ลุยตั้ง'ผบ.ตร.-ผบ.4 ทัพ'จบใน 15 กย. จัดแถวบิ๊กทหาร-ตำรวจ วัชรพลรับมีคนในใจแล้ว'สุเทพ'ซุ่มบวชสุราษฎร์ คสช.คลอดเกณฑ์อปท. ใช้'สรรหา'แทนเลือกตั้ง ล่าอีก 3 ร่วมทีมยิงเอ็ม79

 

มือยิงเอ็ม79 - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำ 4 ผู้ต้องหามาทำแผนยิงเอ็ม 79 จากสะพานข้ามแยกประตูน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.บริเวณหน้าบิ๊กซีราชดำริ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม

 

รอรัฐบาลใหม่ - เจ้าหน้าที่ตัดแต่งต้นไม้บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อปรับแต่งภูมิทัศน์รอบๆ ทำเนียบรัฐบาล เตรียมต้อนรับรัฐบาลชุดใหม่ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม

มติชนออนไลน์ :

       บิ๊ก ตร.ขานรับคำสั่ง คสช.ปรับโครงสร้าง 'วัชรพล'เตรียมชงชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่สิ้น ก.ค. แย้มมี พล.ต.อ.อยู่ในใจแล้ว 'เอก'ชี้'ประยุทธ์'มีวิสัยทัศน์กล้าหาญ กปปส.ซัดผูกขาดอำนาจ

@ ทหารเข้าปรับห้องสื่อทำเนียบ

      เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ทหารจากกรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) ทยอยเข้ามาเริ่มปฏิบัติการปรับปรุงอาคารสถานที่ และทัศนียภาพภายในทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะที่ตึกนารีสโมสร ห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 หรือรังนกกระจอก ตึกบัญชาการ 2 เจ้าหน้าที่ทหารรายหนึ่งเปิดเผยว่า กรมยุทธโยธาทหารได้รับมอบหมายให้เข้ามามีส่วนรับผิดชอบในการปรับปรุงพื้นที่ 3 อาคาร ในส่วนของศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสรนั้น จะดำเนินการปรับปรุงพื้นที่เฉพาะภายในตัวตึกเพื่อเป็นห้องรับรองแขกของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาฯ รวมไปถึงแขกต่างประเทศที่จะเดินทางมาเยือนและเข้าพบปะหารือ แต่จะไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตัวภายนอกตึกนารีสโมสร เพราะมีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมดูแลอยู่

      "ตึกนารีสโมสรไม่เหมาะที่จะเป็นออฟฟิศหรือห้องทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ โดยจะย้ายศูนย์แถลงข่าวของทำเนียบรัฐบาลไปอยู่ที่ตึกบัญชาการ 2 แทนทั้งหมด โดยจะปรับปรุงตึกบัญชาการ 2 ให้เป็นศูนย์แถลงข่าว มีห้องรับรองสื่อมวลชนอยู่ภายในตึกเดียวกัน สำหรับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ จะให้ทยอยขนออกจากตึกนารีสโมสร ส่วนจะไปอยู่ที่ใดนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดหาสถานที่เพื่อให้เกิดความเหมาะสม" เจ้าหน้าที่ทหารกล่าว และว่า ในส่วนรังนกกระจอกจะไม่มีรื้อหรือทุบทิ้ง เพียงแต่จะปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เป็นเรือนรับรอง เนื่องจากอยู่ติดกับตึกนารีสโมสร จะย้ายผู้สื่อข่าวที่ประจำอยู่ที่รังนกกระจอกไปอยู่รวมกันที่ห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 2 บริเวณประตู 1 แทน

@ ติดโถฉี่ผู้ชายห้องนายกฯ 

       รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นที่ตั้งห้องทำงานนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทางทหารจากกรมโยธาธิการทหารบก เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจภายใน ได้ปรับเปลี่ยนในหลายส่วน ทั้งผ้าบุโซฟา และเก้าอี้ภายในห้องรับรองต่างๆ ได้แก่ ห้องสีงาช้าง ห้องเขียว และห้องม่วง เพื่อให้สีของที่นั่งเป็นไปในโทนเดียวกัน ขณะที่ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนในส่วนของเครื่องสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมด โดยให้นำโถปัสสาวะชายกลับมาติดตั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ถูกถอดออกไปในสมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ 

      รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับงบประมาณในการปรับปรุงภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลประเมินเบื้องต้นไว้มากกว่า 200 ล้านบาท จากที่ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 300 ล้านบาท ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557

@ เจ้ากรมปัดรื้อห้องสื่อทำเนียบ 

       พล.ต.วิวรรธน์ สุชาติ เจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะการปรับปรุงและย้ายสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ทหารและคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้ยุ่งแต่อย่างใด การปรับปรุงครั้งนี้เป็นการเสนอแผนงานโดยเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาล หรือซึ่งเป็นแผนงานเดิม และได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษแล้ว ได้มีข้อตกลงว่า พล.ต.อ.อดุลย์จะเป็นผู้ให้ข่าวเพียงคนเดียว ขอยืนยันอีกครั้งว่าทหาร และ คสช.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่มีข่าวแต่อย่างใด

@ บิ๊กอู๋ย้ำไม่มีย้ายรังนกกระจอก

       พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวกรณีการปรับปรุงอาคารสถานที่โดยเฉพาะห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 หรือรังนกกระจอกว่า เป็นเพียงแผนที่หารือเนื่องจากทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ปรับปรุงมาตั้งแต่ปี 2545 หรือประมาณ 12 ปี ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีแผนการดำเนินการเดิมไว้อยู่แล้ว โดยจะมีการปรับในจุดที่ต้องมีการปฏิบัติงานทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกบัญชาการ 1 ตึกบัญชาการ 2 ตึกนารีสโมสร บ้านพิษณุโลก และบ้านมนังคศิลา

      "ส่วนกระแสข่าวที่จะย้ายผู้สื่อข่าวไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้ทำงานที่รังนกกระจอกนั้น เป็นเพียงแนวคิด แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ เบื้องต้นที่คุยกันต้องการที่จะให้สภาพและภูมิทัศน์ทั้งหมดดูดี ยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะรื้อรังนกกระจอก ไม่มีความคิดที่จะย้ายผู้สื่อข่าวที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ให้ออกไป" พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว

@ ปัดย้ายนักข่าวหวั่นข่าวรั่ว 

       ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท ในการปรับปรุงอาคารสถานที่และภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ชั้นต้นมอบหมายให้หน่วยงานของข้าราชการ ประกอบด้วย กรมยุทธโยธาทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) กรมศิลปากร ไปประมาณการตัวเลขงบประมาณ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป แต่ตามแผนเดิมมีการประมาณการจำนวนงบประมาณไว้จำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ เน้นย้ำในหลักการว่าพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอแผนงานกลับโดยมีเป้าหมายให้เร็วที่สุด เพื่อรับรัฐบาลชุดใหม่

      "ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายผู้สื่อข่าวออกไปเพราะความลับรัฐบาลใหม่จะรั่วไหลนั้นไม่เป็นความจริงเพียงแต่ในที่ประชุมเห็นว่าเมื่อปรับปรุงตึกบัญชาการ 2 ให้เป็นศูนย์แถลงข่าวและที่ทำงานของทีมโฆษกจึงต้องการให้ทำเป็นระบบเดียวกัน การย้ายที่ทำงานของผู้สื่อข่าวจึงไม่เป็นความจริง ทั้งหมดที่ประชุมการปรับปรุงอาคารสถานที่มา 2 ครั้งนั้น เป็นเพียงเรื่องของแนวความคิด การปฏิบัติที่ให้หน่วยงานไปพิจารณาแต่ยังไม่ได้ข้อยุติใดๆ" พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว

@ บิ๊กตู่ย้ำแค่ปรับปรุงให้สวยงาม 

      ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม คสช.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นประธาน ได้กล่าวในที่ประชุมถึงกระแสข่าวการรื้อห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 หรือรังนกกระจอก ภายในทำเนียบรัฐบาลนั้นจะไม่มีการรื้อรังนกกระจอก แต่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลทำความสะอาดปรับปรุงทาสีให้สวยงาม ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดในที่ประชุม

