- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 02 January 2016 18:15
- Hits: 6954
สุรินทร์โต้พัลวัน ลุนชิงหน. ปชป.ยังหนุนมาร์ค บิ๊กตู่ ลั่นขอปฏิรูปตัวเอง ปีใหม่ทำตัวเป็น'กู๊ดกาย'ทะเลาะกับสื่อให้น้อยลง เรืองไกรลุยต่อ'ราชภักดิ์'สนช.จี้แก้เกณฑ์ประชามติ
'สุรินทร์'โต้ข่าวพร้อมชิงเก้าอี้หัวหน้าปชปคนใหม่ อ้างสื่อเข้าใจคลาดเคลื่อน ยันยังมีความสุขกับการสอนหนังสือ ปชป.ตีกัน ใครจะนั่งหัวหน้าต้องขอมติพรรค ขณะที่วาระกก.บห.ชุดปัจจุบันยังเหลือถึงปี 61 ย้ำ'อภิสิทธิ์'ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง 'บิ๊กตู่'อวยพรคนไทยปีใหม่ให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง ลั่นปฏิรูปขอเริ่มที่ตัวเอง พูดให้น้อย หงุดหงิดน้อย ทะเลาะให้น้อยลง 'เรืองไกร'ตามต่อกรณีอุทยานราชภักดิ์ ชี้ 3 ข้อพิรุธผลสอบกลาโหม ป.ป.ช.ลุยสอบตำบลละ 5 ล้านที่นครปฐม "วรชัย"แฉทุจริตขุดลอกคูคลอง
วันที่ 02 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9166 ข่าวสดรายวัน
ถวายพระพร - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 ที่ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 1 ม.ค.
สะพัด'สุรินทร์'ชิงหน.ปชป.
วันที่ 1 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากร้าน โกปี้ ข้างศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน และอดีต ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย พร้อมคนติดตามมานั่งดื่มน้ำชาที่ร้านโกปี้ มีการพูดคุยกันถึงอนาคตทางการเมืองว่าหลังจากทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกของพรรคการเมืองแล้วก็มีความพร้อมจะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เนื่องจากขณะนี้มีความ พร้อมแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสนทนาช่วงหนึ่ง นายสุรินทร์ระบุว่า ที่ผ่านมามีเสียง เรียกร้องของสมาชิกพรรคให้ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เนื่องจากเห็นว่าตนมีความเหมาะสมที่จะนั่งตำแหน่งนี้ หากได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกและได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีเป้าหมายต่อไปคือตำแหน่งนายกฯ ในอนาคต และพร้อมจะปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ให้ก้าวไปสู่สากลต่อไปด้วย เนื่องจากการเมืองต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรินทร์ อายุ 66 ปี เป็นอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชา ธิปัตย์ 7 สมัย ตั้งแต่ปี 2529 เคยรับตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะ รมว.ต่างประเทศ และได้รับตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน
เจ้าตัวโต้-เป็นครูมีความสุข
อย่างไรก็ตามหลังข่าวดังกล่าวแพร่สะพัด เวลา 15.45 น. ที่ท่าอากาศยานนครศรี ธรรมราช นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าพร้อมเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า "เมื่อเช้าผมไปนั่งกินน้ำชากับพรรคพวกพร้อมพูดคุยกันเรื่องการเมืองท้องถิ่น ปัญหาของจังหวัดนครศรี ธรรมราช ความขัดแย้งแตกแยกในจังหวัด ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนนครฯ เมื่อดื่มชาก็ต้องเสวนาเรื่องการเมืองกัน บังเอิญมีสื่อมวลชนนั่งอยู่ด้วยจึงตั้งคำถามว่าจะมีการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อไร ก็ตอบไปว่าหากเลือกตั้งได้ก็เลือกตั้งไปแล้ว เขาถามอีกว่าผมอายุเท่าไรก็บอกว่าอายุ 66 ปี เขาก็ถามว่าได้รับการเลือกตั้งมากี่ครั้งแล้ว จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อไร บอกว่าผมควรจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผมไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่ย้อนกลับไปว่า รู้หรือไม่ว่าการเป็นหัวหน้าพรรคคือการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ผมพูดแค่นี้จริงๆ"
นายสุรินทร์กล่าวว่า ในระบบการเลือกตั้งของเราตามระบบรัฐสภานั้นการเป็นหัวหน้าพรรค หมายถึงการเตรียมตัวเป็น นายกฯ ตนเข้าใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับประเทศไทย เป็นเรื่องในระบอบประชาธิปไตย การจะเป็นหัวหน้าพรรคได้ต้องมีระบบมีขั้นตอน มีโครงสร้าง มีผู้ใหญ่ที่ต้องปรึกษาหารือ ไม่ใช่วิสัยของตนที่จะทำอะไรผลีผลามโดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ ยืนยันว่าตนมีความสุขดีกับการทำหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสือให้กับนักศึกษา เพื่อให้คนเหล่านั้นเติบใหญ่เป็นอนาคตที่ดีของชาติ
'มาร์ค'ปัดตอบขอดูข้อมูลก่อน
ก่อนที่นายสุรินทร์จะปฏิเสธกระแสข่าวพร้อมชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงของนายสุรินทร์ ที่ออกมาประกาศเช่นนี้ เห็นแค่ข่าว แต่มีคนโทรศัพท์มาสอบถามตนในเรื่องนี้มากทั้งอดีต ส.ส.ของพรรคและสื่อมวลชน ในพรรคก็กำลังตรวจสอบข่าวที่ออกมาว่าคืออะไร ตนได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อยหลังจากมีข่าวนี้ออกมาแล้ว นายอภิสิทธิ์ก็บอกว่าไม่ทราบข่าวนี้มาก่อน
นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 1.พรรคประชาธิปัตย์มีคนเก่งเยอะที่มีความรู้ความสามารถ มีหลายคนที่มองว่าสามารถเป็นผู้บริหารประเทศได้ นับแต่นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด นายสุรินทร์ นายจุรินทร์ ลักษณวศิษฎ์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง และอีกหลายคน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครเปิดตัวแสดงวัตถุประสงค์ 2.วาระของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดปัจจบัน เริ่มเมื่อเดือนธ.ค. 57 จะหมดวาระในเดือน ธ.ค. 61 และขณะนี้ทางคสช. ห้ามพรรค การเมืองประชุม ห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอะไรยังคงทำไม่ได้
"ยืนยันว่าปัจจุบันนี้ นายอภิสิทธิ์ ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รับผิดชอบ ต่อหน้าที่หัวหน้าพรรค และโดยมารยาทแล้วผมไม่จำเป็นต้องออกความเห็นอะไรทั้งนั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เปิดกว้าง ทุกคนมีสิทธิ์เสนอตัวทำงาน ให้พรรค" นายจุติกล่าว
3.ขณะนี้พรรคเองก็ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในอีกมาก จึงต้องการคนมาช่วยทำงาน ตนไม่เกี่ยงไม่กีดกันใคร ยิ่ง มาช่วยทำงานมาช่วยสนับสนุนด้านการเงิน ก็จะกราบด้วยความยินดียิ่งเลย
ยันไม่ทำพรรคระส่ำ
เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมาเหมือนกับดิส เดรดิตหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันหรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นการดิสเครดิตกัน และไม่แน่ใจว่านายสุรินทร์ พูดเช่นนี้หรือไม่ อาจจะพูดว่าเมื่อหมดวาระของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันก็ได้ และนายอภิสิทธิ์ ก็เป็นคนที่ไปเชิญนายสุรินทร์มาช่วยทำงานพรรค โดยนายสุรินทร์รับเป็นประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศ ไทย ซึ่งมีวาระเสนอการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ และปฏิรูปพรรคไปพร้อมๆกัน
นายจุติ กล่าวว่า มองว่าเป็นสัญญาณบวกจากนายสุรินทร์ ที่ประกาศต่อสารธาณะว่าพร้อมจะมาทำงาน ซึ่งอาจมาส่งการบ้านให้หัวหน้าพรรคก็ได้ ความปรารถนาอยากจะเป็นหน้าพรรค การเปลี่ยนแปลงในพรรคก็ต้องมีการประชุมภายในพรรคก่อน ส่วนการเป็นนายกฯ ขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งไม่มีใคร ตอบได้ และไม่เชื่อว่าข่าวที่ออกมาจะทำให้พรรคระส่ำระสาย เพราะกก.บห.พรรคชุดนี้มีวาระอยู่ถึงปี 2561
สมาชิกพรรคเป็นงง
นายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.นครศรี ธรรมราช กล่าวว่า ถือเป็นข่าวใหม่ที่สมาชิกพรรคไม่ได้รับรู้มาก่อน เพราะในพรรค ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากพรรคอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ การเคลื่อนไหวของนายสุรินทร์ อาจเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อที่ต่างจังหวัดและอาจเป็นการพูดคุยกันภายในกลุ่มคนใกล้ชิดกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นก็เป็นได้ และข่าวที่ออกมาก็เป็นการเคลื่อนไหว ส่วนตัวในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่ง เพราะนายสุรินทร์ไม่ได้เป็นกก.บห.พรรคชุดนี้ ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหว ของสมาชิก ในวงนอก จึงทำให้ไม่ทราบวัตถุประสงค์หรือเจตนาที่แท้จริง
นายเทพไท กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายสุรินทร์ ที่ประกาศตัวออกมาเช่นนี้ อาจสร้างความงุนงงให้สมาชิกและผู้สนับสนุนของพรรคได้ ถ้ามีความพร้อมตามประกาศจริงก็น่าจะมาพูดคุยหรือเคลื่อนไหวภายในพรรค และนายอภิสิทธิ์ ก็ยังมีวาระดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีก 2 ปี และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีกฎเกณฑ์และข้อบังคับที่ชัดเจนในการเลือกผู้บริหารพรรค ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของพรรคต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ของพรรค และขณะนี้ทุกคนภายในพรรค ยังยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ มีศักยภาพ และพร้อมจะนำพาพรรคต่อไปจนครบวาระ
นายเทพไท กล่าวว่า หากหมดวาระของกก.บห.ชุดนี้แล้วนายสุรินทร์ จะเสนอตัวก็ถือว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความพร้อมและมีศักยภาพ และในพรรคก็มีบุคคลที่มีคุณสมบัติจะเป็นผู้นำพรรคต่อไปได้อีก หลายคน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองในเชิงสถาบันและมีการถ่ายโอนอำนาจพรรคและการบริหารพรรคจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลายาวนาน ฉะนั้นถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง นายสุรินทร์มีความประสงค์ที่จะเข้ามาเป็นผู้นำพรรคก็ต้องรอให้พรรคได้รับการผ่อนปรนจากคสช.ให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ และต้องรอให้ กก.บห.ชุดนี้หมดวาระก่อน เชื่อว่าวันนี้ก็จะต้องมีคู่แข่งขันหลายคนเหมือนกับทุกยุคทุกสมัย ที่มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค จะมีการเลือกตั้งจากสมาชิกพรรคได้อย่างเสรี
สนช.แนะรบ.แก้ปม'ประชามติ'
นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 เพื่อกำหนดทางออก หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ว่าคงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและคสช.จะเห็นเป็นอย่างไร ในการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญ พิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่เคยมีการหารือกันเรื่องนี้ มีเพียงการหารือถึงข้อห่วงกังวลในมาตรา 37 วรรคท้าย ที่กำหนดว่าเสียงที่จะใช้ผ่านประชามติต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปได้ยาก ส่วนตัว ในฐานะรองประธานกมธ.พิจารณาศึกษาฯคนที่สอง มองว่าหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็ควรแก้ส่วนนี้ให้มีความชัดเจน ป้องกันการตีความของแต่ละฝ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า จุดยืนของสนช. ก็ต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติเพื่อจะได้ทำให้บ้านเมืองผ่านวิกฤตความ ขัดแย้งเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนกระแสที่ว่ารัฐบาลไม่อยากให้ผ่านประชามติเป็นการมองของฝ่ายการเมืองที่อาจต้องสูญเสียอำนาจจากเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งการมองว่ารัฐบาลอยากอยู่ต่อเป็นการมองการยึดอำนาจแบบเดิมว่าคณะยึดอำนาจทำเพื่อตัวเอง แต่ตนยืนยันว่าคสช.ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่กำลังทำเพื่อสังคมส่วนรวม
นักวิชาการเสนอใช้ฉบับ 40
นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวถึง แนวโน้มการผ่านประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ช่วงกลางปี 59 ว่าต้องพิจารณาถึงเนื้อหาว่าจะดึงสังคมไทยถอยหลังกลับไปมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดทอนอำนาจพรรคการเมือง หากมีมากก็มีโอกาสสูงที่ประชามติจะไม่ผ่าน ที่สำคัญยังขึ้นกับผู้มี อำนาจอย่างคสช.ว่าอยากให้ไปในทิศทางใด เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องการเมือง
นายสมชาย กล่าวว่า ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวพ.ศ.2557 ให้ชัดว่าหากประชามติไม่ผ่านแล้วจะทำอย่างไร เพื่อนำพาสังคมกลับไปสู่ประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง เชื่อว่าตอนนี้คสช.ไม่อยู่ในสถานะที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรม นูญ (กรธ.)ชุดใหม่มาร่างรัฐธรรมนูญต่อไปอีกปีครึ่ง ได้อีกแล้ว เพราะปัจจัยจากทั้งภายในและภายนอกประเทศในมติการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ไม่เอื้อให้คสช.สามารถต่อเวลาได้อีกต่อไป อีกทั้งคงไม่เหลือเนติบริกรมารับหน้าที่แล้ว ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 มีความเหมาะสมและชอบธรรมที่สุดที่จะถูกหยิบมาปรับปรุงและประกาศใช้ทันทีไม่เกิน 1 เดือน หากประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ไม่ผ่าน
นายสมชาย กล่าวว่า ทางออกตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัดความเฉลียวฉลาดของผู้มีอำนาจ หากเลือกจะให้ตั้งกรธ.ชุดใหม่ขึ้นมา หรือมอบอำนาจให้หน่วยงานที่เป็นคอหอยกับลูกกระเดือกอย่างสนช.รับผิดชอบยกร่าง ก็จะกลายเป็นการสะท้อนว่าคสช.ยังอยากอยู่ในอำนาจต่อไป แต่เชื่อว่าสังคมไทยคงไม่ปล่อยให้คณะรัฐประหารอยู่ในอำนาจลากยาวด้วยข้ออ้างร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ เหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ต่อจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ใช้เวลากว่า 9 ปี จัดทำร่างรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน
พท.จี้กรธ.อย่าร่างรธน.ผิดเพี้ยน
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายกฯระบุว่ามีทางออกจะนำไปสู่การเลือกตั้งได้แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านประชามติว่า ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้บัญญัติไว้หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ดังนั้น หากไม่บัญญัติทางออกเพิ่มเติมไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวคาดว่านายกฯจะใช้อำนาจพิเศษคือ มาตรา 44 หยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ หรืออาจจะใช้วิธีการที่สุดจะคาดเดา อย่างไรก็ตาม วิธีที่ประชาชนส่วนใหญ่จะรับได้คือ กรธ.จะต้องเขียนรัฐธรรมนูญอย่าผิดเพี้ยนไปจากครรลองของประชา ธิปไตยให้มากนัก ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียทั้งงบประมาณ เวลา ที่สำคัญจะกระทบกับความรู้สึกของประชาชน รวมทั้งบรรยากาศที่รัฐบาลประกาศอยากจะให้เกิดความปรองดองก็จะเสียเปล่าด้วย
นายสามารถ กล่าวว่า ดังนั้น กรธ.ต้องเขียนกติกาที่ประชาชนส่วนใหญ่รับได้จริงๆ ต้องยอมรับว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ขณะที่อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการจะต้องยึดโยงกับประชาชน ไม่ควรมีองค์กรพิเศษใดๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญมาผ่าวิกฤตของประเทศ เพราะวิกฤตของประเทศจะแก้ไขได้ด้วยตัวมันเอง โดยคืนอำนาจให้ประชาชน ขณะที่รัฐบาลต้องหนักแน่น อดทนกว่านี้ ที่สำคัญต้องเร่งสร้างบรรยากาศความเป็นประชา ธิปไตยโดยการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็ปโดยเร็วที่สุด
'นพดล'วอนรบ.เปิดพื้นที่เสรีภาพ
นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าเห็นด้วยที่ผู้นำบอกว่าต้องการให้ปีนี้เป็นปีปฏิรูป และอยากให้คนไทยทุกคนร่วมกันปฏิรูปประเทศ แต่การปฏิรูปจะสำเร็จได้ถ้าประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่เพียงการทำงานของแม่น้ำ 5 สายเท่านั้น ยังมีบ่อน้ำ ห้วย หนอง คลองบึงทั่วประเทศ ที่ต้องให้เข้าร่วมปฏิรูป ตนจึงเรียกร้องว่าปีใหม่นี้ขอผู้มีอำนาจได้คลายกฎ เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีสิทธิมีเสรีภาพในการร่วมแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกในทางการเมืองมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ตนเห็นว่าถ้าให้มีเสรีภาพมากขึ้น จะทำให้การสร้างความปรองดองหรือการปฏิรูปสำเร็จมากกว่าการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ทั้งนี้ รัฐบาลเองก็ระบุว่าไม่มีปัญหาที่กระทบความมั่นคงของรัฐบาล สถานการณ์ในประเทศเรียบร้อย และตนเชื่อว่าไม่มีกระบวนการนอกรัฐบาลใดที่จะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาลและคสช.ได้ ดังนั้น การที่รัฐบาลและคสช.จะเปิดพื้นที่เสรีภาพทางการเมืองให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาพปกติ จะทำให้การปรองดองและการปฏิรูปเกิดเป็นจริงได้ดีกว่า และจะเรียกความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศ กลับคืนมา
"เป็นเรื่องปกติในสังคมที่จะมีความเห็นหลากหลาย แต่เราไม่ควรมองความเห็นต่างของคนไทยด้วยกันว่าเป็นความขัดแย้ง ที่จะเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาของประเทศ เราควรเปิดพื้นที่ให้ความเห็นเหล่านั้น อุปมาเหมือนเรือเดินทะเลซึ่งต้องเจอคลื่นลม เป็นปกติ แต่กัปตันที่มีความสามารถก็จะพาเรือเข้าฝั่งได้" นายนพดลกล่าว
'พิชัย'ชี้เศรษฐกิจปี 59 ย่ำแย่
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ให้ข้อมูลกับพรรคเพื่อไทยถึงการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2559 ว่ายังคงมีสภาวะย่ำแย่ไม่ต่างจากปี 2558 แต่ประชาชนอาจจะลำบากมากกว่าเดิมเพราะเจอผลกระทบอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจของสหรัฐจะฟื้นตัวถึงขนาดต้องขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ไทยจะไม่ได้รับประโยชน์ เพราะสหรัฐประกาศตัดจีเอสพีไทยในต้นปี 59 แถมเรียกร้องไม่ให้ซื้ออาหารทะเลจากไทยและคาดอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกต่อเนื่อง จะทำให้เงินทุนไหลออกกลับไปสหรัฐ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว ตลาดหุ้นไทยจะผันผวน ส่วนอียูก็ยังคงตัดจีเอสพีและไม่เจรจาเขตการค้าเสรีกับไทย เท่ากับการแซงก์ชั่นกลายๆ เพราะเท่ากับราคาสินค้าไทยต้องแพงขึ้นเนื่องจากต้องจ่ายภาษี ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงซบเซาต่อเนื่อง เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ยังไม่ฟื้น
การที่รัฐบาลคาดหวังว่าการส่งออกที่ตกต่ำในปี 58 ที่ลดลงกว่า 5.5% จะกลับมาโต 5% ในปี 59 คงเป็นไปได้ยาก ส่วนที่รัฐบาลหวังว่าจะมีการลงทุนเพิ่มหนึ่งเท่า จากปีนี้ที่ย่ำแย่เหลือแค่สองแสนกว่าล้านคงจะเป็นไปได้ยาก เพราะนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศไม่แน่ใจว่าไทย จะเจอการกีดกันการค้าในรูปแบบต่างๆ เพิ่มอีกขนาดไหน
ข้อมูลระบุว่าปัญหาการละเมิดสิทธิ มนุษยชน การสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับทูตต่างประเทศ ยิ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่มั่นใจมากขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมากโดยเฉพาะราคายางเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกลดต่ำลง คนชั้นกลางที่ช็อปปิ้งหักภาษีได้ในวงเงิน 15,000 บาทแล้วอาจไม่มีกำลังซื้ออีก เอสเอ็มอียังคงประสบปัญหาไม่สามารถขายสินค้าและบริการได้ เศรษฐกิจ ในปี"59 จะซบเซาต่อเนื่อง ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสทางการค้าและการลงทุนไปเรื่อยๆ และจะเจริญเติบโตต่ำที่สุดในอาเซียนเป็นปีที่ 4 ติดกัน ดังนั้น รัฐบาลต้องดำเนินการดังนี้ 1.แก้ภาพพจน์ ที่ติดลบในข่าวสารที่กระจายออกไปทั่วโลก 2.ต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน 3.การยอมรับการเห็นต่างเพื่อปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ 4.ใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ยอมรับปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจซบเซา และ เร่งหาทางแก้ไข และ 5.แผนการเข้าสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง วันเลือกตั้งที่แน่นอน และรัฐธรรมนูญที่ เป็นหลักสากลที่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
เรืองไกรชี้พิรุธ'ราชภักดิ์'
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อสังเกตหลังการรับฟังข้อมูลกรณีการตรวจสอบการจัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า รู้สึกพอใจข้อมูลที่ได้มีการนำออกมาชี้แจง เพราะทำให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ข้อเท็จจริง ที่ได้มาจะถูกผิดอย่างไรก็คงต้องตามต่อ โดยเห็นว่าข้อมูลที่ได้มานั้นจะมีปัญหาตามมา เช่น งบกลาง 60 กว่าล้านบาทแทนที่จะลงบัญชีกองทัพบกกลับโยกไปเป็นเงินกองทุนสวัสดิการ คือลงเป็นค่าบริจาคแทนที่จะลงเป็นค่าอาคาร ทั้งที่ตอนของบนั้นขอเป็นงบลงทุน ทำให้การแสดงข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
นายเรืองไกรกล่าวว่า จึงต้องไปดูว่า 1.มีการแก้ไขรายการบัญชีจริงหรือไม่ โดยต้องดูการขออนุมัติงบตั้งแต่แรก 2.หากมีการแก้ไขบัญชีให้เปลี่ยนไปจากข้อเท็จจริงเดิมจริง สิ่งที่ควรเป็นของกองทัพบกจะกลายเป็นของกองทุน การให้ทรัพย์สินราชการออกไปในลักษณะนี้จะกลายเป็นคดีอาญาเหมือนการเอาทรัพย์สินของราชการไปขาย ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เซ็นอนุมัติให้เป็นงบกลางแล้วเหตุใดจึงกลายไปเป็นเงินบริจาค
3.ทำไมเงินโรงเรียนนายสิบจำนวน 149 ล้านบาท ไม่ทำเป็นเงินบริจาคเหมือนงบกลาง คือจะแก้ก็แก้ไม่หมด นอกจากนี้ทำไมต้องเอาเงินโรงเรียนนายสิบอีกก้อนหนึ่งจำนวน 106 ล้านบาทไปใว้ในกองทุน ก่อนหน้านี้สังคมไม่เคยรับรู้เลยว่าโรงเรียนนายสิบบริจาคเงินให้กองทุนหรือมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งเงินของโรงเรียนนายสิบ คือเงินหลวง แต่ที่ผ่านมาผู้เกี่ยวข้องชี้แจง มาตลอดว่าไม่เคยใช้งบประมาณแผ่นดิน
'วรชัย'แฉทุจริตขุดลอกคลอง
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ของรัฐบาลขณะนี้ว่า ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมและเกิดวิกฤตคอร์รัปชั่น เช่น เรื่องโครงการขุดลอกคูคลองที่มีการให้นายหน้ามารับงานไปขาย คนรับงานต้องเสียถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ไปให้องค์การทหารผ่านศึก ส่วนโครงการอุทยานราชภักดิ์ก็ออกมาให้จบในลักษณะที่ไม่มีคนผิด ต่างกับโครงการจำนำข้าวที่ผู้ปฏิบัติยังไม่มีใครผิดแต่ผู้ออกนโยบายผิดแล้ว ทำให้เห็นได้ชัดว่า 2 มาตรฐาน นอกจากนี้การที่รัฐบาลอ้างข้ออ้างในการยึดอำนาจว่าจะลดความขัดแย้งปฏิรูปทุกด้าน แต่รัฐบาลทำอะไรเป็นรูปธรรมบ้าง ปฏิรูปการเมืองล้มเหลว คอร์รัปชั่นหนักหน่วง มีการโกงแล้วออกมาบิดเบือน และการจัดซื้อจัดจ้างใช้วิธีพิเศษ ไม่ต้องอีอ๊อกชั่นและใช้กฎหมายพิเศษ ส่อให้เห็นว่ามีกลไกในการโกง ดังนั้น ผลงานที่เด่นชัดที่สุดคือตามราวีตามเล่นงานพวกเราเท่านั้นเอง
พท.ชู'ปู'นางเอกจำนำข้าว
นายวรชัยกล่าวถึงการขอเพิ่มพยาน 18 ปากคดีรับผิดทางละเมิด กรณีจำนำข้าวว่า เรื่องพยานขอมาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อมาศาลเพิ่มให้จำนวนหนึ่ง ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลและฝ่ายค้านทำไมต้องไปเดือดร้อนแทนกระบวนการยุติธรรม ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน ทำไมรัฐบาลไม่เอาเวลาไปทำเรื่องคดีเก่าๆ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า เช่น คดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ ทำไมรัฐบาลต้องรีบร้อนเร่งรัดคีจำนำข้าว มีนัยยะอะไรควรไปตรวจสอบเอาจริงเอาจังเรื่องทุจริตในโครงการราชภักดิ์ หาคนผิดมาลงโทษไม่ดีกว่าหรือ
