- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 05 January 2016 11:40
- Hits: 5368
เข้มปูลุยขอนแก่น ยึดปฏิทิน ห้ามแจก-ขึ้นรถแห่ บิ๊กตู่พูดน้อยตามสัญญา ให้สัมภาษณ์แค่ 3 นาที รองผู้ว่าฯกทม.โต้วิลาศ พูดไม่จริง-ไม่รู้เรื่องงบ
เดินสายทำบุญที่ขอนแก่น ชาวบ้านแห่มาต้อนรับ'ยิ่งลักษณ์'แน่น คาดผ้าขาวม้าให้ล้นจนถึงคอ ท่ามกลางทหาร-ตำรวจจัดชุดตามประกบทุกจุด พร้อมยึดปฏิทินปีใหม่ที่ส.ส.นำมาแจก ห้ามขึ้นรถขบวนแห่ด้วย เพื่อไทยทำหนังสือถึงประยุทธ์สอบผู้ว่าฯร้อยเอ็ดละเมิดสิทธิ์ห้ามแจกปฏิทิน ด้านภูมิธรรมอัดมีชัยร่างรัฐธรรมนูญสร้างปมซ่อนเงื่อนทำลายสถาบันทางการเมือง ไม่เห็นหัวประชาชน ด้านวัฒนาท้าใช้ยาแรงก็ได้แลกกับการไม่นิรโทษกรรมคสช. วิษณุลั่นไม่เพิ่มพยานคดีความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวให้'ปู'อีกแล้ว'บิ๊กตู่'นิวลุกส์มามาดใหม่พูดน้อยลงตามที่ประกาศไว้ ให้สัมภาษณ์สื่อแค่ 2.47 นาที
วันที่ 05 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9169 ข่าวสดรายวัน
ต้อนรับ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้อนรับนายอับดุลลา ยามีน อับดุล กายูม ประธานาธิบดีสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ม.ค.
'ปู'เยือนขอนแก่น-ทหารยึดปฏิทิน
เวลา 10.30 น. วันที่ 4 ม.ค. บริเวณภายในตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมอดีตรัฐมนตรีและส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายธนิก มาสีพิทักษ์ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร และ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ลงพื้นที่พบปะประชา ชนและทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2559 โดยร่วมรับประทานร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่นทั้ง สมาชิกสภา อบจ.และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ร้านกาแฟสะอิ้งโอชา ก่อนจะเดินพบปะพ่อค้า-แม่ค้า ริมสองฟากฝั่งถนนและพบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดอย่างเป็นกันเอง โดยอดีต ส.ส.เพื่อไทยร่วมแจกจ่ายปฏิทินสวัสดีปีใหม่ 2559 ตามธรรมเนียมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มีประชาชนมายืนรอต้อนรับและรอถ่ายภาพกับอดีตนายกฯ กันเป็นจำนวนมาก
การลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตเทศบาล เมืองบ้านไผ่ พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ. สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ และ พ.ท.พิทักษ์พล ชุศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น นำกำลังตำรวจ-ทหารและฝ่ายปกครอง รวมกว่า 100 นาย ประจำตามจุดต่างๆ และตรวจสอบพฤติกรรมและการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามคำสั่ง คสช. โดยยึดปฏิทินสวัสดีปีใหม่ที่มีรูปภาพนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นำมาแจกจ่ายและมีลายเซ็นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รวมกว่า 10 ชุด ขณะที่อดีตส.ส.เพื่อไทย เตรียมรถแห่เพื่อนำอดีตนายกฯขึ้นรถแห่ไปโดยรอบเขตบ้านไผ่ เพื่อสวัสดีปีใหม่ให้กับชาวชุมชนและมอบของขวัญ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงห้ามขึ้นรถแห่ด้วยเช่นกัน
หลังสิ้นสุดการพบปะประชาชนแล้ว คณะได้เข้ากราบขอพรพระเจ้าใหญ่ผือบัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของคนบ้านไผ่ ที่วัดบูรณะสิทธิ์ บ.หนองร้านหญ้า ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ชาวบ้านแห่ผูกผ้าขาวม้าล้นคอ
อย่างไรก็ตาม ที่วัดบูรณะสิทธิ์ ชาวบ้านไผ่กว่า 200 คน ร่วมต้อนรับและต่างพากันสังเกตรถยนต์ที่อดีตนายกฯนั่งมา เป็นรถตู้โฟล์กสีน้ำเงิน ทะเบียน นบ-1 กรุงเทพฯ ก่อนที่พากันผูกผ้าขาวม้า จนล้นเกือบถึงคอดีตนายกฯปลาบปลื้มและซึ้งน้ำใจที่ชาวบ้านยังคงรักและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมถึงมอบดอกกุหลาบและร่วมถ่ายภาพท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ก่อนที่อดีตนายกฯ และอดีตรัฐมนตรีและส.ส.เพื่อไทยในภาคอีสานจะเข้ากราบนมัส การพระเจ้าใหญ่ผือบัง ภายในพระอุโบสถ โดยมีพระครูปทุมสารพิมนต์ พร้อมพระอธิการบุญธรรม กัลยาณธัมโม เจ้าอาวาสวัดบูรณะสิทธิ์ นำประกอบพิธีทางศาสนา มีพระเถระในเขตอ.บ้านไผ่ ร่วมบริกรรมคาถา ให้พรและสนทนาธรรมกับอดีตนายกฯโดยใช้เวลานานกว่า 30 นาที หลังเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้วนั้นคณะสงฆ์มอบพระยอดธงกะไหล่เงิน และพระรูปเหมือนพระเจ้าใหญ่ ผือบัง เพื่อความเป็นสิริมงคลให้อดีตนายกฯ ด้วย
จากนั้น อดีตนายกฯ พร้อมคณะเดินทางต่อไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับชาวชุมชนที่ร้านบะหมี่กวงตัง ไปร่วมทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2559 ทั้งที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น บ.โคกสี ต.โคกสี อ.เมืองขอนแก่น และเป็นประธานในการประกอบพิธีตัดลูกนิมิตและสมโภชศาลาการเปรียญที่วัดโพธิ์ชัย ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น โดยมีลูกนิมิตของ 3 อดีตนายกฯ คือนายกฯทักษิณ นายกฯยิ่งลักษณ์ นายกฯสมชาย มีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก
อดีตส.ส.โวยทหารตามประกบ'ปู'
นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและร่วมทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ร่วมกับ อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยและชุมชนนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทยในการทำบุญรับขวัญปีใหม่ ซึ่งไม่มีนัยยะหรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่บ่งบอกหรือบอกเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตลอดทั้งเส้นทางของ การเดินทางทำบุญของอดีตนายกฯร่วมกับครอบครัวและอดีต ส.ส.ในหลายจังหวัดที่ผ่านมาก็ไม่ประสบปัญหาอะไร
นายธนิก กล่าวต่อว่าแต่เมื่อเข้าถึงเขตขอนแก่นถูกกำลังทหารและตำรวจเฝ้าจับตาและจำกัดกรอบในการทำบุญทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งการส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำในพระอุโบสถ ซึ่งไม่นับรวมการยึดป้ายข้อความและปฏิทินปีใหม่ที่อดีตนายกฯนำมามอบให้ประชาชนที่เดินทางไปพบหรือพบเห็นตามสถานที่ต่างๆ โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและบ้าอำนาจจนเกินไป ควรที่จะแยกแยะก่อนและหลังว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องอะไรคือธรรมเนียมปฏิบัติ
พท.บี้ประยุทธ์สอบผู้ว่าฯร้อยเอ็ด
วันเดียวกัน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ให้ตรวจสอบคำสั่งและการกระทำของผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ว่า ตามที่ได้ปรากฏภาพข่าวและรายงานข่าวของสื่อมวลชนและ สื่อออนไลน์ว่านายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ได้ออกคำสั่งไปยังนายอำเภอทุกอำเภอเพื่อให้ตรวจสอบการแจกปฏิทินปี 2559 ที่มีภาพนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งภาพปฏิทินดังกล่าวจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 แต่คำสั่งดังกล่าวได้อ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยและเพื่อความปรองดองสมานฉันท์นั้น
ตนในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการกระทำของผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เนื่องจากการจัดทำปฏิทินเป็นเรื่องของการใช้สิทธิในการสื่อสารถึงกันระหว่างบุคคล นิยมจัดทำขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยผู้ที่จัดทำปฏิทินมีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจำนวนมาก
มท.1ไม่เคยเห็นรูปตัวเองใส่ปฏิทิน
พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า ไม่เคยมียุคสมัยใดที่รัฐบาลหรือข้าราชการ สั่งห้ามมิให้มีการแจกจ่ายปฏิทินให้ประชาชน เว้นแต่ปฏิทิน ดังกล่าวเข้าข่ายลามกอนาจาร สำหรับปฏิทินที่มีรูปอดีตนายกฯ ทั้งสองคนนั้น เป็นภาพถ่ายปกติของทั้งสองคนและเนื้อหาก็มีรูปแบบเหมือนปฏิทินที่แจกจ่ายกันทั่วไป ส่วนผู้ที่รับแจกปฏิทินก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวว่าจะรับหรือไม่รับปฏิทินดังกล่าว ทั้งสองคนเป็นอดีต นายกฯ เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญของพรรค ย่อมมีความผูกพันกับประชาชน การจัดทำปฏิทินเพื่อสื่อสารถึงความรักและความผูกพันระหว่างกันจึงมิใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย หรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อย หรือจะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ดังที่ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ดกล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วย
รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเห็นว่าความปรองดองสมานฉันท์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันด้วย กรณีนี้จึงไม่ควรนำเรื่องการแจกปฏิทินมาเป็นประเด็นทางการเมือง จึงขอนายกฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ดและ จังหวัดอื่นๆ ให้ยุติการกระทำดังกล่าว
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีผวจ.ร้อยเอ็ด สั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพคู่ของนายทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสามารถแจกได้หากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ถือว่าไม่เป็นไร แต่ก็ต้องพิจารณากันด้วยว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วตนไม่เคยเห็นใครทำปฏิทินโดยเอารูปภาพของตัวเองมาใส่ในปฏิทินในลักษณะนี้
บิ๊กตู่ พูดน้อย-สัมภาษณ์ 2.47 นาที
เมื่อเวลา 15.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ ครั้งที่ 1/2559 ว่า ได้หารือเพื่อบูรณาการข้ามแท่งได้ด้วย ให้ทุกกระทรวงมีข้อมูลร่วมกันอยู่ในฐานข้อมูลและเพื่อเป็นข้อมูลให้กับประชาชน เช่น การเกษตร การค้าขายต่างๆ รวมทั้งข้อมูลด้านความมั่นคง ซึ่งจะต้องเป็นบ่อเกิดอีก 4-5 กลุ่มงานที่ต้องให้ประชาชนได้เรียนรู้ด้วย
หลังพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เสร็จ ได้ถามผู้สื่อข่าวว่า "อยากถามอะไรหรือไม่" แต่เมื่อพูดจบก็ได้กล่าวสวัสดี ก่อนเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ทันทีแบบไม่ลังเล เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองในปีนี้ที่มีการมองว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแต่หันมายิ้มแล้วโบกมือปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อ
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของพล.อ. ประยุทธ์ เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมาว่าจะปฏิรูปตัวเองด้วยการพูดให้น้อยลง และหงุดหงิดน้อยลง จะไม่ทะเลาะกับ ผู้สื่อข่าว โดยการให้สัมภาษณ์ในวันนี้เพียง 2.47 นาทีเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมครม.ในวันอังคารที่ 5 ม.ค. นายกฯ และภริยาพร้อม ครม. ร่วมในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูปเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้าราชการจากหน่วยงานภายในทำเนียบ เข้าร่วมด้วย
วิษณุไม่เพิ่มพยานให้ปู-จำนำข้าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีการสืบพยานเพิ่มเติมในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่าจะไม่ขยายเวลาสืบพยานเพิ่มแล้ว เพราะศาลต้องใช้เวลาในการปิดสำนวนเพื่อประชุมกันเองอีก 4 ครั้ง ก่อนสรุปสำนวนคดี หากมีอะไรเพิ่มเติมก็ขอให้ส่งมาเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรมาได้จนถึงสิ้นเดือนม.ค.นี้ เนื่องจากไม่ได้แจ้งชื่อไว้ตั้งแต่ต้น เพราะหากเป็นตัวบุคคลเดี๋ยวจะเลื่อนให้ปากคำไปอีก ขนาดการขอเพิ่มพยานครั้งล่าสุดอีกสิบกว่าคน ศาลให้แจ้งมาว่าพยานคนใดว่างวันไหนบ้างเพื่อจะได้อำนวยความสะดวก แต่กรรมการก็มองเห็นว่าเป็นการยืดเวลา ดีไม่ดีอาจจะเลื่อนอีกก็ได้ เพราะบางรายว่างตอน เม.ย.เลย ซึ่งไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวด้วยหรือไม่อย่างไร แต่ผู้ขอเพิ่มพยานคงทราบจึงแจ้งกับศาลให้ขอเพิ่มพยานเหล่านี้ เข้ามา
ยึดปฏิทิน - ทหารและตร.ยึดปฏิทินรูปทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่อดีตส.ส.เพื่อไทยนำมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่มาต้อนรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งยังห้ามจัดขบวนรถแห่ ระหว่างมาทำบุญและพบปะประชาชน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 4 ม.ค. |
เมื่อถามว่าการให้สอบพยานเพิ่มเติมนั้น ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาถ่วงเวลาการพิจารณาคดีหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เราไม่ได้บอกแบบนั้น รัฐบาลไม่เคยพูดแบบนั้น ไม่กล้าพูด
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของคณะกรรมการ สอบข้อเท็จจริงของกระทรวงพาณิชย์ นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่คืบหน้า เพราะติดอยู่ที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบในส่วนของเขา ตนทราบว่าทางคณะกรรมการได้ประชุม ทุกวันอยู่แล้ว
บัญชีดำล็อตใหม่ไม่มีระดับปลัด
นายวิษณุ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาบัญชีข้าราชการทุจริตชุดที่ 3 ว่า คงคืบหน้าภายใน 1-2 วันนี้ก่อนจะส่งรายชื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ เพราะติดอยู่กลุ่มเดียวที่ต้องไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ขอยกตัวอย่างว่ามีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ แต่ข้าราชการคนนี้มีปัญหาในการมาเป็นกรรมการชุดดังกล่าว ดังนั้นข้าราชการคนนี้ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการได้อยู่ เนื่อง จากไม่ได้ทำผิดในหน้าที่ราชการ แต่ทำผิดตอนเป็นกรรมการ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะแบ่งกลุ่มอย่างไร
นายวิษณุ กล่าวว่า จากที่เห็นรายชื่อพบว่าไม่มีข้าราชการในระดับปลัดกระทรวง แต่จะเป็นตำแหน่งข้าราชการขั้นสูงก็จะสูงในหน่วยงานของเขาเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่น่าแปลกใจคือ เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดใดมีชื่อในบัญชี มักจะมีพัวพันหลายคนแสดงว่าต้องมีอะไรประหลาดเกิดขึ้น และในบัญชีชุด 3 จากที่เห็นมีบางรายที่เสียชีวิตเราก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนที่ลาออกไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบต่อไป ซึ่งหากส่งให้นายกฯ ก็จะใช้หลักเกณฑ์เดิมในการจัดการคือมาตรา 44
เห็นด้วยรธน.ใหม่มีกลไกแก้โกง
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง โดยออกกฎเหล็กคุมเข้มจริยธรรมหากฝ่าฝืนเจอโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า เห็นด้วย ดีแล้ว เพราะจำเป็นต้องทำนั้น และใช้ยาแรงในบางเรื่อง เช่น เรื่องการสกัดกั้นการทุจริตการเลือกตั้งไม่ให้เข้ามาสู่เวทีการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) นายมีชัยก็ยืนยันว่าไม่มีในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากมีก็ให้ออกไปในรูปแบบกฎหมายลูก หากไม่อยากมี ก็ไม่ต้องออก
เมื่อถามว่า หากออกในรูปแบบกฎหมายลูกก็ไม่ต่างจาก คปป. นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ลองดูในรายละเอียดต่อไปแล้วกัน ตนยังจับประเด็นอะไรไม่ได้นัก เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยจะมีเพียงแค่ 260 มาตราเท่านั้น นายวิษณุกล่าวว่า เห็นว่าจะตัดให้เหลือน้อยกว่านั้นอีกหลายสิบมาตรา
มีชัยนำกรธ.สัญจรไปร่างที่ชะอำ
ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรธ.วาระพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับประเด็นที่นักการเมืองทักท้วงถึงการเผยแพร่เนื้อหาและการรับฟังความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า สัปดาห์หน้าที่ กรธ.จะไปประชุมนอกสถานที่ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 11-17 ม.ค. นั้น ตนจะให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการพิจารณาและจะให้นำเนื้อหารายมาตราเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นเบื้องต้น จากนั้นวันที่ 29 ม.ค. จะเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อรับฟังความเห็นอย่างเป็นทางการ ส่วนการปรับแก้ไขเนื้อหาตามที่มีข้อท้วงติงนั้นหากมีเหตุผลทางกรธ.พร้อมจะรับฟังและพิจารณา
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรธ. แถลงหลังจากการประชุมว่า หลังจากที่อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติได้นำเสนอเรื่องวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. แบบเลือกข้ามกลุ่ม จำนวน 20 กลุ่มอาชีพออกมา และมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการช่วยเหลือกัน หรือฮั้วกัน กรธ.จะทำอย่างไร ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ เพราะอาจรู้จักกัน และมีการขอแรงเพื่อช่วยเลือกกันได้ โดยในเบื้องต้น กรธ.ยังยืนในหลักการเดิม คือให้เลือกข้ามกลุ่มกันต่อไป โดยเฉพาะในระดับการเลือกรอบที่ 2 จากระดับอำเภอไปสู่จังหวัด ก่อนจะเข้ามาส่วนกลาง ซึ่งในระดับจังหวัดอาจไม่รู้จักกันจึงได้หารือกันว่าอาจจะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำเอกสารเปิดเผยประวัติของผู้สมัครแต่ละคน โดยเฉพาะข้อมูลในทางร้าย จึงอาจต้องร่างกฎหมาย ภายหลังเพื่อคุ้มครองกกต.ในจังหวัดต่างๆ เพราะ กกต.ได้เปิดเผยประวัติอาชญากรของผู้สมัครจึงต้องได้รับความคุ้มครอง
ให้เปิดประวัติอาชญากรผู้สมัครส.ว.
นายชาติชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กกต.ไม่ค่อยกล้าบอกกับประชาชนว่าผู้สมัครแต่ละคนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ขณะที่การขอเอกสารประวัติอาชญากร เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกรมบังคับคดีก็ช้า ทำให้ประชาชนไม่ได้รู้ข้อมูลผู้สมัครครบถ้วนจึงเป็นจุดอ่อนมาก อย่างไรก็ตาม กกต.ได้นำแนวทางดังกล่าว ของกรธ.ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ส.ว.ข้ามกลุ่ม หรือการเปิดประวัติอาชญากรรม กลับไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้
นายชาติชาย กล่าวว่า ล่าสุด คณะอนุกรรม การรับฟังและสรุปความคิดเห็นได้จัดกลุ่มโดยข้อสรุปของผู้ที่เสนอความเห็นประกอบร่างรัฐธรรมนูญ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1.คสช. ครม. สปท. และสนช. 2.หน่วยงานของรัฐ กระทรวง ทบวงกรม องค์กรอิสระต่างๆ และองค์กรอื่นๆ 3.พรรคการเมืองต่างๆ และ 4.ประชาชนทั่วไป กรธ.จะนำความเห็นของทั้ง 4 กลุ่ม มาเรียงว่าความเห็นและความต้องการที่เสนอเข้ามาตรงกับมาตราใดในร่าง เช่น ข้อเสนอเรื่องสิทธิเสรีภาพ ศาล หรือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะนำมาเรียงกันและมอบให้กรธ.เรียบร้อยแล้ว
เข้มส.ส.แปรญัตติงบฯทับซ้อน
วันเดียวกัน มีการเผยแพร่บันทึกการประชุมของ กรธ. ซึ่งพิจารณารายละเอียดร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นมาตรการป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองกระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับส.ส.ว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ควรมีหลักการให้ส.ส. หรือ ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภา เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการ กระทำใดเกี่ยวกับงบประมาณเป็นการเอื้อประโยชน์ โดยกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอการแปรญัตติหรือการกระทำ ดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์แล้ว ผู้กระทำการนั้นต้องพ้นจากสมาชิกภาพและถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกำหนดบทลงโทษให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อนุมัติ จัดสรรงบประมาณ หรือดำเนินการไปตามโครงการนั้นให้ต้องร่วมชดใช้เงินคืนด้วย
ภูมิธรรม อัดมีชัยไม่เชื่อมั่นชาวบ้าน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยปี 2559 มีเรื่องท้าทายที่คนไทยต้องช่วยกันหาข้อสรุปอยู่หลายเรื่อง เรื่องแรกที่จะเผชิญ กับการใช้วิจารณญาณของคนไทย คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย หรือฉบับเนติ บริกร สรรค์สร้าง ชื่อชั้นของเนติบริกรกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา เก่งทั้งหลักการ เชี่ยวชาญทั้งเทคนิคทางกฎหมาย แต่จะร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร อยู่ที่ว่ามีความเชื่อและศรัทธาในหลักการเรื่องอะไร ก็จะสรรค์สร้างเรื่องราวไปตามทิศทางที่ตนเองเชื่อและยึดในขณะนั้น ที่สำคัญกลุ่มนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำงาน สนับสนุนให้ฝ่าย ผู้มีอำนาจมาหลายยุคหลายสมัย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ที่น่าจับตามองโดยเฉพาะประธานกรธ. เพราะยังไม่ทันคลอดร่างที่ปรุงแต่งขึ้นมาให้สาธารณชนได้ทราบว่าเป็นแบบใด ก็ออกมาคาดโทษ ดักคอเสียงแข็งว่าหากรัฐธรรมนูญที่กำลังปรุงแต่งไม่ผ่านประชามติ คนที่ออกมาคัดค้านหรือคิดต่างและชักจูงให้ประชาชนเห็นคล้อยตามต้องรับผิดชอบ เล่นเอาพิศวงกันไปทั่วเมือง เพียงคำขู่ก็สะท้อนให้เห็นความคิดที่ไม่เชื่อมั่นในประชาชน ที่เขามาลงประชามติว่ามีศักยภาพที่จะเลือกสิ่งที่เขาคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา ตรงข้ามกลับคิดว่าประชาชนไม่ฉลาดถูกชักจูงได้ง่าย ถือเป็นความคิดที่ดูถูกประชาชนอย่างยิ่ง หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ กลุ่มคนผู้ร่างและกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ควบคุมหรือกำกับการร่าง ต่างหากที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศเสียเงินทอง เสียเวลาและเสียโอกาสมากมาย
ปมซ่อนเงื่อนตอนพรรคการเมือง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดโดยเฉพาะเนื้อหาที่สร้างปม ซ่อนเงื่อน มุ่งหวังให้สถาบันการเมืองต่างๆ รวมทั้งพรรคการเมืองไม่เข้มแข็งและถูกพันธนาการด้วยกติกาเกือบทุกขั้นตอน อย่างที่นายมีชัย หลุดปากออกมาว่าต้องใช้ยาแรง ขณะเดียวกันก็มุ่งสร้างเสริมอำนาจหรือเพิ่มพูนอำนาจให้กับองค์กรที่มาจากการคัดสรรและแต่งตั้งโดยพวกของตน ที่เรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มคนดีให้มีอำนาจ วิลิศพิศวงเป็นล้นพ้น ทั้งนี้ ระบบที่ดีต่างหากที่จะเป็นกลไกควบคุมให้คนอยู่ในกรอบและอยู่ในร่องรอย ทำหน้าที่ตรวจสอบคนทุกคน ทุกสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้แต่ตัวประธานเอง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังร่างจะไม่มีบทเฉพาะกาล หรือมาตราใดออกมาเพื่อนิรโทษให้แก่การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการกระทำรัฐประหาร เพราะหากการกระทำใดที่ชอบและเป็นไปโดยสุจริต กฎหมายได้ให้อำนาจคุ้มครองอยู่แล้ว และต้องแสดงความยินดีที่ประธาน กรธ.ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าในรัฐธรรมนูญจะไม่มีองค์กรแบบ คปป. แสดงว่าอาจให้ความสำคัญต่อเสียงคัดค้านของประชาชนกลุ่มต่างที่ไม่เห็นชอบที่จะให้มีองค์กรที่มีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตย หรือมีอำนาจเหนืออำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติที่ยึดโยงกับอำนาจประชาชนหรือที่ประชาชนเลือกมา
อย่าสร้างองค์กรมีอำนาจเหนือรัฐ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากจะให้เกิดความชัดเจนแก่ทุกฝ่ายมากขึ้นต้องไม่มีเนื้อหา เช่น คปป.แฝงอยู่ในองค์กรใดๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรืองค์กรอิสระอื่น ไม่ควรมีการสร้างองค์กรเหนือรัฐในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีองค์กรใดมีอำนาจเหนืออำนาจประชาชน ไม่ต้องไปห่วงกังวลและยิ่งไม่ต้องไปดิ้นรนคิดค้นหาหนทางผ่าวิกฤต
เริ่มงาน - พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. พร้อมกรรมการป.ป.ช.ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ รวม 5 คน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักงานป.ป.ช. ก่อนเข้าทำงานวันแรก เผยพร้อมตรวจสอบทุกโครงการ รวมถึงอุทยานราชภักดิ์ด้วย เมื่อวันที่ 4 ม.ค. |
"ทางออกจากวิกฤตที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชน เว้นแต่พวกปากประชาธิปไตยแต่หัวใจรับใช้และฝักใฝ่เผด็จการเท่านั้นที่มองไม่เคยเห็นหัวประชาชน มองเห็นแต่วิกฤตอยู่ร่ำไป และที่สำคัญหลายครั้งที่วิกฤตแก้ไม่ได้เพราะพวกตนล้วนเป็นต้นตอของการสร้างวิกฤตทั้งสิ้น"นายภูมิธรรมระบุ
วัฒนา ท้ามีชัยแลกไม่นิรโทษคสช.
นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายมีชัยขู่ใช้ยาแรงกำราบนักการเมืองนั้น เห็นด้วยที่จะห้ามไม่ให้ผู้ที่ทุจริตในหน้าที่และการเลือกตั้งเข้าสู่การเมืองตลอดชีวิต และเชื่อว่านักการเมืองที่มาจากประชาชนอย่างพวกตนไม่มีใครเกรงกลัวยาแรงของนายมีชัย แต่ที่กังวลคือการทำหน้าที่ของ กรธ. อยากให้นายมีชัยกับพวกเข้าใจว่าหน้าที่ของ กรธ.คือการยกร่างฯที่มีความเป็นประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรม เพื่อใช้เป็น กติกาทางการเมืองของประเทศที่ทุกคนให้การยอมรับ และควรตระหนักเสียทีว่าอำนาจอธิปไตยไม่ได้เป็นของใครคนใด คนหนึ่ง
นายวัฒนา กล่าวว่า นอกจากนี้หากมีการนิรโทษกรรมให้กับ คสช.ตนไม่เห็นด้วย เพราะเมื่อคราวยึดอำนาจก็ได้มีการนิรโทษกรรมไปแล้วตามมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ดังนั้นการนิรโทษกรรมที่จะมีขึ้นอีกครั้งคือการนิรโทษกรรมให้กับ คสช.และรัฐบาลในการบริหารประเทศภายหลังการยึดอำนาจอันเป็นการหนีการตรวจสอบ ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลที่อ้างความเป็นคนดีที่มีคุณธรรมอันสูงส่งแต่กลับกลัวการตรวจสอบแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกด้วย
ร่างให้เป็นปชต.-ผ่านประชามติแน่
นายวัฒนา ระบุว่า ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับที่นายมีชัยกับพวกยกร่างขึ้นจะผ่านการทำประชามติหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระที่จะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง หากเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรมและเคารพในอำนาจของประชาชน เชื่อว่าประชาชนจะต้องลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน นายมีชัยกับพวกจึงควรเอาเวลาที่เหลืออยู่ไปแก้ไขทำให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตย ให้ความเคารพประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจดีกว่าจะมาเสียเวลาหาข้อแก้ตัว
นายวัฒนากล่าวด้วยว่าจงรับรู้ไว้ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติคนที่ต้องรับผิดชอบคือนายมีชัยกับคณะ รวมถึงคนที่ตั้งนายมีชัย เข้ามา คำว่าความรับผิดชอบยังสะกดกันไม่เป็นอีกหรือ
5 ปปช.ใหม่ไหว้ศาลทำงานวันแรก
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. นำคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหม่ ได้แก่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ นายสุรสักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนเข้าทำงานเป็นวันแรก
พล.ต.อ.วัชรพล ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำงาน ว่า หลังจากนี้กรรมการป.ป.ช.ชุดใหม่ จะร่วมประชุมกับกรรมการป.ป.ช.ชุดเก่า เพื่อรับทราบถึงการดำเนินงานที่ผ่านมาและ ยังค้างอยู่ จากนั้นจึงจะร่วมประชุมกับส่วนราชการเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานให้ชัดเจน ตนจะยึดหลักการทำงานแบบมืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามคำขวัญของสำนักงานป.ป.ช. ส่วนกรรมการทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็มีความรู้ ประสบการณ์ในการทำคดีและการแสวงหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานนี้ นอกจากนี้ตนยังเชื่อมั่นว่าในยุคที่โซเชี่ยลมีเดียมีความเข้มแข็งก็จะช่วยตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ให้มีความโปร่งใส สุจริตอย่างแท้จริงได้
บิ๊กกุ้ย พร้อมสอบ'อุทยานราชภักดิ์'
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ส่วนข้อห่วงกังวลว่า ป.ป.ช.มีคดีค้างอยู่เยอะนั้นคงจะมีการพูดคุยกับส่วนราชการและคณะกรรมการชุดเดิม เพื่อเร่งรัดให้มีความชัดเจนขึ้น หากคดีใดมีมูลความผิดก็ดำเนินการ คดีใดไม่มีมูลความผิดก็ตีตกไป เชื่อว่าเมื่อกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ทำงานไปสักระยะหนึ่งแล้วก็น่าจะทำให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าทุจริตกันอีก ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ก็พร้อมจะทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ลดจำนวนคดีฟ้องลง ซึ่งจะทำให้กรรมการป.ป.ช.มีเวลาไปพิจารณาคดีที่สำคัญมากขึ้น
เมื่อถามว่ากระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่ผลตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่าไม่พบการทุจริต ในส่วนของ ป.ป.ช.จะเข้าร่วมตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คดีดังกล่าวส่วนราชการและหน่วยงานอื่นได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว สำหรับป.ป.ช.เองก็มีอำนาจหน้าที่ พร้อมจะดำเนินการแต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์มติป.ป.ช.ชุดที่ผ่านมา ต่อกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. เมื่อปี 2553 กับการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 ที่สถานการณ์คล้ายกัน แต่กลับมีมติแตกต่างกัน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ในการดำเนินคดีอาญา ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ของแต่ละคดี ซึ่งคดีที่เหมือนกันอาจจะมีพยานหลักฐานและรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องดูไปตามพยานหลักฐานแต่ละคดี
พร้อมให้อดีตปปช.ร่วมเป็นอนุกก.
