WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

องคมนตรียื่นบิ๊กตู่ ฟื้นขุดคอคอดกระ แผ่นดินเป็นแผ่นทอง ธานินทร์ส่งถึงนายกฯ เร่งปฏิรูปตร.-ราชการ ชายหมูฉุนมาร์คยกหู ต้องรับสายทุกคนหรือ

มติชนออนไลน์ :

Gธานนทร กรยวเชยร    องคมตรีส่งจดหมายถึงนายกฯ แนะแนวทางการปฏิรูปประเทศให้ศึกษาการขุดคอดกระ พลิกแผ่นดินให้เป็นแผ่นทอง เป็นศูนย์กลางคมนาคมสำคัญของโลก ห่วงระบบอุปถัมภ์ในวงราชการสร้างวิกฤต ก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น สนช.ชงตั้ง กมธ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข ชวนทุกสีร่วมคณะ

@ 'องคมนตรี'แนะขุดคอคอดกระ

     เมื่อวันที่ 9 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะ เกี่ยวกับข้อเสนอในการปฏิรูปประเทศ โดยระบุว่าปัญหาการขุดคอคอดกระ เรื่องเดิมที่ปัจจุบันยังไม่มีการตัดสินใจดำเนินการอันเกี่ยวเนื่องกับการพาณิชย์นาวีโดยตรงคือ โครงการขุดคอคอดกระหรือการสร้างเส้นทางเชื่อมระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน (Land Bridge) ที่เคยมีดำริกันมาก่อน แต่ถูกระงับไปด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

    นายธานินทร์ กล่าวว่า แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป ดังที่ประเทศจีนและประเทศอื่นๆ สนใจที่จะสร้างเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าที่จะช่วยร่นระยะเวลาและค่าใช้จ่าย อันเป็นโอกาสดีที่จะมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการขุดคอคอดกระ เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส พลิกแผ่นดินให้เป็นแผ่นทอง เพื่อประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยการริเริ่มสร้างเส้นทางใหม่ๆ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ซึ่งจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนและสติปัญญาความสามารถของพวกเราเอง

@ ห่วงระบบอุปถัมภ์ก่อวิกฤต

    นายธานินทร์ระบุผ่านจดหมายเปิดผนึกอีกว่า ปัญหาที่สำคัญที่สุดอันก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ของประเทศไทย คือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นผลมาจากระบบอุปถัมภ์ที่เกิดขึ้นในทุกวงราชการ ระบบอุปถัมภ์เป็นระบบที่มีคน 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้ให้ความอุปถัมภ์ และอีกฝ่ายคือผู้รับความอุปถัมภ์ โดยอาจช่วยเหลือเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ เกิดเป็นหนี้บุญคุณที่ต้องตอบแทน ซึ่งหากพิจารณาแล้ว การช่วยเหลือดูแลกันด้วยอัธยาศัยไมตรีและการตอบแทนบุญคุณด้วยความกตัญญูย่อมถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องสรรเสริญ แต่จะต้องตอบแทนโดยใช้ทรัพย์สินของส่วนตัว ไม่ใช่การนำผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติไปตอบแทน เพราะทันทีที่นำของส่วนรวมมาต่อรองกัน ย่อมเกิดเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่นขึ้นแล้ว และประเทศชาติต้องเสียหายเพราะการตอบแทนหนี้บุญคุณนี้มากเหลือเกิน

@ แนะสร้างจิตสำนึกประชาชน

     นายธานินทร์ระบุว่า นอกจากนั้นเมื่อถือกันว่าเป็นหนี้บุญคุณกันแล้ว แม้ตอบแทนชดใช้เท่าใดก็ไม่หมด เหมือนกับความเป็นเจ้านายลูกน้อง แม้เป็นเพียงวันเดียวก็เป็นตลอดไป จึงเกิดระบบที่เรียกว่าเจ้านายเก่าลูกน้องเก่า ต่างอุปถัมภ์ค้ำชูช่วยเหลือตอบแทนกัน เมื่อเจ้านายเก่ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลืออย่างใดอันเกี่ยวพันกับประโยชน์ของประเทศชาติ ลูกน้องผู้มีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่โดยการช่วยเหลือจากเจ้านายเก่าก็จะต้องให้ความช่วยเหลือด้วยมีบุญคุณค้ำกันอยู่ 

