- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 01 January 2016 12:21
- Hits: 5026
'ป๋า'เชียร์บิ๊กตู่ พาชาติรอด 'ไก่อู'ระอา'ปู'ยื้อถ่วงคดีข้าว
'ป๋าเปรม'เชื่อมั่น'บิ๊กตู่' พาประเทศรอด การันตีทั้ง นายกฯ-ภริยาสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีแผล จึงกล้าเข้ามาเสี่ยง ไม่สนคนวิจารณ์ม. 112 ย้ำคนไทยต้องรักสถาบัน ไก่อูระอา'ยิ่งลักษณ์'ขอเพิ่มพยาน หวังยื้อคดีข้าว ทนายปูสวนอย่ามโน เป็นโฆษกรัฐบาลแต่ไม่เข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐานด้านยุติธรรม'จตุพร'ลั่นสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ยังไม่จบ เหน็บเสียเวลาตั้งกรรมการ ตรวจแค่งบรายรับ-รายจ่าย ไม่มีอำนาจตรวจทุจริต 'มาร์ค'เตือนรัฐบาลเร่งชี้แจงปมราชภักดิ์ให้โปร่งใส วอนคสช.ทบทวนให้เปิดประชุมพรรคได้ 'บรรหาร'เชื่อมีเลือกตั้งแน่ในปี"60 มั่นใจร่างรธน.สำเร็จ ติงที่มาส.ว. ควรมีทั้งเลือกตั้ง-สรรหา "วิษณุ'เผยนายกฯมีคำตอบในใจแล้ว หากร่างรธน.ฉบับ'มีชัย'ไม่ผ่านประชามติ อาจนำรธน.เก่ามาปัดฝุ่นใหม่ โปรดเกล้าฯแล้ว 5 กรรมการป.ป.ช.ใหม่
วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9165 ข่าวสดรายวัน
อวยพร - นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักจรัญสนิทวงศ์ 55 กทม. ให้สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาและประชาชนจาก จ.สุพรรณบุรี เข้าอวยพรปีใหม่ 2559 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.
ป๋าเชื่อ'บิ๊กตู่'แก้ปัญหาปท.สำเร็จ
วันที่ 31 ธ.ค. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะแก้ไขปัญหาให้สำเร็จได้ว่า เราว่าได้ เมื่อถามว่ามีเวลาจำกัดจะแก้ไขได้หรือไม่ เพราะมีเวลาถึงเดือน ก.ค.2560 จะมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ป พล.อ.เปรมกล่าวว่า เราว่านายกฯสามารถทำได้เพราะข้อที่หนึ่ง เขามีความมุ่งมั่น ข้อที่สอง เขาเป็นคนสะอาด บริสุทธิ์ ภริยาเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ ครอบครัวก็สะอาดบริสุทธิ์ ฉะนั้น คนที่สะอาดบริสุทธิ์ กล้าที่จะทำอะไรก็ได้ที่มันเสี่ยงๆ เพราะตัวไม่มีแผล คิดว่าเขาทำได้ แต่จะได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ความร่วมมือของประชาชนในชาติของเรา
เมื่อถามว่าคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนประธานองคมนตรีเรื่องความสะอาด บริสุทธิ์และยังชอบใส่เสื้อชุดพระราชทานเหมือนกันหรือไม่ พล.อ.เปรมถามกลับว่า "นายว่าดีไหม" เมื่อถามว่าพล.อ.เปรมเป็นต้นแบบหรือเปล่า พล.อ.เปรมกล่าวว่า ก็เขียนไป
ไม่แคร์คนวิจารณ์ม.112
"ที่อยากให้ผมพูดให้พรประชาชน ขออย่างเดียวว่าขอให้รักสถาบันที่สำคัญๆ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอให้รับเรื่องนี้ และปฏิบัติตาม เพื่อให้ชาติของเรามีสถาบันที่เป็นหลักชัยในชาติของเรา ใครจะพูดอย่างไร มาตรา 112 ดีหรือไม่ดี ก็เป็นเรื่องของคนพูด แต่หน้าที่ของคนไทยคือต้องรักษาสถาบันที่สำคัญไว้ให้ได้จะด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ" พล.อ.เปรมกล่าว