      "การปรับปรุงอาคารสถานที่ในทำเนียบรัฐบาลที่มีข่าวว่าจะใช้งบประมาณถึง 300 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงตัวเลขลอยๆ เพราะขณะนี้แบบแปลนรายละเอียดต่างๆ ยังไม่ชัดเจน ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงต้องหารือกันและประชุมจนกว่าจะได้ข้อสรุป" ม.ล.ปนัดดากล่าว เมื่อถามว่า ไม่รื้อรังนกกระจอกแต่จะย้ายแทนใช่หรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่มีการย้ายพื้นที่ ต้องการให้เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อไป

      เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์สอบถามถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า การซ่อมแซมทำเนียบและเรื่องงบประมาณที่ใช้ซ่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายช่วงรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ข้อยุติอาจจะสืบเนื่องเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ในสมัยนี้ พล.อ.ประยุทธ์ขอเพียงให้ประหยัด ไม่ขัดหลักโบราณสถาน เพราะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกบัญชาการ มีความสำคัญถือว่าเป็นเอกลักษณ์ชาติ จึงขอให้ขบคิดในระดับเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อยก่อนนำเสนอ

@ 40 ส.ว.เชื่อไม่ตกขบวน สนช. 

      พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึง คสช.เตรียมทาบทามวุฒิสภาไปดำรงตำแหน่ง สนช.ว่า ยังไม่ได้รับการประสานเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ร่วมทั้งจากการหารือกลุ่มเพื่อน 40 ส.ว.เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาก็ไม่มีใครได้รับทราบ ทั้งนี้ ในความเห็นส่วนตัว คิดว่า คสช.คงยังมีเวลาที่จะประสานบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ แต่อาจจะประสานช่วงหลังประกาศใช้ธรรมนูญชั่วคราวให้เสร็จสิ้นก่อน คิดว่า คสช.ก็คงมีรายชื่ออยู่ในใจแล้ว หรือเพียงขั้นตอนแบ่งสายไปประสานบุคคลต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่เท่านั้น 

      "การแต่งตั้ง สนช.จะต้องมีบุคคลที่เคยเป็นวุฒิสภาเข้าทำหน้าที่ดังกล่าวแน่นอน เพราะถือเป็นประเพณีที่เมื่อรัฐประหารทุกครั้งก็จะเชิญตัวแทนของวุฒิสภาในแต่ละสมัยมาร่วมทำงาน จึงไม่เชื่อว่าจะมีการแหกโผประเพณีโดยไม่เอาอดีต ส.ว.มาร่วมทำงานแน่นอน" พล.อ.อ.วีรวิทกล่าว

@ กฤษฎีกาเผยมีกม.รอคิว80ฉบับ

      นายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แถลงข่าวถึงผลการประชุมขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินของ คสช.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากฎหมายทั้งหมด 7 เรื่อง ซึ่ง 2 เรื่องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณารับหลักการแล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการพิจารณาตรวจสอบก่อนเสนอเรื่องไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป เรื่องที่ 1 คือ ร่าง พ.ร.บ.แรงงานทางทะเล พ.ศ. ... ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.ได้เสนอผ่านฝ่ายกฎหมายกระบวนการยุติธรรมให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการออกกฎหมายฉบับนี้ เรื่องที่ 2 คือ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานฉบับที่ พ.ศ. ... 

       นายดิสทัต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่างพระราชบัญญัติ 4 เรื่องที่เข้าที่ประชุมว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนและสอดคล้องกับนโยบาย คสช.ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยจะนำเข้าการพิจารณาของ สนช.ทันทีที่มีการประกาศใช้ธรรมนูญชั่วคราว ระหว่างนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นผู้รวบรวมร่างกฎหมายทั้งหมดที่ค้างอยู่ในสภากว่า 80 ฉบับ เพื่อจัดลำดับความสำคัญและเร่งด่วน โดยจะทยอยทำเป็นบัญชีเพื่อเข้าสู่ที่ประชุม คสช.โดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้ก็จะนำเสนอเข้าที่ประชุมทุกๆ วันอังคาร แต่ในขณะเดียวกันแต่ละกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ สามารถเสนอร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ และจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม คสช.โดยมีคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเช่นเดียวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในภาวะปกติ

@ ชี้"วัชรพล"เสนอ"ผบ.ตร."ใหม่

      พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวถึงประกาศ คสช.เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติและหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ว่า คำสั่งดังกล่าวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะเป็นผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ แต่ครั้งนี้เนื่องจากตนพ้นมาแล้ว ดังนั้น ผู้ที่มีอำนาจในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ส่วนตัวมีความเห็นว่าโครงสร้างใหม่ก็เป็นเรื่องดีเพราะหน่วยงานแต่ละหน่วยงานจะได้เป็นผู้เสนอว่าใครเหมาะสมควรขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน 

      "ผู้ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่นั้นคือผู้ที่มีลำดับอาวุโสสูงสุดทั้งรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น" พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว

@ วัชรพลบอกต้นส.ค.ได้ผบ.ตร.

       พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า การเปลี่ยนองค์ประกอบ ก.ต.ช. จากเดิมมี กรรมการ 11 คน มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปลัดมหาดไทย ปลัดยุติธรรม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผบ.ตร. กรรมการโดยตำแหน่ง 7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ด้าน 4 คน แต่ในคำสั่งขอ คสช.ปรับองค์ประกอบกรรมการเลือกระดับการเมือง 2 คน คือ นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย คาดว่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลตำรวจและเป็นประธาน ก.ตร.หรือไม่ แต่ฝ่ายการเมืองจากเดิมมี 3 คน เหลือเพียง 2 คน 

      "ส่วนกรรมการโดยตำแหน่ง จะเพิ่มปลัดกระทรวงกลาโหมและผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาจากภารกิจเพราะงานของตำรวจเป็นงานด้านความมั่นคง การให้ปลัดกระทรวงกลาโหมเข้ามา เพื่อทำให้มิติของงานในด้านความมั่นคง ตรงกับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเสนอ" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว และว่า คำสั่งที่ คสช.ได้แก้ไขว่า การเสนอ ผบ.ตร.คนต่อไปนั้น ให้ ผบ.ตร. คนปัจจุบันเป็นคนเสนอ รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ปีนี้จะเหลือแคนดิเดต 5 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ โดย ตนในฐานะ รรท.ผบ.ตร.จะทำหน้าที่เลือก 1 ใน 5 เพื่อเสนอให้ ก.ต.ช.เห็นชอบ ซึ่งขณะนี้มีชื่ออยู่ในใจแล้ว ส่วนคุณสมบัติจะนำมาพิจารณาเป็นไปตามมาตรา 57 ทั้งนี้ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมจะต้องพิจารณา ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว (อ่านรายละเอียดหน้า 2)

      รายงานข่าวแจ้งว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ และระดับรอง ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร., ผู้บัญชาการ (ผบช.), รอง ผบช. และผู้บังคับการ จะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ พร้อมๆ กับการแต่งตั้งนายพลทหารวาระประจำปีนี้เช่นกัน 

@ "เอก"ชม"บิ๊กตู่"มีวิสัยทัศน์

      พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี การให้ ผบ.ตร. เสนอชื่อ ผบ.ตร. คนต่อไป เพราะ ผบ.ตร. เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิด รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ละคนทำงานอย่างไร และเป็นการป้องกันฝ่ายการเมืองเข้ามามีอิทธิพล ตราบใดที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอชื่อ ผบ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะไม่พัฒนา ถือว่าหัวหน้า คสช. มีวิสัยทัศน์กล้าหาญให้ ผบ.ตร.เป็นคนเสนอ มั่นใจว่าองค์กรจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น 

      "มั่นใจว่า การปฏิรูปตำรวจจะประสบความสำเร็จ ตำรวจมีความสำคัญในการดูแลความสงบเรียบร้อยการดูแลทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ที่ผ่านมาถูกแทรกแซงจากอำนาจทางการเมือง คำสั่งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการพิจารณาแต่งตั้ง และพิจารณาหลักอาวุโสอย่างชัดเจน เป็นการเริ่มต้นในการปรับปรุงพัฒนาเพื่อเป็นตำรวจของประชาชน ดูแล ทุกข์สุขของประชาชน" พล.ต.อ.เอกกล่าว