     "เมื่อแนวความคิดระบบอุปถัมภ์นี้เป็นที่แพร่หลายอยู่ในทุกวงราชการ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่า เหตุใดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมไทยจึงยังมีมากเหลือเกินและไม่อาจแก้ไขให้หมดไปได้ ทางเดียวที่ตนเห็นว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ การฝึกอบรมประชาชนทั้งประเทศเพื่อสร้างจิตสำนึกในการแยกประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ของชาติบ้านเมือง" นายธานินทร์ระบุ (อ่านรายละเอียด น.2)

@ 'ครูหยุย'ชวนทุกสีนั่งกมธ.สันติ 

     นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณี สนช.เตรียมจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญวิสามัญ พิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุขว่า พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สนช. จะเป็นผู้เสนอญัตติต่อที่ประชุม เพื่อให้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญชุดดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ไม่เป็นวันที่ 14 มกราคม ก็วันที่ 15 มกราคมนี้ คาดว่าจะมีจำนวนสมาชิกใน กมธ.ฯประมาณ 21 คน ประกอบด้วย คนใน สนช. 11 คน คนนอก 10 คน โดยน่าจะมี สนช.และคนนอกที่ดูแลปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามา และจะประสานทาบทามตัวแทนจากการเมืองทุกกลุ่มทุกสีด้วย 

     ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โจมตีว่าแนวทางนี้ไม่แคล้วเป็นปรองดองลวงโลก เป็นยักษ์ไม่มีกระบอง ให้ไปคุยในโรงพยาบาลบ้านั้น นายวัลลภกล่าวว่า "ถ้าพูดแบบนี้คนพูดก็บ้าแล้ว เริ่มต้นด้วยการปรามาสกันคงไม่เกิดประโยชน์ เพราะโรงพยาบาลบ้านั้นพวกมีปัญหาทางสมองไปรักษาตัว นายจตุพรระมัดระวังคำพูดบ้างก็ดีเหมือนกัน เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราเปิดเวทีก็ขอให้เข้ามาคุยกันดีกว่าหันหลังให้กันแล้วมาด่าทอกันแบบนี้ หากนายจตุพรไม่สมัครใจ เราจะหาคนที่สมัครใจเข้ามาแทนก็ได้"

@ 'อกนิษฐ์'เผยคุยทุกฝ่ายแล้ว

     ด้าน พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า จะเป็นผู้เสนอญัตติการตั้ง กมธ.วิสามัญฯดังกล่าวในสัปดาห์หน้า โดย กมธ.ชุดนี้จะมี 24 คน ประกอบด้วย สนช. 14 คน และคนนอก 10 คน ประกอบด้วย ฝ่ายที่มีความเห็นต่าง นักวิชาการ ภาคธุรกิจ มาร่วมกันหาแนวทางสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะมองว่าแม้สังคมจะมีความขัดแย้งก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ โดยจะนำกลุ่มที่มีความเห็นต่างมาพูดคุยหาทางออกกัน ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับทุกฝ่ายที่มีความเห็นต่างหมดแล้วทั้งกลุ่ม นปช. และ กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) พรรคการเมืองต่างๆ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมานั่งพูดคุยกันเพื่อสร้างสันติสุข ยินดีที่จะเข้ามาร่วมวงพูดคุยในครั้งนี้โดยใช้เวทีสภาเป็นทางออก ทำให้ สนช.เปิดพื้นที่ในเรื่องนี้ขึ้นมาให้ทุกฝ่ายมานั่งคุยกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างฝ่ายเห็นต่างกำลังพิจารณาส่งรายชื่อตัวแทนที่จะเข้าร่วมหารือครั้งนี้