พล.อ.เปรม กล่าวว่า ขอให้เป็นนักข่าวที่มีจรรยาบรรณและทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ทำงานเพื่อบริษัท ขอให้เสนอข่าวที่เป็นจริง ตรงไปตรงมา ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักข่าวคนอื่นๆ ขอให้ยึดมั่นว่าประเทศของเรา นักข่าวเป็นส่วนสำคัญที่จะเสนอข่าวให้คนทะเลาะกันก็ได้ ให้คนดีกันก็ได้ ซึ่งมันไม่สมควร ควรเสนอข่าวที่เป็นจริงออกไป ใครทำอะไรไม่ดีก็บอกไม่ดี ใครทำอะไรดีก็บอกว่าดี ไม่ใช่มโน คิดเอาเอง ดังนั้น อย่าไปมโน อะไรที่ไม่ใช่ก็อย่าเสนอข่าวที่มโน ที่จริงนักข่าวส่วนใหญ่ดี มีเพียงบางคนที่ไม่ดี ต้องพูดกันตรงๆ และอย่าโกรธกันที่พูดในวันนี้ เราต้องเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นมาดูว่านักข่าวไทยดี ตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างโน่นข้างนี้ เสนอข่าวที่ตรง และข่าวใดที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงก็อย่าไปเสนอเพราะมันเป็นความลับ
"ที่เราพูดกับนายกฯไปเรื่องความรัก อยากให้เข้าใจว่ารักอย่างไร เช่น รักในสิ่งที่เราทำอยู่ ถ้าเป็นนักข่าว ไม่รักเรื่องการทำข่าว ก็ทำข่าวที่ดีไม่ได้ ต้องบอกตัวเองว่าเรารักการเป็นนักข่าวมากๆ หายใจออกมาเป็นนักข่าว อย่างนี้ก็ทำงานสำเร็จ อย่างเรื่องความสามัคคีก็บอกนายกฯว่า ต้องเริ่มที่ตัวเรา เราต้องเข้าใจว่าสามัคคีคืออะไร ถ้าเราเข้าใจก็จะบอกคนอื่นได้ตรง และถูกต้อง" พล.อ.เปรมกล่าว
"บิ๊กตู่"ขอสวดมนต์ปีใหม่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ตั้งใจใช้ช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อยู่บ้านพร้อมกับครอบครัว เพื่อสวดมนต์ ทำจิตใจให้สงบ ร่วมอธิษฐานจิตเพื่อประเทศชาติ สถาบันและประชาชน ซึ่งนายกฯปรารภว่าหากไปร่วมกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไม่ว่าสถานที่ใด จะต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาคอยดูแลจำนวนมาก อาจสร้างความไม่สะดวกให้กับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม จึงไม่อยากให้กระทบกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการดูแลประชาชน สำหรับของขวัญปีใหม่ ที่นายกฯตั้งใจมอบแด่ประชาชนทุกคนคือ การมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ สถาบัน และประชาชนอย่างไม่ย่อท้อ
ไก่อูซัด"ปู"เตะถ่วงคดีข้าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำหนังสือถึงนายกฯและรมว.คลัง เพื่อขอเพิ่มบัญชีพยานในคดีความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว รอบที่ 4 จำนวน 18 ปากว่า รัฐบาลรู้สึกระอาใจกับพฤติกรรมเตะถ่วงเวลาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะที่ผ่านมาเมื่อการสอบปากคำพยานใกล้จบ ก็จะขอเพิ่มบัญชีพยานมาอีกถึง 3 ครั้ง และพยานหลายปากไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการเข้าให้ปากคำ ก่อนหน้านั้นรัฐบาลขยายเวลาไป 3 รอบแล้วและสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ถือว่าให้โอกาสมากที่สุดแล้ว ดังนั้น การขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มรอบที่ 4 อีก 18 ปาก และพยานบางคนก็มองไม่ออกว่าเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร เช่น อดีตปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อดีตรมว.ยุติธรรม รวมถึงผู้ว่าฯ ก็เพื่อให้การพิจารณาคดียื้อเยื้อ รวมทั้งไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าพฤติกรรมขอเพิ่มพยานจะสิ้นสุดลงเมื่อไร
