- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 03 January 2016 15:10
- Hits: 6482
ไม่ให้แจก! ปฏิทินปีใหม่รูป'แม้ว-ปู' ร้อยเอ็ดอ้างไม่เป็นกลาง ป้อมเปิดบ้านเลี้ยงใหญ่ บิ๊กตู่-คสช.-บิ๊กทหารพรึบ
ปฏิทิน'แม้ว-ปู'เป็นเรื่อง ร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจก ผู้ว่าฯ ให้ทุกอำเภอจับตา ไม่อยากให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง'ฉลาด ขามช่วง' ยันแจกประจำทุกปี ไม่มีนัยยะทางการเมือง 'ปึ้ง'จวกจะปรองดอง ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย'บิ๊กป้อม'เปิดบ้านเลี้ยงฉลองปีใหม่ 'บิ๊กตู่'นำทีมบิ๊กคสช. รมต.สายทหาร ผบ.เหล่าทัพ ร่วมงานชื่นมื่น สวนดุสิตโพลชี้ประชาชนผิดหวังรัฐบาลแก้เศรษฐกิจ ปราบโกง ร่างรัฐธรรมนูญยังมีข้อขัดแย้ง 'มีชัย'โยนคนบิดเบือนรับผิดชอบ ถ้ารธน.ประชามติไม่ผ่าน
วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9167 ข่าวสดรายวัน
เลี้ยงปีใหม่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมครม.สายทหาร และผบ.เหล่าทัพ ขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงในงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่บ้านพักพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในหมู่บ้าน กฤษดานคร เขตมีนบุรี มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน
ร้อยเอ็ดห้ามแจกปฏิทินแม้ว-ปู
วันที่ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ออกหนังสือคำสั่งและสั่งการผ่านวิทยุสั่งการนายอำเภอทุกอำเภอ ระบุว่าได้รับรายงานจาก อ.เชียงขวัญ ว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2558 เวลาประมาณ 09.00 น. เป็นวันประชุมประจำเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่หอประชุม อ.เชียงขวัญ ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมการประชุมด้วย ขณะก่อนการประชุมทราบว่ามีผู้ประสานพรรคการ เมืองไม่ทราบชื่อนำปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 (เป็นภาพของนายทักษิณ ชินวัตร คู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ประมาณ 200 ชุด ชุดละ 2 ชิ้น แต่ละชิ้นม้วนรัดด้วยหนังยางสติ๊ก เจ้าหน้าที่ผู้รับไม่ได้ตรวจสอบว่า รายละเอียดภายในของปฏิทินเป็นอย่างไร และเมื่อผู้เข้าร่วมประชุมเดินทางมาลงลายมือชื่อเข้าร่วมการประชุมประมาณ 200 คนตามเวลา จึงได้แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว
ข้อความระบุว่า เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จึงให้ทุกอำเภอตรวจสอบว่ามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ หากพบให้รายงานทันที รวมทั้งให้เพิ่มความระมัดระวังและวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใด และเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่
ผู้ว่าฯแจงไม่ให้มีการเมืองในพื้นที่
นายอนุสรณ์ เผยว่า ได้สั่งการให้นายอำเภอเชียงขวัญและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน พร้อมสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างนี้ และประเด็นอื่นๆอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านการเมืองในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมประจำเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อำเภอเชียงขวัญกว่า 200 คน ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเชียงขวัญ ในวันที่ 30 ธ.ค. ดังกล่าว โดยมีนายวัลลภ จินดาเงิน นายอำเภอเชียงขวัญ นำหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมมอบนโยบายจังหวัดและรัฐบาล ระหว่างการประชุมมีเสียงฮือฮาเมื่อบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต่างเปิดดูม้วนกระดาษปฏิทินปีใหม่ ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นรูปคู่กันของนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ นำมาแจกโดยกองรวมกับเอกสารของส่วนราชการ นายวัลลภจึงสั่งระงับการแจกปฏิทินที่เหลือ พร้อมสอบสวนแหล่งที่มาและรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับทราบ ผลการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามีผู้นำมาวางไว้รวมไว้กับเอกสารส่วนราชการเพื่อแจกผู้เข้าประชุม
เด็กพท.รับแจกเอง-ไม่มีนัยยะ
พ.ต.อ.วุฒิชัย แช่มช้อย ผกก.สภ.เชียงขวัญ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องไปร่วมประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านประจำเดือนทุกเดือน สอบสวนพบว่ามีส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าประชุมจะนำเอกสารผลงานและการประชาสัมพันธ์หน่วยงานของตนมาแจกหน้าห้องประชุมทุกครั้ง วันนี้ก็นำมาวางไว้แจกเป็นปกติ ต่อไปนี้ฝ่ายนายอำเภอและตำรวจจะกำชับให้ดูแลเอกสารก่อนแจกว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก
