไปอ่านพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรฯ ตามที่อยู่ในประกาศก่อน แล้วอ่านประมวลรัษฎากรมาตรา 80 และสุดท้ายควรไปขอโทษพล.อ.ประยุทธ์ว่าดิฉันเข้าใจผิด ซึ่งเรื่องนี้น.ส.รสนาเข้าใจผิดมาก เพราะเป็นการต่ออายุตามปกติ และคำว่าร้อยละ 6.3 ไม่ได้ลดจากร้อยละ 7 เหลือร้อยละ 6.3 แต่ฐานเดิมคือร้อยละ 6.3 บวกกับภาษีท้องถิ่นอีก 0.7 ดังนั้นน.ส.รสนาควรไปขอโทษพล.อ.ประยุทธ์ที่เข้าใจผิดเรื่องดังกล่าว" นายเรืองไกรกล่าว
ปณิธานจับตาธรรมนูญชั่วคราว
นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่คสช. เตรียมพิจารณาเพื่อออกกฎหมายตรวจสอบทางการเงินแบบเข้มข้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นว่า โดยพื้นฐานผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเชื่อว่าการปฏิบัติตามการบังคับใช้กฎหมายถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินช่วยระงับยับยั้งการทุจริตคอร์รัปชั่นได้พอสมควร แต่หากจะปรับปรุงกฎหมายใหม่เพื่อปิดช่องว่างเรื่องผลประ โยชน์ทับซ้อน การทุจริตเชิงนโยบาย ถือเป็นเรื่องดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการ 2 อย่างควบคู่กัน คือทั้งบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพและการออกกฎหมายใหม่เพื่อปิดช่องว่างการทุจริต เดิมมีการบังคับใช้กฎหมายและเมื่อ คสช.เข้ามาดำเนินการอย่างเข้มข้นก็สามารถแก้ไขปัญหาได้หลายเรื่อง อาทิ เรื่องการจัดระเบียบด้านต่างๆ อย่างไรก็ตามเห็นว่าขณะนี้มีการให้อำนาจฝ่ายข้าราชการเข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆ ทางการเมืองมากขึ้น อาจต้องพิจารณาว่ามีกฎระเบียบอะไรที่จะดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในส่วนนี้ ไม่ให้เกิดผลกระทบด้านการทุจริตคอร์รัปชั่นได้เช่นกัน
นายปณิธาน กล่าวถึงธรรมนูญปกครองชั่วคราวว่า เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายกำลังจับตารออยู่ แต่เชื่อว่าโดยหลักคงไม่แตกต่างจากที่หลายคนคาดการณ์ ที่คงให้อำนาจกับฝ่ายข้าราชการประจำชัดเจนมากขึ้นและให้การปฏิบัติตามกฎหมายในช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างชัดเจน และใครจะมีอำนาจสูงสุดถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องติดตาม
หนุนคสช.ปรับโครงสร้างตร.
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การปรับปรุงตึกนารีสโมสร ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยวันเดียวกันนี้มีคนงานของบริษัทรับเหมาที่ได้รับการว่าจ้างจากกรมยุทธโยธาทหารบกมาดำเนินการปรับปรุงด้วยการรื้อโครงเหล็กและแผ่นกระจกกั้นห้องทำงานเดิมของคณะรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโครงเหล็กที่เป็นซุ้มประตูหน้าห้องโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การรื้อถอนเป็นไปด้วยความระมัดระวัง พร้อมกับใช้แผ่นพลาสติกปิดคลุมผ้าม่านในห้องเพื่อป้องกันไม่ให้เปื้อนฝุ่นละออง การดำเนินการปรับปรุง ตึกนารีสโมสรในวันเดียวกันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพราะในช่วงเช้ามีการจุดธูปไหว้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางก่อนดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการรื้อโครงกั้นห้องเสร็จสิ้นจะมีการรื้อตู้เก็บของที่ติดตั้งในห้องทำงานของคณะโฆษกฯออกไปเพื่อให้ห้องกว้างและโล่งมากขึ้น ก่อนทาสีใหม่ ปูพรม เปลี่ยนผ้าม่าน จากนั้นจึงจะนำชุดรับรองแขกที่เป็นชุดเดียวกับที่ใช้ในห้องรับรองต่างๆ บนตึกไทยคู่ฟ้า เช่น ห้องสีม่วง ห้องสีงาช้าง โดยเป็นชุดเฟอร์นิเจอร์เดิมที่ทำเนียบรัฐบาลมีไว้ใช้อยู่แล้วมาตั้งในห้องรับรองแขกรัฐบาลภายในตึกนารีสโมสร
ขณะที่ห้องโถงสำหรับการแถลงข่าวนั้นจะปลี่ยนเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปี 2532 ทำเวทีและแท่นตั้งกล้องของสื่อมวลชนใหม่ เปลี่ยนผ้าม่านที่ฉากหลังบนเวที ปรับปรุงสีห้อง ก่อนรื้อปูพรมใหม่เป็นขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมยุทธโยธาทหารบก พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้ามาติดตามการปรับปรุงดังกล่าว พร้อมสำรวจหลายจุดของตึก โดยเจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธาทหารบกยืนยันว่าต้องดำเนินการปรับปรุงให้เสร็จภายใน 2 เดือนตามกำหนด สำหรับสถาปัตยกรรมภายในและนอกตึก ดังกล่าวนั้นทางทำเนียบรัฐบาลจะประสานงานกับกรมศิลปากรดำเนินการต่อไป
สำหรับ ตึกบัญชาการ 2 นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจบริเวณชั้น 1-3 พบว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักโฆษกสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเก็บข้าวของย้ายไปยังที่ทำงานชั่วคราวในตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือตึกแดงหมดแล้ว ขณะที่ชั้น 4 และ 5 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นห้องทำงานเดิมของที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ยังไม่มีการรื้อย้ายสิ่งของออกไป อย่างไรก็ตามยังไม่มีคนงานจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ของตึกนี้
โพลหนุนค่านิยมคสช.รักชาติ
วันที่ 20 ก.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,684 คน ระหว่างวันที่ 15-19 ก.ค. ต่อนโยบายคสช.ที่จะสร้างค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ เพื่อสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง โดย อันดับ "ค่านิยม" ของ คสช. ที่ถูกใจประชาชน อันดับ 1 ได้แก่ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้อยละ 93.56 อันดับ 2 กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ร้อยละ 92.76 อันดับ 3 เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง ร้อยละ 89.48
ส่วนค่านิยมที่ประชาชนเห็นว่าควรทำอย่างเร่งด่วน อันดับ 1 มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้อยละ 84.32 อันดับ 2 กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ร้อยละ 74.46 และอันดับ 3 ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม ร้อยละ 71.45
สำหรับค่านิยมที่ประชาชนเห็นว่าสามารถทำได้เป็นรูปธรรม อันดับ 1 กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ร้อยละ 80.32 อันดับ 2 มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้อยละ 79.70 และอันดับ 3 ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม ร้อยละ 75.11
ส่วนค่านิยมที่ประชาชนเห็นว่ายากต่อการปฏิบัติเป็นรูปธรรม อันดับ 1 มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำหรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักศาสนา ร้อยละ 77.97 อันดับ 2 มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน ร้อยละ 75.15 และอันดับ 3 เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง ร้อยละ 74.64