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยึดมั่นในหลักการของกระบวนการยุติธรรม ที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายได้ชี้แจงแก้ต่างอย่างเต็มที่ และไม่เคยขัดข้องหากการเพิ่มพยานจะช่วยให้มีข้อมูลที่มีนัยยะสำคัญ หรือข้อมูลใหม่ต่อการพิจารณาคดี แต่หากจงใจทำเพื่อซื้อเวลา ให้คดียืดเยื้อ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร ทุกคดีมีอายุความ หากไม่ตั้งอยู่บนเงื่อนเวลาของกฎหมาย รัฐและประเทศก็จะเสียหาย เรื่องนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ จะพิจารณาก่อนเสนอความเห็นมายังรัฐบาลว่าเห็นควรรับคำร้องขอเพิ่มบัญชีพยานหรือไม่ เพราะเหตุใด
ทนายปูฉะ"ไก่อู"อย่ามโน
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีพล.ต.สรรเสริญ ระบุรัฐบาลรู้สึกอ่อนระอาใจกับการขอเพิ่มพยาน 18 ปากของน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า การที่โฆษกรัฐบาลให้ข่าวเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า 1.การทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลยังไม่เข้าใจหลายเรื่อง เช่น การอำนวยความยุติธรรม เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับ แม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็ได้รับรอง และคุ้มครองไว้ 2.เรื่องดำเนินคดีความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยเรียกร้องต่อรัฐบาล หากเกิดความเสียหาย ให้ไปฟ้องร้องที่ศาล ถือเป็นคนกลางให้เป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่รัฐบาลที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียมาสอบสวนและตัดสินเอง แต่เมื่อรัฐบาลเลือกที่จะสอบสวนและตัดสินเอง ก็ไม่ควรมาพูดว่าระอาใจ ในการอำนวยความยุติธรรม
3.พยานที่เพิ่ม 18 ปาก เป็นพยานที่ศาลรับไว้เป็นพยานเกือบทั้งสิ้น การที่โฆษกรัฐบาลระบุพยานบางคน มองแทบไม่ออกว่าเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น จึงเป็นการมโน ขัดต่อหลักการรับฟังข้อเท็จจริง 4.การที่โฆษกรัฐบาลกล่าวเช่นนี้ อาจจะถูกมองว่ารัฐบาลกำลังเร่งรีบไปหรือไม่ ทั้งที่มีพยานอีกหลายปากที่เกี่ยวข้องและเกี่ยวเนื่องกับโครงการรับจำนำข้าว ก็ยังไม่ได้สอบสวน
ยันคดีข้าวหมดอายุความปี 60
5.รัฐบาลจะเร่งรีบจะปิดสำนวนการสอบสวนไปหรือไม่ ทั้งที่คดีหมดอายุความในเดือนก.พ.2560 แต่หากการเร่งรีบปิดสำนวน เพราะต้องการสำนวนคดีแพ่งไปประกอบการเบิกความเป็นพยานของประธานการสอบสวนฯที่จะไปเบิกความในคดีอาญาในวันที่ 15 ม.ค.2559 หากเป็นเช่นนั้นจริง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังละเลยการอำนวยความยุติธรรมหรือไม่
นายนรวิชญ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ความร่วมมือในการสอบสวนด้วยดีมาตลอด และพยานที่อ้างล้วนแต่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และรู้เห็นการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว จึงขอฝากถึงโฆษกรัฐบาล ปีใหม่นี้ให้ไปนั่งสวดมนต์ข้ามปีกับเขาบ้างจะได้เป็นบุญกุศลต่อบ้าง
