WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8623 ข่าวสดรายวัน


เด้งรูดอธิบดีพลังงาน-ทส. 
ให้เลขาครม.ทูล ธรรมนูญฯคสช. กกต.ชงพวงใหญ่


ตบตา- เจ้าหน้าที่เข้าตรวจโกดังข้าวของบริษัท ฟินิกซ์ อกริเทค (ประเทศไทย) ที่อ.เมือง จ.ปทุมธานี พบข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ โดยกลางกองข้าวมีโครงเหล็กนั่งร้าน แล้วนำกระสอบข้าวมาวางทับเพื่อตบตา เมื่อวันที่ 7 ก.ค.

      คสช.เด้งล็อตรองปลัด-อธิบดีพลังงานและกระทรวงทรัพย์ฯ เผยร่างธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว มี 45 มาตรา เตรียมให้เลขาธิการครม.นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ทรงลงพระปรมาภิไธย โดยมีหัวหน้าคสช.รับสนองพระบรมราชโองการ 'เสธ.อ้าย-วีระ'รุดรายงานตัวตามคำสั่งคสช.ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกมาทั้งคู่ในช่วงบ่าย 'พล.อ.บุญเลิศ'เผยพูดคุยกับ'บิ๊กต๊อก"พร้อมรับเงื่อนไข กกต.ชงแก้รธน.กลับมาใช้แบบพวงใหญ่ ส.ส.ห้ามดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ส.ว.มีทั้งเลือกตั้ง-สรรหา ให้อำนาจกกต.เลื่อนเลือกตั้งได้-ห้ามครม.รักษาการ

คสช.สั่งวางแผนรัดกุมระบายข้าว

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้ พล.อ.ประตินันท์ สายหัสดี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก เป็นประธานประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานในส่วนงานต่างๆ ของคสช. พบว่าทุกส่วนงานมีการดำเนินงานคืบหน้าไปมาก อาทิ มีการรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบข้าวของคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพข้าว โดยระบุว่าการตรวจสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พบปัญหาปริมาณข้าวไม่ตรงกับที่แจ้ง รวมทั้งข้าวด้อยคุณภาพ จะเดินหน้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายเศรษฐกิจรายงานว่ารองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้เรียก ผู้ประกอบการข้าวไทย รวมทั้งสมาคมโรงสีข้าว ประชุมเรื่องการระบายข้าว ได้ข้อสรุปต้องใช้กลยุทธ์การวางแผนอย่างรัดกุมตามสถาน การณ์เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาตลาด โดยให้กระทรวงพาณิชย์วางแผนเพิ่มเติมในขั้นต่อไป

      ส่วนการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์นั้น ฝ่ายความมั่นคงชี้แจงความคืบหน้าสรุปยอดแรงงานต่างด้าวที่ลงทะเบียนอย่างถูกต้องว่าเป็นแรงงานพม่า 3,549 คน แรงงานกัมพูชา 1,442 คน และแรงงานลาว 745 คน และในวันนี้ยังเปิดศูนย์ลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จเพิ่มอีก 7 ศูนย์ อาทิ ที่จ.ระยอง ชลบุรี ราชบุรี และสงขลา

เตรียมชงธรรมนูญฯเข้าที่ประชุม

      นอกจากนี้ ฝ่ายเศรษฐกิจ ยังรายงานว่าขณะนี้มีเรื่องสำคัญที่กำลังดำเนินการคือการจัดทำยุทธศาสตร์พลังงาน และการคมนาคมขนส่งของไทย รวมทั้งแผนพัฒนาการโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายของหัวหน้า คสช. โดยระบุมีความคืบหน้ามาก คาดว่าอย่างช้าจะเสร็จในสัปดาห์หน้า ส่วนการดำเนินการด้านทรัพยากรน้ำ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจได้เชิญผู้แทนด้านทรัพยากรน้ำเข้าหารือ เพื่อจัดทำแผนแม่บทเพื่ออนุมัติตามกรอบของหัวหน้า คสช.เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาช่วยเหลือเกษตรกร หลังจากนี้จะหารือกับมูลนิธิชัยพัฒนา รวมทั้งมูลนิธิอุทกพัฒน์ต่อไป

     สำหรับ งานในส่วนขึ้นตรงหัวหน้าคสช. โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รายงานความคืบหน้าการจัดทำแผนโรดแม็ปที่ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่าคืบหน้ากว่าร้อยละ 80 ซึ่งเหลืออีกเพียงร้อยละ 20 จะให้หัวหน้า คสช.พิจารณาเพื่อออกเป็นคำสั่งปฏิบัติต่อไป

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกันนี้ คณะยกร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราว มีการประชุมสรุปเนื้อหาทั้งหมดก่อนส่งให้ที่ประชุม คสช.พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในวันที่ 8 ก.ค.อีกครั้ง

'เสธ.อ้าย-วีระ'เข้ารายงานตัว

     ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มีคำสั่งคสช.ที่ 86/2557 เรียกบุคคลเข้ารายงานตัวเพิ่มเติมจำนวน 2 คนคือพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และนายวีระ สมความคิด ในเวลา 10.00-12.00 น. กรณีพล.อ.บุญเลิศ จัดงานอิสรีย์แห่งวีระ ที่สนามม้านางเลิ้ง เพื่อต้อนรับนายวีระกลับประเทศ ไทยหลังถูกจำคุกอยู่ที่กัมพูชากว่า 3 ปีครึ่ง ซึ่งเข้าข่ายขัดประกาศคสช. ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามมั่วสุมหรือทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆ เกิน 5 คนนั้น เมื่อเวลา 10.40 น. นายวีระและพล.อ.บุญเลิศเดินทางมารายงานตัวพร้อมกัน มีนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความเดินทางมาส่ง

      ขณะที่ นายมะรอมือลี แวแซ นายนภัทธ พันทวีการ นายกฤษณนัยน์ จิตธนาพัทธ์ และนายมานาฟ อับดุลมุณีบ เข้ารายงานตัว เพิ่มเติมตามคำสั่ง คสช.เช่นกัน แต่ทั้ง 4 คน มาตามคำสั่งฉบับที่ 82/2557 ที่เรียกให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 3 ก.ค. แต่ไม่ได้มาตามกำหนด

ปล่อยตัว-หลังบิ๊กต๊อกพูดคุยเอง

    ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัว พล.อ.บุญเลิศ และนายวีระ หลังจากเข้ารายงานตัวเพิ่มเติม โดยใช้เวลาพูดคุย ทำความเข้าใจและปรับทัศนคติ และขอความร่วมมือกับทั้ง 2 ไม่ให้กระทำการใดๆ ที่ขัดต่อประกาศและคำสั่งของ คสช. ก่อนจะปล่อยตัวกลับภายในวันเดียว

    พล.อ.บุญเลิศ ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการปล่อยตัวว่า หลังจากตนและนายวีระเข้ารายงานตัวกับคสช. ก็ได้พูดคุยกับพล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ของคสช. โดยทำความเข้าใจว่าต่อไปหากต้องการทำกิจกรรมอะไรที่เข้าข่ายขัดประกาศของ คสช. เรื่องห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ขอให้แจ้งคสช.ให้รับทราบก่อน ซึ่งตนได้รับปากว่าพร้อมทำตาม

    พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงสถานทูตจีนเชิญคสช.ไปร่วมงานวันสถาปนากองทัพปลดแอก ประเทศจีน หรือวันชาติของจีน ในวันที่ 28 ก.ค. นี้ว่า ยังไม่ทราบว่าหนังสือเชิญมาถึงคสช.แล้วหรือยัง แต่โดยปกติเมื่อมีหนังสือเชิญมาอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์จะมอบให้ผู้แทนนายทหารชั้นผู้ใหญ่เป็นตัวแทน อีกทั้งตั้งแต่ก่อนมีคสช. ในปีที่ผ่านมาก็มีการทำหนังสือเชิญทุกเหล่าทัพ ในส่วนกองทัพบกไม่ว่าวันชาติของประเทศใด พล.อ.ประยุทธ์จะมอบให้ผู้แทนนายทหารไปร่วมแสดงความยินดีแทน โดยไม่ได้ไปร่วมงานด้วยตนเอง

'บิ๊กตู่'นั่งหัวโต๊ะถกกก.เอสเอ็มอี

    เวลา 14.00 น. ที่บก.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการส่งเสริมเอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกหลังจากคสช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว ตามพ.ร.บ.การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมเห็นชอบกำหนดให้การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นวาระแห่งชาติ เพราะถือว่าเอสเอ็มอีเป็นพื้นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ และได้พิจารณาปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเอสเอ็มอีทั้งระบบ โดย แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมเอสเอ็มอี เพิ่มเติม และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อ กลั่นกรองงานให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

     ที่ประชุมได้พิจารณาปรับโครงสร้าง เพื่อยกระดับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้มีขอบเขตงานที่กว้างขึ้น เป็นเอกภาพ มีการบูรณาการร่วมกันของทุกกระทรวงและภาคเอกชน ทั้งการสนับสนุนงบประมาณ การบริหารจัดการให้เกิดความรวดเร็ว รวมถึงการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เพิ่มประเภทของเอสเอ็มอีที่ได้รับการส่งเสริมเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ภาคการผลิต ภาคการค้า ภาคบริการ และภาคการ เกษตรเนื่องจากผลผลิตการเกษตรของไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสมจะเพิ่มมูลค่าให้เอสเอ็มอีไทย

'พนิช'ป้องมาร์ค-โต้กลับ'วีระ'

      วันเดียวกัน นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ระบุรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่จริงจังช่วยเหลือให้ออกจากเรือนจำเปรยซอร์ กัมพูชา และจะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในเวลาที่เหมาะสมว่า เป็นสิทธิ์ของนายวีระ ตนขอพูดความจริงสิ่งที่ตนสัมผัสตอนที่ถูกจับเข้าเรือนจำ 30 วัน ได้รับการดูแลจากสถานทูตไทยอย่างดี เพราะมีคำสั่งให้ดูแลพวกเราอย่างดีที่สุด และหลังจากตนถูกปล่อยตัวกลับมาแล้วได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ นายกฯ สมัยนั้น โดยนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าได้ทำทุกทางในการช่วยเหลือ ตนยังพาแม่และน้องชายนายวีระไปพบกับนายอภิสิทธิ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ขณะนั้นสถานการณ์ตามแนวชายแดนตึงเครียด มีการปะทะกันบริเวณปราสาท พระวิหาร และหลังจากนั้น 3 เดือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ยุบสภา 

     ส่วนที่มองว่าการเมืองสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผูกโยงกับการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงเป็นเหตุผลทำให้การช่วยเหลือไม่เต็มที่นั้น นายพนิชกล่าวว่า เป็นไปได้ส่วนหนึ่ง เพราะสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา สนิทกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาก็กระทบกระทั่งกันมาระยะหนึ่งจากกรณีปราสาทพระวิหาร ก่อนที่ตนจะถูกจับ ดังนั้นการขอร้องเรื่องมนุษย ธรรมอาจทำได้ยาก 

เครือข่ายสุขภาพจี้ปลดบอร์ดอภ.

     ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่ม 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ ประกอบด้วยชมรมแพทย์ชนบท ชมรมเภสัชชนบท กลุ่มศึกษาปัญหายา กลุ่มคนรักหลักประกัน เครือข่ายผู้ติดเชื้อ เอชไอวี สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา มูลนิธิเภสัชชนบท ยื่นหนังสือถึง คสช. ผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เพื่อขอให้คสช.พิจารณาปลดคณะกรรมการและผอ.องค์การเภสัชกรรม 

      นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ชมรมแพทย์ชนบท ระบุว่า เนื่องจากคณะกรรมการที่มี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธานและนพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.องค์การเภสัชกรรม มีพฤติกรรมส่อมุ่ง หาประโยชน์จากองค์การเภสัชกรรม เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจยาข้ามชาติ บริหารองค์กรผิดหลักธรรมาภิบาลจนเกิดวิกฤตด้านยา รวมทั้งนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้วย เพราะเป็นหนึ่งในบอร์ดองค์การเภสัช ร่วมทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์การเภสัช จึงควรปลดให้พ้นหน้าที่ 

โคทมเสนอแนะถึงสภาปฏิรูป

     เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องกมลทิพย์ โรงแรมเดอะสุโกศล เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปจัดเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 7 ในหัวข้อกลไกและกระบวนการปฏิรูปอย่างมีส่วนร่วม โดยมีองค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการ องค์กรภาครัฐ ร่วมอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

    นายโคทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เห็นว่าอำนาจหน้าที่ของสภาปฏิรูปคือกำหนดลำดับความสำคัญและวางแผนปฏิรูปที่สามารถดำเนินการได้ภายใน 1 ปี และกำหนดโครงการปฏิรูประยะยาว จัดการศึกษาและจัดองค์ความรู้ในประเด็นที่จัดลำดับความสำคัญไว้ รับฟัง แลกเปลี่ยน ร่วมจัดเวทีสาธารณะโดยร่วมมือกับภาคประชาสังคมและองค์กรชุมนุม ให้เกิดความเห็นพ้องในประเด็นที่จะปฏิรูป จัดทำแผนปฏิรูปเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ สภาปฏิรูปควรมีอำนาจเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือรัฐบาล ที่สำคัญควรเสนอความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ให้แก่คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย 

หนุนประชาพิจารณ์-มีส่วนร่วม

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่เข้าร่วมเวทีได้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย และมีข้อเสนอที่สำคัญ ได้แก่ สภาปฏิรูปต้องมาจากเสียงของประชาชน ยึดหลักกระจายอำนาจ ให้ทุกสีทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม บทบาทของสภาปฏิรูปต้องทำให้ประชาชนเห็นว่านำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาได้จริง ขณะที่แนวคิดการทำประชามติของแนวทางปฏิรูปนั้น ผู้เข้าร่วมมีความเห็นแบ่งเป็น 2 ประเด็น 1.สนับสนุนให้ทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม และควรคำนึงถึงวิธีการทำประชา มติที่เหมาะสม ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ เช่น ให้ใช้การออกเสียงประชามติในร้านสะดวกซื้อ และ 2.สนับสนุนให้ใช้การทำประชาพิจารณ์มากกว่า เพราะการทำประชามติใช้งบประมาณสูง


ไม่กักตัว - พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และนายวีระ สมความคิด เดินทางมารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. เพื่อทำความเข้าใจกรณีจัดงานเลี้ยงโดยไม่ขออนุญาต ก่อนได้รับการปล่อยตัวไปในช่วงเย็น ที่หอประชุม ทบ. เทเวศร์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.

        จากนั้น นายโคทมให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนทำประชามติว่า การทำประชามติ 1 ครั้ง ใช้เงิน 3,000 ล้านบาท ถ้าจะทำควรทำเรื่องรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่สำคัญจริงๆ ขอเสนอให้ประชาชนลงทะเบียนกับสภาปฏิรูป แต่ละคนจะได้หมายเลขประจำตัว ถ้าสภาปฏิรูปอยากทราบความเห็นจากประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ให้ผู้ที่ลงทะเบียนไว้โทรศัพท์เข้ามาแล้วกดหมายเลข 13 หลัก เพื่อระบุตัวตน ตามด้วยหมายเลขประจำตัว แล้วจึงกดว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นการลงประชามติแบบง่ายลำลองของประชาชนผู้สนใจมีส่วนร่วม ซึ่งคนทั้งประเทศมีสิทธิ์ลงทะเบียนได้ ข้อเสนอดังกล่าวเพื่อสร้างพลเมืองที่ต้องการออกเสียงลงประชามติ ไม่ใช่พลเมืองที่นอนหลับทับสิทธิ์ 

ยันไม่รับเก้าอี้-ขอทำงานคู่ขนาน 

      เมื่อถามว่า เป็นไปได้ว่าอาจไม่มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อลดความขัดแย้ง นายโคทม กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญควรทำประชามติ เพื่อให้เป็นฐานรองรับความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญ หากไม่ทำประชามติก็ถือว่าไม่มีฐานจากประชาชน

     เมื่อถามว่า ได้รับการทาบทามจากคสช.ให้ร่วมในสภาปฏิรูปด้วยหรือไม่ นายโคทมกล่าวว่า คิดว่าตนไม่เหมาะ อยากทำงานปฏิรูปคู่ขนานที่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ต่างคนต่างเคารพกัน ซึ่งควรมีส่วนที่คู่ขนานไปกับสภาปฏิรูป แต่ไม่ใช่การตั้งสภาปฏิรูปคู่ขนาน เป็นการที่แต่ละเครือข่ายช่วยกันเดินหน้าปฏิรูป ช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์และเสนอแนะต่อสภาปฏิรูปได้

บอร์ดอภ.โต้เครือข่ายสุขภาพ

     ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ. กล่าวถึง 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพยื่นหนังสือต่อคสช. ขอให้ปลดบอร์ด อภ. และนพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.อภ. เนื่องจากไม่ยอมผลิตยากำไรน้อย ส่อทุจริตการสร้างโรงงานใหม่ และการใช้งบกองทุนดอกพิกุลไปดูงานต่างประเทศว่า ได้เกิดเหตุการณ์ยาสลับแผงปนกันเมื่อเดือนส.ค. 2556 บอร์ด อภ.จึงมีมติขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบระบบมาตรฐานการผลิตยาของอภ.ทุกสายการผลิต และเสนอให้ปรับปรุงสถานที่และขบวนการผลิตใหม่ทั้งสายการผลิต และบางสายผลิตต้องหยุดผลิตทันที จึงกระทบต่อภาพรวมยาของอภ.หลายชนิด ช่วงต.ค.-พ.ย.2556 อภ.ต้องหยุดผลิตยาทุกสายการผลิต 1 เดือนเต็ม

     นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า กรณีปรับลดงบการวิจัยจาก 45 ล้านบาทเหลือ 25 ล้านบาท เนื่องจากบอร์ด อภ. เห็นว่างบวิจัยยังมีงบสะสมจากการตั้งงบเป็นประจำทุกปีคงเหลือรวม 197 ล้านบาท เพียงพอต่อการวิจัยพื้นฐานในอีก 2-3 ปีข้างหน้าโดยไม่กระทบ ส่วนข้อกล่าวหาใช้เงินกองทุนดอกพิกุลไปต่างประเทศ จริงๆ แล้วกองทุนนี้ไม่ใช่กองทุนสวัสดิการพนักงาน อภ. แต่เป็นกองทุนสนับสนุนด้านกีฬา ซึ่งการเบิกจ่ายกองทุนนี้เป็นการเบิกจ่ายในภาพรวมกิจกรรมของ อภ.ที่ไม่เข้าเกณฑ์เบิกจ่ายของ อภ. แต่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของ อภ. ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งการระบุว่าตนเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปต่างประเทศ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมันรถ ก็เป็นกิจกรรมของ อภ.ทั้งสิ้น

กฤษฎารับเก้าอี้พร้อมสนองคสช.

      เวลา 07.30 น.นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทย ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ จากนั้นเปิดเผยว่า จะดูแลให้ข้าราชการของกรมปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนได้จริงตามหน้าที่ของกรมการปกครอง ส่วนวิธีการขอหารือกับรองอธิบดี ผู้บริหารและรับฟังความคิดเห็นของข้าราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ผู้ว่าฯ ปลัดจังหวัด ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านนำมาปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ 

     นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ส่วนภารกิจรองรับนโยบายของคสช. ไม่หนักใจเพราะข้าราชการต้องทำตามหน้าที่และภารกิจให้ดีที่สุด ขอฝากถึงข้าราชการปค.ให้ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติตามภารกิจให้ดีที่สุด หากมีข้อขัดข้องหรือต้องการสิ่งใดให้บอกมายินดีรับฟัง ปค.พร้อมทำหน้าที่สนับสนุนส่วนหน้าให้บรรลุเป้าหมายอย่างดีที่สุด 

       นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เพื่อให้หน่วยงานและบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกหน่วยมีความเข้าใจร่วมกันถึงบทบาท ภารกิจที่ต้องเน้นหนักและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ จึงกำหนดกรอบแนวความคิดหลักในการปฏิบัติงานว่า "มหาดไทยร้อยใจ คนไทยยิ้มได้" นโยบายเน้น 6 ประการคือรักษาความสงบ บริการด้วยใจ ให้ความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ปรองดองสมานฉันท์ และมุ่งมั่นปฏิรูป โดยกำหนดแผนงานหรือโรดแม็ป ทำเรื่องสร้างความปรองดองสมานฉันท์และสนับสนุนการปฏิรูปเป็นลำดับแรก 

ปลื้มเปิดศูนย์แรงงานต่างด้าว

     เวลา 13.30 น. นายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประชุมวีดิทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมร่วมกับผู้ว่าฯ ที่เกี่ยวข้อง และกอ.รมน. เพื่อชี้แจงนโยบายและการปฏิบัติงานตามคำสั่งคสช. ประกอบด้วยการปราบปรามยาเสพติด การแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ และการสนับสนุนศูนย์ปรองดองเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (ศปป.) ทั้งนี้ พล.ท.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เจ้ากรมยุทธการทหาร ผู้รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ร่วม ประชุมด้วย 

      พล.ท.ธารไชยยันต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเปิดศูนย์บริการแรงงานต่างด้าวที่จ.สมุทร สาคร เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี โดยสัปดาห์นี้จะเปิดเพิ่มในอีก 7 จังหวัด และเปิดในกรุงเทพฯอีก 10 สำนักงานเขต โดยวันที่ 9 ก.ค. จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเปิดศูนย์บริการแรงงานฯเพิ่มอีก 22 จังหวัดติดชายทะเล และสัปดาห์หน้าเตรียมหารือกับพม่าเพื่อจัดระเบียบแรงงานฝั่งตะวันตก 

     ด้านนายกฤษฎารายงานถึงสถานการณ์และการแก้ปัญหายาเสพติดว่า ขอให้ผู้ว่าฯและนายอำเภอเน้นการปฏิบัติงาน โดยจังหวัดที่ยังไม่รายงานข้อมูลให้เร่งรายงานข้อมูลที่ได้ดำเนินการ ทั้งนี้ คสช.ต้องการให้นายอำเภอมีบทบาทค้นหาเบาะแสการค้ายาเสพติดในพื้นที่ หากมีความหนักใจผู้ค้าหรือผู้มีอิทธิพล ให้แจ้งเข้ามาเพื่อให้ส่วนกลางประสานให้ผู้มีอำนาจเข้าไปจัดการในพื้นที่ เพื่อไม่ให้ผู้ว่าฯและนายอำเภอปะทะกับปัญหาโดยตรง ส่วนการจัดการกับเป้าหมายที่เป็นเบาะแส 3,189 แห่ง ตนจะหารือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อกำหนดมาตรการ

