- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 20 July 2014 12:14
- Hits: 4059
วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8635 ข่าวสดรายวัน
รื้อตึกนารีสโมสร จุดธูปวุ่น ขอขมา-อาถรรพ์! โยธาทหารถึงขนลุกซู่ ปปช.โต้ปู-เปล่ารีบเร่ง บิ๊กจินถกปลัดคค.วันนี้ สรุปโครงสร้างพื้นฐาน
เฮี้ยน - จนท.ทหารเข้ารื้อถอนไม้ภายในตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปรับปรุง ปรากฏว่าได้กลิ่นคล้ายน้ำอบไทยลอยมาเตะจมูก พากันหวาดผวา จนต้องทำพิธีขอขมาให้เป็นไปด้วยความราบรื่น |
ปลัดคมนาคมเข้าชี้แจงความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐานต่อพล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง วันนี้ก่อนเสนอหัวหน้าคสช. "ลูกจ๊อด"คุมเข้มมาเฟียวินจยย. ส่งทหารลุยหาข้อมูล สุ่มตรวจค่าโดยสารแพง ตัดสิทธิ์หากพบใครขายเสื้อวินใหม่ ขนส่งเร่งตรวจสภาพรถตู้ก่อนบังคับใช้กฎหมาย โทษคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน คสช.เพิ่มตำแหน่งเฉพาะตัวรองรับย้าย 2 อธิบดีกระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธาทหารบกผวา เจอกลิ่นน้ำอบคลุ้งขณะรื้อในตึกนารีสโมสร ต้องจุดธูปไหว้ขอขมา โฆษกคสช.แจงประกาศคุมสื่อ แค่รวมเนื้อหาเดิมให้กระชับมากขึ้น แต่เพิ่มบุคคลทั่วไปเข้าไปด้วย ชี้ที่ผ่านมาสื่อ ให้ความร่วมมืออย่างดี ประธานป.ป.ช.โต้วุ่นไม่ได้รวบรัดฟันอาญา"ยิ่งลักษณ์" ย้ำหลักฐานชัด เตรียมแถลง 7 ข้อข้องใจ วันอังคารนี้
"3 บิ๊กคสช."เข้าทบ.ติดตามงาน
วันที่ 19 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการและไม่มีประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงคณะทำงานด้านต่างๆ มีเพียงการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันของกองทัพบกเท่านั้น ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. เดินทางเข้าบก.ทบ.ในช่วงบ่าย เพื่อติดตามการดำเนินการงานด้านๆ ของคสช.ตามปกติ โดยไม่ได้ใช้วันหยุดราชการในการพักผ่อน ส่วน นายทหารระดับสูงของกองทัพบก อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. และพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของคสช. ได้เข้ามาที่บก.ทบ.เช่นกันตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อติดตามงานในส่วนที่รับผิดชอบให้มีความคืบหน้าโดย เร็วที่สุด
มทภ.1ถกจัดระเบียบวินจยย.
ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.1 รอ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมามีการประชุมร่วม 4 ฝ่าย ระหว่าง เจ้าหน้าที่พล.1 รอ. กรมการขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร และกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) โดยมีพล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เป็นประธานการประชุมติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานในการจัดระเบียบวินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อเสนอข้อคิดเห็นที่ควรจะปรับปรุงให้เข้ากับสถาน การณ์และปรับรูปแบบตามที่ คสช.พยายามจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในที่ประชุมกรมการขนส่งทางบกเสนอควรจะเข้มงวดกับ ผู้ขับขี่ในเรื่องความไม่ประมาท ความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมถึงการจัดระเบียบบนทางเท้า ซึ่งกทม.รับไปพิจารณาจัดหาพื้นที่จอดรถให้เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เสนอข้อคิดเห็นถึงสิทธิที่จะได้รับทั้งจากผู้ขับขี่และผู้โดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างโดยสารรถมอเตอร์ไซค์ โดยเชิญผู้ขับขี่มาอบรมให้ความรู้ 300-400 ราย จากเขตพื้นที่ขนส่งทั้งหมด 5 เขตพื้นที่
"ลูกจ๊อด"ขู่ตัดสิทธิ์คนขายเสื้อวิน
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า ส่วนเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ที่หลายฝ่ายห่วงว่าจะมีการซื้อขายกันนั้น ตนขอประกาศว่าจะไม่มีการซื้อขายกันอย่างเด็ดขาด ผู้ขับขี่แต่ละรายจะต้องไม่ซื้อเสื้อวินจากที่หนึ่งที่ใด หากพบว่ามีใครไปหลอกขายเสื้อวินหรือขายสิทธิ์เสื้อวินจะถูกตัดสิทธิ์จากที่ลงทะเบียนไว้ในทันที และจะถูกดำเนินการตามกฎหมายอีกด้วย เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลไม่สามารถซื้อขายสิทธิ์ได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม ซึ่งขณะนี้มีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างลงทะเบียนไว้ 120,000 รายทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเสื้อวินที่คณะกรรม การจัดทำขณะนี้ เป็นเสื้อกั๊กสีส้ม มีแถบสะท้อนแสงได้มาตรฐาน ซึ่งจะแจกให้วันที่ 30 ก.ย.นี้ และจะสิ้นสุดการแจกในเดือน ต.ค. ทั้งนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการผลิต
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงในเรื่องมาเฟียและผู้มีอิทธิพลที่เข้ามารีดสินบนเพราะยังพบในบางพื้นที่ จึงขอให้ผู้ขับขี่แจ้งเบาะแสมายังตน รวมถึงอยากขอร้องหัวหน้าวินในแต่ละวิน หากจะ เรียกเก็บเงินลูกวิน ขอให้เก็บในลักษณะสวัสดิการ เพื่อดูแลคนในวินกันเอง เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าน้ำแข็ง ค่าเก้าอี้พักคอย ซึ่งจะต้องเป็นธรรม โปร่งใส ไม่มากเกินไป ถือเป็นเรื่องสวัสดิการของแต่ละวิน และไม่ทำให้ลูกวินเดือดร้อน เกิดความเป็นธรรม ไม่นำไปส่งให้มาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลที่มารีดไถ หากมีผู้โดยสารร้องเรียนมาถึงคสช.ถึงค่าโดยสารแพงเกินจริง อยากขอร้องว่าอย่าขูดรีดผู้โดยสาร
ส่งทหารสุ่มตรวจมาเฟีย-ค่ารถโหด
"ผมตั้งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารแต่งนอกเครื่องแบบลงทุกพื้นที่ ทุกเขตทั้ง 50 เขต เพื่อตรวจสอบค่าโดยสารว่ายังมีการขูดรีดอีกหรือไม่ โดยจะเรียกรถจากวินหนึ่งไปส่งอีกวินหนึ่ง พร้อมสอบถามรายละเอียดต่างๆ ในลักษณะสุ่มตรวจว่าเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบที่สัญญากับเจ้าหน้าที่ไว้หรือไม่ ซึ่งผู้ขับขี่เองจะไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงสอบถามว่ายัง มีมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลเข้ามารีดไถในวิน อีกหรือไม่ และได้รับความเป็นธรรมจาก เจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามการขับเคลื่อนสู่ระยะที่ 2" พล.ต. อภิรัชต์กล่าว
พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย ทั้งเรื่องใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ ปริมาณ วินรถมอเตอร์ไซค์ โดยเน้นเรื่องความเป็นธรรมที่ประชาชนจะได้รับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช.ที่ต้องการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างแท้จริง
ขนส่งตรวจเข้มสภาพรถตู้
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงตรวจสภาพรถ อาคาร 4 กรมการขนส่งทางบก นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมร่วมกับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เปิดพื้นที่สำนักงานขนส่ง ในวันที่ 19-20 ก.ค.นี้ ให้บริการตรวจสอบรถตู้โดยสารที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือไว้ เพื่อรับสติ๊กเกอร์อนุญาตให้บริการชั่วคราว ก่อนเข้าสู่กระบวนการรับจดทะเบียนต่อไป โดยส่วนกลางนำรถตู้เข้ารับการตรวจสอบได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ พื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรี ส่วนภูมิภาคตรวจสอบที่สำนักงานขนส่งจังหวัด ที่กรมการขนส่งทางบกมอบหมาย
เฮี้ยน - คนงานรื้อถอนไม้ภายในตึกนารีสโมสร ในทำเนียบ เพื่อปรับปรุงปรากฏว่าได้กลิ่นคล้ายน้ำอบไทยลอยมาหวาดผวาไปตามๆ กัน ต้องขอให้ทหารที่ควบคุมงานทำพิธีขอขมาให้เป็นไปด้วยความราบรื่น เมื่อวันที่ 19 ก.ค. |
นายอัฌษไธค์กล่าวว่า รถตู้ที่ผ่านการตรวจสอบต้องเป็นรถที่แจ้งขอรับความช่วยเหลือไว้แล้ว และให้บริการในระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร มีอายุรถไม่เกิน 10 ปี มีสภาพรถมั่นคงแข็งแรง ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน มีการประกันภัยภาคบังคับ รวมถึงผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะตรงตามประเภท ทั้งนี้ คาดว่าจะมีรถตู้มา ลงทะเบียนมากกว่า 1,000 คัน เมื่อ ผู้ประกอบการนำรถตู้มาลงทะเบียนแล้วจะได้รับสติ๊กเกอร์สีส้มและป้ายทะเบียน สีเหลือง ส่วนผู้ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบจะได้รับสติ๊กเกอร์สีส้มไปก่อน จากนั้นจะตรวจสอบข้อมูลและสำรวจความต้องการของประชาชน โดยใช้เวลา 1 เดือน
จับจริงรถตู้เถื่อน-จำคุก 5 ปี
นายอัฌษไธค์กล่าวว่า กรมได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจของผู้ขับรถ อีกทั้งประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ส่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการทำประกันภัย และให้บริการทำประกันภัยประเภทสาธารณะเพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้โดยสาร ขณะที่เจ้าของรถที่ผ่านการอบรมเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถแต่ยังไม่ได้ทำใบอนุญาต ขับรถ เนื่องจากรอตรวจสอบประวัติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)จัดส่งเจ้าหน้าที่มาให้บริการตรวจสอบประวัติผ่านระบบออนไลน์ และสุ่มตรวจยาเสพติดในผู้ขับรถด้วย
นายอัฌษไธค์กล่าวว่า ขอย้ำว่าหลังวันที่ 21 ก.ค.เป็นต้นไป จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รถตู้โดยสารส่วนบุคคลที่วิ่งรับจ้างประจำทางโดยมิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายและที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที โทษ จำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับรถตู้ที่ได้รับสติ๊กเกอร์มีการฝ่าฝืนกฎหมาย กฎจราจร ให้บริการนอกเส้นทางหรือเกินระยะที่กำหนด หรือเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และถูกถอนออกจากบัญชีขอรับความช่วยเหลือทันที หากพบรถตู้โดยสารผิดกฎหมาย ไม่ได้รับความเป็นธรรม แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ตั้ง"ดวงพร-จินตนา"อธิบดีพณ.
เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. ออกคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 95/2557 เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง โดย 1.ให้กำหนดตำแหน่งข้าราชการเพิ่มขึ้นในส่วนราชการดังนี้ (1) ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง (2) ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ในกระทรวงพาณิชย์ 1 ตำแหน่ง
2.ให้นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ พ้นจากอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ เป็นพิเศษเฉพาะราย 3.ให้นายสมชาติ สร้อยทอง พ้นจากอธิบดีกรมการค้าภายใน และให้เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์เป็นพิเศษเฉพาะราย
4.ให้นางดวงพร รอดพยาธิ์ พ้นจากที่ปรึกษาการพาณิชย์ ไปเป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 5.ให้นางจินตนา ชัยยวรรณา การ พ้นจากรองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ไปเป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน
6.ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้นปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป 7.ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนสำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วน โดยจัด ให้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่เดิม 8.เมื่อมีการตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งตาม คำสั่งนี้ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 9.เมื่อไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตาม ข้อ 2 และ 3 ให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
แก้ทางตัน-เพิ่ม 2 ผู้ตรวจฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายสุรศักดิ์ และนายสมชาติ ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และตั้งนางดวงพรมาเป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนางจินตนาเป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน แต่สาเหตุที่ คสช.ต้องออกประกาศและตั้งตำแหน่งเพิ่มเติมขึ้นมา 2 ตำแหน่งข้างต้น เนื่องจากขณะนี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 10 เทียบเท่าตำแหน่งอธิบดีมีจำนวนเต็มตามอัตราบรรจุแล้ว จึงจำเป็นต้องตั้งเพิ่มเพื่อรองรับตำแหน่งให้กับนายสุรศักดิ์และนายสมชาติ
คสช.แจงคำสั่งคุมสื่อแค่ของเดิม
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. ชี้แจงกรณีประกาศ คสช. ฉบับที่ 97 เรื่องการให้ความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชน ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคสช.ว่า ประกาศฉบับนี้เป็นการรวมคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 14 และ18 เดิมที่ระบุไปที่สื่อเป็นหลัก ฉบับนี้จึงนำเนื้อหามารวมเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้กระชับมากขึ้นเท่านั้น สำหรับสื่อคงไม่มีมาตรการใดที่เปลี่ยนหรือมีเพิ่มเติมจากที่เคยขอความร่วมมือไว้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมาของฉบับของนี้คือ มีความหมายรวมถึงบุคคลทั่วไปด้วย
ลานหินโค้ง - พระสุเทพ ปภากโร ออกนั่งที่ลานหินโค้งร่วมกับพระภิกษุวัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมสาธิตการตักบาตรแบบโบราณ โดยมีประชาชนมาร่วมทำบุญกว่า 300 คน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. |
สมาคมนักข่าวฯห่วงถูกปิดกั้น
นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการหารือกับองค์กรวิชาชีพสื่อเบื้องต้นได้แสดงความกังวล ห่วงใยต่อเนื้อหาในประกาศคสช. ฉบับที่ 97/2557 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เกิดความสับสน ไม่เข้าใจวิธีทำงานและนำเสนอข่าวสารของสื่อ
นายประดิษฐ์กล่าวว่า ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนถือเป็นภารกิจเช่นกันในการคืนความสุขให้ประชาชน ไม่ตอกย้ำหรือสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาสื่อส่วนใหญ่ระมัดระวังในการทำงาน ภายใต้กรอบกติกาและจริยธรรมของวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ซึ่งการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่จะสร้างความเข้าใจและยอมรับจากสังคมอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องยืนอยู่บนหลักการเสนอข่าวที่ยึดถือข้อเท็จจริง ถูกต้องแม่นยำและครบถ้วน หากสื่อใดกระทำผิดหน้าที่นี้ คสช.ก็ชอบที่จะสั่งดำเนินการหรือใช้กฎหมายปกติที่มีอยู่จัดการได้อยู่แล้ว
นัดหารือผู้บริหารสัปดาห์หน้า