จตุพรชี้"ราชภักดิ์"ยังไม่จบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า เป็นการชี้แจงเพียงการใช้งบประมาณรายรับรายจ่าย ไม่มีอำนาจตรวจเรื่องทุจริต ดังนั้น ความสงสัยของ อุทยานราชภักดิ์จึงยังไม่จบสิ้น ซึ่งพล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล ประธานคณะกรรมการแถลงว่าการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีงบประมาณ 866 ล้านบาท แต่กรรมการไม่มีอำนาจตรวจสอบทุจริต ทำได้เพียงตั้งข้อสังเกต ส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการ แต่การใช้งบก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบราชการ
"ก่อนหน้านั้นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรม.กลาโหมระบุไว้ล่วงหน้าแล้วว่า กรรมการตรวจสอบเพียงงบรายรับ รายจ่าย ไม่มีหน้าที่ตรวจทุจริต จึงเห็นว่าไม่ควรตั้งกรรมการให้เสียเวลา เพราะการตรวจสอบไม่มีอะไรสลับซับซ้อนจึงไม่รู้ว่าทำไปทำไม และไม่ได้คาดหวังกับกรรมการชุดนี้เพราะการตั้งลูกน้องมาสอบผู้บังคับบัญชาคงทำได้เท่านี้ เรื่องการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ยังไม่จบและต้องรอตรวจสอบกันต่อไป ขณะนี้ยังไม่รู้ว่ามีรายรับมากกว่าที่แถลงหรือไม่ หรือการโยกงบของหน่วยงานรัฐต่างๆ มีจริงหรือไม่ สรุปได้ว่าการแถลงของกรรมการ ทำได้เพียงมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น" นายจตุพรกล่าว
วิษณุชี้"บิ๊กตู่"มีคำตอบในใจแล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ระบุมีทางออกที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้ แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านประชามติว่า เชื่อว่านายกฯ คงมีคำตอบอยู่ในใจ ส่วนทางออกของตนจะเป็นทางออกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ อาจเป็นคนละทางกับนายกฯ และสิ่งที่ตนคิด ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามเพราะต้องเสนอนายกฯ พิจารณาอีกครั้ง จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเพราะร่างรัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จ
นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญร่างแรกออกมาแล้ว คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องส่งให้แม่น้ำ 5 สายพิจารณา ซึ่งในส่วน ครม.คงใช้เวลาพิจารณาไม่นาน ก่อนจะส่งความเห็นกลับไป เพราะกรธ.บอกว่าร่างสุดท้ายจะเสร็จปลายเดือนมี.ค. 2559 แต่ทางที่ดีบางเรื่องที่มีความชัดเจนก่อนร่างแรกจะออกมาก็คุยกันก่อน และเมื่อร่างแรกออกมาแล้วก็ไปดูในมาตราที่ไม่เคยเห็น แม้ตนได้เห็นแล้วเกือบร้อยมาตรา แต่ยังไม่ได้แสดงความเห็น รอให้ร่างเป็นชิ้นเป็นอันก่อน
แย้มมีอีกสูตร-นำรธน.เก่ามาปัดฝุ่น