ศปป.ห่วงครหาทหารเอาปืนจี้ 

     พ.อ.ประสิทธิชัย ชินวงศ์ คณะทำงานศปป.กอ.รมน. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ผ่านขั้นตอนการทำความเข้าใจแล้ว และเข้าสู่การสร้างบรรยากาศและรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากทุกพื้นที่ โดยให้ทุกจังหวัดรวบรวมให้ ศปป.เพื่อสรุปให้คสช.ภายในวันที่ 25 ก.ค. โดยศปป.ระดับจังหวัด อำเภอ มีหน้าที่รวบรวมความคิดเห็นมากำหนดแนวทางแก้ปัญหา เชิญแกนนำหรือผู้นำทางความคิดเข้าหารือเพื่อหาทางออกและสร้างความปรองดอง ขอให้รวบรวมตัวแทนจากทุกกลุ่มมาหารือทำความเข้าใจและทำให้เกิดความร่วมมือสร้างความปรองดอง มุ่งเน้นลดความขัดแย้งและสลายการแบ่งกลุ่มให้ได้ 

     "หัวหน้า คสช.ขอให้จังหวัดเป็นแกนหลักเชิญตัวแทนฝ่ายต่างๆ เพื่อไม่ให้ซ้อนกัน โดยประสานทหารอย่างใกล้ชิด ทำงานบูรณาการทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน หัวหน้า คสช.ไม่อยากให้จัดเวทีแล้วภาพออกมามีแต่ทหารเพื่อป้องกันข้อครหาว่าทหารเอาปืนจี้อยู่" พ.อ.ประสิทธิชัยกล่าว 

'ปนัดดา'อุบ-อ้างพบส่อทุจริตข้าว

     เมื่อเวลา 10.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ กล่าวว่า วันที่ 8-9 ก.ค. ตนจะลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าว เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาโรงสีย้ายข้าว เนื่องจากได้ล็อกไว้แน่นหนา วันที่ 8 ก.ค. อาจลงพื้นที่ตรวจข้าวที่สุพรรณบุรี ซึ่งการลงพื้นที่ของทีมผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ 24 ชุด ใน 12 จังหวัด เมื่อวันที่ 6 ก.ค. รายงานว่าพบปัญหาโดยรวม มีโกดังแห่งหนึ่งปริมาณข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ คลาดเคลื่อนจากบัญชีร้อยละ 6.99 ถือว่าผิดปกติเนื่องจากเกินร้อยละ 5 

      ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ขณะที่อีกพื้นที่พบว่าข้าวหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ชั้น 2 หายจากบัญชีถึงร้อยละ 80 และการวางกองข้าวไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด พบกองข้าวล้ม ข้าวจัดวางไม่เป็นระเบียบ ซึ่งไม่ทราบเหตุผล ต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป สุดท้ายพบข้าวเสื่อมคุณภาพและมีสิ่งปลอมปนหรือมีฝุ่นแป้ง ซึ่งผู้ตรวจฯ ที่พบความไม่โปร่งใส ส่อทุจริตได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าจังหวัดใดมีข้าวหายมากที่สุด เพราะเราจะบูรณาการทั้งหมด เพื่อรายงานให้หัวหน้าคสช.ทราบ ขณะนี้เพิ่งตรวจไปได้ 3 วัน ยังมีเวลาอีกหลายสัปดาห์

      ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า การตรวจสอบมีอุปสรรคที่โกดังบางแห่งอ้างว่าไม่พร้อม จึงไม่เปิดให้ตรวจสอบ ขอให้โกดังต่างๆ ให้ความร่วมมือด้วย ส่วนจะเอาผิดได้หรือไม่นั้นต้องดูเหตุผลประกอบ เชื่อว่าผู้ตรวจฯ มีวิจารณญาณดำเนินการเพราะทุกคนทราบแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว

ค้านเลือกผู้ว่าฯ-อ้างมีอบจ.แล้ว

       เมื่อถามว่า แสดงว่ามีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใส ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวยอมรับว่าใช่ ใครที่รู้ตัวว่ากระทำผิดคงอยู่ไม่สบายใจ เพราะน้ำลดตอก็ผุด อย่างไรก็ตาม ต้องช่วยกันจัดระบบให้เรียบร้อย ส่วนที่ผ่านมาก็ถือเป็นประสบการณ์ร่วมกันของทุกฝ่าย ทั้งนี้หัวหน้าคสช. กำชับให้ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลสุจริต ยุติธรรม และให้เกิดความเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าภายในเดือนก.ย.ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น

      ม.ล.ปนัดดา กล่าวถึงกระแสข่าวให้ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศมาจากการเลือกตั้งว่า ถ้าเลือกตั้งทั้งหมดทุกระดับ ความเชื่อมโยงจากรัฐบาลไปสู่ประชาชนจะหายไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้ดี และการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมีอยู่แล้ว อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ถือเป็นการกระจายอำนาจ คิดว่าผู้เสนอรื่องนี้อาจคำนึงถึงการกระจายอำนาจ ซึ่งรัฐบาลส่วนกลางจำเป็นต้องมีมือไม้ในการเชื่อมโยงการบริหารจัดการราชการแผ่นดิน

     เมื่อถามถึงการให้เปลี่ยนชื่อเรียกตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม. ไปเป็นนายกเทศมนตรี ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จะเป็นการสื่อความรู้ความเข้าใจให้เยาวชน ประชาชนได้ชัดเจนว่ากรุงเทพฯ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเทศบาลในรูปแบบพิเศษเนื่องจากกรุงเทพฯ ไม่ใช่จังหวัดที่ 77 เหมือนที่หลายคนเข้าใจ

บิ๊กอู๋สั่งแต่งทำเนียบรับครม.ใหม่

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช. และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กองอาคารและสถานที่ ทำเนียบรัฐบาล บ้านพิษณุโลก ตัวแทนกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือถึงการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่างๆ ภายในทำเนียบ

      พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวก่อนการประชุมว่า หลังจากตนรับหน้าที่เป็นแม่บ้านประจำทำเนียบ จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงสถานที่ เพราะบางอาคารก็ใช้มายาวนาน เมื่อถามว่าเตรียมรองรับ รัฐบาลและครม.ใหม่ตามที่หัวหน้า คสช.กำหนดเป็นการทำงานในระยะที่ 2 ใช่หรือไม่ พล.ต.อ. อดุลย์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "ครับ" 

      เมื่อถามว่า จะเรียกทีมที่ปรึกษาสำนัก นายกฯ ที่ถูกโยกย้ายตามคำสั่ง คสช.มาหารือเมื่อใด พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า มีการพูดคุยกัน บ้าง ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดห้องทำงานไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้ว ส่วนสื่อมวลชนประจำทำเนียบคงมีการพูดกันต่อไป

      ทั้งนี้ หลังการประชุม พล.ต.อ.อดุลย์เผยว่า ตนสั่งการให้ตั้งหัวหน้าคณะทำงานเพื่อดูแลอาคารต่างๆ ในทำเนียบ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ จะต้องจัดทำแผนการปรับปรุงทั้งรั้วและสนามหญ้า รวมถึงบ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา พร้อมกันนี้ให้แต่ละส่วนงานไปพิจารณาเรื่องการใช้งบประมาณในเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ การปรับปรุงจะต้องเสร็จพร้อมทำงานได้ภายใน 2 เดือน เพื่อเตรียมรับรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา 


แบบใหม่- พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.1รอ. โชว์เสื้อวินจยย.แบบใหม่ ใช้สีส้มสะท้อนแสงเหมือนเดิม แต่เพิ่มป้ายชื่อคนขับที่ด้านหลัง ระหว่างชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการจัดระเบียบวิน จยย. ที่พล.1 (รอ.) เมื่อวันที่ 7 ก.ค.

ตรวจพยานหลักฐานฟ้องกปปส.

       เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1191/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 52 ปี และนายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 37 ปี แกนนำกปปส. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฎ, ร่วมกันขัดขวาง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและกกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และพ.ร.บ.การเลือกตั้งฯ จากกรณีนำผู้ชุมนุมบุกรุกและปิดสถานที่ราชการหลายแห่งและขัดขวางการเลือกตั้ง เพื่อกดดันให้ รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก

      ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังแล้วโดยทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่อัยการโจทก์แถลงต่อศาลว่ายังไม่ได้จัดเตรียมบัญชีพยาน เนื่องจากกำลังรวบรวมพยานและเอกสารหลักฐาน ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นัดส่งตัว ผู้ต้องหา 51 ราย ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ศาลพิเคราะห์แล้วจึงให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 29 ก.ย. เวลา 09.00 น.

       ส่วนคดีหมายเลขดำ อ.1298/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 63 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และคดีหมายเลขดำ อ.1328/2557 ที่อัยการ ยื่นฟ้องนายเสรี วงษ์มณฑา อายุ 65 ปี แกนนำ กปปส. เป็นจำเลย ในความผิดเดียวกันนี้ ศาลได้สอบถามนายสมบัติ และนายเสรี แล้วยังไม่ได้ยื่นคำให้การ จึงนัดสอบคำให้การและตรวจหลักฐานจำเลยทั้งสองพร้อมกันในวันที่ 29 ก.ย. เวลา 09.00 น.

คสช.เตรียมทูลเกล้าฯธรรมนูญ

      รายงานข่าวจาก คสช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นเรื่องธุรการ โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือพล.อ.ประยุทธ์จะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมด้วยตัวเอง หรือเป็นไปตามขั้นตอนทางธุรการในการนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม โดยให้เลขาธิการครม.เป็นผู้ดำเนินการ และให้หัวหน้าคสช.เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่จะเสร็จตามกรอบเวลาที่หัวหน้าคสช.บอกกับประชาชนไว้อย่างแน่นอน ส่วนที่มองว่าร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) มีทั้งหมด 45 มาตรา ทางหัวหน้า คสช.จะเป็นคนชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบด้วยตนเองว่าแต่ละมาตรามีอะไรบ้าง 

'บัวแก้ว'รับเปลี่ยนท่าทีอียูไม่ได้

       วันเดียวกัน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจและสังคมขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐ ในวันที่ 7-9 ก.ค.ว่า เนื่องจากประชุมระดับรัฐมนตรี จึงเป็นโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเฉพาะกับประเทศที่มีความเห็นรุนแรงกับเหตุการณ์วันที่ 22 พ.ค. คือสหรัฐกับประเทศในละตินอเมริกา ส่วนการชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทยนั้น จะต้องให้ต่างชาติเข้าใจในบริบทของการเมืองไทย เน้นย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้ทอดทิ้งหลักการประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตย

      นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ไทยพยายามทำความเข้าใจให้นานาชาติเห็นว่าเรายังยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย โดยสัปดาห์หน้า กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญผู้แทนการค้าต่างประเทศและนักธุรกิจตะวันตกที่ลงทุนในไทยมาเล่าให้เห็นศักยภาพของไทย และให้โน้มน้าวรัฐบาลของเขาให้เห็นศักยภาพของไทย 