นายฉลาด ขามช่วง อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ซึ่งกำลังร่วมพิธีทำบุญร่วมกับประชาชนในอำเภอโพธิ์ชัย ยอมรับว่า ได้มอบหมายให้ลูกน้องเป็นผู้นำไปแจกประชาชนเป็นของขวัญปีใหม่ 2559 ของตนสำหรับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่อำเภอเชียงขวัญจริง ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ได้กระทำมาทุกปี โดยไม่มีนัยยะทางการเมืองแต่อย่างใด
10 มค.ปูร่วมงานแต่งที่ร้อยเอ็ด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า วันที่ 10 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางมาเป็นประธานงานมงคลสมรสลูกสาวอดีตรมช.ศึกษาธิการ นายศักดา คงเพชร ที่อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด และถือโอกาสกราบพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือ "หลวงพ่อใหญ่" พระพุทธรูปยืนปางประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทยและสูงที่สุดในโลก วัดบูรพาภิราม (พระอารามหลวง) ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
'ปึ้ง'จวกไม่ปรองดอง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และรมว.ต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่มีส่วนราชการบางส่วนพยายามกล่าวหาว่าการแจกปฏิทินปีใหม่ที่มีรูปนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว การส่งความสุขให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ มีเงินมีทองก็ซื้อหากันมาไม่ได้ คนที่รับไปก็จะมีความสุขและก็จะได้หายคิดถึงคนที่เขาเคารพรัก อดีตนายกฯ ทั้งสองคนก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว ถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครส.ส.ก็ไม่ทราบจะเกรงกลัวอะไรกันนักกันหนา แล้วแบบนี้ความคิดที่จะให้เกิดความปรองดองจะเป็นไปได้อย่างไร โดยเฉพาะถึงกับมีหนังสือเวียนของทางการประทับตราว่า "ลับ" ยิ่งรังแต่จะก่อให้เกิดการแบ่งแยก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรุณากำชับให้ข้าราชการได้ปฏิรูปการทำงานของตนเองในทางสร้างสรรค์ เฉกเช่นเดียวกับที่นายกฯ ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าปีนี้จะเริ่มปฏิรูปที่ตัวเองก่อนโดยจะไม่หงุดหงิด โมโหโกรธาง่ายๆ เหมือนปีที่ผ่านมา ความปรองดอง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ความสมานฉันท์ในสังคมจะเกิดขึ้นได้มันต้องใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย ประเภทที่ชอบทำงานเอาใจนายควรเลิกได้แล้ว ประ เทศไทยจะได้ก้าวข้ามปัญหาความขัดแย้งไปได้และต้องรู้จักเคารพในสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานส่วนบุคคลไว้บ้าง ประชาธิปไตย ในไทยจึงจะเป็นที่ยอมรับในสากลโลก ประชาธิปไตยในไทยจะได้กลับมาเบ่งบานอีกครั้งหนึ่ง ก็ต้องให้คำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนและฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนไว้ให้มากด้วย
ยิ่งลักษณ์ ควงไปป์เที่ยวทุ่งทานตะวัน
วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมน้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชาย แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่ทุ่งทานตะวัน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ก่อนเดินทางไปกราบพระที่วัดท่าด้วง จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำบุญเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ขอเข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกพร้อมให้กำลังใจจำนวนมาก
'ประวิตร'จัดปีใหม่บิ๊กๆ-ครม.คึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เปิดบ้านพักส่วนตัวภายในหมู่บ้านกฤษดานคร เขตมีนบุรี กทม. เพื่อจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 19.00 น. พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผบ.สส. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รวมทั้งยังมีเหล่านายทหารระดับสูงของกองทัพบก โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 มาร่วมงานอย่างคึกคัก รวมทั้งสิ้นกว่า 500 คน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย แขกภายในงานมีการพูดคุยหยอกล้อกัน และมีร้านค้ามาออกร้านอาหารมากกว่า 30 ร้านค้า เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำนางเลิ้ง ไก่ย่างหนังกรอบ ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เย็นตาโฟ หมูย่าง เป็นต้น
ที่ระลึก - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พา "น้องไปป์"ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายไปทำบุญปีใหม่และแวะเที่ยวทุ่งทานตะวัน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาขอร่วมถ่ายภาพด้วยจำนวนมาก เมื่อวันที่ 2 ม.ค. |
'บิ๊กตู่'นำร้องเพลงคสช.