เมื่อถามว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ จะหาทางออกโดยหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ มาใช้ด้วยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ตนยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ต่อข้อถามว่าหากนำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และ 2550 มาอาจถูกถามกลับว่าย่ำอยู่ที่เดิมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ นายกฯ ย้ำหลายครั้งว่ารัฐธรรมนูญที่จะร่าง ร่างเพื่อปฏิรูป ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงจากเดิม ถ้ากลับไปเหมือนเดิมจะปฏิรูปทำไม ดังนั้น ต้องไม่เหมือนเดิม คิดว่าหลังปีใหม่ตนต้องพูดเรื่องนี้อย่างเป็นทางการสักครั้ง
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกังวลว่ากรธ.จะให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญแก้วิกฤตทางการเมือง นายวิษณุกล่าวว่า ตนเห็นว่าดี เพราะอำนาจที่ให้คือ อำนาจวินิจฉัยกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการ แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อรัฐบาลเกิดวิกฤตคิดทางออกไม่ได้แล้วมาขอศาลรัฐธรรมนูญหาทางออก อย่างนั้นไม่ใช่ แต่เป็นในเรื่องที่ไปเสี่ยงทำแล้วจะผิด จึงขอความชัดเจนต่อศาลฯ ว่าผิดหรือไม่ผิด ถ้าผิดก็ไม่ต้องทำ ส่วนอำนาจเรื่องอื่นที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็ไม่เห็นด้วย
ลั่นให้อำนาจศาลรธน.แค่ชี้ผิดถูก
"ไม่ใช่หาทางออกไม่ได้ ทะเลาะกันอยู่อย่างนี้แล้วให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ทางออกว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้จะเอาอย่างไร แต่ศาลฯ มีหน้าที่บอกว่าเรื่องที่จะทำนั้นถูกหรือผิด แทนที่จะรอให้ทำไปก่อนแล้วไปถาม กลายเป็นผิด ตอนนั้นก็ซวยไปแล้ว จึงให้ถามศาลฯ ได้ก่อนที่จะทำเฉพาะเรื่องผิดหรือถูกรัฐธรรมนูญเท่านั้น ถ้าศาลฯ บอกว่าผิดแล้วยังทำ ก็ถูกฟ้องโดยไม่มีข้อแก้ตัวเพราะเตือนแล้ว นอกจากนี้ศาลฯ จะให้ข้อเสนอแนะใดๆ ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีหน้าที่บอก" นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่าหากให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญเช่นนี้ องค์กรอย่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ไม่จำเป็นต้องมีอีกใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ที่พูดอยู่นี้คือองค์กรที่จะชี้ถูกชี้ผิดในข้อกฎหมาย ดังนั้น ต้องมีใครสักคนมาชี้ ไม่ว่ารัฐบาลในช่วงเวลาเกิดวิกฤตหรือใครที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ถ้ารัฐบาลชี้แล้วคนยอมรับก็จบ แต่ถ้าไม่ยอมรับจะทำอย่างไร ที่พูดถึงคปป.กรณีเข้ามาเพื่อคุมสถานการณ์ตรงนี้ให้ได้ ถ้ารัฐบาลคุมได้ คงไม่มีวันมอบให้ใครเป็นคนคุม แต่ถ้ารัฐบาลคุมไม่ได้ ก็ต้องมีใครสักคนเข้ามาในช่วงเวลาเกิดปัญหา แต่ขอให้มีผู้ให้คำตอบ ควรหรือไม่ควรให้เข้ามา เพื่อจะให้เหตุการณ์สงบหรือไม่สงบ ซึ่งรัฐบาลฟันธงเห็นด้วยว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องเป็นคนชี้
"เติ้ง"เปิดบ้าน-ย้ำอย่าทิ้งพรรค
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่บ้านศิลปอาชา ซอยจรัญสนิทวงศ์ 55 นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดบ้านเพื่อให้นักธุรกิจและประชาชนชาวสุพรรณบุรี และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดยนายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค เข้าอวยพรปีใหม่ 2559 โดยนาย ประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย นำกล่าวอวยพรปีใหม่