นายวรชัย กล่าวว่า ส่วนที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งฉายา"มายาจำนำข้าว" ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น มายาตรงไหน เรื่องจำนำข้าวนี้เป็นเรื่องช่วยประชาชน พรรคประชาธิปัตย์เป็นช่างทาสีเลยคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเอง คอยประดิษฐ์คำพูดมาว่าคนอื่นตลอดเวลา ฉายาที่นพ.วรงค์ตั้งไม่มีส่วนที่ใกล้เคียงกับน.ส.ยิ่งลักษณ์เลย ขอตั้งฉายาให้ใหม่ว่า"นางเอกจำนำข้าว" ยังดูจะใกล้กับความจริงมากกว่า เพราะที่ทำไปทั้งหมดก็ด้วยหัวใจที่ต้องการช่วยพี่น้องประชาชนจริงๆ และผลงานก็ยังอยู่ในใจพี่น้องประชาชน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเพิ่มพยานอีก 18 ปาก ว่ารัฐบาลเคยกำหนดสรุปเรื่องนี้ตั้งแต่สิ้นก.ย.58 และเคยขยายเวลาให้น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งจะหมดเวลาสิ้นธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มาขอเพิ่มพยานเพื่อขยายเวลาสอบอีก ทำให้คิดได้ว่าต้องการยื้อเวลา และเพื่อนำมาสร้างเป็นเงื่อนไขว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ปปช.ลุยสอบตำบลละ 5 ล้านที่นครปฐม
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ในพื้นที่ ต.งิ้วราย จ.นครปฐม ที่เสนอโครงการฝึกอาชีพลดว่างงาน แต่กลับมีการนำงบไปทำกับข้าวกินและห่อกลับบ้าน 10 วันนั้น ล่าสุดสำนักเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ดำเนินการสั่งการลงไปยัง ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช. จังหวัดนครปฐมเพื่อให้ลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และจะรายงานความคืบหน้าต่อฝ่ายเลขาธิการในเร็วๆ นี้ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าอาจมีความผิดปกติในการดำเนินโครงการ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องรอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็ต้องดูว่าเป็นการผิดในขั้นตอนใด และใครเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง หากมีความผิดไม่ร้ายแรงก็จะส่งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการต่อไป
'วัชรพล'เตรียมแถลง 4 มค.
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงการทำงานหลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ว่าขณะนี้ตนได้มองทิศทางการทำงานไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการแบ่งการทำงานอย่างชัดเจน คงต้องรอการประชุมในวันที่ 4 ม.ค.นี้ เพราะจะมีการประชุมกับคณะทำงานทั้งชุดใหม่และเก่า และเลขาธิการป.ป.ช.จะได้อธิบายและอาจมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจนมากขึ้น ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดเก่าได้ตัดสินคดีไป คนส่วนใหญ่มองว่าเอนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งนั้น ตนมองว่าการตัดสินคดีของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่ผ่านมาขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย ทุกอย่างพิจารณาตามข้อเท็จจริง ส่วนจะกระทบกับการทำงานของคณะกรรมการชุดใหม่หรือไม่นั้น คิดว่าการทำงานของแต่ละบุคคล ก็อาจจะมีความแตกต่างกันเพราะเป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ดีตนจะขอตอบคำถามต่างๆ ของสื่อหลังจากประชุมกับคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งหมดในวันที่ 4 ม.ค.ก่อน หลังจากนั้นช่วงบ่ายจะเปิดโอกาสให้สื่อซักถาม
นายกฯนำลงนามถวายพระพร
เวลา 09.00 น. ที่ห้องแดงศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง พล.อ. ประยุทธ์ พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และครม. เข้าลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 นอกจากนี้ ประธานสนช. ผบ.เหล่าทัพ ข้าราชการระดับสูง และตัวแทนทูตานุทูตทยอยเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งนี้ ทางพระบรมมหาราชวังจัดสถานที่ให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร พร้อมแจกปฏิทินหลวงพุทธศักราช 2559 ให้ผู้เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวคำปราศรัยเนื่อง ในเทศกาลปีใหม่ 2559 ว่าในนามของรัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมใจกันตั้งจิตอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลพิภพ โปรดดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญปกเกล้าแก่เหล่าพสกนิกร ชาวไทยตราบกาลนาน
อวยพรปีใหม่คนไทย
นายกฯกล่าวว่า ปี 2558 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปมีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายทั่วโลก สำหรับไทยประสบปัญหาจนเกิดผลกระทบในหลายด้าน ตลอด 1 ปีรัฐบาลดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ พยายามเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมทั้งการปฏิรูประยะที่ 1 และมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน การบริหารงานยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ต้องดูสภาวะแวดล้อมของประเทศเพื่อนบ้าน และสถานการณ์ของโลกเป็นองค์ประกอบด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรระหว่างประเทศ กลุ่มประชาคมต่างๆ อาจไม่เข้าใจบริบทของการเมืองและสังคมไทยมากนัก และในปี 2559 ที่กำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จำเป็นต้องมีความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ปีใหม่ 2559 ที่กำลังจะมาถึงเป็นปีแห่งอนาคต ปีแห่งความร่วมมือด้วยความเข้าใจ ปีแห่งการสร้างความเข้มแข็งของพวกเราชาวไทย ปีแห่งความรักความสามัคคีกัน และเป็นปีที่สร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองให้มีความเข้มแข็งอย่างถาวร นั่นหมายถึงประชาชน ทุกคนคือฟันเฟืองสำคัญที่ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เจริญรุดหน้าในทุกด้าน เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถ มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและมีความพร้อม มีศักยภาพในการร่วมกันดูแลบ้านเมืองของเราให้มีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และมีความสุข
นายกฯกล่าวว่า ในวันขึ้นปีใหม่พุทธ ศักราช 2559 ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้งพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่าน ข้าราชการทุกฝ่าย ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร และองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง คิดหวังสิ่งใดขอจงสัมฤทธิ์ผลดังใจปรารถนา ร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองและสร้างประวัติศาสตร์ ของชาติไปด้วยกัน
'ปู'ส่งความสุข-กำลังใจ
ด้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯโพสต์รูปภาพและข้อความอวยพรปีใหม่ ผ่านอิสสตาแกรม และเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประชาชนคนไทยในหลายอิริยาบถมีข้อความว่า "ขอส่งความสุข กำลังใจ และขอให้ประสพความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวังค่ะ"
ปีใหม่ให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ"คืนความสุขให้คนในชาติ" ตอนหนึ่งว่าปีใหม่นี้ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันก้าวข้ามความขัดแย้ง คดีความต่างๆ ก็ให้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมดำเนินการเป็นอิสระ พวกเราทุกคนต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีแห่งความสุข มีแต่ความสุขความสมหวัง อนาคตที่สดใส เป็นปีแห่งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ เสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อจะช่วยกันสร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองให้มีความสงบสุข ร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร
นายกฯกล่าวว่า สำหรับรัฐบาลขอความเข้าใจ ความร่วมมือจากประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย ทุกพวกที่เป็นทรัพยากรมนุษย์สำคัญของชาติ และจากทุกภาคส่วน ร่วมกัน ขับเคลื่อนประเทศภายใต้ฟันเฟือง"ประชารัฐ" เพื่อจะสร้างบ้านแปลงเมือง ให้เจริญ รุดหน้าในทุกๆ ด้าน เพื่อความมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ประชาชนทุกคนมีความพึงพอใจ มีความสุข