นายประดิษฐ์กล่าวว่า สมาคมห่วงว่า การกำหนดให้บุคคลมีอำนาจอย่างกว้างขวางในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนั้น อาจส่งผลให้บุคคลใช้อำนาจจนเกินสมควรแก่เหตุ เช่น การห้ามวิจารณ์การปฏิบัติงานของ คสช. เจ้าหน้าที่ของ คสช.และบุคคลที่เกี่ยวข้อง แค่ไหน เพียงใด จึงจะถือว่าเป็นการวิจารณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อคสช. รวมทั้งข้อความในข้อ 5 ที่ระบุว่า กรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 2 หรือ ข้อ 3 ให้ระงับการจำหน่าย จ่าย แจกหรือเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการออกอากาศของรายการดังกล่าวโดยทันที และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดความผิดฐานนั้นดำเนินการตามกฎหมายนั้น ไม่ชัดเจนว่าจะมีคำเตือนก่อนหรือมีขั้นตอนอย่างไร หรือมีแนวทางวินิจฉัยความผิดอย่างไร หากมีการใช้อำนาจเกินสมควรแก่เหตุและไม่มีกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจ ผลเสียในการใช้อำนาจจะมีมากกว่า ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า สมาคมจะเชิญผู้บริหารสื่อ ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ มาหารือกันว่าจะหาทางออกร่วมกันในเรื่องนี้อย่างไร
"บิ๊กจิน"ถกโครงสร้างคมนาคม
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ในช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ค. นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมจะเข้าหารือกับพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ ที่กองทัพอากาศ เพื่อรายงานข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์และข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงสร้าง พื้นฐาน เพื่อรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในการประชุม คสช.ชุดใหญ่ในวันที่ 22 ก.ค.นี้
ป.ป.ช.แจงไม่ได้รีบปิดคดี"ปู"
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงระบุ ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรม เร่งรีบรวบรัดลงมติชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าวว่า ยืนยันว่าป.ป.ช.พิจารณาตัดสินคดีตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ ทุกอย่างทำตามพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน ใช้เวลาพิจารณานานพอสมควร ไม่ได้เร่งรีบ รวบรัด หรือสองมาตรฐานตามข้อสังเกตของ อดีตนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุป.ป.ช. ฟังความข้างเดียว ไม่รับฟังพยานของฝ่าย ผู้ถูกกล่าวหาเพิ่ม นายปานเทพกล่าวว่า เหตุผลที่ป.ป.ช.ตัดพยานบางส่วนของน.ส. ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นพยานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ป.ป.ช.ไต่สวน ยืนยันว่าป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่แล้ว คาดว่าอีก 2 สัปดาห์จะส่งสำนวน ให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาว่าจะมีความเห็นส่งฟ้องหรือไม่ หาก อสส.มีความเห็นแย้งกับป.ป.ช. ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง อสส.กับป.ป.ช.ขึ้นมาพิจารณาสำนวนอีกครั้ง
เล็งออกหนังสือโต้ 7 ข้อข้องใจ
นายปานเทพกล่าวว่า ป.ป.ช.คงไม่ประสานกับ อสส.เพื่อร้องขอไม่ให้น.ส. ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกประเทศ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของป.ป.ช. แต่เป็นหน้าที่ของ อสส.จะพิจารณา ซึ่งขณะนี้การทำงานของ ป.ป.ช.ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว
ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า ตนยังไม่สามารถชี้แจงอะไรได้ เพราะเกรงจะเป็น การโต้ตอบกันไปมา สร้างความแตกแยก จนขัดต่อนโยบายของคสช. ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยชี้แจงสิ่งที่อดีตนายกฯ ตั้งข้อสังเกตไปแล้วหลายรอบ ครั้งนี้จะทำรายงานเสนอที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ที่จะประชุมวันที่ 22 ก.ค.นี้ เพื่อรายงานให้ทราบถึงเนื้อหาที่น.ส.ยิ่งลักษณ์โต้แย้งการตัดสินคดีรับจำนำข้าวของป.ป.ช. ทั้ง 7 ข้อ ให้ที่ประชุมเห็นชอบออกเอกสารข่าวชี้แจงการตั้งข้อสังเกตดังกล่าว เพื่อทำ ความเข้าใจต่อสาธารณชนต่อไป
"ปนัดดา"สอบข้าวนครสวรรค์
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ จ.นครสวรรค์ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพคงเหลือ ของรัฐ พล.ต.พิเชฐ สุขพงศ์พิสิฐ ผบ.มทบ.31 ในฐานะ ผบ.กกล.รส.มทบ.31 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ รองผู้ว่าฯ นครสวรรค์ และคณะร่วมตรวจสอบปริมาณและคุณภาพคงเหลือของรัฐ ที่คลังสินค้ากลาง บจก.เกียรติเทรดดิ้ง หลังที่ 3C เลขที่ 29 หมู่ 8 ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ และรายงานผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว ของคลังสินค้าวุฒิชัยทราน สปอต (หลัง 1) ต.ยางตาล อ.โกรกพระ ทั้งนี้ ไม่พบการทุจริตใดๆ
วุฒิฯชงปลดล็อกสรรหาผู้ว่าการสตง.