       นายสีหศักดิ์ เปิดเผยว่ากลางเดือนก.ค.จะประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งสำคัญมาก และทางอียูเชิญในระดับรัฐมนตรี ถึงแม้ อียูจะลดความสำคัญกับไทยในบางด้าน ซึ่งตนต้องสะท้อนอย่างที่หัวหน้า คสช.พูดไว้ว่าเราเข้าใจท่าทีของเขา ซึ่งเราไม่สามารถเปลี่ยนท่าทีเขาได้ แต่เขาต้องพยายามเข้าใจฝ่ายเราเหมือนกัน โดยสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่คนไทยต้องแก้ไขเอง ถึงแม้ประเทศตะวันตกจะคว่ำบาตรเราก็ตาม

แฉค่ารับรองแบงก์รัฐเดือน 4 แสน

      รายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการธนาคารเฉพาะกิจของรัฐหรือแบงก์รัฐ ที่ส่งมาให้คลังพิจารณาก่อนจะเสนอให้ คสช.พิจารณาเห็นชอบ พบว่ามีการเบิกจ่ายค่ารับรองในจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งการเบิกเงินพิเศษดังกล่าว รวมทั้งการเบิกค่าเรื่องรับรองลูกค้า บางครั้งรวมถึงค่าใช้จ่ายตีกอล์ฟกับลูกค้าด้วย นอกจากนี้ ยังมีค่าเดินทางไปต่างประเทศและในประเทศ ในชั้นหนึ่ง โดยอ้างว่าไปดูงานที่เกี่ยวกับกิจการของธนาคาร ซึ่งไม่มีการจำกัดการเดินทาง สามารถไปได้เท่าที่คณะกรรมการต้องการและเห็นชอบ

    รายงานข่าวเปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อยู่ในระดับสูง ในบางเดือนประธานกรรมการหรือกรรมการบางคนเบิกค่ารับรองพิเศษเดือนหนึ่งสูงถึง 3-4 แสนบาท รองลงมาคือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอเแบงก์)

     รายงานข่าวกล่าวว่า การเบิกจ่ายค่ารับรองของกรรมการแบงก์รัฐ เมื่อเทียบมูลค่าแล้วถือว่าไม่น้อยกว่าตั๋วฟรีที่กรรมการบริษัทการบินไทยได้รับ และคสช.ตัดสิทธิดังกล่าวไป คาดว่า คสช. จะพิจารณาตัดสิทธิการเบิกจ่ายของกรรมการให้ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

กกต.ชงเลือกตั้งส.ส.พวงใหญ่

     เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. แถลงภายหลังการประชุมกกต. ซึ่งนานกว่า 4 ช.ม. ร่วมกับ ผู้บริหารสำนักงานเพื่อพิจารณาปมแก้ไขปัญหาและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามโจทย์ที่คณะทำงานด้านการปฏิรูปของคสช. ที่มีพล.อ. สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุม กกต.พิจารณาเสร็จแล้ว โดยประธานกกต.จะลงนามและส่งคณะทำงานด้านการปฏิรูปของคสช.ในเช้าวันที่ 8 ก.ค. กรณีการเลือกตั้งส.ส. ยังคงให้มีส.ส. ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อ แต่เห็นว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตเลือกตั้งและอิทธิพลในการเลือกตั้ง ระบบแบ่งเขตควรเปลี่ยนจากเขตเดียวเบอร์เดียวเป็นแบบเขตใหญ่ ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ มีที่มาจากกลุ่มสาขาอาชีพที่หลากหลาย คำนึงถึงเพศและภูมิภาคเป็นหลัก ซึ่ง ส.ส.ทั้งสองระบบควรมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน

       นายภุชงค์ กล่าวว่า ส่วนส.ว.ก็เสนอว่าจำเป็นต้องคงไว้ แต่จะให้มีทั้งส.ว.สรรหาและส.ว.เลือกตั้งหรือไม่ ได้เสนอจุดเด่นจุดด้อยว่าถ้าจะให้ส.ว.มาจากกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลาย โดยคำนึงถึงเรื่องความสามารถมากกว่าการศึกษา การจะให้มีส.ว.ที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ไม่ได้จบปริญญาตรี ก็ยากที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง จึงน่าจะได้รับการพิจารณาในรูปส.ว.สรรหามากกว่า

ห้ามดำรงตำแหน่งส.ส.เกิน  8 ปี

       นายภุชงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เสนอให้แก้ไขคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยเสนอให้เพิ่มว่าผู้สมัครจะต้องสังกัดพรรคหรือไม่ แม้ประโยชน์การไม่สังกัดจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่การสังกัดพรรคจะมีผลเรื่องการพัฒนาและสนับสนุนงานของพรรค ซึ่งพรรคควรวางกรอบในการควบคุมส.ส.โดยไม่ให้ส.ส.ต้องทำตามคำสั่งของพรรค และการจะลงสมัครรับเลือกตั้งควรสังกัดพรรคมาไม่น้อย 1 ปี เมื่อดำรงตำแหน่งส.ส.แล้วควรกำหนดวาระ 4 ปี แต่ต้องดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระหรือ 8 ปี และเพื่อแก้ปัญหาสภาผัวเมีย ควรกำหนดห้ามมิให้บุพการี บุตร บุญธรรม คู่สมรสตามกฎหมายหรืออดีตคู่สมรส ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.หรือส.ว.ในคราววาระเดียวกัน และยังเห็นควรให้เพิ่มลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ว่าไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีทุจริตการเลือกตั้ง คดียาเสพติด และคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขณะที่พรรคควรกำหนดให้การตั้งพรรคทำได้ยากขึ้น แม้จะมีผู้ก่อตั้ง 15 คน แต่จะเป็นพรรคได้ต้องหาสมาชิกให้ได้ครบ 5 พันคน และ ตั้งสาขาพรรคใน 4 ภาคให้เสร็จก่อน

กกต.เลื่อนลต.-ห้ามครม.รักษาการ

     นายภุชงค์ กล่าวว่า เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริต เป็นธรรม จะเสนอให้พิจารณาถึงอำนาจ กกต.จัดการเลือกตั้งว่า หากเกิดปัญหาขัดขวาง เกิดเหตุสุดวิสัยอันเป็นภัยร้ายแรง ให้กกต.มีอำนาจเสนอเลื่อนขยายวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร หรือกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ต้องปรึกษาหรือขอความเห็นจาก นายกฯ และเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าราชการการเมืองใช้ตำแหน่งหน้าที่ ทรัพยากรของรัฐเป็นประโยชน์หาเสียงเอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม กำหนดให้เป็นข้าราชการการเมืองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดข้ออ้างว่าใช้เวลานอกราชการไปหาเสียง 

    อีกทั้ง เมื่อยุบสภา หรือครบวาระ ให้คณะรัฐมนตรีพ้นไปโดยปริยาย ไม่ต้องเป็นครม.รักษาการ และเห็นควรให้ปลัดกระทรวง ทบวงกรมรักษาการแทน รวมทั้งระหว่างเลือกตั้งเพื่อไม่ให้มีการข่มขู่พยานจนเกิดการกลับคำให้การ เสนอให้พยานของกกต.ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองพยาน และเพิ่มอำนาจให้กกต.เรียกเอกสาร หรือเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคำต่อกกต. หากไม่มาก็ให้มีบทลงโทษ 

     "อีกทั้งมีการให้ข้อดี ข้อเสียถึงการเลือกตั้งว่าควรเป็นหน้าที่ หรือเป็นสิทธิ และเสนอมาตรการป้องกันการใช้นโยบายประชานิยมในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยอาจตั้งเป็นคณะทำงานประกอบด้วยหลายหน่วยงานอาทิ ป.ป.ช. สตง. ศาลรัฐธรรมนูญ และกกต.ขึ้นมาตรวจสอบว่านโยบายที่พรรคเสนอ ดำเนินการได้จริงหรือไม่ และส่งผลให้ประเทศชาติเสียหายในอนาคตหรือไม่" เลขาธิการกกต.กล่าว

รื้อเลือกตั้งนอกปท.-ล่วงหน้า

     นายภุชงค์ กล่าวว่า หลังกกต.ส่งข้อเสนอดังกล่าวให้คณะทำงานด้านการปฏิรูปแล้ว กกต.จะจัดทำในส่วนที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น รวม 5 ฉบับ ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องลงทะเบียนขอใช้สิทธิก่อนหรือไม่ ขณะนี้มีกว่า 92 ประเทศที่ใช้วิธีนี้ และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวมถึงการเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งจะยังคงมีอยู่หรือไม่ หากมีอยู่ควรปรับแก้ไขในเรื่องใดเพราะที่ผ่านมา เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรใช้งบ ต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1 คนกว่า 2 พันบาท ขณะที่ประเทศผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1 คนใช้งบหลักร้อยบาท 

      นอกจากนี้ ยังเสนอให้ศาลใช้ข้อมูลที่กกต.เสนอไปขอให้พิจารณาสั่งเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้ระบบกล่าวหาของกฎหมายอาญาอย่างที่ทำอยู่ปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาพยานกลับคำให้การในชั้นศาล ทำให้คดีเลือกตั้งจำนวนมากกกต.ไม่สามารถเอาผิดได้ ทั้งนี้กกต.จะเร่งส่งรายละเอียดทั้งหมดให้กับคสช.พิจารณา เพื่อให้ทันกับการพิจารณาของสภาปฏิรูป ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาทั้งระบบว่าการเลือกตั้งควรจะเป็นอย่างไร

ธ.ก.ส.ไฟเขียว3วิธีช่วยชาวนา

      เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2557/58 ตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 3 โครงการ คือ 1.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีลง 3% ต่อปี รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน วงเงินชดเชยดอกเบี้ย 2.29 พันล้านบาท โดยรัฐบาลเป็นผู้จ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธ.ก.ส.แทนเกษตรกร คาดมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 3.57 ล้านราย เริ่ม 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2557

       2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ได้แก่ สหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร โดยการไปรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อการจำหน่าย วงเงินสินเชื่อ 1.8 หมื่นล้านบาท และเพื่อนำไปแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มอีก 2 พันล้านบาท โดย ธ.ก.ส. คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MLR -1 (ปัจจุบัน MLR เท่ากับ 5% ต่อปี) ทั้งนี้จะคิดจากสถาบันเกษตรกรในอัตรา 1% ที่เหลือรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกร ระยะเวลา 12 เดือน และรัฐบาลยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้สถาบันเกษตรกรในวงเงิน 100 ล้านบาท สำหรับค่าเบี้ยประกันภัยและค่าบริหารโครงการที่เกี่ยวข้อง คาดว่ามีสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 464 แห่ง

    3.โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อเข้าไปช่วยเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกมามากและมีราคาตกต่ำ โดยสามารถนำผลผลิตคือข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวมาขอกู้กับ ธ.ก.ส. ในอัตรา 80% ของราคาตลาด ในวงเงินไม่เกินรายละ 3 แสนบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 4 เดือนนับถัดจากเดือนรับเงินกู้ เริ่ม 1 พ.ย.2557-30 ก.ย.2558 เป้าหมายดำเนินการในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหลือ จำนวนข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 1.72 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินทุนธ.ก.ส. และรัฐเป็น ผู้ชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการส่งมอบข้าวเปลือกของเกษตรกรจากยุ้งฉางถึงจุดส่งมอบในอัตราตันละไม่เกิน 300 บาท กรณีราคาตลาดต่ำกว่าวงเงินให้สินเชื่อ และรัฐบาลกำหนดมาตรการระบายข้าวเปลือก ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะแยกการดำเนินงานออกจากบัญชีปกติของ ธ.ก.ส.