เวลา 21.54 น. พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีกล่าวอวยพรผู้มาร่วมงานว่า พรที่น้องๆ ให้ตนเองมา ขอให้น้องๆ ได้กลับทั้งหมด และขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ ขอให้พวกเราช่วยกันขับเคลื่อนงานตามโรดแม็ป ช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีและพี่น้องประชาชน ส่วนตนก็ทำงานหนักมาทั้งปีเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ซึ่งในปีหน้าขอให้ทางเหล่าทัพร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน และเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศต่อไปให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากนั้นพล.อ. ประยุทธ์ คณะรัฐมนตรี และผบ.เหล่าทัพ ทั้งหมดขึ้นเวทีร่วมกันร้องเพลง 3 เพลง ได้แก่ เพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย เพลงเพราะเธอคือประเทศไทย และเพลงมาร์ชสามัคคีสี่เหล่า ก่อนจะลงเวทีมาพูดคุยร่วมกันและแยกย้ายกันกลับบ้านในเวลา 24.00 น.
แหล่งข่าวใกล้ชิดพล.อ.ประวิตรเผยว่า การจัดงานเลี้ยงปีใหม่ของพล.อ.ประวิตร จัดเป็นประจำทุกปีในวันที่ 31 ธ.ค. แต่ปีนี้เลื่อนมาเป็นวันที่ 1 ม.ค. เพราะพล.อ.ประวิตรต้องการให้น้องๆ ได้เข้าวัดทำบุญสวดมนต์ข้ามปี และฉลองข้ามปีพร้อมกับครอบครัว อีกทั้งพล.อ.ประวิตรไปสวดมนต์ข้ามปีด้วยเช่นกัน โดยบอกคนใกล้ชิดว่าปีใหม่จะจัดงานกันทุกปี ที่ผ่านมาพวกเราเจอกันตลอด ดังนั้นจะรับประทานอาหารร่วมกันเมื่อไรก็ได้ จึงเลื่อนมาจัดงานวันที่ 1 ม.ค.แทน เพราะต้องการต้องทำตามนโยบายและโครงการสวดมนต์ข้ามปีที่วางไว้
ไก่อูโต้พท.-มั่นใจเศรษฐกิจ 59 ดีขึ้น
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลไม่ได้กังวลหรือให้ราคากับกรณีอดีตส.ส. เพื่อไทยที่ออกมาคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ว่า จะย่ำแย่ เพราะเป็นความเห็นที่มิได้ประเมินทุกปัจจัยอย่างครบถ้วน รวมทั้งสวนทางกับการวิเคราะห์ขององค์กรเศรษฐกิจชั้นนำทั้งสภาหอการค้า สถาบันการเงิน และองค์กรเศรษฐกิจชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ต่างลงความเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว และเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้สินค้าไทยได้เปรียบคู่แข่งจากหลายประเทศ ปี 2559 รัฐบาลยังคงเดินหน้าเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่หลายโครงการที่จะเข้าสู่เฟสการก่อสร้าง การท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงกว่าเป้าหมาย รวมทั้งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งจะทยอยออกมาตร การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหนือความคาดหมายออกมาเป็นระยะๆ จึงมั่นใจว่าในปี 2559 นี้ การส่งออกและเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะเติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่ามีความแตกต่างระหว่างคนมุ่งทำงานกับคนจ้องเล่นงาน เพราะคนมุ่งมั่นทำงานต้องลงแรงเต็มที่ รวมทั้งตั้งเป้าหมายและพยายามจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ขณะที่คนจ้องเล่นงานไม่ต้องลงแรง เพียงแค่เลือกมองเฉพาะเรื่องร้ายแล้วจงใจมองข้ามเรื่องดีๆ เพราะอคติและอาจคาดหวังผลทางการเมืองบางประการ
'มีชัย'อวดร่างรัฐธรรมนูญ
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรม การร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการร่างรัฐธรรมนูญว่า อยากชักชวนให้ดูกลไกที่ดึงประชาชนมามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริงและกลไกการขจัดทุจริตทั้งในหน้าที่และการเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเมืองบริสุทธิ์ ประเทศเดินหน้าได้ไม่ติดกับดักเหมือนที่เป็นอยู่ ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชนจะมี 3 ส่วนคือ 1.การมีส่วนร่วมของประชาชนในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิต้องรับรู้ และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