ที่รัฐสภา นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยว่า ในฐานะที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับมอบหมายตามประกาศ คสช.ให้ดำเนินการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) นั้น ทางสำนักงานมีหนังสือเชิญให้กรรมการสรรหาทั้ง 2 ชุดมาร่วมประชุมนัดแรก เพื่อวางกรอบการทำงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค. แต่กรรมการสรรหาติดภารกิจ ต้องเลื่อนประชุมออกไป ซึ่งทางสำนักงานต้องรอการตอบรับของกรรมการสรรหาว่าจะพร้อมประชุมเมื่อไร หากตอบรับมาก็ประชุมได้ทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุแท้จริงของการเลื่อนประชุมสรรหาผู้ว่าการ สตง. และคตง. เนื่องจากมีปัญหาเรื่ององค์ประกอบ โดยกรรมการสรรหาที่มีปัญหาด้านข้อกฎหมายคือตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรม นูญที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งและยังไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจแต่งตั้งไว้ รวมถึงไม่มีบทบัญญัติใดรองรับว่าในกรณีไม่มีกรรมการในตำแหน่งใดหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการสรรหาเท่าที่เหลืออยู่ดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น กรรมการสรรหาจึงไม่สามารถประชุมได้ ซึ่งสำนักงานมีหนังสือไปยัง คสช.ให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเสนอให้ยกเว้นให้กรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่สามารถดำเนินการสรรหาได้ แต่จนขณะนี้ คสช.ก็ยังไม่ได้ตอบรับ จึงต้องเลื่อนการประชุมออกไปก่อน
ทั้งนี้ สำนักงานมีหนังสือถึงกรรมการสรรหาให้มาร่วมประชุมนัดแรกวันที่ 31 ก.ค. ระหว่างนี้คาดว่า คสช.น่าจะมีแนวทางการแก้ปัญหาให้ หรือเป็นไปได้ว่าช่วงนี้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาและกำหนดให้กรรมการสรรหาทำงานได้เท่าที่มีอยู่ ก็จะประชุมนัดแรกได้เลย ไม่ต้องรอแนวทางจากคสช.
พร้อมรับมือสนช.-สภาปฏิรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าในการรองรับการดำเนินงานให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ ของรัฐสภานั้น ทางรัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ขณะนี้ทั้งวุฒิสภาและสภามีความพร้อม ซึ่งชัดเจนแล้วว่าสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จะทำหน้าที่ดูแล สนช. ส่วนสำนักงานเลขาธิการสภาจะรับผิดชอบงานของสภาปฏิรูป ทั้งการเตรียมข้อบังคับการประชุม สนช. ยกร่างกฎหมาย เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของทั้ง 2 สภา การรวมข้อมูลเกี่ยว กับร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ในวาระการประชุมของสภาก่อนยุบสภาทั้งหมดให้คสช. การประชุมเจ้าหน้าที่ การเตรียมสถานที่ทำงานของ สนช.และสภาปฏิรูป นอกจากนี้ยังเตรียมงานรัฐพิธีเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อ ให้สมาชิกมาประชุมเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ คณะกรรมการจะมีการประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