@ ลั่นให้ดูผลงานภายใน 180 วัน 

    พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า การทำงานของ กมธ.ชุดนี้จะดูเรื่องการเสริมสร้างสันติสุขในภาพรวมทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย กำหนดกรอบเวลาการทำงานไว้ 180 วัน ส่วนแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น คงยังไม่ถึงเวลาต้องมานั่งคุยกันขณะนี้ และขอถามว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรม การใช้คำสั่งตามมาตรา 44 จะเกิดความปรองดองได้จริงหรือไม่ เพราะการปรองดองต้องเกิดขึ้นจากจิตใจทุกฝ่ายที่มีความพร้อมอยากให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ใช้กฎหมายมากำหนด 

    ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองว่าการตั้ง กมธ.ครั้งนี้ เป็นการปาหี่สร้างภาพ เพราะที่ผ่านมาเคยมีคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องความปรองดองหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นผลเป็นรูปธรรม พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลการศึกษาเรื่องการสร้างความปรองดองที่คณะกรรมการหลายชุดศึกษามา แต่ไม่เคยถูกนำมาปฏิบัติ เก็บไว้อยู่บนหิ้ง เพราะไม่เคยนำกลุ่มที่เห็นต่างมาพูดคุยกันได้อย่างครบถ้วน แต่ในครั้งนี้ สนช.สามารถนำกลุ่มที่เห็นต่างมาพูดคุยหาทางออกได้ครบถ้วนทุกกลุ่ม ขอให้คอยดูว่าจะทำได้หรือไม่

@ 'ดิเรก'ขอให้เกิดเป็นธรรมก่อน

      นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีต ส.ว.นนทบุรี และอดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ความปรองดองเป็นเรื่องดี แต่สิ่งพื้นฐานที่จะทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้คือ ความเป็นธรรม เพราะถ้าความเป็นธรรมไม่มี ความสามัคคีจะเกิดขึ้นในชาติไม่ได้ ดังนั้น ก่อนที่จะทำเรื่องปรองดองรัฐบาลควรไปดูเรื่องความเป็นธรรมเสียก่อน ต้องสร้างมาตรฐานเรื่องความเป็นธรรมขึ้นมาให้ทุกฝ่ายรู้สึกกันก่อนว่า นี่คือความเป็นธรรม การจะออกกฎหมายปรองดองเพื่อมาบังคับใช้ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกฝ่ายปรองดองกันได้

      "ผมคิดว่า ตอนนี้เราต้องพูดความจริงกันก่อนว่า คนส่วนใหญ่ยังมองและรู้สึกว่าความเป็นธรรมยังไม่สมบูรณ์แบบ รัฐบาลต้องทำให้ทุกฝ่ายเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำได้ยืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ด้วยมาตรฐานของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมทุกประการ หากรัฐบาลทำให้ทุกฝ่ายเห็นได้ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้เอง" นายดิเรกกล่าว

@ พท.ชี้'บิ๊กตู่'ไม่เอาด้วยก็เหลว

    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีที่ สนช.พยายามตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข โดยจะเชิญพรรคการเมืองและคู่ขัดแย้งทางการเมืองเข้าร่วม แต่ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีเจตนาว่าจะไม่มีการอภัย ปรองดองกับผู้กระทำผิดทางการเมือง ดังนั้นถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นด้วย จะตั้ง กมธ.นี้ขึ้นมาทำไม แค่สร้างภาพลวงโลกหรือเปล่า ดังนั้นต้องชัดเจนว่าตั้งขึ้นมาทำไม มียุทธศาสตร์นำไปสู่การปรองดอง นิรโทษกรรมอย่างไร ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาลอยๆ ไม่มีผลเป็นรูปธรรม แล้วก็จะเหมือน กมธ.ปรองดอง ที่ สนช.ตั้งขึ้น สุดท้ายไม่มีประโยชน์อะไรเลย