ยกมนุษย์เพนกวินปลุกให้สู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในศักราชใหม่นี้ขอนำเรื่องดีๆ มาฝากประชาชนคนไทย ทุกคน เพื่อเป็นกำลังใจเป็นเครื่องยืนยันว่า "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ทุกคนคงจำ "มนุษย์เพนกวิน"ได้ คือนายเอกชัย วรรณแก้ว ที่แม้ไร้แขนทั้งสองข้างแต่เป็นตัวอย่างของการไม่ยอมแพ้ สู้ชีวิต คิดบวก และที่สำคัญไม่ทำตนให้เป็นภาระสังคม แต่กลับสร้างสรรค์สังคมและประเทศชาติ ให้งดงาม วันนี้เขาพิชิตยอดเขาคิลิมันจาโร ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา มีความสูงกว่า 5,895 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เพื่อ วาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา และร้องเพลงสดุดีมหาราชา ด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ จนลืมความเหนื่อยและความหนาว
นายกฯกล่าวว่าา สิ่งที่นายเอกชัยฝากบอกกับสังคมไทยและชาวโลกคือ ความสำเร็จครั้งนี้มาจากศรัทธาอันแรงกล้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว เขาบอกด้วยว่าอย่าเพิ่งท้อแท้ ตราบใดถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ และการปีนเขาไม่ได้ใช้ร่างกายเป็นหลัก แต่ใช้ใจ ถ้าใจถึงอย่างอื่นจะตามมาเอง ซึ่งตนเห็นว่าเป็นพลังในการทำงานของตนต่อไป เพื่อประเทศชาติ และอยากจะเป็นกำลังใจให้กับชาวไทยได้อดทน แม้จะทำในสิ่งที่ยาก ก็ขอเพียงมีศรัทธา มีความหวัง มีกำลังใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมอบให้แก่กันและกันในเวลานี้ เพื่อจะเป็นพลังขับเคลื่อนในการปฏิรูปประเทศ
ปีหน้าปฏิรูปตัวเอง-พูดน้อยลง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในการพักผ่อนช่วงปีใหม่มีวันหยุดราชการหลายวัน หลายคนกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่ขอให้เฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่อย่างระมัดระวัง มีความสุขแล้วอย่าให้มีความทุกข์ตามมา ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ 4 วันนี้ทำของขวัญจากคสช.ให้ทุกคน โดยคาดโทษมีการลงโทษสำหรับผู้ทำความผิด ทำให้สังคมเดือดร้อนเพื่อดูแลเรื่องของอุบัติเหตุ
"ปีหน้าก็จะให้ของขวัญตัวเองเหมือนกัน โดยปีหน้าจะพูดให้น้อยลง หงุดหงิดน้อยลง ทะเลาะกับนักข่าวน้อยลง ทำตัวเป็น Good Guy โดย 2 ปีแล้วที่ผมดุเดือดมาก เพราะว่าเป็นช่วงเริ่มต้น ต่อไปเป็นเรื่องการปฏิรูป ทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ผมจะปฏิรูปตัวผมเองด้วย ทุกคนที่ทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมต้องพูดเยอะก็ปฏิรูปตัวเองด้วย อย่าให้ผมทำคนเดียว ขอให้ปลอดภัย มีความสุข ร่วมกันเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่ายิ่งๆ ขึ้นไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
'สุรินทร์'รีบปัด ข่าวชิงหน.ปชป.จุติเผยหลายคนเหมาะ มาร์คงง-มีวาระอีก 2 ปี'บิ๊กตู่'ขอเป็น'กู๊ดกาย' หัวหินแห่เชียร์โด่ง'สู้ๆ'
- มติชนออนไลน์ :
ปชป.ดาหน้าปฏิเสธข่าว 'สุรินทร์' ชิง หน.พรรค 'มาร์ค'งง ขอตรวจสอบก่อน แถมเหลือวาระทำงานอีก 2 ปี ขณะที่เจ้าตัวปัดพัลวัน ยืนยันแค่ดื่มน้ำชาคุยการการเมืองท้องถิ่นกับเพื่อนฝูง
นายกฯเร่งดูแลผู้มีรายได้น้อย
เมื่อวันที่ 1 มกราคม เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลเผยแพร่คำปราศรัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 เนื้อหาระบุว่า ในศุภวาระขึ้นปีใหม่ ปี 2559 ในนามของรัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมใจกันตั้งจิตอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญปกเกล้าแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินงานด้วยความมุ่งเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วน รวมทั้งการปฏิรูประยะที่ 1 และมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยมีมาตรการและนโยบายต่างๆ ในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ดูแลเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยอย่างเป็นระบบ การบริหารงานในยุคปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ต้องดูสภาวะแวดล้อมของประเทศเพื่อนบ้านและสถานการณ์ของโลกเป็นองค์ประกอบด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรระหว่างประเทศ กลุ่มประชาคมต่างๆ อาจไม่เข้าใจบริบทของการเมืองและสังคมไทยมากนัก และในปี 2559 ที่กำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จำเป็นต้องมีความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกได้
หวังปี 59 เป็นปีแห่งอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการตามโรดแมประยะที่ 1 และ 2 ในปัจจุบันเพื่อไปสู่ระยะที่ 3 มีรัฐบาลเลือกตั้งที่มีธรรมาภิบาล รัฐบาลมีความตั้งใจจะดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายในการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งการร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ สร้างความพร้อมเพื่อก้าวสู่สังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่อยากให้ทุกอย่างกลับไปที่เดิม ซึ่งองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความมั่นคงของประเทศชาติ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อความสำเร็จในการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป
"ผมขอให้ปีใหม่ 2559 เป็นปีแห่งอนาคต ปีแห่งความร่วมมือด้วยความเข้าใจ ปีแห่งการสร้างความเข้มแข็งของพวกเราชาวไทย ปีแห่งความรักความสามัคคีกัน และเป็นปีที่สร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองให้มีความเข้มแข็งอย่างถาวร ซึ่งนั่นหมายถึงประชาชนทุกคนคือฟันเฟืองสำคัญที่ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เจริญรุดหน้าในทุกด้าน เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถ มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและมีความพร้อม มีศักยภาพในการร่วมกันดูแลบ้านเมืองของเราให้มีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และมีความสุข" นายกฯกล่าว
'บิ๊กตู่'เผยปี 59 หงุดหงิดน้อยลง
ต่อมาเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติว่า ปี 2559จะให้ของขวัญตัวเอง คือจะพูดให้น้อยลง หงุดหงิดน้อยลง ทะเลาะกับนักข่าวน้อยลง ต้องทำตัวเป็น กู๊ดกาย (Good Guy) 2 ปีที่ผ่านมาที่ดุเดือดมากหน่อย เพราะว่าเป็นช่วงเริ่มต้น ฉะนั้นช่วงปีต่อไปเป็นเรื่องการปฏิรูป ทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน จะปฏิรูปตัวเองด้วย ทุกคนที่ทำให้หงุดหงิด ทำให้ต้องพูดเยอะ ปฏิรูปตัวเองด้วย อย่าให้ต้องทำคนเดียว ขอให้ปลอดภัย มีความสุข ร่วมกันเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่ายิ่งๆ ขึ้นไป
ปีใหม่ขอทุกคนเดินหน้าประชารัฐ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ปีใหม่นี้ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันก้าวข้ามความขัดแย้ง เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งความสุข มีแต่ความสุขความสมหวัง และอนาคตที่สดใส โดยรัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศภายใต้ฟันเฟืองประชารัฐ เพื่อจะสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุดหน้าในทุกด้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ภาคใต้ พบว่าประชารัฐมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมปัจจัยภายในและภายนอก แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือต้องถือหลักการที่ว่า ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้ที่มีความพึงพอใจ เป็นผู้ที่มองเห็นอนาคตของตัวเอง ของครอบครัวตัวเอง และของชุมชนด้วย
'บิ๊กกุ้ย'หารือทิศทางป.ป.ช.4ม.ค.