เวลา 13.30น. พล.ต.อ.วัชรพล เผยภายหลังร่วมประชุมกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดเก่า และอดีตกรรมการที่พ้นวาระไปแล้ว ว่า นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ได้ฝากแนวทางการทำงานของกรรมการเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ต่างๆ ให้กับประชาชน ซึ่งเป็นทิศทางที่เรามุ่งเน้นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการแบ่งงาน ขณะนี้ยังไม่การพูดถึง
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวต่อว่าสำหรับคดีที่ค้างอยู่ในป.ป.ช.ก็ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ตามกฎหมายคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดเก่ายังสามารถเข้ามาพิจารณาคดีได้ และเข้าเป็นอนุกรรมการหรือผู้เชี่ยวชาญได้ ขณะที่การวางตัวของตำแหน่งประธานป.ป.ช. ที่ผ่านมา นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ อดีตประธาน ป.ป.ช. ไม่เข้ามาเป็นอนุกรรมการ ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสม
แนะปปช.จังหวัดตรวจสอบ5ล้าน
นายประสาท พงษ์ศิวาภัย อดีตกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการประชุมเพื่อส่งมอบงานและชี้แจงถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงานที่ผ่านมาระหว่างป.ป.ช.ชุดเก่าและใหม่ ว่า กรรมการ ป.ป.ช.ชุดเก่าได้ฝากในเรื่อง ป.ป.ช.จังหวัด ซึ่งตนเห็นว่าเมื่อตั้งเขามาแล้วเราก็ควรใช้งานเขาและเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถเป็นอดีตข้าราชการ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด สตง. แต่ที่ผ่านมา ป.ป.ช.จังหวัดไม่ค่อยมีผลงาน เพราะเขาไม่ได้มีการลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน และการทำงานที่ผ่านมา ป.ป.ช.จังหวัดรอการสั่งงานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ตนจึงอยากให้ ป.ป.ช.จังหวัดลงไปตรวจสอบในพื้นที่ด้วยตัวเอง
นายประสาท กล่าวว่าขณะนี้หนูมันเยอะ หนูที่ว่าก็คือทุจริต ถ้าแมวยังมัวแต่นอนก็จับหนูไม่ได้ และที่ตนเห็นว่ายังไม่ควรยุบ ป.ป.ช.จังหวัดเพราะมีโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล(ตำบลละ 5 ล้านบาท) ที่ ป.ป.ช.จังหวัดต้องเข้าไปตรวจสอบ รวมๆ ก็เป็นเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งเรื่องนี้ยังใหม่สำหรับป.ป.ช.จังหวัด
แจงข้อครหา 2 มาตรฐานพท.-ปชป.
นายประสาทกล่าวว่า กรรมการชุดเก่ายังได้ชี้แจงข้อครหาถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ช่วงที่ผ่านมาว่าสองมาตรฐาน เนื่องจาก ป.ป.ช. ต้องพิจารณาคดี โดยดูจาก 3 ประเด็น ได้แก่ หนึ่งเรื่องของคน ซึ่งกรรมการป.ป.ช.ชุดเก่าได้ชี้แจงเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงชี้มูลความผิดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ชี้มูลความผิดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ สองเรื่องฐานความผิด เพราะเหตุใดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยจึงถูกชี้มูลความผิดทุกฐานความผิด คือ ฐานความผิดถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและฐานความผิดทางอาญา แต่ในทางกลับกันคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์กลับถูกชี้มูลความผิดเพียงฐานความผิดถอดถอนทางการเมืองเท่านั้น โดยได้ยกตัวอย่างว่าจากการสลายการชุมนุมเสื้อแดง ปี 2553 ผู้มีอำนาจในขณะนั้นได้ปฏิบัติมาตรการตามหลักสากลเบาไปหาหนักและมีกฎหมายรองรับจึงได้ยกคดีทิ้ง
ส่วนสามเรื่องของเวลา เพราะเหตุใดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยจึงใช้เวลาในการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วแต่คดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ถึงล่าช้า ซึ่งเปรียบเทียบอย่างคดีจำนำข้าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูงและเหมือนคนป่วยที่ถูกยิงอาการสาหัสจึงต้องเข้ารับการรักษาก่อน
บิ๊กติ๊กก็การันตีอุดมเดชไม่โกง
เวลา 07.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรอาหารแห้งพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 89 รูป เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 59 และถวายเป็นพระราชกุศล มีนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาพล.อ.ปรีชา ในฐานะนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ปรีชา ให้สัมภาษณ์กรณีต้องนำผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ส่งให้กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า คงไม่เกี่ยวกัน เพราะผลสอบดังกล่าวต้องส่งให้กองทัพบก ในส่วนของ สตง.จะเข้ามาตรวจสอบอยู่แล้วคงไม่จำเป็นต้องส่ง ยืนยันว่าการตรวจสอบ ดังกล่าวไม่ใช่เป็นการหาผู้กระทำความผิด คณะกรรมการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องแล้ว ส่วนการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้ความเป็นธรรมกับพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
"เท่าที่ผมได้สัมผัสช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ของพล.อ.อุดมเดชนั้น เป็นคนที่มีความตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าจะมีการทุจริตนั้นคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะท่านเป็นคนมีความตั้งใจในการทำงาน ส่วนคนอื่นจะทุจริตหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ ยืนยันว่าในส่วนของพล.อ.อุดมเดชไม่น่าจะมี" พล.อ.ปรีชากล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คณะกรรมการแถลงข่าวแล้วถือว่าทุกภาคส่วนก็ได้รับทราบ ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือปกขาวเพื่อชี้แจงอีก คงจะเหลือเพียงแค่ประเด็นเดียวคือการหาคนผิด แต่ประเด็นดังกล่าวคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงเข้ามาดำเนินการ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา เพราะโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการเร่งด่วน ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 เดือน
บิ๊กช้าง ส่งผลสอบให้บิ๊กป้อมแล้ว
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กล่าวกรณียังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้งบกลางในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่นำไปรวมกับงบบริจาคว่า เป็นเพียงการชี้แจงให้เห็นงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการ แต่ไม่ได้นำมารวมกัน งบฯทั้งสองส่วนนี้แยกกันชัดเจนอยู่แล้วเพียงแต่คณะกรรมการต้องการชี้ให้เห็นว่าเป็นงบที่ใช้ในโครงการดังกล่าว ซึ่งงบกลางตามที่ได้ชี้แจงไปได้นำไปก่อสร้าง 5 รายการ เกี่ยวกับการก่อสร้างรอบฐานอนุสาวรีย์และรั้ว ส่วนงบของโรงเรียนนายสิบก็เป็นส่วนของโรงเรียนนายสิบ กรณีที่ฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าการนำงบกลางมาใช้มีความไม่เหมาะสมนั้น งบกลางใช้ในเรื่องของสนับสนุน แต่งบที่ใช้จริงคืองบที่ได้มาจากการบริจาค พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ของโรงเรียนนายสิบ เพราะฉะนั้นโรงเรียนนายสิบที่ ทบ.ใช้ก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
กรรมการตรวจสอบฯ กล่าวว่า ผลสอบ ดังกล่าวได้นำเรียนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมไปแล้ว ในส่วนของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาดำเนินการได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าในส่วนของงบกลางก็สามารถใช้ได้ สำหรับความพึงพอใจต่อผลตอบรับภายหลังการแถลงข่าวนั้นต้องดูความคิดเห็นจากหน่วยงานอื่นด้วย เช่น สตง.
วิลาศโต้กลับรองผู้ว่าฯกทม.