@ 'ประชา'ห่วงสร้างภาพ-ไม่จริงจัง

     นายประชา ประสพดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ พท. กล่าวว่า ข้อเสนอของ สนช.เป็นทางออกและทางเลือกที่ดี อย่างน้อยก็เห็นความพยายาม แต่ประเด็นอยู่ที่ความจริงจังและคาดหวังผลได้มากน้อยแค่ไหน กมธ.ชุดนี้มีอำนาจหน้าที่จริงๆ หรือไม่ หรือเป็นเพียงหุ่นเชิด ตั้งขึ้นมาสร้างภาพแล้วจบไปเหมือนเคย ทั้งนี้ เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปรองดอง คือการทบทวนกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาในระยะหลัง ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าสู่กระบวนการ ระหว่างการพิจารณา เรื่อยไปจนถึงสิ้นสุดแล้ว เพราะเป็นสาเหตุแห่งความรู้สึกไม่เท่าเทียม ถ้าเปิดโอกาสให้มีการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใหม่ที่รัดกุม รอบคอบ จะทำให้คนในสังคมลดราวาศอกกันได้ 

@ 'นพดล'ชี้มองต่างสำเร็จยาก

    นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เคยหวังเรื่องการปรองดอง แต่ขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะเกิดขึ้น ที่ผ่านมาตั้งกรรมการเรื่องปรองดองมานับไม่ถ้วน เสียเงินเสียเวลาไปมาก แต่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ การตั้งกรรมการอีกครั้งเพียงแค่ให้สังคมรู้สึกดีและไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ประเทศไทยเวลามีเรื่องอะไรที่เป็นกระแส มักจะใช้วิธีตั้งกรรมการ แล้วเรื่องจะเงียบหาย พอมีกระแสมาใหม่ก็จะตั้งกรรมการชุดใหม่อยู่เช่นนี้ร่ำไป ที่การปรองดองมันเกิดยาก เพราะแต่ละฝ่ายตีความและเข้าใจการปรองดองแตกต่างกัน บางฝ่ายมองว่าปรองดองคือการเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย บางฝ่ายมองว่าคือการนิรโทษกรรม ตราบใดที่เข้าใจไปคนละเรื่องก็คงเกิดขึ้นยาก 

     นายนพดล กล่าวว่า เรื่องที่เร่งด่วนคือ สังคมไทยต้องสร้างเงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรองดองให้เกิดขึ้นก่อน เช่น การมีกติกาการอยู่ร่วมกันที่เป็นประชาธิปไตยและสากล การมีสิทธิและเสรีภาพ การทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย การยุติการใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน การเคารพสิทธิและความเป็นมนุษย์ของคนไทยด้วยกัน คือไม่ต้องรัก แต่ต้องเคารพสิทธิให้อยู่ด้วยกันได้ เลิกวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง เป็นต้น 

@ ชพน.พร้อมเข้าร่วมหาทางออก

      นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวว่า ชพน.สนับสนุนแนวคิดในการศึกษาหาแนวทางสร้างความปรองดอง และสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทยของ สนช. และเห็นด้วยที่จะเชิญทุกฝ่าย พรรคการเมืองและคู่ขัดแย้งมาร่วมทำงาน เพื่อหาแนวทางที่จะได้ข้อยุติของปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทย ทุกฝ่ายควรให้ความร่วมมืออย่าท้อแท้กับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพราะเป็นปัญหาที่เกิดมานานควรต้องช่วยกันหาทางออกให้บ้านเมือง ความร่วมมือในการสร้างความปรองดอง และลดความขัดแย้ง จะเป็นสัญญาณที่ดีเช่นเดียวกับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการเลือกตั้ง รวมทั้งจะเป็นปัจจัยบวกให้กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยทางพรรคให้ความร่วมมือและพร้อมที่จะส่งผู้แทนเข้าร่วมเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุขที่ สนช.จะแต่งตั้งขึ้น เพื่อที่จะช่วยหาทางออกให้กับประเทศ

@ 'ชายหมู'แจงไม่รับสาย'มาร์ค'

     ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสั้นๆ กรณีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่าได้เลื่อนนัดหมายพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค และไม่ยอมรับโทรศัพท์จากนายอภิสิทธิ์ว่า "ผมจำเป็นต้องรับสายทุกคนเหรอ" จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวหลายสำนักไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!