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการทำงานหลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯว่า ขณะนี้ได้มองทิศทางการทำงานไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการแบ่งการทำงานอย่างชัดเจน คงต้องรอการประชุมในวันที่ 4 มกราคมนี้ โดยจะประชุมกับคณะทำงานทั้งชุดใหม่และเก่า และเลขาธิการ ป.ป.ช.จะได้อธิบายและอาจจะมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจนมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดเก่าได้มีการตัดสินคดีไป คนส่วนใหญ่มองว่าเอนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งนั้น พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า การตัดสินคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย ทุกอย่างพิจารณาตามข้อเท็จจริง ส่วนจะกระทบกับการทำงานของคณะกรรมการชุดใหม่หรือไม่ คิดว่าการทำงานของแต่ละบุคคลอาจจะมีความแตกต่างกัน เพราะเป็นดุลพินิจของแต่ละบุคคล สำหรับคำถามที่มีเข้ามาทั้งหมดจะขอตอบหลังจากประชุมในวันที่ 4 มกราคม
'นพดล'ขอคสช.ให้พื้นที่เสรีภาพ
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่ผู้นำประเทศบอกว่าต้องการให้ปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิรูป และอยากให้คนไทยทุกคนร่วมกันปฏิรูปประทศ แต่การปฏิรูปจะสำเร็จได้ประชาชนต้องมีส่วนร่วม ไม่ใช่เพียงการทำงานของแม่น้ำ 5 สายเท่านั้น ยังมีบ่อน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึงทั่วประเทศที่ต้องให้เข้าร่วมปฏิรูป จึงอยากเรียกร้องว่าปีใหม่นี้ขอผู้มีอำนาจคลายกฎและเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีสิทธิมีเสรีภาพในการร่วมแสดงความคิดเห็น และการแสดงออกในทางการเมืองมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งจะทำให้การสร้างความปรองดองหรือการปฏิรูปสำเร็จมากกว่าการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ
นายนพดล กล่าวว่า รัฐบาลเองก็ระบุว่าไม่มีปัญหากระทบความมั่นคงของรัฐบาล สถานการณ์ในประเทศเรียบร้อย ดังนั้นการที่รัฐบาลและ คสช.จะเปิดพื้นที่เสรีภาพทางการเมืองให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาพปกติ จะทำให้การปรองดองและการปฏิรูปเกิดเป็นจริงได้ดีกว่า และจะเรียกความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศกลับคืนมาได้
"เป็นเรื่องปกติในสังคมที่จะมีความเห็นหลากหลาย แต่เราไม่ควรมองความเห็นต่างของคนไทยด้วยกันว่าเป็นความขัดแย้ง ที่จะเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาของประเทศ เราควรเปิดพื้นที่ให้ความเห็นเหล่านั้น อุปมาเหมือนเรือเดินทะเลซึ่งต้องเจอคลื่นลมเป็นปกติ แต่กัปตันที่มีความสามารถก็จะพาเรือเข้าฝั่งได้" นายนพดลกล่าว
โพล 83%ปลื้มรบ.ทำปท.สงบ
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพล เรื่อง "ที่สุดแห่งปี 58 ข่าวดีผลงานรัฐบาลในความทรงจำของมนุษย์เงินเดือน" สอบถามความเห็นจากคนทำงานบริษัทต่างๆ จำนวน 1,253 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-31 ธันวาคม 2558 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.8 ระบุเรื่องการรักษาบ้านเมืองสงบเรียบร้อยไม่วุ่นวาย แตกต่างไปจากช่วงความรุนแรงทางการเมืองที่มีกลุ่มคนมิจฉาชีพทำลายความเป็นปกติสุขของบ้านเมือง ข่มขู่คุกคาม สกัดกั้นการสัญจรไปมา ละเมิดสิทธิประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ทำลายทรัพย์สินและชีวิตประชาชนทั่วไป
รองลงมา ร้อยละ 81.6 ระบุมาตรการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สิทธิประโยชน์ให้กับประชาชน เช่น การเพิ่มเงินค่ารักษาพยาบาลเจ็บป่วยจากการทำงานสูงสุด 1 ล้านบาท เพิ่มเงินผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผลประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมายใหม่ของกระทรวงแรงงาน และการคงมาตรการรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 73.5 พอใจผลงานจัดระเบียบชายหาดและแหล่งท่องเที่ยว ร้อยละ 71.4 ระบุเรื่องคุมราคาหวยสำเร็จ ร้อยละ 68.9 ระบุจับกุมขบวนการก่อเหตุระเบิดราชประสงค์
หนุน'บิ๊กตู่'นั่งนายกฯยาว
สำหรับ ผลสำรวจมาสเตอร์โพลเกี่ยวกับความหวังกับความกลัวที่จะก้าวต่อไปในปีใหม่ 2559 ส่วนใหญ่ร้อยละ 95.4 มีความหวังที่จะก้าวต่อไป ขณะที่ร้อยละ 4.6 รู้สึกกลัวที่จะก้าวต่อไป อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่จะให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อไปในฐานะนายกรัฐมนตรี พบว่าเกินครึ่งหรือร้อยละ 52.1 ให้โอกาส 3 ปีขึ้นไป ร้อยละ 18.4 ให้โอกาส 2-3 ปี ร้อยละ 23.7 ให้โอกาส 1-2 ปี มีเพียงร้อยละ 5.8 ให้โอกาสไม่เกิน 1 ปี
'อมร'หนุนเพิ่มอำนาจศาลรธน.
นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกรณี กรธ.จะให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากเป็นพิเศษในการแก้วิกฤตทางการเมืองว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับนายวิษณุ ซึ่งในการยกร่างรัฐธรรมนูญก็มีช่องทางบางประการอยู่เช่นเดียวกัน อาจจะมอบอำนาจให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นทุกเรื่องจะไปรวมอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญหมด ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น
ยันร่างรธน.ไม่มีคปป.
เมื่อถามว่า องค์กรดังกล่าวจะคล้ายกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) หรือไม่ นายอมรกล่าวว่า ไม่เหมือนแน่นอน เพราะ กรธ.ไม่ได้มีเจตนาจะไปตั้งคณะบุคคลหรือองค์กรใหม่ขึ้นมาใหม่ และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ย้ำอยู่เสมอว่าที่มาที่ไปของ คปป.ไม่ใช่ความคิดของ กรธ.ชุดนี้ และยืนยันเสมอว่าร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้จะไม่มี คปป.แน่นอน
แย้มเอาไว้ในกม.ลูก
"แต่กลไกที่เราจะมีไว้เพื่อผ่าทางตันเวลามีวิกฤตบ้านเมืองจะต้องมี กรธ.อาจไม่ใส่ไว้ในตัวรัฐธรรมนูญ แต่จะใส่ไว้ในกฎหมายลูกภายหลัง แล้วก็อาจจะมีมาตรการมาเสริมความชัดเจนอีกก็ได้ เนื่องจากหากใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญเลยหากภายหลังมาแก้ไขบ่อยๆ สุดท้ายจะมีปัญหากับตัวรัฐธรรมนูญเอง" นายอมรกล่าว
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วกฎหมายลูกดังกล่าวจะเป็นการเข้าควบคุมการบริหารรัฐบาลหรือไม่ นายอมรกล่าวว่า กรธ.ไม่มีเจตนาแบบนั้น เพราะตามเจตนารมณ์เดิมของ กรธ.คืออะไรก็ตามที่เป็นเงื่อนไขบังคับทำให้รัฐบาลบริหารงานลำบากจะไม่ทำ โดยจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลจากตัวแทนประชาชนสามารถทำงานได้เต็มที่ และไม่ห่วงว่าประเด็นดังกล่าวจะกลายเป็นปัญหาภายหลัง เนื่องจาก กรธ.คิดไว้อยู่แล้วว่า หากมีเงื่อนไขอะไรที่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศได้ก็ต้องทำ แต่เป็นรูปแบบใดต้องไปหารือกันต่อ เพราะ กรธ.ยังมีเวลาอยู่
พท.เชื่อนายกฯใช้ม.44 ปมร่างรธน.