ที่รัฐสภา นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ที่ยืนยันว่าโครงการตกแต่งประดับลานคนเมืองมีความโปร่งใสว่า อยากให้เอาเอกสารที่มีเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ของการประมูลมาเปิดเผยเพื่อยืนยันความโปร่งใส เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นถือว่าทุจริตอย่างแน่นอน โดยอาจรู้เห็นกับบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ เทรเวล จำกัด ที่เป็นผู้ได้รับการประมูล เพราะมีการเปิดซองประมูลวันที่ 17 ธ.ค. โดยงานจะต้องมีขึ้นในวันที่ 30 ธ.ค. 58 ห่างกันไม่กี่วัน หากไม่มีการรู้เห็นกันล่วงหน้าบริษัทที่ประมูลได้จะไปหาหลอดไฟ 5 ล้านดวงจากไหน เพื่อให้ทันเวลา หากไม่เตรียมไว้ก่อนแล้ว อย่างนี้ถือเป็นการล็อกสเป๊กกันหรือไม่ และคุ้มค่ากับเงิน 39.5 ล้านบาทหรือไม่ ถึงแม้ตนจะไม่มีรายละเอียดมากมายแต่ถือว่าพฤติกรรมส่อทุจริตแล้ว และจะยื่นเรื่องให้กับคณะกรรมการและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 6 ม.ค. เวลา 11.30 น. แล้ว ทางป.ป.ช.ก็สามารถขอเอกสารและข้อมูลต่างๆ จากผู้ถูกร้องมาสอบได้ ซึ่งเวลา 09.30 น. ตนจะไปยื่นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก่อน
ยอมรับเอาผิดถึง'สุขุมพันธุ์'ไม่ได้
นายวิลาศกล่าวว่า ในส่วนของการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสที่ นายอมรแย้งว่า เรื่องนี้มีคนยื่น ป.ป.ช.ไปแล้วนั้น ขอบอกว่าการที่ตนไปยื่นซ้ำ เพราะต้องการให้จำเลยติดคุก เนื่องจากคนเก่าที่ไปยื่นอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอ แต่ตนมีหลักฐานการขยายสัญญาครั้งนี้เนื่องจากสัญญาเหลืออีก 17 ปี แต่กลับต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี โดยไม่มีการเสนอราคา และ รมว.มหาดไทยไม่ได้รับรอง ส่วนกรณีกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ยืนยันว่าเอกสารที่ตนขอไปทางกทม. ระบุว่าขอข้อมูลการติดตั้งกล้องวงจรปิดตั้งแต่ปี"56 เป็นต้นไป ซึ่งทาง กทม.ก็ส่งข้อมูลมาให้ตั้งแต่ปี 56-58 ดังนั้น นายอมรจะอ้างว่าตนขอเพียงปี 2556 เท่านั้นไม่ได้ เพราะการที่ กทม.ส่งข้อมูลมาให้ตนถึง 3 ปี แสดงว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ตนขอไป โดยในเอกสารระบุว่า ปี 2556 ติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวน 111 ตัว ปี"57 จำนวน 11,435 ตัว และปี"58 จำนวน 540 ตัว ซึ่งก็ไม่ครบ 47,000 กว่าตัว
"ทั้ง 3 เรื่องนี้ นายอมรต้องรับผิดชอบ เพราะมีความเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยกรณีซีซีทีวี เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานจราจรและขนส่งกทม. ส่วนการติดตั้งไฟลาน คนเมืองอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานนี้นายอมร เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะรองผู้ว่าฯกทม. ส่วนการขยายสัญญาให้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ขณะทำสัญญาก่อนที่นายอมร จะมาเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทที่ กทม.ตั้งขึ้นให้มาดูแลรถไฟฟ้าบีที เอสมาก่อน ดังนั้น นายอมรจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งนี้เรื่องคงไม่สามารถเอาผิดไปถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ได้ เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ รับผิดชอบแล้ว" นายวิลาศกล่าว
อมร แจงติดตั้งกล้องซีซีทีวีของกทม.
เวลา 14.40 น. ที่ศาลาว่าการกทม. นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวกรณีนายวิลาศเตรียมยื่นเรื่องการทุจริตของกทม. ต่อป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสของกทม. 3 ประเด็น คือ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) 2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไป 30 ปี และ 3. โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง มูลค่า 39 ล้านบาทว่า การติดตั้งกล้อง ซีซีทีวี กว่า 47,000 ตัว ที่อ้างมีการติดตั้งจริง 11,000 ตัวนั้น คิดว่าเป็นความเข้าใจผิดของนายวิลาศ เนื่องจากวันที่ 22 ต.ค.2558 นายวิลาศขอเอกสารการจัดซื้อจัดทำกล้องซีซีทีวี ซึ่งสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีสัญญาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้น
นายอมร กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามที่นายวิลาศ ขอดึงสัญญาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไปนำมาส่งเอกสาร และตนก็เป็นผู้อนุญาตให้นำมาส่งเอกสารดังกล่าวให้นายวิลาศ ตรวจสอบ ซึ่งสัญญาตั้งแต่ปี 2556-2558 นั้นมีสัญญาทั้งหมด 6 สัญญา เป็นจำนวนกล้องกว่า 11,000 ตัว เป็นสัญญาทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ส่วนข้อเท็จจริงที่ผู้ว่าฯกทม. ดำเนินการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ขณะนี้ได้มีกล้องซีซีทีวีทั้งหมด 59,154 ตัว เป็นกล้องที่ดำเนินการติดตั้งใช้ได้แล้ว 47,719 ตัว ขอยืนยันว่าประชาชนอุ่นใจได้เรามีกล้องที่พร้อมจะดูแลรักษาทั้งหมด 47,719 ตัว ที่ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังเหลืออีกกว่า 10.000 ตัว คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จในปี 2559 โดยเมื่อแล้วเสร็จกทม. จะมีกล้องกว่า 60,000 ตัว ไม่ใช่แค่ 10,000 ตัว
ยืนยันประมูลโดยถูกต้อง-โปร่งใส
ส่วนที่นายวิลาศ อ้างว่า กทม.ส่งเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมาให้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ทุจริตนั้น นายอมรกล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้าง กล้องซีซีทีวีของกทม.ทุกครั้ง ใช้วิธีการตามสำนักงบประมาณ และใช้รายละเอียดทั้งหมดตามข้อบังคับของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างรายใดที่ใช้วิธีกรณีพิเศษ ขอให้นายวิลาศให้เกียรติข้าราชการในการดำเนินการ และทุกเรื่องที่ข้าราชการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ และตนยืนยันว่าได้ตรวจสอบแล้วและการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า กล้องซีซีทีวี 47,719 ตัว เชื่อมสัญญาณไฟเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายอมร กล่าวว่า เป็นกล้องที่ใช้งานได้จริง กล้องใน กทม. แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. เป็นกล้องที่เชื่อมสัญญาณกับออพติกไฟเบอร์ เพื่อส่งภาพทั้งหมดไปที่กทม. และส่งภาพไปที่หน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเขต 12 เขต เป็นต้น และ 2. บางส่วนยังเป็นกล้องอิสระ ซึ่งหมายความว่ากล้องจะติดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ หรือซอยลึก หรือเขตพื้นที่ที่ไม่สามารถโยงสายออพติกไฟเบอร์ไปได้ แต่จะใช้วิธีการเก็บภาพจากตัวกล้อง ซึ่งระยะเวลาในการเก็บภาพประมาณ 30 วัน ถ้าในช่วงนี้ไม่เกิดเหตุใดๆ ภาพจะถูกลบ และบันทึกใหม่แทน ลักษณะเช่นนี้เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน
แจงขยายสัญญาบีทีเอสอยู่ที่ปปช.
นายอมร กล่าวกรณีนายวิลาศ อ้างว่าการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมเหลือ 17 ปี หมดอายุ ธ.ค. 2572 และไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุน เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทยว่า ในฐานะผู้ดูแลสำนักการจราจรและการขนส่ง เรื่องนี้แต่แรกเริ่มเป็นประเด็นการเมือง การดำเนินการ ของกทม.เพื่อความสุขของประชาชนและเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรและวิกฤตในการเดินทางของประชาชน กทม. ให้ทางเลือกโดยการขยายส่วนต่อขยายบีทีเอส ตั้งแต่ช่วงสะพานสาทรไปจนถึงบางหว้า ส่วนทางทิศตะวันออกตั้งแต่พระโขนงไปจนถึงแบริ่ง ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายที่กทม.ลงทุนเองทั้งหมด เมื่อกทม.ดำเนินการสำเร็จการเมืองต่างพรรคนำเรื่องให้บริการส่วนต่อขยายนำสู่กระบวนการป.ป.ช. ดีเอสไอซึ่งออกมาประกาศว่ามีการโกง แต่เมื่อท้ายสุดเรื่องดำเนินการถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งแจ้งทางดีเอสไอว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่ของดีเอสไอ และให้ส่งเรื่องต่อไปยังป.ป.ช. เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของป.ป.ช.
ซัดกลับพูดไม่จริง-ไม่เข้าใจงาน
นายอมรกล่าวว่า วิธีการที่นายวิลาศพูดนั้น ไม่เป็นจริงแม้แต่ข้อเดียว ไม่ว่าจะเรื่องของการร่วมทุน ซึ่งแสดงว่านายวิลาศไม่เข้าใจว่าขบวนการขั้นตอนที่กทม. ลงทุนเองแล้วดำเนินการเดินรถเองนั้นสิ่งที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือประชาชน การยกให้เอกชนรายใดรายหนึ่งเป็นสัมปทานระยะยาวและตั้งค่าโดยสารเอง จะเกิดเรื่องของผลกำไร ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนซึ่งกทม.คงยอมไม่ได้เช่นกัน ผู้ว่าฯกทม.จึงตัดสินใจให้กทม.ดำเนินการเดินรถเองโดยใช้วิธีการว่าจ้างบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นวิสาหกิจของกทม. และไม่ต้องเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน วิสาหกิจส่วนนี้จดทะเบียนและดำเนินการผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งของกทม. ซึ่งจ้างให้เป็นผู้เดินรถ โดยรายได้จากการเดินรถและค่าใช้จ่ายการเดินรถทั้งหมดจะกระทบกันที่งบประมาณของ กทม. ทุกปี ซึ่งทุกปีก็จะมีการตรวจสอบจากสภากทม. ที่ได้พิจารณางบประมาณและอนุมัติในการเดินรถทุกปี ดังนั้นการพูดของนายวิลาศ พูดในเรื่องที่เป็นความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง และเรื่องดังกล่าวคงให้คำตอบไม่ได้ เพราะจะกระทบกับการทำงาน ของป.ป.ช. ซึ่งนายวิลาศ ควรจะหยุดพูดเรื่องดังกล่าวเสีย
สั่งห้าม'ปู'ขึ้นรถแห่ ทหารบุกยึดปฏิทิน ทัวร์บุญ'ขอนแก่น'วุ่น กทม.โต้ปม'อุโมงค์ไฟ' ศาลรับพิจารณาอุทธรณ์ ยิ่งลักษณ์ฟ้องอดีตอสส.