2.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกบุคคลเป็นผู้บริหารประเทศ จะมีกลไกให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลการเลือกตัวบุคคล พรรคการเมือง นายกฯ อย่างชัดเจนมากขึ้น 3.การมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะเข้ามาสมัครเป็นส.ว. ที่ใช้กระบวนการเลือกตั้งทางอ้อม ทำให้ประชาชนที่สนใจสามารถมาลงสมัครได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงพรรคการเมือง และอยู่ใต้อาณัตินักการเมือง
นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนการวางกลไกให้การทุจริตลดลงอย่างเป็นรูปธรรม จะกำหนดคุณสมบัติคนที่เข้าสู่การเมืองทุกองคาพยพ ต้องไม่เคยถูกตัดสินในคดีทุจริตทั้งในหน้าที่และการเลือกตั้ง ใครถูกตัดสินเช่นนั้นต้องถูกห้ามตลอดชีวิตซึ่งเป็นมาตรการแรง และมีกลไกควบคุมระหว่างการทำหน้าที่ของฝ่ายการเมืองอย่างชัดแจ้งรวมถึงทางจริยธรรม ใครฝ่าฝืนจะถูกห้ามเข้าสู่วงการเมืองตลอดชีวิตเช่นกัน กลไกเหล่านี้จะกระจายไปอยู่ตามองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจนปรับปรุงการทำหน้าที่และที่มาขององค์กรอิสระให้มีความเข้มข้นเป็นที่พึ่งของประชาชน รวมถึงสิ่งที่เคยห้ามในรัฐธรรมนูญแต่ถูกละเลย เช่น การห้ามส.ส.แปรญัตตินำงบประมาณไปใช้เป็นงบส.ส. ซึ่งมีการละเมิดเป็นประจำ จะให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นถึงขั้นให้พ้นจากตำแหน่งไม่สามารถเข้าสู่วงการเมืองได้อีก ครอบคลุมทั้งส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปฏิรูปตำรวจต้องแก้เรื่องวิ่งเต้น
นายมีชัย กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้มี 250-260 มาตรา แต่เป็นเพียงแค่ร่างเบื้องต้นต้องปรับให้กระชับมากขึ้น แม้จะมีหลายมาตราแต่เนื้อหาแต่ละมาตราจะกระชับ ไม่ยืดยาว เว้นแต่บางมาตราที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนการปฏิรูปจะระบุลงไปในรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น กำลังพิจารณาว่าจะมีเรื่องการปฏิรูปเรื่องใดมีความจำเป็นต้องเขียนไว้ เท่าที่คิดมี 2 เรื่องคือ 1.การปฏิรูปการศึกษา 2.การปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด ส่วนการปฏิรูปเรื่องอื่นๆ กำลังมีหนังสือสอบถามไปยังสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ว่ามุ่งปฏิรูปเรื่องใด และเรี่องใดมีความรีบด่วน ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี จะมีในรูปแบบไหน อย่างไร ยังไม่ชัดเจน แต่เป็นไปได้ว่าหลังร่างแรกเสร็จแล้วจะส่งไปให้ครม.พิจารณา ครม.อาจมีข้อเสนอเรื่องยุทธศาสตร์แห่งชาติและการปฏิรูปที่อยากให้ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ กรธ.จะกลับมาดูอีกที
เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจที่มีการเสนอให้แยกการสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเขียนในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยตอบว่า ปัญหาของตำรวจมีอยู่เรื่องเดียวคือการเจริญเติบโต ไม่ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ การเลื่อนตำแหน่งขึ้นอยู่กับการวิ่งเต้น เป็นจุดอ่อน ทำให้ตำรวจเสียกำลังใจ ส่วนเรื่องอื่นปรับเปลี่ยนแก้ได้ง่าย ไม่ยาก การเสนอให้แยกงานสอบสวนออกมาเป็นผลมาจากคนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่สามารถเลื่อนขึ้นไปได้ตามลำดับขั้น แต่การปฏิรูปตำรวจยังไม่ได้คิดว่าจะเขียนลงไปในรัฐธรรมนูญหรือไม่
ไม่เคยคิดต้องมีคปป.