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายกฯระบุว่ามีทางออกที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านประชามติว่า ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้บัญญัติทางออกไว้หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ดังนั้นหากไม่บัญญัติทางออกเพิ่มเติมไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว คาดว่านายกฯจะใช้อำนาจพิเศษคือ มาตรา 44 หยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ หรืออาจจะใช้วิธีการที่สุดจะคาดเดา อย่างไรก็ตาม วิธีที่ประชาชนส่วนใหญ่จะรับได้คือ กรธ.ต้องเขียนรัฐธรรมนูญไม่ผิดเพี้ยนไปจากครรลองของประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียทั้งงบประมาณ เวลา ที่สำคัญจะกระทบกับความรู้สึกของประชาชน รวมทั้งบรรยากาศที่รัฐบาลต้องการให้เกิดความปรองดองก็จะเสียเปล่าด้วย
"กรธ.จะต้องเขียนกติกาที่ประชาชนส่วนใหญ่รับได้จริงๆ โดยต้องยอมรับว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ขณะที่อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ จะต้องยึดโยงกับประชาชน ไม่ควรมีองค์กรพิเศษใดๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญมาผ่าวิกฤตของประเทศ เพราะวิกฤตของประเทศจะแก้ไขได้ด้วยตัวมันเอง โดยคืนอำนาจให้ประชาชน" นายสามารถกล่าว
สปท.ยันปี 59 เห็นปฏิรูปชัด
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่าแนวทางปฏิรูปของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน พร้อมทั้งขอให้ประกาศว่าจะดำเนินการปฏิรูปเป็นรูปธรรมในปี 2559 ว่า หลังเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2557 รัฐบาลได้ตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ขึ้นมาทำงานอย่างหนัก มีการจัดทำแผนการปฏิรูปทั้ง 37 วาระ และอีก 6 วาระการพัฒนา และส่งมอบรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย เมื่อ สปท.เข้ามาโดยนำแผนเดิมจาก สปช.มาปฏิบัติ ต้องยอมรับความเป็นจริงก่อนว่า การปฏิบัติจะสำเร็จได้รัฐบาลต้องเห็นพ้องร่วมกันด้วย เช่นเดียวกับหน่วยงายราชการต่างๆ รวมไปถึง สนช.ในฐานะผู้ออกกฎหมาย เพราะงานทุกอย่างของแม่น้ำ 5 สาย ต้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยเชื่อว่าในปี 2559 จะต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน เพราะถ้าไม่เห็นผลบ้านเมืองจะสุ่มเสี่ยงย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะปัญหาต่างๆ ไม่ได้รับการแก้ไขเลย
"ตอนนี้เริ่มเห็นความคืบหน้าการจัดตั้งศาลคดีทุจริตขึ้นมาเป็นศาลชํานัญพิเศษ เป็นหนึ่งในผลงานที่ถูกเสนอไปจาก สปท. ดังนั้นภาพรวมในปี 2559 จะเห็นเป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องยอมรับในทางความเห็นจริงการปฏิรูปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างและความเคยชินหน่วยงานต่างๆ ด้วย" นายคำนูณกล่าว
'เสรี'ชงกม.ลูกปฏิรูปการเมือง
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวถึงการทำงานของ กมธ.หลังจากเสนอแผนปฏิรูปต่อที่ประชุม สปท.ว่า หลังจากนี้อย่างแรกคงจะต้องดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกก่อนว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองได้มากน้อยแค่ไหน อย่างที่สองจะแก้ปัญหาทางด้านการเมืองในส่วนที่สามารถทำหรือดำเนินการศึกษาได้ทันที โดยตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมา 2 คณะ ซึ่งการปฏิรูปการเมืองให้สำเร็จนอกจากจะวางหลักไว้ในตัวรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องมีหลักไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกมา ในส่วนนี้จะเป็นรายละเอียดวิธีการที่เป็นหลักสำคัญของการแก้ปัญหาทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกตั้ง เรื่องที่เกี่ยวกับ ส.ส.และ ส.ว. เรื่องการสร้างระบบพรรคการเมืองให้เป็นของประชาชน การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ รวมถึงองค์กรอิสระ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่ กมธ.จะต้องทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้ว่าไม่น้อยกว่า 15 ฉบับ
สุรินทร์ปัดข่าวชิงหน.ปชป.
จากกรณีมีกระแสข่าวนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน พร้อมลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งนายสุรินทร์ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว พร้อมชี้แจงว่า เมื่อเช้าวันนี้ไปนั่งดื่มน้ำชากับพรรคพวกเพื่อนฝูง และพูดคุยกันเรืองการเมืองท้องถิ่น รวมถึงปัญหาของจังหวัดนครศรีธรรมราชและความขัดแย้งแตกแยกในจังหวัด ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนนครฯ เมื่อดื่มชาจะต้องเสวนาเรื่องการเมืองกัน บังเอิญว่ามีสื่อมวลชนนั่งอยู่ด้วย จึงตั้งคำถามว่าจะมีการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อไร จึงตอบไปว่าหากเลือกตั้งได้ก็เลือกตั้งไปแล้ว สื่อยังถามอีกว่าอายุเท่าไร ก็บอกว่าอายุ 66 ปี
"สื่อก็ถามอีกว่าท่านได้รับการเลือกตั้งมากี่ครั้งแล้ว จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อไร ท่านควรจะเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.นะ ผมไม่ได้ตอบคำถามนี้ ผมก็ย้อนกลับไปว่า ยูรู้หรือไม่ว่าการเป็นหัวหน้าพรรคคือการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ผมพูดแค่นี้จริงๆ ในระบบการเลือกตั้งของเรา การเป็นหัวหน้าพรรคหมายถึงการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้าใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับประเทศไทย การจะเป็นหัวหน้าพรรคได้จะต้องมีระบบ มีขั้นตอน มีโครงสร้าง มีผู้ใหญ่ที่จะต้องปรึกษาหารือ ไม่ใช่วิสัยของผมที่จะทำอะไรผลีผลามโดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ ยืนยันว่าผมมีความสุขดีกับการทำหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสือให้กับนักศึกษาเพื่อเติบใหญ่เป็นอนาคตที่ดีของชาติ" นายสุรินทร์กล่าว
'มาร์ค'งง-เหลือวาระอีก 2 ปี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวทำนองเดียวกันว่า ไม่ทราบรายละเอียดและเพิ่งทราบจากข่าว และยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุรินทร์ถึงกระแสข่าวดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดี การลงสมัครเป็นหัวหน้า ปชป.ต้องให้คนปัจจุบันหมดวาระก่อน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยังเหลือวาระอีก 2 ปี
จุติรับมีหลายคนเหมาะสม
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการ ปชป. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ปชป.มีคนเก่งที่มีความรู้ความสามารถหลายคน สามารถเป็นผู้บริหารประเทศได้ อาทิ นายสุรินทร์ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้า ปชป. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้า ปชป. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้า ปชป.และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอีกหลายคน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครเปิดตัวแสดงวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตามวาระของกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจะหมดวาระในเดือนธันวาคม 2561 และขณะนี้ คสช.ห้ามพรรคการเมืองประชุม ห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอะไรยังคงไม่สามารถทำได้