- มติชนออนไลน์ :
กทม.ยกทีมโต้'วิลาศ'ยัน"อุโมงค์ไฟ-ติดวงจร'โปร่งใส ไม่ฮั้ว ท้าดวลความจริงทุกเวที 'บิ๊กตู่'ลุคใหม่ให้สัมภาษณ์น้อยลง 'วิษณุ'หนุนมีชัยใช้ยาแรงร่าง รธน.ห้ามคนทุจริต-โกงเลือกตั้งเล่นการเมืองตลอดชีวิต
@'บิ๊กตู่'ลุคใหม่ให้สัมภาษณ์น้อยลง
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ ครั้งที่ 1/2559 ว่า ได้หารือเพื่อบูรณา
การข้ามแท่งได้ด้วย ให้ทุกกระทรวงมีข้อมูลร่วมกันอยู่ในฐานข้อมูลและเพื่อเป็นข้อมูลให้กับประชาชน เช่น การเกษตร การค้าขายต่างๆ รวมทั้งข้อมูลด้านความมั่นคง ซึ่งจะต้องเป็นบ่อเกิดอีก 4-5 กลุ่มงานที่ต้องให้ประชาชนได้เรียนรู้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เสร็จถามผู้สื่อข่าวว่าอยากถามอะไรหรือไม่ แต่เมื่อพูดจบก็ได้กล่าวสวัสดีแล้วเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ทันที
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการมองว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมายิ้มแล้ว โบกมือปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวันที่ 1 มกราคม ว่าจะปฏิรูปตัวเองด้วยการพูดให้น้อยลง และหงุดหงิดน้อยลง การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 2.47 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเช้าวันที่ 5 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ และภริยาพร้อม ครม. จะร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์พิธีตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
@'วิษณุ'หนุนมีชัยใช้ยาแรง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่าในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง โดยออกกฎเหล็กคุมเข้มจริยธรรมหากฝ่าฝืนมีโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตว่า เห็นด้วย เพราะจำเป็นต้องทำ และใช้ยาแรงในบางเรื่องเช่นเรื่องการสกัดกั้นการทุจริตการเลือกตั้งไม่ให้เข้ามาสู่เวทีการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) นายมีชัยยืนยันว่าไม่มีในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากมีก็ให้ออกไปในรูปแบบกฎหมายลูก หากไม่อยากมีก็ไม่ต้องออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบรรจุ คปป.ไว้ในกฎหมายลูกก็ไม่แตกต่างที่บรรจุในร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ลองดูในรายละเอียดต่อไปก็แล้วกัน ยังจับประเด็นอะไรไม่ได้นัก เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยจะมีเพียงแค่ 260 มาตราเท่านั้น นายวิษณุกล่าวว่า เห็นว่าจะตัดให้เหลือน้อยกว่านั้นอีกหลายสิบมาตรา
@ ยันไม่เพิ่มพยานคดีจำนำข้าว
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีการสืบพยานเพิ่มเติมในคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า จะไม่ขยายเวลาสืบพยานเพิ่มแล้ว เพราะศาลต้องใช้เวลาในการปิดสำนวนเพื่อประชุมกันเองอีก 4 ครั้ง ก่อนสรุปสำนวนคดี หากมีอะไรเพิ่มเติมขอให้ส่งมาเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรมาได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม เนื่องจากไม่ได้แจ้งชื่อไว้ตั้งแต่ต้น เพราะหากเป็นตัวบุคคลเดี๋ยวจะเลื่อนให้ปากคำไปอีก
"เพราะขนาดการขอเพิ่มพยานครั้งล่าสุดอีกสิบกว่าคน ซึ่งศาลให้แจ้งมาว่าพยานคนใดว่างวันไหนบ้างเพื่อจะได้อำนวยความสะดวก แต่กรรมการก็มองเห็นว่าเป็นการยืดเวลา ดีไม่ดีอาจจะเลื่อนอีกก็ได้ เพราะในบางรายว่างตอนเดือนเมษายนเลย ผมไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวด้วยหรือไม่อย่างไร แต่ผู้ขอเพิ่มพยานคงทราบจึงแจ้งกับศาลให้ขอเพิ่มพยานเหล่านี้เข้ามา" นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า การให้สอบพยานเพิ่มเติมนั้น ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาถ่วงเวลาการพิจารณาคดีหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "เราไม่ได้แบบนั้น รัฐบาลไม่เคยพูดแบบนั้น ไม่กล้าพูด"
@ 2 วันส่งบัญชีขรก.ทุจริตล็อต 3
นายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาบัญชีข้าราชการทุจริตชุดที่ 3 ว่า คงคืบหน้าภายใน 1-2 วันก่อนจะส่งรายชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) เพราะติดอยู่ 1 กลุ่มเดียวที่เป็นกลุ่มซึ่งต้องไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ขอยกตัวอย่างว่า มีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ แต่ข้าราชการคนนี้มีปัญหาในการมาเป็นกรรมการชุดดังกล่าว ดังนั้น ข้าราชการคนนี้สามารถปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการได้อยู่ เนื่องจากไม่ได้ทำผิดในหน้าที่ข้าราชการแต่ทำผิดตอนเป็นกรรมการ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะแบ่งกลุ่มอย่างไร
"ที่เห็นรายชื่อพบว่าไม่มีข้าราชการระดับปลัดกระทรวง แต่จะเป็นตำแหน่งข้าราชการขั้นสูงก็จะสูงในหน่วยงานของเขาเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่น่าแปลกใจคือเมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดใดมีชื่อในบัญชี มักจะมีพัวพันหลายคนแสดงว่าต้องมีอะไรประหลาดเกิดขึ้น และในบัญชีชุด 3 จากที่เห็นมีบางรายที่เสียชีวิตก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนที่ลาออกไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการตรวจสอบ หากส่งให้นายกฯจะใช้หลักเกณฑ์เดิมในการจัดการคือมาตรา 44" นายวิษณุกล่าว
@'มีชัย'พร้อมพิจารณาข้อท้วงติง
ที่รัฐสภา นายมีชัยให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กรธ.วาระพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ กรณีที่นักการเมืองทักท้วงถึงการเผยแพร่เนื้อหาและการรับฟังความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม ที่ กรธ.จะไปประชุมนอกสถานที่ที่ จ.เพชรบุรี จะเปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการพิจารณาและจะให้นำเนื้อหารายมาตราเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นเบื้องต้น
"วันที่ 29 มกราคม จะเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังความเห็นอย่างเป็นทางการ ส่วนการปรับแก้ไขเนื้อหาตามที่อาจมีข้อท้วงติงนั้น หากมีเหตุผล กรธ.พร้อมจะรับฟังและพิจารณา" นายมีชัยกล่าว
@ ชงกกต.เปิดด้านมืดผู้สมัครส.ว.
ต่อมานายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ. แถลงผลการประชุม กรธ.ว่า หลังจากที่อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติได้นำเสนอวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แบบเลือกข้ามกลุ่ม 20 กลุ่มอาชีพออกมา และมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากช่วยเหลือกัน หรือฮั้วกัน กรธ.จะทำอย่างไร ทั้งนี้ กรธ.ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ เพราะอาจรู้จักกันและขอแรงเพื่อช่วยเลือกกัน แต่เบื้องต้น กรธ.ยังยืนในหลักการเดิม คือให้เลือกข้ามกลุ่มกันต่อไป โดยเฉพาะในระดับการเลือกรอบที่ 2 จากระดับอำเภอไปสู่จังหวัด ก่อนที่จะเข้ามาส่วนกลาง ในระดับจังหวัดอาจไม่รู้จักกัน จึงได้หารือกันว่าอาจจะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำเอกสารเปิดเผยประวัติของผู้สมัครแต่ละคน โดยเฉพาะข้อมูลในทางร้าย จึงอาจต้องร่างกฎหมายภายหลังเพื่อคุ้มครอง กกต.ในจังหวัดต่างๆ
"เพราะ กกต.ได้เปิดเผยประวัติอาชญากรรมของผู้สมัคร จึงต้องได้รับความคุ้มครอง ที่ผ่านมา กกต.ไม่ค่อยกล้าบอกกับประชาชนว่าผู้สมัครแต่ละคนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ขณะที่การขอเอกสารประวัติอาชญากรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กรมบังคับคดีก็ช้า ทำให้ประชาชนไม่ได้รู้ข้อมูลผู้สมัครครบถ้วน จึงเป็นจุดอ่อนมาก" นายชาติชายกล่าว และว่า กกต.ได้นำแนวทางดังกล่าวของ กรธ.ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ส.ว.ข้ามกลุ่ม หรือ การเปิดประวัติอาชญากรรม กลับไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ก่อนจะนำกลับมาหารือกับ กรธ.อีกครั้งหนึ่ง
@ ห้ามส.ส.แปรงบเอื้อตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่บันทึกการประชุมของ กรธ.ซึ่งพิจารณารายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นมาตรการป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองกระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ ส.ส. ว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ควรมีหลักการให้ ส.ส.หรือ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภา เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดเกี่ยวกับงบประมาณเป็นการเอื้อประโยชน์ โดยกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์แล้ว ผู้กระทำการต้องพ้นจากสมาชิกภาพและถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกับกำหนดบทลงโทษให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อนุมัติ จัดสรรงบประมาณ หรือดำเนินการไปตามโครงการนั้นให้ต้องร่วมชดใช้เงินคืนด้วย
@ ภูมิธรรมส่งบันทึกถึง'มีชัย'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เขียนบันทึกจากภูมิธรรมถึงนายมีชัย ว่า ประเทศไทยปี 2559 มีเรื่องท้าทายที่คนไทยต้องช่วยกันหาข้อสรุปอยู่หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือการร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะถูกนำมาเป็นกติกาใหม่ของประเทศ เริ่มตั้งแต่ต้นปี
"เรื่องแรกที่จะเผชิญกับการใช้วิจารณญาณของคนไทย คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย หรือบางคนเรียก ฉบับเนติบริกร สรรค์สร้าง ชื่อชั้นของเนติบริกรกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา เก่งทั้งหลักการ เชี่ยวชาญทั้งเทคนิคทางกฎหมาย แต่จะร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร อยู่ที่ว่ามีความเชื่อและศรัทธาในหลักการเรื่องอะไร ซึ่งจะสรรค์สร้างเรื่องราวไปตามทิศทางที่ตนเองเชื่อและยึดในขณะนั้นที่สำคัญทุกท่านในกลุ่มนี้ ล้วนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงาน สนับสนุนให้ฝ่ายผู้มีอำนาจมาหลายยุคหลายสมัย มากบ้างน้อยบ้าง ตามประสบการณ์และวัยวุฒิของแต่ละท่าน ถือว่าไม่ธรรมดา"
@ ให้กรธ.รับผิดหากรธน.คว่ำ
นายภูมิธรรม ระบุว่า ก่อนจะถึงช่วงเวลาในการลงประชามติ ของประชาชนในเรื่องรัฐธรรมนูญ ภายในช่วงเวลาปี 2559 (ตามโรดแมปของ คสช.) คงได้เห็นบรรยากาศการถกแถลง หรือ เกิดการลุ้นกันอีกหลายยก แต่อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า กลุ่มคนที่มีอำนาจหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองโดยเฉพาะประธาน กรธ. ผู้มีหน้าที่ในการคุมทิศทางให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้มีอำนาจ เพราะยังไม่ทันคลอดร่างที่ปรุงแต่งขึ้นมาให้สาธารณชนได้ทราบว่าเป็นแบบใดก็ออกมาคาดโทษ ดักคอเสียงแข็งว่า หากรัฐธรรมนูญที่กำลังปรุงแต่งไม่ผ่านประชามติ คนที่ออกมาคัดค้านหรือคิดต่าง และชักจูงให้ประชาชนเห็นคล้อยตามจะต้องรับผิดชอบ เล่นเอาพิศวงกันไปทั่วเมือง
เพียงคำขู่ก็สะท้อนให้เห็นความคิดที่ไม่เชื่อมั่นในประชาชนที่เขามาลงประชามติ ว่าประชาชนเขามีศักยภาพที่จะเลือกสิ่งที่เขาคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา ตรงข้ามกลับคิดว่า ประชาชนไม่ฉลาด ถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งถือเป็นความคิดที่ดูถูกประชาชนอย่างยิ่ง ความจริงหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติกลุ่มคนผู้ร่างและกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ควบคุมหรือกำกับการร่างต่างหากที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศเสียเงินทองและเสียโอกาสไปมากมาย"
@ หวังไม่มี'คปป.'สอดไส้ในรธน.