    นอกจากนี้ คณะกรรมการธนาคาร ยังเห็นชอบให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กู้เงินสำหรับนำไปจ่ายเพิ่มค่าอ้อยฤดูการผลิตปี 2556/57 ในอัตรา 160 บาท/ตัน โดยจ่ายตรงให้กับชาวไร่อ้อยในทุกตันอ้อยที่ส่งเข้าหีบในโรงงานน้ำตาลทราย จากปริมาณผลผลิตอ้อยทั้งสิ้น 103.665 ล้านตัน วงเงินกู้ 1.65 หมื่นล้านบาท กำหนดชำระหนี้เสร็จสิ้นภายใน 17 เดือนนับแต่วันกู้ โดย ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR-0.75 ต่อปี

คสช.เด้งอีกล็อตบิ๊กพลังงาน-ทส.

      เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 7 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. เซ็นคำสั่งคสช. ที่ 87/2557 เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้การปฏิบัติงานเรียบร้อย เหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคสช.มีคำสั่งดังนี้ ให้กำหนดตำแหน่งข้าราชการเพิ่มขึ้นในส่วนราชการ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน 4 ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ(ทส.) 2 ตำแหน่ง

      นายชุมพล ฐิตยารักษ์ พ้นจากรองปลัดพลังงาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานเป็นพิเศษเฉพาะราย นายทรงภพ พลจันทร์ พ้นจากอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานเป็นพิเศษเฉพาะราย นายสมนึก บำรุงสาลี พ้นจากอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานเป็นพิเศษเฉพาะราย นายประมวล จันทร์พงษ์ พ้นจากอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานเป็นพิเศษเฉพาะราย

     นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ พ้นจากผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงาน เป็นรองปลัดพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ พ้นจากรองปลัดพลังงาน เป็นอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายวิฑูรย์ คุณเจริญวิรัตน์ พ้นจากรองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน นายวีระพล จิรประดิษฐ์กุล พ้นจากผู้ตรวจราชการ เป็นอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นายชวลิต พิชาลัย พ้นจากผู้ตรวจราชการ เป็นผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงาน 

     นายนพพล ศรีสุข พ้นจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นผู้ตรวจราชการ ทส.เป็นพิเศษเฉพาะราย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ พ้นจากอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นผู้ตรวจราชการ ทส.เป็นพิเศษเฉพาะราย นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล พ้นจากเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผน ทส. เป็นรองปลัดทส. 

       นายชลธิศ สุรัสวดี พ้นจากผู้ตรวจราชการทส. เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส พ้นจากรองปลัดทส. เป็นเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทส.

รอปล่อยธนาพลบก.ฟ้าเดียวกัน

      เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่บก.ป. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. เผยความคืบหน้ากรณีที่สารวัตรทหารควบคุมตัวนายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน เป็นครั้งที่ 2 ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาไว้ที่ บก.ป. ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า การคุมตัวครั้งนี้เนื่องจากพบว่านายธนาพลกระทำที่เป็นการผิดเงื่อนไขการพิจารณาปล่อยตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงพบการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว และการกระทำอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการกักตัวไว้เป็นเวลา 7 วัน แต่อาจมีการพิจารณาปล่อยตัวในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งยังไม่ครบกำหนดเวลาการกักตัว โดยจะขอดูพฤติกรรมหลังจากได้สอบสวนและปรับทัศนคติอีกครั้ง ซึ่งนายธนาพลให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนไหวหรือกระทำการใดๆ ที่ผิดเงื่อนไขอีก

      เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของนายธนาพลก่อนหน้านี้เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ พ.ท.บุรินทร์กล่าวว่า การพิจารณาของทหารขณะนี้จะดูในเรื่องการเมืองเป็นหลักก่อน หากพบการกระทำใดที่เข้าข่ายความผิดก็จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนายธนาพล เจ้าหน้าที่ยังได้กักตัว น.ส.เชื้อสุวรรณ มุสิกภูมิ อายุ 51 ปี ไว้ที่ บก.ป. ซึ่งมีพฤติการณ์ยืนถือป้ายข้อความภาษาอังกฤษ ที่บริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในวันชาติสหรัฐ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เข้าข่ายฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กักตัวร่วมกับนายธนาพล และผู้ต้องหาคดีอาญารายอื่นๆ ด้วย

เปิดเสรีวินจยย.-ใส่เสื้อส้มติดรหัส

      เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่ พล.1.รอ. มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ให้กับเครือข่ายภาคประชาชน กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างตามโครงการ "สื่ออย่างไรคุ้มครองคนไทยให้เป็นธรรม" ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 

      พล.ต.อภิรัตช์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.1 รอ. กล่าวว่า ขอย้ำว่าวินจักรยานยนตร์จะเปิดเสรีคนที่อยากทำ ต้องไม่มีการเก็บส่วยหรือซื้อขายเสื้อวิน ไม่ว่าจะจากเจ้าหน้าที่หรือวินด้วยกันเอง โดยวันที่ 9 ก.ค. จะเป็นวันสุดท้ายที่ผู้ขับขี่จะยื่นหลักฐานเอกสารให้ครบ ขอให้รีบดำเนินการจากนั้นจะมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจ 

     ส่วนเสื้อวินมอเตอร์ไซค์นั้น พล.ต.อภิรัชต์เปิดเผยว่า จากการหารือคณะกรรมการเห็นว่าจะใช้เสื้อสีส้มตามเดิม แต่จะมีเปลี่ยนแบบ ด้านหลังเสื้อจะมีชื่อคนขับอย่างชัดเจน ส่วนแถบสะท้อนแสงจะมีชื่อวินมอเตอร์ไซค์และชื่อเขตบ่งบอกว่ามาจากเขตใด ด้านหน้าของเสื้อจะมีกระเป๋าไว้ใส่โทรศัพท์มือถือ โดยจะแจกเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ฟรีทั้งหมด ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถทำลอกเลียนแบบหรือปลอมแปลงได้ และภายในเดือนก.ย.นี้ จะเห็นผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์สวมเสื้อถูกระเบียบใหม่ทั้งหมด

     ด้านนายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกได้แก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด อาทิ การขยายเวลาการยื่นอนุญาตขอใบขับขี่รถสาธารณะ 1 ปี 6 เดือน หากครบกำหนดแล้วพบว่าบุคคลใดไม่ยื่นขออนุญาตใบขับขี่สาธารณะรถจักรยานยนต์ ผู้นั้นจะถูกถอนสิทธิทันที ทั้งนี้ วินต่างๆ จะกำหนดเลขหมายประจำตัวให้ผู้ขับขี่ เสื้อวินที่ใส่เลขหมายประจำตัวและหมวกกันน็อกต้องตรงกัน โดยไม่อนุญาตให้จำหน่ายหรือถ่ายโอนให้กับผู้อื่นเด็ดขาด เพื่อป้องกันการแอบอ้าง ซื้อขาย รวมถึงการป้องกันอาชญากรรม

       พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร.รักษาราชการผบช.น. กล่าวว่า สำหรับบช.น. ยืนยันว่าจะไม่มีการเรียกรับส่วย จึงอยากขอความร่วมมือทุกวินให้ช่วยรักษากฎการจราจรให้ผู้ใช้บริการมั่นใจว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น จากนี้เสื้อวินมอเตอร์ไซค์ทุกตัวที่ด้านหลังจะติดรูปถ่ายผู้ขับขี่เพื่อให้ผู้โดยสารจดจำใบหน้าของผู้ขับขี่ได้ และหากพบผู้มีอิทธิพลขอให้แจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกเมื่อ

นัดสืบฟ้อง"ธาริต"19 พ.ค.ปีหน้า

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานคดีที่พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ อดีตผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี ดีเอสไอ และนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีเมื่อปี 2555 จำเลยที่ 1 และ 2 ในฐานะอธิบดีดีเอสไอและรองปลัดกระทรวงยุติธรรมได้สั่งโยกย้ายโจทก์ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะคดีซึ่งมีระดับต่ำกว่าเดิม อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 

        โดยในวันนี้ฝ่ายจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล เนื่องจากขอศาลสืบพยานลับหลัง ขณะที่ฝ่ายโจทก์ขอส่งพยานเอกสารเพิ่มเติมอีก 21 ฉบับและขอสืบพยานนายพิพัฒน์ เพ็ญพาค อีก 1 ปาก ขณะที่ทนายจำเลยแถลงส่งพยานเอกสารเพิ่มเติมอีก 8 ฉบับ ศาลจึงอนุญาตให้สืบพยานโจทก์และจำเลยฝ่ายละ 3 นัดโดยนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 19 พ.ค.2558 เวลา 09.00 น. โดยพ.อ.ปิยวัฒก์กล่าวว่าคดีนี้ตนค่อนข้างมีความมั่นใจเพราะส่วนใหญ่เป็นประเด็นเกี่ยวกับข้อกฎหมาย

ดีเอสไอถก'ประมง'แก้ค้ามนุษย์

       เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ ร่วมกับสมาคมประมงแห่งประเทศไทยและสมาคมประมงนอกน่านน้ำไทย หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดจากการใช้แรงงานประมง 

      พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ผลการหารือในวันนี้ได้ข้อสรุปว่า ดีเอสไอจะเร่งแก้ปัญหาประมงนอกน่านน้ำ เนื่องจากที่ผ่านมาพบปัญหาการหลอกลวงแรงงานการหักหัวคิวค่าแรงให้นายหน้าจนทำให้คนงานไม่ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม หรือการไม่อธิบายให้คนงานเข้าใจลักษณะงานในเรือประมงที่ต้องออกทะเลเป็นเวลานาน เป็นเหตุให้ผู้ใช้แรงงานเกิดความเครียด ทั้งนี้ คสช. มีคำสั่งชัดเจนให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 ก.ค.

      "ดังนั้น ภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ผู้ประกอบการต้องไปดำเนินการให้เรียบร้อย โดย 1.ต้องทำให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 2.จัดระบบแรงงานต่างด้าวให้ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย ต้องมีสัญญาจ้างชัดเจน รวมทั้งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับทำงานในเรือประมง เพื่อป้องกันการกล่าวอ้างว่าถูกบังคับไปใช้แรงงาน 3.ต้องลดการใช้นายหน้าจัดหางานที่จัดหาคนงานผิดกฎหมาย โดยกระทรวงแรงงานจะเข้ามาดูแลทั้งระบบ ซึ่งเบื้องต้นตัวแทนผู้ประกอบการตอบรับให้ความร่วมมือแล้ว"อธิบดีดีเอสไอกล่าว

ย้ายใหญ่อีก'ทส.-พลังงาน' 15 อธิบดี กรมทะเล-ป่าไม้-เชื้อเพลิง กกต.ชงปฏิรูปเลือกตั้ง ห้ามเป็นส.ส.เกิน 2 สมัย ธรรมนูญเสร็จส่ง'บิ๊กตู่' แจง 45 มาตราให้ทูตฟัง

พบคสช. - พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เดินทางไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.กรณีจัดงานเลี้ยงผิดเงื่อนไข ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม

 มติชนออนไลน์ :

      'เสธ.อ้าย-วีระ'เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.หลังจัดงานเลี้ยงเชิงการเมือง ทหารพระธรรมนูญเผย บ.ก.ฟ้าเดียวกันถูกปรับทัศนคติอีกรอบ โฆษก คสช.นัดทูตทหารต่างชาติแจงความคืบหน้าโรดแมป รธน.ชั่วคราว

@ 'เสธ.อ้าย-วีระ'รายงานตัวคสช.

      เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 7 กรกฎาคม ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย แกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) และเป็นประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน เข้ารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 86/2557 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก พล.อ.

       บุญเลิศได้จัดงานเลี้ยง "งานอิสรีย์แห่งวีระ" ต้อนรับการเดินทางกลับมาประเทศไทยของนายวีระ ภายหลังถูกดำเนินคดีที่ประเทศกัมพูชา ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บุกรุกเขตทหาร และจารกรรมข้อมูลทางการทหาร ติดคุก 3 ปี 6 เดือน ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา โดยมีการจัดงานขึ้นที่ห้องประชุมปฏิพัทธ์ภูบาล ราชตฤณมัยสมาคม สนามม้านางเลิ้ง ซึ่ง พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก คสช. ระบุว่าเป็นการจัดงานที่มิได้เป็นไปตามที่ คสช.ขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่สังคมอาจมองได้ว่าเป็นการกิจกรรมทางการเมือง

      ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.บุญเลิศ และนายวีระได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังเจ้าหน้าที่ทหารได้พูดคุยและทำความเข้าใจ รวมทั้งปรับทัศนคติ โดยขอความร่วมมือไม่ให้กระทำการใดๆ ที่ขัดต่อประกาศและคำสั่งของ คสช. 

     พล.อ.บุญเลิศเผยว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของ คสช. มีการทำความเข้าใจว่าหากต้องการทำกิจกรรมอะไรที่อาจเข้าข่ายขัดต่อประกาศของ คสช. ขอแจ้งคสช.ให้รับทราบก่อน ซึ่งได้รับปากว่าพร้อมทำตาม

@ ขังบ.ก.ฟ้าเดียวกันที่บก.ป.7วัน

      เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.1 บก.ป เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. พร้อมกำลังสารวัตรทหารได้ควบคุมตัวนายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกันไว้ที่ห้องขัง บก.ป. อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีกำหนดเวลา 7 วัน ทางทหารได้ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. ทั้งนี้ นายธนาพลเคยเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ที่ 5/2557 แล้ว ได้รับการปล่อยตัวไป

      เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายหลังจากนายธนาพลได้เคลื่อนไหวร่วมกับมวลชนบริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 

     พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์เปิดเผยว่า ทหารมีอำนาจควบคุมตัวนายธนาพลจนครบกำหนด 7 วัน หรือไม่ก็ได้ อาจจะพิจารณาขอรับตัวไปควบคุมยังสถานที่อื่น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ทหารจะทำหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวน แต่ระหว่างนี้ทนายความและญาติ สามารถเข้าเยี่ยมได้ตามปกติ ไม่เหมือนกับผู้ต้องหาในคดีอาญาทั่วไปที่มีกำหนดเวลาในการเข้าเยี่ยม อย่างไรก็ตาม บก.ป.ไม่ได้มีห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาที่แยกไว้เฉพาะผู้ที่ถูกกักตัวตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก จึงต้องคุมตัวรวมกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆ ในห้องขังเดียวกัน

@ นัดกันร้านกาแฟก่อนถูกคุมตัว

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ประชาไทรายงานกรณีทหารควบคุมตัวนายธนาพล เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม ว่า "นายธนาพลได้รับนัดจากเจ้าหน้าที่ให้เดินทางไปคนเดียว โดยเพียงการแจ้งให้บุคคลใกล้ชิดทราบเวลาและสถานที่นัดหมาย คือร้าน Coffee Zelection ใต้ตึกยศวดี ถนนพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์ เวลา 12.30 น."

     ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายธนาพลเข้าสั่งเครื่องดื่มและอาหารไปนั่งอยู่โต๊ะส่วนด้านนอกร้าน ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง นายทหารนอกเครื่องแบบ ทราบภายหลังชื่อ พ.ท.ภาสกร กุลรวิวรรณ เดินเข้ามาหาธนาพล โดยภายในบริเวณรอบๆ มีลูกค้าคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วย บทสนทนาเริ่มต้นอย่างเป็นกันเอง เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ได้มีน้ำเสียงข่มขู่และค่อนข้างพูดเบา ขณะที่ธนาพลพูดเสียงดังฟังชัดในทำนองว่าไม่ได้ทำอะไรเกินเลยและไม่เคยแตะเรื่อง มาตรา 112 โดยมีข้อความว่า "ผมทำตามที่ตกลงไว้ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ" ซึ่งพูดย้ำเป็นระยะ

       ผ่านไปเพียงประมาณสิบนาทีเท่านั้น นายธนาพลโทรศัพท์แจ้งบุคคลใกล้ชิดว่าตัวเองกำลังจะถูกทหารพาตัวไป นายธนาพลไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด และได้ถูกคุมตัวขึ้นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งแหล่งข่าวแจ้งภายหลังว่าเป็นรถทะเบียน ชล 8106 ขับออกไปจากร้านกาแฟ ขณะอยู่บนรถ นายธนาพลได้โทร.แจ้งบุคคลใกล้ชิดว่าจะถูกนำตัวไปที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (สนามเป้า) และกล่าวเพียงว่า เสร็จแล้วจะโทร.หาเอง จากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อนายธนาพลได้อีกเลย

@ ฝ่าฝืนเงื่อนไข-ส่งเข้ากองปราบฯ

    จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.30 น. ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งว่ามีการนำตัวนายธนาพลไปยังกองบังคับการปราบปรามโดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ แต่มีการอ้างถึงจากนายทหารระดับสูงว่าเกี่ยวเนื่องกับการโพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ของนายธนาพลหลังได้รับการปล่อยตัวซึ่งอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนเงื่อนไขตามที่ลงนามไปก่อนหน้านี้ นายธนาพลยืนยันกับบุคคลใกล้ชิดว่า เข้าใจว่าการนัดหมายครั้งนี้เป็นไปเพื่อ 

     "กินกาแฟเฉยๆ" และทางเจ้าหน้าที่ทหารเองก็บอกเพียงว่า เรียกไปคุยเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน นายธนาพลยืนยันว่าไม่มีเจตนาฝ่าฝืนเงื่อนไข หรือปลุกปั่นยุยงให้เกิดการต่อต้าน คสช.ดังที่เจ้าหน้าที่กล่าวแจ้ง เพียงแต่รายงานข่าวและแสดงความคิดเห็นทางเฟซบุ๊กเท่านั้น

@ ขอปรับทัศนคติใหม่อีกรอบ

    ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. เปิดเผยว่า การคุมตัวนายธนาพล สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบการกระทำที่เป็นการผิดเงื่อนไข หลังนายธนาพลได้รับการพิจารณาปล่อยตัว โดยนายธนาพลทราบดีอยู่แล้วว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ ทางการเมืองเป็นการกระทำผิดเงื่อนไข เจ้าหน้าที่ยังคงพบการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว และการกระทำอื่นๆ ด้วย เจ้าหน้าที่มีอำนาจกักตัว 7 วัน 

      แต่อาจพิจารณาปล่อยตัวในวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งยังไม่ครบกำหนดเวลาการกักตัว โดยจะขอดูพฤติกรรมอีกครั้ง หลังจากได้สอบสวนและปรับทัศนคติโดยนายธนาพลให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนไหวหรือกระทำการใดๆ ที่ผิดเงื่อนไขอีก

     ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของนายธนาพลที่อาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง พ.ท.บุรินทร์กล่าวว่า กรณีความผิดตามมาตรา 112 เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว แต่การพิจารณาของทหารจะดูในเรื่องการเมืองเป็นหลักก่อน หากพบเข้าข่ายความผิดก็จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในทุกกรณีไม่มีละเว้น

@ คุมตัวหญิงถือป้ายต้านคสช.อีกราย 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนายธนาพลแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้กักตัว น.ส.เชื้อสุวรรณ มุสิกภูมิ อายุ 51 ปี มีพฤติการณ์ยืนถือป้ายข้อความภาษาอังกฤษ หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ตรงกับวันชาติสหรัฐ เข้าข่ายฝ่าฝืนประกาศ คสช. เรื่องห้ามการชุมนุมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย แต่ น.ส.เชื้อสุวรรณเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ชาวต่างชาติต่อต้าน คสช.

    รายงานข่าวว่า หลังถูกคุมตัวเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำเพื่อปรับทัศนคติและกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.โดยอยู่รวมกับผู้ต้องหาคดีอาญาอื่นๆ รวมทั้งนายธนาพล โดยนายธนาพลบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าจะช่วยพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติและความคิดเห็นทางการเมืองของ น.ส.เชื้อสุวรรณอีกด้วย

@ มท.วาง 6 ภารกิจปรองดอง

    ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เพื่อให้หน่วยงานและบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยมีความเข้าใจร่วมกันถึงบทบาท ภารกิจ ที่จะต้องเน้นหนักและให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปัจจุบัน จึงกำหนดกรอบแนวความคิดหลักในการปฏิบัติงาน ภารกิจหลักคือ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" และนโยบาย คสช. ว่า "มหาดไทยร้อยใจ คนไทยยิ้มได้" เน้นหนักนโยบาย 6 ประการคือ "รักษาความสงบ บริการด้วยใจ ให้ความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ปรองดองสมานฉันท์ และมุ่งมั่นปฏิรูป" และเพื่อเป็นการบูรณาการบุคลากร ทรัพยากรจากทุกหน่วยงานในสังกัดมาขับเคลื่อนในเชิงรุกและมีประสิทธิภาพ จึงจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจกระทรวงมหาดไทยสนับสนุนการรักษาความสงบแห่งชาติขึ้นเป็นการเฉพาะ

@ อธิบดีปค.พร้อมหนุนคสช. 

     เมื่อเวลา 07.30 น. นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทยในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ ภายหลังดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาแล้วได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงมหาดไทย มีผลในวันที่ 7 กรกฎาคม แต่ต่อมา กระทรวงมหาดไทยสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าว พร้อมแต่งตั้งไปนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง และให้มีผลในวันที่ 7 กรกฎาคมเช่นกัน

     นายกฤษฎาได้เข้าสักการะศาลพระชัยมงคล พระกาฬชัยศรี และพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ก่อนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในโอกาสมารับตำแหน่งใหม่จะดูแลให้ข้าราชการสามารถปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนได้จริงตามหน้าที่ของกรมการปกครอง ส่วนวิธีการจะทำอย่างไรขอหารือกับรองอธิบดี 

      ผู้บริหารและรับฟังความคิดเห็นของข้าราชการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อน เป็นไปตามแนวทางรับฟังของกรมการปกครองเพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ 

@ มท.สั่งผู้ว่าฯเร่งแก้ยาเสพติด 

     เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการประชุมวิดีโอทางไกล เพื่อชี้แจงนโยบายและซักซ้อมการปฏิบัติงานตามคำสั่งและนโยบายของ คสช. โดยมีนายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม มีการหารือ 3 เรื่อง คือ 1.การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ 2.การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด และ 3.การสนับสนุนศูนย์ปรองดองเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (ศปป.)