"ยืนยันว่าปัจจุบันนายอภิสิทธิ์ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รับผิดชอบต่อหน้าที่หัวหน้าพรรค และโดยมารยาทแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องออกความเห็นอะไรทั้งนั้น แต่พรรค ปชป.เป็นพรรคที่เปิดกว้าง ทุกคนมีสิทธิเสนอตัวทำงานให้พรรค" นายจุติกล่าว
เชื่อเป็นสัญญาณบวก
เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมาเหมือนกับดิสเดรดิตหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันหรือไม่ นายจุติกล่าวว่าไม่เชื่อว่าเป็นการดิสเครดิตกัน และไม่แน่ใจว่านายสุรินทร์พูดเช่นนี้หรือไม่ อาจจะพูดว่าสนใจเมื่อหมดวาระของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันก็ได้
"ผมมองว่า เป็นสัญญาณบวกจากนายสุรินทร์ที่ประกาศต่อสาธารณะว่าพร้อมจะมาทำงาน นายสุรินทร์อาจมาส่งการบ้านให้หัวหน้าพรรคก็ได้ ความปรารถนาอยากจะเป็นหัวหน้าพรรค การเปลี่ยนแปลงในพรรค ต้องมีการประชุมภายในพรรคก่อน ส่วนการเป็นนายกฯก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ไม่มีใครตอบได้ และไม่เชื่อว่าข่าวที่ออกมาจะทำให้พรรคระส่ำระสาย เพราะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้มีวาระอยู่ถึงปี 2561" นายจุติกล่าว
'นพ.วรงค์'อัด'ปู'ขอเพิ่มพยาน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ปชป .กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอเพิ่มพยานอีก 18 ปาก ในคดีรับผิดทางละเมิดในโครงการรับจำนำข้าวว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่ตกเป็นเหยื่อเรื่องการอำนวยความยุติธรรม ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลเคยกำหนดระยะเวลาสรุปเรื่องนี้ตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายน 2558 และรัฐบาลเคยขยายเวลาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแล้ว 3 ครั้ง จนกระทั่งหมดเวลาในสิ้นเดือนธันวาคม แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาขอเพิ่มพยานเพื่อขยายเวลาสอบอีก ถ้าคิดแบบตรงไปตรงมา การขอให้คนมาเป็นพยานให้ควรเสนอชื่อเขามาตั้งแต่แรก แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับขอเพิ่มเป็นใกล้หมดเวลา ทำให้คิดได้ว่าต้องการยื้อเวลาและเพื่อนำมาสร้างเป็นเงื่อนไขว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
"ทางออกที่ดีควรให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เขียนคำอธิบายประเด็นสำคัญของพยานแต่ละปากที่คิดว่าจะช่วยอธิบายให้กรรมการเห็นภาพ ถ้าคณะกรรมการคิดว่าพยานปากใดมีสาระสำคัญ ก็เชิญพยานปากนั้นมา แต่ถ้าอ่านดูแล้วไม่มีสาระสำคัญก็ตัดทิ้งได้ เนื่องจากประชาชนรอบทสรุปเรื่องความเสียหายและผู้รับผิดชอบต่อเรื่องจำนำข้าวมานานมากแล้ว" นพ.วรงค์กล่าว
วรชัยซัดรัฐบาลเร่งคดีข้าว
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การขอเพิ่มพยานคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการขอมาตั้งแต่แรก และศาลเพิ่มให้จำนวนหนึ่ง ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลและ ปชป.จะต้องไปเดือดร้อนแทนกระบวนการยุติธรรม ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน ทำไมรัฐบาลต้องรีบร้อน เร่งรัดคดีจำนำข้าว มีนัยยะอะไรหรือไม่ ทำไมไม่ไปตรวจสอบเอาจริงเอาจังเรื่องอุทยานราชภักดิ์ หาคนผิดมาลงโทษไม่ดีกว่าหรือ
เมื่อถามว่า มองฉายามายาจำนำข้าว มองอย่างไร กรณี นพ.วรงค์ตั้งฉายามายาจำนำข้าวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายวรชัยกล่าวว่า เป็นมายาตรงไหน เรื่องจำนำข้าวนี้เป็นเรื่องช่วยประชาชน ปชป.เป็นช่างทาสี เป็นช่างภาพมาก่อนเลยคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเอง คอยประดิษฐ์คำพูดมาว่าคนอื่นตลอดเวลา แต่คงจะไม่มีผลอะไรต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์
'เรืองไกร'ยังข้องใจงบ'ราชภักดิ์'
ด้านความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงข้อสังเกตหลังจากการกรณีการตรวจสอบการจัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งระบุว่าการใช้เงินเป็นไปอย่างถูกต้องว่า ข้อเท็จจริงที่ออกมาจะถูกผิดอย่างไร คงจะต้องตรวจสอบกันต่อไป เพราะเห็นว่าน่าจะมีปัญหาตามมา เช่น การใช้งบกลาง69 ล้านบาท แทนที่จะลงบัญชีกองทัพบก กลับโยกไปเป็นเงินกองทุนสวัสดิการ คือลงเป็นค่าบริจาคแทนที่จะลงเป็นค่าอาคาร ทั้งที่ตอนของบประมาณเป็นการของบลงทุน ทำให้การแสดงข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตรงนี้จะต้องไปดูว่า 1.มีการแก้ไขรายการบัญชีจริงหรือไม่ โดยจะต้องดูการขออนุมัติงบตั้งแต่แรก
จี้ถามใช้เงินร.ร.นายสิบฯ
นายเรืองไกร กล่าวว่า 2.หากมีการแก้ไขบัญชีให้ปลี่ยนไปจากข้อเท็จจริงเดิม จะทำให้สิ่งที่ควรเป็นของกองทัพบกกลายเป็นของกองทุน การทำให้ทรัพย์สินราชการพ้นออกไปจะกลายเป็นคดีอาญา เหมือนการเอาทรัพย์สินของราชการไปขาย ทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ลงนามอนุมัติให้เป็นงบกลาง เหตุใดจึงกลายไปเป็นเงินบริจาค 3.ทำไมเงินโรงเรียนนายสิบฯ จำนวน 149 ล้านบาท ไม่ทำเป็นเงินบริจาคเช่นเดียวกับงบกลาง คือจะแก้ก็แก้ไม่หมด นอกจากนี้ ทำไมต้องเอาเงินโรงเรียนนายสิบฯอีกก้อนหนึ่งจำนวน 106 ล้านบาท ไปไว้ในกองทุน ก่อนหน้านี้สังคมไม่เคยรับรู้เลยว่าโรงเรียนนายสิบฯบริจาคเงินให้กองทุนหรือมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งเงินของโรงเรียนนายสิบฯคือเงินหลวง แต่ที่ผ่านมาผู้เกี่ยวข้องชี้แจงมาตลอดว่าไม่เคยใช้งบประมาณแผ่นดิน
'บิ๊กโด่ง'ปธ.สวดข้ามปี'ราชภักดิ์'
ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ เป็นประธานงานสวดมนต์ข้ามปี แสดงความจงรักภักดีต่อบูรพกษัตริย์ โดยมี พล.ต.สัญญา จันทร์สงวน ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหิน ประชาชนในพื้นที่อ.หัวหิน
และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก จากนั้นพระครูวิจิตรธัมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน แสดงพระธรรมเทศนาเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ และนำผู้เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญจิตตภาวนาถวายเป็น
พระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง
จากนั้น พล.อ.อุดมเดชได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่ร่วมงานและเทศบาลเมืองหัวหินที่ได้ร่วมกันจัดสวดมนต์ข้ามปี พร้อมยืนยันว่าการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์มีความโปร่งใสและได้ตั้งใจทำงานอย่างจริงจังเพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ ต่อมาประชาชนจำนวนมากได้ให้กำลังใจโดยมอบดอกไม้และกระเช้าของขวัญพร้อมร่วมถ่ายรูป ทำให้ พล.อ.อุดมเดชมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะเดินทางกลับประชาชนที่มาร่วมงานได้ตะโกน "สู้ๆ" เป็นการให้กำลังใจด้วย