เมื่อถามว่า สนช.เสนอให้มีอำนาจหน้าที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติแห่งชาติ(คปป.) นายมีชัยกล่าวว่ากรธ.จะนำข้อโต้แย้งของฝ่ายต่างๆ มาประกอบการพิจารณาว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน แต่ยังไม่เคยคิดว่าจะมี และยังนึกไม่ออกว่าจะมีไปทำไม หน้าตาเป็นอย่างไร
ทำบุญ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ"น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย เดินทางไปทำบุญปีใหม่ และร่วมพิธีตัดหวายฝังลูกนิมิต ที่วัดท่าด้วง ต.ท่าด้วง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. |
ส่วนข้อวิจารณ์ระบบจัดสรรปันส่วนผสมจะทำให้การเลือกตั้งเกิดความรุนแรง และมีการซื้อเสียงมากขึ้น นายมีชัยกล่าวว่ายังไม่เห็นว่าจะทำให้การเลือกตั้งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่หากใครไปซื้อเสียงก็ขอให้นึกถึงผลลัพธ์ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่าต้องไปหมดและไปแบบไม่กลับมา มาตรการแซงก์ซั่นจะเป็นตัวสำคัญจะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจได้พอสมควร
เมื่อถามว่าเรื่องปฏิรูปและการปรองดองจะแยกหรือจะเชื่อมโยงกันในรัฐธรรมนูญ นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.กำลังรอฟังผลการศึกษาจากคณะอนุกรรมการของกรธ.ที่กำลังพิจารณาอยู่ ที่สื่อมวลชนบางฉบับเสนอไม่รู้ว่านำมาจากไหน แต่ยืนยันว่ากรธ.ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ แต่พร้อมนำข้อเสนอมาพิจารณาประกอบร่วมกัน ไม่ทิ้ง เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องมีกลไกมา สร้างความปรองดองในช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าไม่น่าจะต้องมีกลไกอะไร ถ้าคิดออกว่าจะปรองดองกันอย่างไรค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะทำให้เกิดผลได้อย่างไร
ปรองดองไม่ต้องเขียนไว้
เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องเขียนเรื่องการปรองดองไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าอาจต้องมีกระบวนการทำให้เกิดความปรองดองขึ้นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ ลำพังการเขียนในรัฐธรรมนูญให้ทุกฝ่ายดำเนินการให้เกิดความปรองดอง ถ้าเขียนเพียงเท่านั้นแล้วทำให้เกิดการปรองดองได้เขียนไปนานแล้ว มันไม่น่าสัมฤทธิ์ผลได้เพียงแค่การเขียนเท่านั้น
นายมีชัย กล่าวถึงการเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ได้คิด เพราะต้องรอให้เนื้อหาเสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะเริ่มเขียนบทเฉพาะกาล การไปประชุมร่างรัฐธรรมนูญที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หากพิจารณาเรื่องเนื้อหาเสร็จแล้วก็อาจพิจารณาเรื่องบทเฉพาะกาลได้ในช่วงนั้น
เมื่อถามว่า องค์กรตามรัฐธรรมนูญหลายองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญใหม่นั้น ควรให้ชุดเดิมอยู่ทำงานครบวาระ หรือเปลี่ยนตามโครงสร้างใหม่ นายมีชัยตอบว่าหารือกันอยู่ว่าจะทำอย่างไร มีแนวคิดหนึ่งว่าควรให้เริ่มต้นใหม่ เพราะบางองค์กรระยะเวลาอายุเปลี่ยนไปก็สมควรเริ่มต้นใหม่ แต่อีกความคิดหนึ่งบอกว่าถ้าให้เริ่มต้นใหม่พร้อมกันทั้งหมดจะเกิดความโกลาหลได้ บางองค์กรเพิ่งมีคนใหม่เข้ามา ถ้าให้ไปเริ่มต้นใหม่ก็เหมือนไปฆ่าเขาให้สิ้นชีวิต จึงยังไม่มีข้อยุติออกมาว่าจะทำอย่างไร
ปัดรับผิดชอบ-ไม่ผ่านประชามติ
เมื่อถามว่า คิดว่ามีปัจจัยใดทำให้รัฐธรรม นูญไม่ผ่านประชามติ นายมีชัยกล่าวว่ายังไม่เคยคิดในแง่นั้น เราคิดว่าทำดีที่สุดแล้วถ้าประชาชนเข้าใจอย่างที่พยายามอธิบายมันก็น่าจะผ่าน แม้พรรคการเมืองจะคัดค้านแต่อาจเป็นการพูดด้วยอารมณ์ ถึงเวลาก็ต้องเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติควรกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าแน่นอนอยู่แล้วถ้าไม่ผ่านก็ต้องไปร่างกันใหม่ คืออย่างไรก็ต้องไปทำกันใหม่
ถามว่า จะรับผิดชอบอย่างไรกับความเสียหายหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ทำให้เสียงบประมาณ นายมีชัยตอบว่าคนที่ทำให้ไม่ผ่านก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าใครที่บิดเบือนจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคนนั้นต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แสดงว่ามาจากการบิดเบือนใช่หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่ามาถามคนร่างคนร่างก็ต้องตอบอย่างนั้น เพราะคนร่างก็ร่างดีที่สุดเท่าที่สติปัญญาจะมี