@ "บิ๊กอ๊อด"ชี้ลูกน้องเห็นนายสำคัญ

      พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงคำสั่ง คสช. ที่ปรับโครงสร้าง กตช. ก.ตร. และให้อำนาจ ผบ.ตร.เสนอชื่อ ผบ.ตร.คนต่อไป ว่า หากเป็นแนวคิดของ คสช. ตนมีความคิดคล้ายกับ พล.ต.อ.วัชรพลว่า ต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แข็งแรง และไม่มีการยึดติดกับนักการเมือง เพราะจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นถึงความสำคัญของ ผู้บังคับบัญชามากยิ่งขึ้น 

      "ซึ่งเชื่อว่า คสช.มีที่ปรึกษาและมีความรู้ความสามารถ และคิดดีแล้ว จึงได้มีการประกาศคำสั่งดังกล่าวออกมาบังคับใช้" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

@ "อชิรวิทย์"บอกไม่ใช่เรื่องแปลก

      พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีต รอง ผบ.ตร. ในฐานะ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงกรณี คสช.มีคำสั่งปรับโครงสร้าง ก.ต.ช. และ ก.ตร.ว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตำรวจ เพราะตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ถือว่าไม่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเมืองกลุ่มไหนขึ้นมาคุมอำนาจรัฐได้อย่างเบ็ดเสร็จ จะสามารถดำเนินการกับตำรวจได้อย่างชอบธรรม

     "ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นประธานอนุกรรมการร้องทุกข์ของ ก.ตร. จะทำหน้าที่ต่อไป เพราะคำสั่งดังกล่าวมีการแก้ไขเพียงรายมาตรา โดยไม่ส่งผลต่องานของผม ต้องทำงานไปตามเงื่อนไขของเวลาที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว" พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าว 

@ ปชป.ชี้แก้กม.แต่ยังไม่ปฏิรูปตร. 

      ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คสช.ออกประกาศแก้กฎหมายเกี่ยวกับตำรวจว่า ส่วนตัววิเคราะห์ได้ใน 3 ประเด็นคือ 1.รัฐธรรมนูญใหม่ในอนาคตน่าจะมี วุฒิสภาแน่นอน เพราะในประกาศใหม่ ให้วุฒิสภาสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คนในคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) 2.ตำรวจจะใหญ่ขึ้นนักการเมืองจะเล็กลง เพราะเอารัฐมนตรี ออกจาก ก.ต.ช. 2 คน และให้ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ามาอยู่ใน ก.ต.ช.รวมถึงการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่จากเดิมให้อำนาจนายกรัฐมนตรี เสนอชื่อ พล.ต.อ.คนใดก็ได้ แต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นอำนาจของ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน และ 3.ประกาศ คสช.กำหนดให้ ผบ.ตร.คนปัจจุบันเสนอชื่อแทนโดยให้เลือกจาก จเรตำรวจแห่งชาติ หรือ รอง ผบ.ตร.เท่านั้น ทั้งหมดนี้ถือว่า คสช.ปฏิรูปนักการเมืองแล้ว แต่การปฏิรูปตำรวจดูจะห่างไกลเพราะยิ่งแก้ยิ่งผูกขาดอำนาจ

      "ฝันของผม เหมือนกับ กปปส.หลายคนคือ ตำรวจขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลหลีกเลี่ยงความเป็นรัฐตำรวจ หรือการถูกครอบงำจากรัฐบาลกลางครับ แต่โครงสร้างใหม่ที่ประกาศ เป็นการลดบทบาทรัฐบาลกลางจริงแต่จะกลายเป็นรัฐตำรวจ ผมเสนอแนะแบบประชาชนคนหนึ่งที่อยากเห็นประเทศที่ดีขึ้น" นายอรรถวิชช์กล่าว

@ พท.แนะคสช.อย่าลดศักดิ์ศรีตร. 

      นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจของ คสช.ว่า ถือเป็นเรื่องที่ทหารยึดอำนาจของตำรวจ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย จะให้เป็นรัฐทหารอย่างนั้นหรือ อีกหน่อยตำแหน่ง ผบ.ตร.คงจะให้ทหารมาเป็นก็ได้อย่างนั้นหรือ 

      "อยากให้ คสช.เห็นใจตำรวจด้วย ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าไปลดศักดิ์ศรีของตำรวจ เพราะขนาดสภากลาโหมของทหารยังไม่เห็นว่ามีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เลย เชื่อว่าคนที่คิดเรื่องนี้คิดไม่ละเอียด ขณะที่ตำรวจก็ควรที่จะลุกขึ้นมาอธิบายบ้างว่าตำรวจต้องการอะไรบ้าง ไม่ต้องถึงขั้นประท้วงก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ว่านั่งเฉยๆ เพราะวันนี้ตำรวจถือว่าเสียสิทธิบางเรื่องไปแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ทหารทำแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ต่อไปก็จะลามไปเรื่องอื่นๆ อีก" นายสมคิดกล่าว

@ จับยิงเอ็ม 79 บิ๊กซีราชดำริ

     เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล พร้อม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. แถลงจับกุมนายทวีชัย หรือ วี วิชาคำ อายุ 39 ปี นายสุนทร หรือ ทร ผิผ่วนนอก อายุ 49 ปี นายสมศรี หรือ เยอะ มาฤทธิ์ อายุ 40 ปี และ นายชัชวาล หรือ ชัช ปราบบำรุง อายุ 45 ปี พร้อมรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีทอง ทะเบียน ศธ 8739 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ มิวเซเว่น สีดำ ทะเบียน ศย 8904 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน ฒษ 4664 กรุงเทพมหานคร เครื่องยิงลูกระเบิด แบบ เอ็ม 79 กระสุนชนิด 40 มม. (เอ็ม 79) จำนวน 25 ลูก ปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 70 นัด ปืนไรเฟิล 1 กระบอก ลูกระเบิดชนิดขว้างสังหาร 5 ลูก อยู่ในสภาพใช้งานได้ 

      พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่บริเวณพื้นที่ชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ใกล้กับเวทีราชประสงค์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย น.ส.ฐิพาพรรณ สุวรรณมณี อายุ 59 ปี ด.ญ.พัชรากร ยศอุบล อายุ 6 ปี และ ด.ช.กรวิชญ์ ยศอุบล อายุ 4 ปี สองพี่น้อง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 21 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

@ "สมยศ"ยันหลักฐานชัดยังหนี 3

      พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตามที่ คสช.มีนโยบายปราบปรามอาวุธสงครามอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาได้จับกุมอาวุธสงคราม เครื่องกระสุนและยุทธภัณฑ์ จำนวนมาก จากการขยายผลทำให้ทราบถึงกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุในพื้นที่การชุมนุมที่ผ่านมา รวมถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ด้วย 

      เมื่อประกอบกับพยานหลักฐานที่ สน.ลุมพินี รวบรวมไว้ พบว่ามีความสอดคล้องกัน จึงเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นคนร้ายที่ได้ร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้จริง จึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับไว้ประกอบด้วย นายทวีชัย นายสุนทร นายสมศรี และ นายชัชวาล ที่สามารถจับกุมได้แล้ว ขณะที่ นายสุขสันต์ หรือ ต๊ะ ล้อมวงศ์ อายุ 32 ปี นางกรรณิการณ์ หรือ แม้ว วงศ์ตัว อายุ 38 ปี และนายวิเชียร หรือ เชียร สุขภิรมย์ อายุ 45 ปี หลบหนีการจับกุม 

       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพ แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มีและใช้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย

@ พ่อเหยื่อขอบคุณคสช.-ตร.