@ 'ปนัดดา'ปัดข่าวเลือกตั้งผู้ว่าฯ 

      ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีกระแสข่าวที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศมาจากการเลือกตั้งว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนี้เป็นระบบที่เรียกว่าประเทศไทยเดียวกัน คือผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลที่ไปประจำอยู่ใน 76 จังหวัด ดังนั้น ข้าราชการในภูมิภาคจึงทำหน้าที่เชื่อมโยงความเป็นประเทศไทยเดียวกัน ถ้าหากเป็นการเลือกตั้งทั้งหมดทุกระดับความเชื่อมโยงนี้ก็จะขาดหายไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดี 

      "การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก็มีการเลือกตั้งอยู่แล้วถือเป็นการกระจายอำนาจ ถ้าเป็นการเลือกตั้งทุกระดับรัฐบาลส่วนกลางจะมีระบบเชื่อมโยงทั้งเรื่องงบประมาณการบริหารจัดการไปสู่ระบบ 76 จังหวัดได้อย่างไร คิดว่าผู้ที่เสนอในเรื่องนี้อาจคำนึงถึงเรื่องการกระจายอำนาจ อยากให้มองว่ารัฐบาลส่วนกลางจำเป็นต้องมีมือไม้ในการเชื่อมโยงการบริหารจัดการราชการแผ่นดิน ม.ล.ปนัดดากล่าว

      ส่วนกรณีเปลี่ยนชื่อเรียกตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปเป็นนายกเทศมนตรีนั้น ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เป็นการสื่อความรู้ความเข้าใจให้กับลูกหลานเยาวชนรวมถึงประชาชนได้อย่างชัดเจนว่ากรุงเทพฯเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นลักษณะเทศบาลในรูปแบบพิเศษเนื่องจากกรุงเทพฯไม่ใช่จังหวัดที่ 77 เหมือนที่หลายคนเข้าใจ

@ อธิบดีคุกสั่งลุยล้างยาเสพติด

      เมื่อเวลา 09.30 น. กรมราชทัณฑ์ ได้จัดพิธีส่งมอบตำแหน่งอธิบดีราชทัณฑ์ จาก พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ให้ นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนใหม่ โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานแจกันดอกไม้ยินดีแก่นายวิทยาด้วย

     นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า ได้เข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. เพื่อรับนโยบายให้มาแก้ปัญหายาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ มาตรการแก้ปัญหาตามตัวหนังสือมีอยู่แล้ว ต้องแก้ที่การปฏิบัติให้เคร่งครัด ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาแยกดูเป็นรายเรือนจำ คราวนี้จะเปลี่ยนการดูแลเป็นกลุ่มเรือนจำที่มีหัวหน้าเขตเรือนจำอยู่แล้วที่ผ่านมายังไม่มีบทบาทนัก ต่อไปหัวหน้าเขตต้องเข้าไปดูแก้ปัญหายาเสพติดในเรือนจำ

@ รองอธิบดียันเซ็นแต่งตั้งถูกต้อง

     นายวิทยายังกล่าวกรณี น.ส.พรพิตร นรภูมิพิภัชน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ใช้อำนาจรักษาการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงนามคำสั่งให้ข้าราชการรักษาการในตำแหน่งนักทัณฑวิทยา ชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการคุมแดนต่างๆ ในเรือนจำ โดยคำสั่งลงนามวันที่ 4 กรกฎาคม หลัง คสช.มีคำสั่งโยกย้ายและแต่งตั้งอธิบดีราชทัณฑ์ใหม่เพียง 1 วันว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลว่ายังไม่ใช่คำสั่งแต่งตั้ง แต่เป็นกระบวนการสรรหาที่ให้ไปรักษาการเพื่อทำผลงานเสนอ ยังมีขั้นตอนตรวจสอบผลงานอีกครั้ง อย่างไรก็ตามจะสอบถามรองอธิบดีที่ลงนามคำสั่งต่อไป

    ขณะที่ น.ส.พรพิตรกล่าวยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่งานนโยบาย ไม่ต้องใช้การตัดสินใจจากอธิบดีคนใหม่ ประกอบกับการคัดเลือกทำโดยคณะกรรมการ ถ้าพบว่าขั้นตอนใดไม่ถูกต้อง อธิบดีใหม่สามารถสั่งสอบข้อเท็จจริง การลงนามเป็นการทำหน้าที่ปกติ โดยในวันที่ 4 กรกฎาคม ก็ได้ลงนามไปหลายเรื่อง

      "เชื่อว่าคนที่ไม่ได้รับคัดเลือกหวังให้อธิบดีคนใหม่มารื้อกระบวนการสรรหา ถ้าเปลี่ยนอธิบดีแล้วเปลี่ยนกระบวนการสรรหาที่ทำมาแล้ว ก็ไม่ใช่กฎกติกาแล้ว แต่เป็นระบบอุปถัมภ์" น.ส.พรพิตรกล่าว และว่า เรื่องความเหมาะสมหรือไม่ ไม่ขอตอบ แต่ขอถามกลับว่าเหตุใดเมื่อกระบวนการมาตามขั้นตอนแล้วจึงต้องไม่ลงนาม การล่าช้าจะมีผลต่อสิทธิของคนที่ได้รับคัดเลือก

@ 'สุชาติ'ซัดไม่ได้เล่นการเมือง

     พ.ต.อ.สุชาติกล่าวระหว่างพิธีอำลาตำแหน่งว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม มีนักการเมืองบางคนออกมาต่อว่า น.ส.พรพิตรในการลงนามคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษ เห็นว่าไม่เป็นธรรม การกระทำดังกล่าวเกิดจากผู้ไม่มีภูมิปัญญาความรู้เขียนการแต่งตั้งข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษ เป็นไปตามระเบียบของคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กรมราชทัณฑ์ และที่ผ่านมามีการสรรหาตามระเบียบวาระ เสร็จสิ้นการพิจารณาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557

     "วันนั้นผมยังคงเป็นอธิบดี ต่อมาถูกย้าย รองอธิบดีรักษาราชการก็ดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีทางทำอย่างอื่นได้ ต้องลงนามคำสั่ง เพราะกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว เพราะตำแหน่งอธิบดีคนใหม่ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งก่อนหรือไม่ ผมว่าคนที่เขียนต้องมีภูมิความรู้ ภูมิปัญญา ไม่ใช่สักแต่จะเขียนให้คนอื่นได้รับความเสียหายเดือดร้อน ผมว่ามันไม่แฟร์ กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีหน้าที่เล่นการเมือง คนเขียนจะสำนึกให้มากกว่า คุณได้ดิบได้ดีได้คะแนนเสียงเพราะคนกรมราชทัณฑ์ก็เยอะ คุณควรให้เกียรติกรมราชทัณฑ์มากกว่านี้" พ.ต.อ.สุชาติกล่าว

@ กรมราชทัณฑ์นัดแถลงชี้แจง

     นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พิจารณาตัดสินใจและตรวจสอบกรณี น.ส.พรพิตรที่ลงนามในคำสั่งให้ข้าราชการกรมราชทัณฑ์รักษาการในระดับ 8 หากพิจารณาเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจรักษาการเป็นไปโดยถูกต้อง ควรแถลงต่อสาธารณชนให้เข้าใจถึงกระบวนการสรรหา อีกทั้งเพื่อให้ข้าราชการที่อยู่ระหว่างการสรรหาไม่ต้องเคลือบแคลงใจซึ่งกันและกัน แต่หากเห็นว่ามีขั้นตอนใดไม่ถูกต้อง ก็อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของอธิบดี

     นายชาญเชาวน์กล่าวว่า รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงมาแล้ว ระบุว่าขั้นตอนดังกล่าวเป็นการอนุมัติจาก อ.ก.พ.กรมราชทัณฑ์มาแล้ว ส่วนขั้นตอนการลงนามดังกล่าวเป็นการส่งไปตามกระบวนการตามที่ อ.ก.พ.มีมติเท่านั้น

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวในวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี 

@ 'สีหศักดิ์'พร้อมถกต่างชาติ

      นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (อีโคซอค) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคมนี้ว่า เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศที่มีความเห็นที่รุนแรงต่อเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม คือ สหรัฐอเมริกากับกลุ่มละตินอเมริกา โดยจะเข้าร่วมประชุมในหัวข้อหลัก เรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ประเทศไทยก็บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ที่เน้นการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นการพัฒนาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเศรษฐกิจพอเพียง 

     สำหรับการชี้แจงเรื่องสถานการณ์การเมืองไทย นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ต้องชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นให้ต่างชาติเข้าใจบริบทการเมืองไทยที่ไม่ทิ้งหลักการประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชน นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตย เกี่ยวโยงกับการพัฒนา นอกจากการชี้แจงแล้วยังจะแสดงบทบาทสำคัญของไทยในเวทีระหว่างประเทศว่า ไทยยังมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจที่อยู่อันดับสองของกลุ่มชาติอาเซียน มีเสรีภาพทางความคิดเห็น ช่วงแรกๆ อาจมีการจำกัดบ้างเพื่อต้องการรักษาความสงบ และไทยยังต้องการให้ประเทศอื่นๆ มาเป็นหุ้นส่วนของไทย 

    "แผนงานต่อไปของกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากการชี้แจงเรื่องการเมืองและแก้ไขภาพลักษณ์ประเด็นสำคัญ อาทิ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีอยู่แล้ว เช่น นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ คสช. ได้แก่ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ โครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปโครงสร้างภาษีศุลกากร จะเน้นเรื่องต่างชาติมีความเชื่อมั่นบทบาทที่สำคัญของไทย เน้นให้เห็นว่าเราเป็นพันธมิตร รวมทั้งเรื่องสื่อด้วย" นายสีหศักดิ์กล่าว

@ นัดคุยบ.ก.นิวยอร์กไทม์ส

     นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจะได้พบกับบรรณาธิการนิวยอร์ก ไทม์ส ซึ่งมีความสำคัญด้านความคิดเห็นสาธารณะ และเอเชีย โซไซตี้ (Asia Society) องค์กรที่สำคัญในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเอเชีย พร้อมพบปะชุมชนคนไทย ทั้งที่นครชิคาโก นครลอสแองเจลิส และนครนิวยอร์ก เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความปรองดอง เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงที่คนไทยต้องพยายามเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยได้สั่งการให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกออกพบปะชุมชนคนไทยเพื่อรับฟังความเห็นเรื่องการปรองดอง เป็นการสื่อสาร 2 ทางเพื่อรายงานไปยัง คสช. โดยในสัปดาห์หน้า กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญผู้แทนการค้าต่างประเทศ และนักธุรกิจตะวันตกที่ลงทุนในไทยอยู่แล้ว มาเล่าให้เห็นศักยภาพของไทย และให้โน้มน้าวรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ให้เห็นศักยภาพของไทย เป็นการสานต่อสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้กับผู้แทนหอการค้าร่วมต่างประเทศประจำประเทศไทย 