นายมีชัย กล่าวว่ารูปแบบการประชุม กรธ.ที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 11-17 ม.ค.59 จะเป็นการพิจารณาตั้งแต่มาตรา 1 เป็นต้นไป จะดูถ้อยคำและความสอดคล้อง ความสมบูรณ์ น่าจะเห็นออกมาเป็นรายมาตราได้ และคิดเหมือนกันว่าจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมรับฟังได้ หากไม่มีเรื่องหารือที่เป็นเรื่องสำคัญ แต่มีเงื่อนไขว่าเข้าไปแล้วห้ามลุกออกต้องอยู่ด้วยกันจะได้รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน
สิทธิต้องไม่ละเมิดคนอื่น
เมื่อถามว่า ต้องมีเนื้อหาในส่วนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าเจตนารมณ์ของการตีความกฎหมายไม่ได้ดูที่คนร่าง แต่ดูที่เขียนออกมาอย่างไร เวลาตีความจะดูจากถ้อยคำทั้งหมดแล้วนำมาประมวลว่าเจตนารมณ์จากตัวหนังสือเหล่านั้นมีความมุ่งหมายอย่างไร เพราะไปถามคนร่างไม่ได้ คนร่างอาจลืมไปบ้าง เปลี่ยนความคิดบ้าง หรือตายไปแล้ว ตีความไม่ได้ก็จะแย่ เมื่อถามว่าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่แล้วมีเนื้อหาในส่วนบันทึกเจตนารมณ์ประกอบด้วย นายมีชัยกล่าวว่าเป็นความตั้งใจที่จะบังคับคนตีความว่าจะต้องมา แต่เอาเข้าจริงหลักการตีความไม่ใช่แบบนั้น
เมื่อถามว่า จะมีกลไกในรัฐธรรมนูญไม่ให้ประชาชนออกมาเรียกร้องตามท้องถนนอีกอย่างไร นายมีชัยตอบว่าเราวางเป็นขั้นตอนในทุกเรื่อง โดยมีองค์กร มีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยจะสิ้นสุด ไม่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซังอยู่จนต้องไปตีความบนท้องถนนอีก อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าเมื่อรัฐธรรมนูญนี้ออกมาใช้บังคับแล้วชาวบ้านจะเดินขบวนแสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่ เพราะสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญรองรับไว้ ตราบเท่าที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือละเมิดสิทธิคนอื่น ซึ่งอันนี้จะเป็นจุดเน้นอย่างหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าสิทธิที่รับรองไว้จะต้องใช้โดยไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น
เมื่อถามว่า ควรมีเวทีให้พรรคการเมืองได้รณรงค์ในช่วงการทำประชามติหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ใช่หน้าที่กรธ.จะไปคิดแทนคนอื่น กรธ.มีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมาย และผลที่ต้องการคืออะไร เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างกระจ่างเท่านั้น
4 มค.สรุปประเด็นถูกจับตา
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ.กล่าวถึงการทำงานของกรธ.หลังปีใหม่ ว่าขณะนี้การร่างรัฐธรรมนูญเกือบเสร็จสิ้นหมดแล้ว เหลือเพียงเรื่องการปฏิรูปและการปรองดอง กรธ.ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำเรื่องเหล่านี้ไปใส่ไว้ตรงไหน และอีกเรื่องคือบทเฉพาะ กาล ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญเรื่องอื่นนั้นหลักการได้ยุติเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เราอาจจะทบทวนในส่วนที่มีการทักท้วงหรือเห็นต่าง ว่าเรามีเหตุผลหนักแน่นเพียงไหนเพื่อยืนยันในหลักการ หรือหากจะเปลี่ยนจะมีการให้เหตุผลอย่างไร
นายอุดม กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 4 ม.ค. กรธ.จะมีการประชุมตามปกติ ซึ่งจะมีการนำส่วนที่อนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นสรุปความเห็นที่ได้ไปรับฟังที่ต่างๆ มาให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง และประเด็นใดที่ประชาชนจับตามอง รวมถึงที่ประชาชนท้วงติง ส่วนการกลั่นกรองคำและรายละเอียดอื่นเราจะไปทบทวนกันในวันที่ 11-17 ม.ค. ที่ทางกรธ.จะออกนอกสถานที่ เพื่อที่จะได้เสร็จสิ้นและเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนตามกำหนดการ คือวันที่ 29 ม.ค. และหลังจากวันที่ 29 ก็จะรับฟังความเห็นและรับมาปรับเปลี่ยนดูข้อดีข้อเสียให้ชัดขึ้น
ไม่กังวลเกณฑ์ประชามติ
นายอุดม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการทำประชามตินั้นที่ประชุมเกือบจะไม่มีการพูดถึงเลย พูดกันแต่แผนประชาสัมพันธ์ เราคิดว่าทำเต็มที่ เมื่อข้อมูลเสร็จก็ส่งมอบให้อนุกรรมการฝ่ายรับฟังฯ มาทำงานดูว่าประชาชนมองสิ่งที่ร่างออกมาเป็นอย่างไร ประชาชนคิดอย่างไร ซึ่งเราก็จะมีเวลาทบทวนอีกครั้งหลัง 29 ม.ค.