นายภูมิธรรมระบุว่า อีกเรื่องที่เสนอหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังร่างจะไม่มีบทเฉพาะกาล หรือมาตราใดออกมาเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการกระทำรัฐประหาร เพราะหากการกระทำใดที่ชอบและเป็นไปโดยสุจริต กฎหมายได้ให้อำนาจคุ้มครองอยู่แล้ว ที่ขอเช่นนี้เพียงหวังว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จากนี้ควรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยชอบและเป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อให้ทุกเรื่องก้าวไปสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
"สุดท้ายที่ต้องขอแสดงความยินดียิ่ง คือสิ่งที่ประธาน กรธ.ได้ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ในรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างขึ้นจะไม่มีองค์กรแบบ คปป. แสดงว่าท่านอาจให้ความสำคัญต่อเสียงคัดค้านของประชาชนกลุ่มต่างที่ไม่ยินดีและไม่เห็นชอบที่จะให้มีองค์กรที่มีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตย ดังนั้นหากจะให้เกิดความชัดเจนแก่ทุกฝ่ายมากขึ้น ต้องยึดกุมที่เนื้อหา ไม่ใช่เพียงไม่มีองค์กรเช่น คปป. แต่ต้องไม่มีเนื้อหาเช่นองค์กร คปป. แฝงอยู่ในองค์กรใดๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอื่นเพราะในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีองค์กรใดมีอำนาจเหนืออำนาจประชาชน" นายภูมิธรรมระบุ
@ ปึ้งติง'มีชัย'อย่าชี้นำผิดๆ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญใหม่ การเมืองใหม่ ปลอดการทุจริต ที่ กรธ.คิดจะใช้ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตื่นตัวในการออกมาทำประชามตินั้น คิดว่าใช้ไม่ได้ เพราะขณะนี้ไม่มีนักการเมืองอยู่ในรัฐบาล คสช. การทุจริต คอร์รัปชั่น ยังมีอยู่เหมือนเดิมในบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ยังปราบไม่หมดอยู่ดี ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลและยึดอำนาจมาบริหารประเทศเกือบปีครึ่งแล้ว
"หรือว่านายมีชัยยังคงเข้าใจผิดอยู่คิดว่าเขียนรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้แล้วจะได้การเมืองแบบใหม่แล้วการทุจริตจะหมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย ผมคิดว่าท่านต้องกลับไปคิดใหม่ดีกว่า เพราะทุกครั้งที่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านๆ มากระทั่งถึงยุค คสช. ก็ล้วนแต่กล่าวอ้างว่านักการเมืองทุจริต คอร์รัปชั่น แต่มักจะลืมไปว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง ยังคงดำรงอยู่มาโดยตลอดในแวดวงราชการ เพราะฉะนั้นการที่จะกล่าวหาว่านักการเมืองระดับชาติหรือ ส.ส. เป็นพวกคนโกงและพรรคการเมืองโกง ต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ด้วย" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า อยากให้นายมีชัยแก้คำพูดที่จะนำไปโฆษณาประชาสัมพันธ์เสียใหม่เพื่อให้คนตื่นตัวเรื่องการที่จะออกมาทำประชามติน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ยังไม่เข้าใจ แล้วจะยกร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่สากลยอมรับ และยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม เคารพในเสียงของประชาชนได้อย่างไร
@ 'บิ๊กติ๊ก'การันตี'บิ๊กโด่ง'ไม่โกง
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่จะต้องนำผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ส่งให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า คงไม่เกี่ยวกัน เพราะผลสอบต้องส่งให้กองทัพบก ในส่วนของ สตง.จะเข้ามาตรวจสอบอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องส่ง การตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่เป็นการหาผู้กระทำความผิด ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องแล้ว ส่วนการดำเนินการก็เพื่อให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
"เท่าที่ได้สัมผัสช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกของ พล.อ.อุดมเดช เป็นคนที่มีความตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ที่กล่าวหาว่าจะมีการทุจริตนั้นคิดว่าไม่น่าจะมี สำหรับในตัวของท่านเอง เพราะท่านเป็นคนมีความตั้งใจในการทำงาน ส่วนคนอื่นจะทุจริตหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ ยืนยันว่าในส่วนของ พล.อ.อุดมเดชไม่น่าจะมี" พล.อ.ปรีชากล่าว และว่า หลังจากที่คณะกรรมการแถลงข่าวแล้วถือว่าทุกภาคส่วนก็ได้รับทราบ ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือปกขาวเพื่อชี้แจงอีก คงจะเหลือเพียงแค่ประเด็นเดียวคือการหาคนผิด แต่คิดว่าหน่ายงานที่เกี่ยวข้องคงเข้ามาดำเนินการ อาจต้องใช้เวลา เพราะโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการเร่งด่วน ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 เดือน
@'บิ๊กช้าง'แจงงบกลางใช้ถูกต้อง
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ยังมีการตั้งข้อสังเกตการใช้งบกลาง 63 ล้านบาท ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่นำไปรวมกับงบบริจาคว่า เป็นเพียงการชี้แจงให้เห็นงบฯที่ใช้ในการดำเนินการ แต่ไม่ได้นำมารวมกัน ซึ่งงบฯทั้งสองส่วนนี้แยกกันชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ทางคณะกรรมการต้องการชี้ให้เห็นว่าเป็นงบที่ใช้ในโครงการดังกล่าว
"ซึ่งงบกลางตามที่ได้ชี้แจงไปก็ได้นำไปก่อสร้าง 5 รายการเกี่ยวกับการก่อสร้างรอบฐานอนุสาวรีย์ และรั้ว ส่วนงบของโรงเรียนนายสิบเป็นส่วนของโรงเรียนนายสิบ" พล.อ.ชัยชาญกล่าว และว่า สำหรับกรณีที่ฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าการนำงบกลางมาใช้มีความไม่เหมาะสมนั้น งบกลางใช้ในเรื่องของสนับสนุน แต่งบที่ใช้จริงคืองบที่ได้มาจากการบริจาค พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ของโรงเรียนนายสิบ เพราะฉะนั้นโรงเรียนนายสิบที่กองทัพบกใช้ก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ขอยืนยันว่าในส่วนของงบกลางก็สามารถใช้ได้ สำหรับความพึงพอใจต่อผลตอบรับภายหลังการแถลงข่าวนั้นต้องดูความคิดเห็นจากหน่วยงานอื่นด้วย เช่น สตง.