      นายทยากร ยศอุบล บิดาของเด็กที่เสียชีวิตทั้ง 2 คน กล่าวว่า ขอบคุณ คสช.และตำรวจ ที่เร่งรัดคดีและสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนถึงปัจจุบัน ไม่คิดว่าจะมีการเร่งรัดและจับกุมคนร้ายได้เลย ตั้งแต่เกิดเหตุ เวลาขับรถผ่านห้างบิ๊กซี จะรู้สึกสะเทือนใจ และเสียใจทุกครั้ง 

      "ผมและครอบครัวไม่มีความสุขเลย เหมือนฝันร้ายมาตลอด เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว เพราะเป็นการเสียลูกไปทั้ง 2 คน ที่ผ่านมาผมถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ อยากบอกว่า เป็นประชนทั่วไปที่ทำมาหากิน และทุกวันนี้ได้พาภรรยาไปหาหมอทุกวัน เพื่อที่จะแก้หมัน ให้สามารถกลับมามีลูกได้อีกครั้งและขออโหสิกรรมให้กับผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย" นายทยากรกล่าว

@ คุม 4 ผู้ต้องหาทำแผนสารภาพ

      ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ.ปฎิบัติราชการ บช.น. นำนายทวีชัย นายสุนทร นายสมศรี และนายชัชวาล ทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดยิงบนสะพานข้ามแยกประตูน้ำ เขตถนนเพชรบุรี แขวงลาดยาว 

       เริ่มจากนายชัชวาลขับรถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีทอง ทะเบียน ศธ 8739 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถคันแรก และนำรถอีกสองคันมาชะลอ บนสะพานข้ามแยกประตูน้ำ เป็นรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีดำ ทะเบียน ศย 8904 กรุงเทพมหานคร ขับตามเป็นคันที่สอง มีนายสมศรีขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำคันที่สาม ทะเบียน ฒษ 4664 กรุงเทพมหานคร ประกบท้าย จากนั้นให้นายทวีชัย ซึ่งมีนายสุนทรนั่งข้างหลังคนขับรถยนต์คันที่สอง เป็นผู้ลงมือใช้เครื่องยิงเอ็ม 79 ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม มีระยะการยิงจากจุดดังกล่าวถึงหน้าบิ๊กซี 313 เมตร หลังก่อเหตุเสร็จผู้ต้องหาทั้งหมดก็รีบหลบหนีไปทันที หลังจากทำแผนเสร็จนำผู้ต้องหาไป สน.ลุมพินี เพื่อสอบสวนขยายผล

@ เว็บไทยเสรีออกแถลงการณ์

       วันเดียวกัน ในออนไลน์ได้โพสต์ข้อความของศูนย์ปฏิบัติการขบวนการไทยเสรี ที่เขียนผ่านทางเว็บไซต์ ระบุว่า ประกาศขบวนการไทยเสรี ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม กล่าวหาว่า คสช.ยึดอำนาจการปกครอง เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113 และยังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง กล่าวหาและนำตัวขึ้นศาลทหาร ไม่มีโอกาสได้อุทธรณ์ ฎีกา นอกจากนี้ การใช้กฎอัยการศึกยังไม่ชอบธรรม มิตรประเทศสมาชิกหลายประเทศคัดค้าน โดยมีมาตรการตอบโต้การกระทำดังกล่าว ดังนั้นประชาชนที่ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับอำนาจ คสช. จึงออกแถลงการณ์ให้คนไทยทั้งประเทศตระหนักว่าสถานะของ คสช.ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113 คำสั่ง คสช.จึงเป็นโมฆะ และขอให้คนไทยเข้าเป็นแนวร่วมกับขบวนการไทยเสรี เพื่อคัดค้านและต่อต้านการยึดอำนาจ ยึดหลัก 3 ไม่ คือ ไม่ยอมรับ ไม่ยินยอม และไม่ร่วมมือ ซึ่งการแสดงออกต่างๆ ศูนย์ปฏิบัติการขบวนการไทยเสรีจะทำหน้าที่ประสานงานทั้งในและต่างประเทศ และทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง โดยมีสถานีวิทยุออนไลน์ไทยเสรี เว็บไซต์ เว็บเพจ แนวรบไซเบอร์ และอื่นๆ เป็นเครื่องมือแจ้งข้อมูลข่าวสารต่อไปยังประชาชน

@ คสช.ตั้งกก.พัฒนาขนส่งสินค้า

       เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. คสช.มีประกาศฉบับที่ 91/2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยมีรองหัวหน้า คสช. หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ คสช. เป็นประธาน หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. รองประธาน ปลัดกระทรวงการต่างๆ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและเลขาฯสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ

@ ออกเกณฑ์เออร์ลี่ขรก.กลาโหม

        ต่อมา คสช.ประกาศที่ 82/2557 เรื่องเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2557 โดยข้าราชการทหารซึ่งจะเข้าร่วมโครงการต้องมีอายุตั้งเเต่ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือมีเวลาราชการตั้งเเต่ 25 ปีขึ้นไป มีเวลาราชการที่เหลือไม่น้อยกว่า 2 ปีนับเเต่วันที่ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามโครงการ วันที่ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการต้องอยู่ในระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2560 โดยให้จ่ายเงินช่วยเหลือตามโครงการ เป็นจำนวนเท่ากับจำนวนปีของเวลาราชการที่เหลือบวกด้วย 8 และคูณด้วยเงินเดือนเดือนสุดท้าย แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย

       กรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งประสงค์จะกลับเข้ารับราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการซึ่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการสั่งบรรจุเเละเเต่งตั้งให้ผู้นั้นดำรงตำเเหน่งเเละรับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าเดิม เเต่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินอื่นที่จ่ายเป็นรายเดือนเเละสิทธิประโยชน์อย่างอื่น

@ คลอดเกณฑ์ตั้งสมาชิกอปท.

      ต่อมา คสช.ออกประกาศฉบับที่ 85/2557 เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว เนื่องจากปัจจุบันมีสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งที่ครบวาระหรือว่างลง จำเป็นต้องได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อทำหน้าที่บริหารงานและดูแลจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่อาจจัดให้มีการเลือกตั้งได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้ใช้วิธีการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้และความสามารถด้านการบริหารงานท้องถิ่น การคลังท้องถิ่น การศึกษาท้องถิ่น การอนามัยและสาธารณสุข กฎหมาย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น โยธาธิการ ผังเมือง หรือโครงสร้างพื้นฐาน หรือด้านอื่น

       ตามที่คณะกรรมการสรรหาเห็นสมควร โดยอย่างน้อย 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่นทั้งหมดต้องเป็นข้าราชการหรือเคยเป็นข้าราชการตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ หรือระดับ 8 หรือเทียบเท่าขึ้นไป ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภทประกอบด้วยจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่นดังต่อไปนี้ 1.องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีสมาชิกสภาจำนวน 10 คน 2.เทศบาลทุกประเภทมีสมาชิกสภาจำนวน 12 คน 3.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีจำนวนสมาชิกสภากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภา อบจ.ที่มีอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับ

@ ตั้งกก.สรรหา-ขรก.นั่งอปท.ได้

      สำหรับคุณสมบัติสมาชิกสภาท้องถิ่น ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ทั้งนี้ มิให้นำมาตรา 44(12) (13) และ (14) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาบังคับใช้ และรับราชการในเขตจังหวัดในระดับตำแหน่งตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ หรือระดับ 8 ขึ้นไป หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือเคยรับราชการในเขตจังหวัดในระดับตำแหน่งตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ หรือระดับ 8 หรือเทียบเท่าขึ้นไป และต้องพ้นหรือออกจากราชการแล้ว หรือเป็นบุคคลในเขตจังหวัดนั้นและดำรงตำแหน่งประธาน หรือหัวหน้าองค์กรภาคเอกชนหรือภาคประชาชนที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีการจดทะเบียนไว้กับส่วนราชการหรือมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการ

      เมื่อมีกรณีที่ต้องเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งทำหน้าที่คัดเลือก ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ อัยการจังหวัดคนหนึ่งซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมาย ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด 

       รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) และประธานสภาหอการค้าจังหวัด หรือประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หรือประธานสภาทนายความประจำจังหวัด ซึ่งคัดเลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคนเป็นกรรมการ ให้ท้องถิ่นจังหวัดเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา

@ ไม่ถือขรก.มีผลประโยชน์ขัดกัน

       ให้คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่มีเหตุให้มีการเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่น ในการนี้คณะกรรมการสรรหาจะเสนอชื่อตนเองเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นมิได้ เมื่อได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นเเล้วให้ประธานคณะกรรมการสรรหาประกาศเเต่งตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นภายใน 3 วันเเละให้ถือว่าผู้ที่ได้รับการประกาศเเต่งตั้งนั้นเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น