เมื่อถามว่า ยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 วรรคท้าย กังวลหรือไม่จะส่งผลให้ประชามติไม่ผ่าน นายอุดมกล่าวว่าเราถือว่าเราไม่ได้ดูทั้งหมด เรื่องประชามติจะผ่านมากน้อยหรือไม่ผ่าน ในส่วนกรธ.ถือว่าเราให้ข้อมูลประชาชนแล้ว ส่วนประชามติจะออกมาเป็นอย่างไรอยู่ที่รัฐบาล คสช. จะปรับออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งเราไม่ได้พูดถึงเลย เพราะเราทำหน้าที่ในการยกร่างและก็ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลประชาชนเท่านั้น
หน้าที่รบ.ดูแลเสียงประชาชน
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคนที่ 1 กล่าวถึงการทำประชามติ โดยไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 ว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยืนยันแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ที่เป็นกระแสข่าวนั้นเพราะมีคนพยายามหยิบยกมาเรื่อยๆ การทำประชามติเป็นเสียงของประชาชน และเสียงของประชาชนก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล และเมื่อรัฐบาลบอกว่าไม่มีปัญหา แล้วทำไมเราต้องมาตื่นเต้นกัน ซึ่งกรธ.นั้นมีหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญก็แค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
นายปกรณ์ กล่าวว่า กรธ.ไม่เคยพูดเรื่องอะไรที่เลยจากการร่างรัฐธรรมนูญ เราพูดแต่เพียงทำอย่างไรให้เสร็จ ให้ดีที่สุด นอกจากนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา และนายมีชัยก็พูดบ่อยๆ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ กรธ.ก็กลับไปเลี้ยงหลานกันเหมือนเดิม ตนก็จะกลับไปเลี้ยงหลานเพราะเราทำแล้ว รับหรือไม่รับเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องตัดสินใจเองเป็นสิทธิของท่าน
เพื่อไทยตั้งชื่อฉบับกินรวบ
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ที่จะสรุปในช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เปรียบเทียบได้กับหมาชะเง้อดูกระต่ายบนดวงจันทร์ ประชาชนไม่มีทางได้กระต่ายบนดวงจันทร์แน่นอน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกมธ.ยังมีความก้าวหน้ากว่า เช่น ยังมีส.ว.เลือกตั้ง ส่วนฉบับนี้เป็นส.ว.สรรหาทั้งหมด แม้จะบอกว่าคัดสรรแต่ก็เป็นวิธีการลากตั้งทางอ้อมอย่างแยบยลเท่านั้น เนื้อหาสาระที่เปิดเผยออกมา ชาวบ้านค้านเต็มที่ยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใด แต่ไม่ว่าใครออกมาพูดทวงติงแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ กรธ.ก็ยังไม่ฟังเลย ตั้งหน้าตั้งตาทำไปตามพิมพ์เขียว อาจจะมีลักษณะให้กรรมาธิการสงวนคำแปรญัตติแล้วมาอภิปรายบ้าง แต่ในที่สุดก็แพ้มติอยู่ดี ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แย่หนักกว่าเดิม
นายวรชัย กล่าวว่า สำหรับเรื่องของส.ว.นั้น อาจถอดถอนนักการเมืองไม่ได้ก็จริง แต่มีการบัญญัติให้ส.ว.มีอำนาจในการตั้งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นช่องทางคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อาจหาเรื่องตีรวนส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ ส่วนการที่รัฐบาลที่มีนายกฯที่ไม่ต้องมาจาก ส.ส.จะมีการตีรวนในสภา ว่าต้องเลือกตั้งใหม่ก็จะเกิดความวุ่นวายในสภา แล้วก็จะไปสอดคล้องกับการตั้งองค์กรใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษ ดังนั้น รัฐธรรมนูญใหม่ถ้าผ่านก็จะมีการตั้งคนกับองค์กรไว้ควบคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้อยู่ในกลไกนี้ ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลนี้ก็อยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้บริหารประเทศต่ออีก ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับกินรวบ ผ่านก็ได้ไม่ผ่านก็ได้
สปท.สัมมนายุทธศาสตร์ 20 ปี
พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านบริหารราชการแผ่นดิน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงการผลักดันแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่าการทำงานส่วนนี้เป็นการสานต่อจากงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ที่กำหนดเป็นแผนไว้ 4 ขั้นคือ 1.ทำให้เรื่องยุทธศาสตร์ชาติมีการกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 2.ให้กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติมีผลบังคับใช้ ก่อนที่จะมีรัฐบาลต่อไป 3.สนับสนุนความมุ่งมั่นของรัฐที่จะให้มียุทธศาสตร์ชาติ
พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวว่า วันที่ 16 ม.ค. กมธ.จะจัดงานสัมมนาเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐสภา โดยเชิญหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันแผนยุทธศาสตร์ชาติอย่างสำคัญมาร่วมสัมมนาด้วย และ 4.สร้างปณิธานร่วมในการขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน ซึ่งเราจะเผยแพร่เรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติและทำความเข้าใจกับประชาชน ให้ทุกคนเห็นว่าเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์ชาติร่วมกันชาติ หากไม่เข้าใจเช่นนั้น การช่วยผลักดันดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติก็จะน้อยลง และที่สำคัญเราจะต้องชี้ให้เห็นว่าแผนยุทธศาสตร์ชาตินั้นดีสำหรับทุกคน
'เรืองไกร'จี้สอบราชภักดิ์ต่อ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณผิดประเภทในโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนจะทำหนังสือแจงรายละเอียดเรื่องงบประมาณเป็นตัวเลขรับ-จ่ายส่งให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันที่ 4 ม.ค.นี้ เพื่อให้พล.อ.ประวิตรส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น ตรวจสอบต่อไป ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็จะมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือที่จะส่งให้พล.อ.ประวิตรชุดนี้ด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลในเอกสารที่จะส่งไปนี้เป็นข้อมูลเฉพาะส่วนที่ได้หลังจากการรับฟังการชี้แจงจากพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์เท่านั้น
หัวคะแนนยังชู'สุรินทร์'
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.นครศรีธรรมราชว่า หลังเกิดกระแสข่าวความพร้อมการเข้าเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ล่าสุดหัวคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ และคนใกล้ชิดของนายสุรินทร์ระบุว่า หากในอนาคตนายสุรินทร์ได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าพรรคจริง อดีตส.ส.ในพื้นที่ยินดีสนับสนุน อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสีสันเช่นนี้ เพราะไม่ได้เป็นพรรคของใคร สมาชิกก็สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้เชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งครั้งถัดไป ท้ายที่สุดแล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจต้องลาออก เพราะเชื่อว่าพรรคจะยังไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ นายสุรินทร์เคยพูดชัดเจนตั้งแต่ต้นปี และเปรยหลายครั้งว่าพร้อมจะ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนตัวก็สนับสนุนนายสุรินทร์แน่นอน และเห็นว่านายสุรินทร์เหมาะสมกว่าใครๆ
โพลผิดหวังรัฐบาลแก้ศก.-ทุจริต
วันที่ 2 ม.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,763 คน สุ่มสำรวจระหว่างวันที่ 2-30 ธ.ค.2558 ถึง'ความสมหวัง'และ'ความผิดหวัง'ของประชาชนในการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรอบปี 2558
ผลสำรวจความสมหวังของประชาชนในรอบปี 2558 พบว่าอันดับ 1 กิจกรรมเทิดพระเกียรติ"ปั่นเพื่อพ่อ" และ "ปั่นเพื่อแม่" 90.92% อันดับ 2 การจัดระเบียบของรัฐบาล ทำให้ผู้มีอิทธิพลลดน้อยลง 74.53% อันดับ 3 ความตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 63.30% อันดับ 4 การเร่งโครงการรถไฟฟ้า สาธารณูปโภคต่างๆ 58.70% และ อันดับ 5 การเอาใจใส่ประชาชน ลงพื้นที่ สั่งการข้าราชการ 50.88%
ส่วนความผิดหวังของประชาชนในรอบปี 2558 พบว่า อันดับ 1 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ 90.36% อันดับ 2 การปราบปรามทุจริตยังไม่สำเร็จ ยังมีการทุจริตอยู่ 88.15% อันดับ 3 การร่างรัฐธรรมนูญยังมีปัญหาข้อขัดแย้ง 68.75% อันดับ 4 การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน 57.52% อันดับ 5 การปฏิรูปประเทศยังไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรม 55.93%