@'บิ๊กป้อม'ยันกห.ไม่กั๊กผลสอบ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงผลการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกระทรวงกลาโหม (กห.) ว่าต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสตง. เข้ามาดำเนินการตรวจสอบต่อ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลอย่างเต็มที่
"ไม่ใช่จะปฏิเสธว่ากระทรวงกลาโหมกั๊ก ไม่ใช่ ทำทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่เราไม่ชี้นำใครผิดใครถูก" พล.อ.ประวิตรกล่าว
@ 'บิ๊กกุ้ย'ลั่นปปช.ชุดใหม่มืออาชีพ
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. นำ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ได้แก่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ นายสุรสักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนเข้าทำงานเป็นวันแรก
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงแนวทางการทำงานว่า จะยึดหลักการทำงานแบบมืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามคำขวัญของสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกรรมการทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็มีความรู้ ประสบการณ์ในการทำคดีและการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น ทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานนี้
"ผมยังเชื่อมั่นว่าในยุคที่โซเชียลมีเดียมีความเข้มแข็ง จะช่วยตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ให้มีความโปร่งใส สุจริต อย่างแท้จริงได้" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว และว่า ส่วนข้อห่วงกังวลว่า ป.ป.ช.มีคดีค้างอยู่มาก มองว่าคงจะมีการพูดคุยกับส่วนราชการและคณะกรรมการชุดเดิม เพื่อเร่งรัดให้มีความชัดเจนขึ้น เมื่อกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ ทำงานไปสักระยะหนึ่งแล้วก็น่าจะทำให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าทุจริตกันอีก
@ ชี้คดีราชภักดิ์ต้องยึดกม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่ผลตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่าไม่พบการทุจริต ในส่วนของ ป.ป.ช.จะร่วมตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว สำหรับ ป.ป.ช.ก็มีอำนาจหน้าที่พร้อมจะดำเนินการ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์มติ ป.ป.ช.ชุดที่ผ่านมาต่อกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 กับการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 ที่สถานการณ์คล้ายกัน แต่กลับมีมติแตกต่างกัน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า การดำเนินคดีอาญาทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน คดีที่เหมือนกันอาจจะมีพยานหลักฐานและรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องดูไปตามพยานหลักฐานแต่ละคดี
@ เหนือแจกปฏิทิน'แม้ว'ปกติ
นายวิทยา ทรงคำ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินปีใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่มีรูปนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าในพื้นที่เชียงใหม่และภาคเหนือไม่มีปัญหา เพราะอดีต ส.ส.และทีมงานเป็นคนแจกเอง ไม่ได้แจกผ่านส่วนราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่และเป็นสายใยสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้รับและผู้ให้ ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องหรือหาเสียง เพราะไม่ใช่เวลาหาเสียง
"ส.ส.แต่ละเขตได้รับปฏิทินเพียงเขตละ 1,000 ชุดเท่านั้น เนื่องจากมีจำกัด เฉพาะทีมงานแทบไม่พออยู่แล้ว มีแต่คนขอเพิ่ม ไม่มีใครนำมาคืนหรือไม่สบายใจอย่างใด เพราะหลายคนรักและผูกพัน ศรัทธาอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนอย่างมาก เชื่อว่าการแจกปฏิทินดังกล่าวเป็นการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างหนึ่ง รัฐบาลควรส่งเสริมและสนับสนุนด้วยซ้ำไป" นายวิทยากล่าว
@ ทหาร-ตร.ยึดปฏิทิน'ปู-แม้ว'
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บริเวณภายในตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมอดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายธนิก มาสีพิทักษ์ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร และ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ลงพื้นที่พบปะประชาชนและทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2559 ก่อนร่วมรับประทานกับนักการเมืองท้องถิ่น ที่ร้านกาแฟสะอิ้งโอชา และเดินพบปะพ่อค้า-แม่ค้า โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์คุยกับชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดอย่างเป็นกันเอง มีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมแจกจ่ายปฏิทินรูปนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ประชาชนที่มารอต้อนรับและรอถ่ายภาพกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นมี พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 (ผกก.3บก.สส.ภ.4) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ และ พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น นำกำลังตำรวจ-ทหารและฝ่ายปกครอง กว่า 100 นาย ประจำตามจุดต่างๆ เพื่อสังเกตการณ์และตรวจสอบพฤติกรรมและการดำเนินกิจกรรมที่ไม่ขัดคำสั่งของ คสช. รวมทั้งได้ยึดปฏิทินสวัสดีปีใหม่ที่มีรูปภาพและลายเซ็นของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นำมาแจกจ่ายกว่า 10 ชุด
@ สั่งเบรกห้ามปูขึ้นรถแห่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมรถเพื่อนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นรถแห่ไปโดยรอบเขตบ้านไผ่เพื่อสวัสดีปีใหม่กับชาวชุมชนและมอบของขวัญ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาสั่งห้ามคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องยกเลิกขบวนแห่ ทางคณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงขึ้นรถตู้โฟล์กสีน้ำเงินทะเบียน นบ 1 กรุงเทพมหานคร ไปกราบขอพรพระเจ้าใหญ่ผือบัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของคนบ้านไผ่ ที่วัดบูรณสิทธิ์ ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ มีชาวบ้านไผ่กว่า 200 คนร่วมต้อนรับ ผูกผ้าขาวม้า มอบดอกกุหลาบและร่วมถ่ายภาพ
จากนั้น พระครูปทุมสารพิมนต์ พร้อมด้วย พระอธิการบุญธรรม กัลยาณธรรมโม เจ้าอาวาสวัดบูรณสิทธิ์ นำประกอบพิธีทางศาสนา มีพระเถระใน อ.บ้านไผ่ ร่วมให้พรและสนทนาธรรมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนมอบพระยอดธงกะไหล่เงิน และพระรูปเหมือนพระเจ้าใหญ่ผือบังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่อเป็นสิริมงคล
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมคณะเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันกับชาวชุมชนที่ร้านบะหมี่กวงตัง ก่อนเดินสายทำบุญ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่บ้านโคกสี ต.โคกสี อ.เมืองขอนแก่น และเป็นประธานการประกอบพิธีตัดลูกนิมิตและสมโภชศาลาการเปรียญที่วัดโพธิ์ชัย ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น
@ อดีตส.ส.ซัดทำเกินกว่าเหตุ
นายธนิก กล่าวว่า อดีต ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและร่วมทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทยในการทำบุญรับขวัญปีใหม่ โดยไม่มีนัยยะหรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่บ่งบอกเหตุว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง
"ตลอดทั้งเส้นทางเดินทางทำบุญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร่วมกับครอบครัวและอดีต ส.ส.ในหลายจังหวัดที่ผ่านมาไม่ประสบปัญหาอะไร แต่เมื่อเข้าเขตขอนแก่นถูกกำลังทหารและตำรวจเฝ้าจับตาและจำกัดกรอบในการทำบุญทั้งหมดไม่เว้นแม้กระทั่งการส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำในพระอุโบสถ ซึ่งไม่นับรวมการยึดป้ายข้อความและปฏิทินปีใหม่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์นำมามอบให้ประชาชนที่เดินทางไปพบตามสถานที่ต่างๆ ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุควรแยกแยะก่อนและหลังว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องอะไรคือธรรมเนียมปฎิบัติ" นายธนิกกล่าว
@ ร้อง'บิ๊กตู่'ห้ามแจกปฏิทิน'แม้ว'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบคำสั่งและการกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดหนังสือระบุว่า ตามที่ได้ปรากฏภาพข่าวและรายงานข่าวของสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ว่านายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ออกคำสั่งจังหวัดร้อยเอ็ดไปยังนายอำเภอทุกอำเภอ เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการแจกปฏิทินปี 2559 ที่มีภาพนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งภาพปฏิทินดังกล่าวจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 โดยคำสั่งดังกล่าวได้อ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยและเพื่อความปรองดองสมานฉันท์นั้น
"ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค พท.เห็นว่าการกระทำของผู้ว่าฯร้อยเอ็ดเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เนื่องจากการจัดทำปฏิทินเป็นเรื่องของการใช้สิทธิในการสื่อสารถึงกันระหว่างบุคคล ซึ่งนิยมจัดทำขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่เคยมียุคสมัยใดที่รัฐบาลหรือข้าราชการได้สั่งห้ามมิให้แจกจ่ายปฏิทินกับประชาชน เว้นแต่ปฏิทินเข้าข่ายลามกอนาจาร สำหรับปฏิทินที่มีรูปอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านนั้น เป็นภาพถ่ายปกติของทั้งสองท่านและเนื้อหาก็มีรูปแบบเหมือนปฏิทินที่แจกจ่ายกันทั่วไป" พล.ต.ท.วิโรจน์ระบุ
@ ทหารแจงแจกปฏิทินไม่เหมาะ
พล.ต.สถาภรณ์ ใบพลูทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 (ผบ.มทบ.27) เปิดเผยว่า ได้เรียกพบนายฉลาด ขามช่วง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ร้อยเอ็ด ที่ให้นายประเทือง ศรีคะเนย์ ที่เคยเป็นโฆษกประจำตัวนำปฏิทินไปแจกในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ให้มาพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ทำความเข้าใจกรณีการแจกปฏิทินภาพนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อทำความเข้าใจ และขอร้องให้เห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
"แจ้งให้ทราบการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรปฏิบัติ เพราะรูปบุคคลในปฏิทินมีสถานะของการเป็นนักโทษและผู้ต้องหาที่มีความผิดและหนีคดี จึงไม่เหมาะโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นำไปแจกในสถานที่ราชการ หรือที่ประชุมสถานที่ราชการ หากยังจำเป็นจะแจกขอให้ใช้คนของตัวเองไปแจกเอง โดยไม่ให้ส่วนราชการและบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง" พล.ต.สถาภรณ์กล่าว และว่า ทั้งนี้นายฉลาดยอมรับว่าเกิดจากความเข้าใจผิดของลูกน้องและจะไม่กระทำอีก
นายฉลาด กล่าวว่า เข้าพบ พล.ต.สถาภรณ์คุยทำความเข้าใจกันแล้ว ตนไม่มีเจตนาอื่นๆ ขณะเกิดเหตุอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนปฏิทินมีอยู่ที่บ้านนานแล้ว ทำเป็นม้วนไว้ม้วนละ 2 แผ่นเพื่อแจกให้ประชาชน ช่วงใกล้ปีใหม่มีประมาณ 200 ม้วน จึงสั่งให้นายประเทืองนำไปแจกเพราะเกรงว่าหากพ้นปีใหม่ไปจะไม่มีประโยชน์
"เป็นความผิดพลาดของคนของผม ซึ่งพร้อมที่จะขอโทษทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดด้วย หากติดใจพร้อมจะไปกราบขออภัย"นายฉลาดกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สถาภรณ์เรียกนายฉลาดมาคุยไม่ถึง 1 ชั่วโมงจึงให้เดินทางกลับ
@ บิ๊กป๊อกติงอย่าโยงการเมือง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพคู่ของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสามารถแจกได้หากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ถือว่าไม่เป็นไร แต่ต้องพิจารณากันด้วยว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วตนไม่เคยเห็นใครทำปฏิทิน โดยเอารูปภาพของตัวเองมาใส่ในปฏิทินในลักษณะนี้
@ กทม.ยกทีมงานโต้'วิลาศ'
เมื่อเวลา 14.30 น. นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. และนายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ร่วมแถลงชี้แจงกรณีที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุจะยื่นตรวจสอบการทุจริตในการบริหารงานของ กทม.ต่อ ป.ป.ช. และ สตง. ทั้งเรื่องการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส 30 ปี และการจัดงาน กรุงเทพฯ แสงสีแห่งความสุข: Bangkok Light of Happiness ซึ่งประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง
นายอมรแถลงว่า การติดตั้งซีซีทีวีที่นายวิลาศระบุว่า กทม.ติดตั้งไปเพียง 11,000 ตัวนั้น