คนแห่ตักบาตรพระสุเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานหินโค้ง วัดสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นวันที่ 4 ที่พระปภากโร หรือพระ สุเทพ เทือกสุบรรณ มาจำพรรษาที่วัดสวนโมกข์ ได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชนกว่า 300 คนทั้งใน จ.สุราษฎร์ธานี และจังหวัดใกล้เคียง มาทำบุญตักบาตรจำนวนมาก บางกลุ่มเช่ารถทัวร์มาเป็นคณะ เตรียมอาหาร น้ำดื่มมาร่วมตักบาตรพระสุเทพ โดยมีพล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นายเชน เทือกสุบรรณ นายธานี เทือกสุบรรณ มาร่วมตักบาตรสาธิตตามแบบโบราณด้วย
พระปภากโร หรือพระสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะพูดมากเพราะพูดมามากแล้วตอนเป็นฆราวาส ตอนนี้จะทำใจให้สงบและตั้งใจปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา และได้ขอบคุณญาติโยมทุกคนที่ร่วมเดินทางมาทำบุญในครั้งนี้
ผวารื้อตึกนารีฯ-กลิ่นน้ำอบคลุ้ง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธาทหารบกเริ่มเข้าปฏิบัติงานปรับปรุงตึกนารีสโมสร อาคาร สถานที่ และ ภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่รื้อพื้นภายในตัวอาคารของตึกนารีสโมสร พบความเสียหายจากปลวกจำนวนมาก เนื่องจากโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นไม้และมีอายุการใช้งานมานาน โดยหลังรื้อภายในตึกเสร็จจะให้พนักงานนำยาฉีดพ่นกำจัดปลวกทั่วทั้งตัวอาคาร จากนั้นในสัปดาห์หน้าจะเริ่มขั้นตอนต่อไป อาทิ สีที่จะต้องทาภายในใหม่ รวมถึงการตกแต่งภายใน เช่น สีภายในห้อง ผ้าม่าน โดยการปรับปรุง ครั้งใหม่นี้จะเน้นความสง่างาม ด้านนอกจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอาคารและสี เนื่องจากเป็นอาคารที่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร จึงคงไว้แบบเดิมทั้งหมด คาดว่าจะปรับการภูมิทัศน์และซ่อมแซมอาคารภายในทำเนียบรัฐบาลเสร็จก่อนในวันที่ 15 ก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการรื้อโครงสร้างภายใน ปรากฏว่าได้เกิดเหตุไม่คาด ฝันขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกรมยุทธโยธาทหารบกกำลังเก็บของอยู่บริเวณห้องด้านหลังศูนย์แถลงข่าว หรือตึกพระอาทิตย์ ได้ร้องตะโกนเสียงดังให้คนเข้ามาช่วย เมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ วิ่งเข้าไปพบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนหน้าซีด ตกใจกลัวอย่างมาก โดยเปิดเผยว่า ขณะเก็บของอยู่ ได้กลิ่นน้ำอบไทยโบราณคละคลุ้งมาก ทำให้กลัวถึงกับขนลุกเพราะทราบว่าหลายคนเคยเจอเรื่องอาถรรพ์ที่ตึกนารีฯ ทางเจ้าหน้าที่กองโฆษกฯ จึงสอบถามว่าได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือยัง เมื่อทราบว่ายัง จึงพากันไปจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน และกล่าวขอขมาว่าจะขอรื้อถอนเพื่อปรับปรุงให้ตึกสวยงามมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจุดธูปขอขมาและบอกกล่าวแล้วได้กลับมาทำงานตามปกติ โดยไม่ได้กลิ่นน้ำอบไทยโบราณอีกเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเรื่องเล่าต่อกันมาในหมู่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ถึงอาถรรพ์ของตึกนารีสโมสร ว่าหากมีใครคิดหรือกระทำการลบหลู่มักจะพบกับสิ่งลี้ลับ เช่น เคยมีเจ้าหน้าที่ทำงานเวรดึก เห็นเงาสะท้อนในกระจกเป็นชายร่างใหญ่กำยำมีหนวด แต่งกายนุ่งผ้าแดงไม่สวมเสื้อ บางคนเห็นชายร่างใหญ่เช่นกันแต่งกายสะอาดสะอ้าน สวมชุดทรงพระราชทานสีขาวและนุ่งผ้า บางคนเห็นผู้หญิงสวมชุดไทยแต่ไม่มีศีรษะ หรือได้ยินทั้งเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และเสียงคนกำลังควบม้า