     นายสีหศักดิ์ ยังกล่าวถึงการประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 20-25 กรกฎาคมนี้ ว่า มีความสำคัญมาก อียูได้ยืนยันจะเชิญระดับรัฐมนตรีและมีหนังสือเชิญที่ได้รับมาจากนางแคเธอรีน แอชตัน กรรมาธิการต่างประเทศของสหภาพยุโรป แม้ว่าอียูจะลดความสำคัญกับไทยในบางด้าน แต่ต้องสะท้อนสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดไว้ว่า คสช.เข้าใจท่าทีของเขา ไม่สามารถเปลี่ยนท่าทีเขาได้ แต่เขาต้องพยายามเข้าใจ คสช.เหมือนกัน และต้องเข้าใจว่ามีกระแสภายในของชาติสมาชิกอียู อาทิ บทบาทของรัฐสภาของกลุ่มอียูด้วย บางคนยังไม่เข้าใจ แม้ว่าประเทศตะวันตกจะคว่ำบาตรแต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ต้องถามว่า ถ้าจัดเลือกตั้งแล้วจะเป็นการแก้ไขปัญหาหรือไม่ 

      ทั้งนี้ ไม่ได้แก้ตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดก็ถือเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะที่สุดแล้วคนไทยต้องแก้ไขปัญหาเอง

@ แจงทูตทหาร-เนื้อหารธน.ชั่วคราว 

     พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ คสช.กำหนดการชี้แจงต่างชาติโดยเชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยจำนวน 23 ประเทศ เข้าประชุมครั้งที่ 3 ในวันที่ 9 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก เนื้อหาการประชุมเป็นการชี้แจงการเข้ามาควบคุมสถานการณ์ของ คสช.กว่า 2-3 เดือน และแนวทางบริหารประเทศของคสช.จะมีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรดแมป รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับธรรมนูญชั่วคราว เบื้องต้นมีผู้ช่วยทูตทหารตอบเข้าร่วมแล้ว 15 ประเทศ ส่วนสหรัฐอเมริกาและอังกฤษยังไม่ได้ตอบรับจัดทำรธน.ชั่วคราวเสร็จแล้ว

    แหล่งข่าวจาก คสช.เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นในเรื่องธุรการ แยกออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะนำทูลเกล้าฯด้วยตัวเอง หรือให้เลขาธิการ ครม.เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่สองคือรอโปรดเกล้าฯ โดยหัวหน้า คสช.จะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ทางหัวหน้า คสช.ได้ให้คำมั่นสัญญาประชาชนไว้อย่างแน่นอน ส่วนที่การระบุว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนั้นมีทั้งหมด 45 มาตรา ทางหัวหน้า คสช.จะเป็นผู้ชี้แจงกับประชาชนให้ได้รับทราบด้วยตนเองว่าแต่ละมาตรามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง

@ ชงส.ส.2 แบบจำนวนใกล้เคียง

    เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต.นานกว่า 4 ชั่วโมง ร่วมกับผู้บริหารสำนักงานเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาและข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ว่า ที่ประชุม กกต.ได้ประชุมพิจารณาโจทย์จำนวน 6 ข้อเสร็จเรียบร้อย โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.จะลงนามและเสนอให้คณะทำงานด้านการปฏิรูปของ คสช.ในเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม 

     นายภุชงค์ กล่าวว่า ประเด็นที่เสนอเป็นการให้ข้อดีข้อเสีย และข้อเสนอที่ควรจะเป็น ไม่ใช่การฟันธงว่าต้องแก้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ในกรณีการเลือกตั้ง ส.ส. ยังคง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ แต่เห็นว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตเลือกตั้งและอิทธิพลในการเลือกตั้ง ระบบแบ่งเขตควรเปลี่ยนจากเขตเดียวเบอร์เดียวเป็นแบบเขตใหญ่ ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้มีที่มาจากกลุ่มสาขาอาชีพที่หลากหลาย คำนึงถึงเพศ และภูมิภาคเป็นหลัก ส.ส.ทั้งสองระบบควรมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน

      ส่วน ส.ว.มีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ แต่จะเป็นแบบ ส.ว.สรรหา และ ส.ว.เลือกตั้งหรือไม่ ได้เสนอจุดเด่นจุดด้อยว่า ถ้าจะให้ ส.ว.มาจากกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลาย ควรคำนึงถึงเรื่องของความสามารถมากกว่าการศึกษา ส่วนการจะให้มี ส.ว.เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ไม่ได้จบปริญญาตรี ก็ยากที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง จึงน่าพิจารณาในรูปของการเป็น ส.ว.สรรหามากกว่า

@ สกัดส.ส.ให้อยู่ไม่เกิน 2 สมัย 

     นายภุชงค์ กล่าวว่า มีการเสนอให้แก้ไขคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เสนอให้เพิ่มว่า การที่ผู้สมัครจะต้องสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ แม้ประโยชน์ของการไม่สังกัดจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่การสังกัดพรรคจะมีผลในเรื่องของการพัฒนาและสนับสนุนงานของพรรค พรรคควรวางกรอบการควบคุม ส.ส. โดยไม่ให้ ส.ส.ของพรรคต้องดำเนินการตามคำสั่งของพรรคการเมืองเสมอไปเหมือนที่ผ่านมา และการจะลงสมัครรับเลือกตั้งควรกำหนดให้ต้องสังกัดพรรคมาไม่น้อย 1 ปี และเมื่อเข้าดำรงตำแหน่ง ส.ส.แล้วควรกำหนดวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี แต่ต้องดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระ หรือ 8 ปี พร้อมทั้งแก้ไขปัญหา "สภาผัวเมีย" ควรกำหนดห้ามมิให้บุพการี บุตรบุญธรรม คู่สมรสตามกฎหมาย หรืออดีตคู่สมรส ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือ ส.ว.ในคราววาระเดียวกัน และยังเห็นควรเพิ่มลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง คดียาเสพติด และคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขณะที่พรรคการเมืองควรกำหนดให้การตั้งพรรคทำได้ยากขึ้น แม้จะมีผู้ก่อตั้ง 15 คน แต่จะเป็นพรรคการเมืองได้ต้องหาสมาชิกให้ได้ครบ 5 พันคน และตั้งสาขาพรรคใน 4 ภาคให้แล้วเสร็จก่อน

@ โละครม.ยุบสภาไม่นั่งรักษาการ 

     นายภุชงค์กล่าวอีกว่า เสนอให้มีการพิจารณาถึงอำนาจ กกต.ในการจัดการเลือกตั้งว่า หากเกิดปัญหาการขัดขวาง เกิดเหตุสุดวิสัยอันเป็นภัยร้ายแรง ให้ กกต.มีอำนาจเสนอเลื่อนขยายวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร หรือกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ต้องปรึกษาหรือขอความเห็นจากนายกรัฐมนตรี และเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าราชการการเมืองใช้ตำแหน่งหน้าที่ ทรัพยากรของรัฐไปเป็นประโยชน์ในการหาเสียงเอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม มีการกำหนดให้ข้าราชการเป็นข้าราชการการเมืองตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดข้ออ้างว่า ใช้เวลานอกราชการไปหาเสียง อีกทั้งเมื่อมีการยุบสภาหรือกรณีดำรงตำแหน่งครบวาระให้คณะรัฐมนตรีพ้นไปโดยปริยาย ไม่ต้องเป็นคณะรัฐมนตรีรักษาการ และเห็นควรให้ปลัดกระทรวงทบวงกรมรักษาการแทน 

@ เพิ่มกม.สกัดประชานิยม

     นายภุชงค์ กล่าวว่า ในระหว่างการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้มีการข่มขู่พยานจนเกิดการกลับคำให้การ เสนอให้พยาน กกต.ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองพยาน และเพิ่มอำนาจให้ กกต.เรียกเอกสาร หรือเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคำต่อ กกต. หากไม่มาให้มีบทโทษ อีกทั้งการให้ข้อมูลข้อดีข้อเสียถึงการเลือกตั้งว่าควรจะให้เป็นหน้าที่หรือเป็นสิทธิ และเสนอมาตรการป้องกันการใช้นโยบายประชานิยมในการหาเสียงเลือกตั้ง จะมีการตั้งคณะทำงานประกอบไปด้วยหลายหน่วยงาน อาทิ ป.ป.ช. สตง. ศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. ตรวจสอบว่านโยบายที่พรรคการเมืองเสนอดำเนินการได้จริงหรือไม่ ส่งผลทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายในอนาคตหรือไม่

@ ชงแก้กม.ประกอบรธน. 

     นายภุชงค์ กล่าวว่า หลัง กกต.ส่งข้อเสนอแนวทางดังกล่าวให้คณะทำงานด้านการปฏิรูปแล้ว ทาง กกต.จะจัดทำในส่วนที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง พรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น รวม 5 ฉบับ จะมีส่วนของการใช้สิทธิเลือกตั้งว่าจะต้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องลงทะเบียนขอใช้สิทธิก่อนหรือไม่ ขณะนี้มีกว่า 92 ประเทศที่ใช้วิธีการนี้ และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวมถึงการเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งจะยังคงมีอยู่หรือไม่ หากมีอยู่ควรมีการปรับแก้ไขในเรื่องใด เพราะที่ผ่านมาเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรใช้งบประมาณต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหนึ่งคนกว่า 2 พันบาท ขณะที่ในประเทศผู้มีสิทธิเลือกตั้งหนึ่งคนใช้งบเพียงหลักร้อยบาท รวมถึงจะเสนอให้ศาลให้ข้อมูลที่ กกต.เสนอไปขอให้พิจารณาสั่งเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้ระบบกล่าวหาของกฎหมายอาญาอย่างที่ทำอยู่ปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาพยานกลับคำให้การในชั้นศาล ทำให้คดีเลือกตั้งจำนวนมาก กกต.ไม่สามารถเอาผิดได้ ทั้งนี้ กกต.จะเร่งส่งรายละเอียดทั้งหมดให้กับ คสช.พิจารณา เพื่อให้ทันกับการพิจารณาของสภาปฏิรูปซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาทั้งระบบว่าการเลือกตั้งควรจะเป็นอย่างไร 

@ 'บิ๊กตู่'ส่งตัวแทนร่วมวันชาติจีน 

     พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวกรณีทางสถานทูตจีนเชิญ คสช.ไปร่วมงานวันชาติของจีน ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ว่า ยังไม่ทราบว่าหนังสือเชิญมาถึง คสช.หรือยัง โดยปกติแล้วเมื่อมีหนังสือเชิญมาอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะมอบหมายให้ผู้แทนนายทหารชั้นผู้ใหญ่เป็นตัวแทน อีกทั้งตั้งแต่ก่อนมี คสช. ในปีที่ผ่านมาโดยปกติก็มีการทำหนังสือเชิญไปทุกเหล่าทัพ ในส่วนของกองทัพบกไม่ว่าจะวันชาติของประเทศใดทาง พล.อ.ประยุทธ์ก็จะมอบหมายให้ผู้แทนนายทหาร

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!