ขณะที่นายบรรหารกล่าวว่า ขอบคุณที่มาอวยพร ปีใหม่นี้ขอให้มีความสุขความเจริญ มีแต่ความปรองดอง ขอฝากว่าอย่าทิ้งพรรค แม้จะไม่มีการประชุมพรรคก็ตาม ปีที่ผ่านมามีอะไรไม่ดี ขอให้ผ่านไป ขอให้มีพลังกายที่เข้มแข็ง ช่วยกันประคับประคองให้ประเทศชาติอยู่ตลอดรอดฝั่ง โดยอาศัยความร่วมมือ สามัคคีปรองดองร่วมใจจากทุกคน
เชื่อคำพูด"บิ๊กตู่"เลือกตั้งปี 60
นายบรรหารให้สัมภาษณ์ถึงการร่างรัฐธรรมนูญว่า นายกฯ ให้สัมภาษณ์อยู่ตลอดเวลาว่าจะเร่งรัดให้เป็นไปตามโรดแม็ป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น กรธ.ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานนั้น เชื่อว่าน่าจะสำเร็จออกมาด้วยความเรียบร้อย มุ่งสู่ความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีปัญหา ซึ่งตนเชื่อคำพูดของนายกฯ ที่บอกว่ารัฐธรรมนูญจะเสร็จและมีการเลือกตั้งในปี 2560 นายกฯ บอกมีก็ต้องมี
ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของนายกฯ ที่มา ส.ส.และส.ว. นายบรรหาร กล่าวว่า เรื่องที่มาของนายกฯ หากจะให้ชอบธรรมก็ต้องได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าน่าจะเปิดช่องไว้ว่าควรมาจากการเลือกตั้ง แต่อาจมาจากคนนอกด้วยก็ได้ ส่วนที่มาส.ว. ตนไม่มั่นใจกรธ.จะร่างออกมาอย่างไร แต่เห็นว่าส.ว. ควรมาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่งและสรรหาอีกครึ่งหนึ่ง ส่วนรูปแบบการเลือกตั้งที่กรธ.วางแนวทางไว้เบื้องต้นว่าจะเป็นบัตรเดียวเบอร์เดียวนั้น ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบชัดเจนว่าใช้บัตรเดียว กาได้ทั้งคนทั้งพรรค ไม่เปลืองกระดาษก็ดี อย่าให้เหมือนคราวก่อนที่ใช้บัตร 2 ใบ ทำให้ประชาชนสับสน
เปรยให้ไฟฉายส่องสว่างให้ปท.
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ขอให้คสช.เปิดโอกาสให้ประชุมพรรคได้นั้น นายบรรหารกล่าวว่า หากคสช.มีเจตนารมณ์อยากให้พรรคอยู่เฉยๆ ถึงจะเสนอไปอย่างไรก็ไม่สำเร็จ อยู่เฉยๆ ดีกว่า ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์เสนอไปแล้วพรรคชาติไทยพัฒนาค่อยขอพ่วงท้าย ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา
เมื่อถามว่าให้คะแนนรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ หลังแถลงผลครบรอบ 1 ปีเท่าไร นายบรรหารกล่าวว่า ถ้าคะแนนเต็ม 10 ก็ให้ 10 คะแนน ถ้าเต็ม 100 ก็ให้ 100 คะแนน ส่วนกระทรวงต่างๆ ที่รัฐมนตรีเขาก็ทำงานดีๆ อยู่แล้ว ดีทุกกระทรวง แต่สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ขอให้ปีหน้าดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องช่วยกันผลักดันให้ดีขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงด้วยดี ทำงานด้วยความตั้งใจ
นายบรรหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งมีแน่นอน แต่ตนไม่ลงแล้ว ส่วนที่ตนมอบไฟฉายให้เป็นที่ระลึกนั้น เพื่อให้ทุกคนนำไปส่องสว่างให้กับประเทศ ซึ่งไฟฉายนั้นส่องได้ทุกอย่าง ในที่มืดก็ส่องให้สว่างได้
สนช.ลั่นกม.ลูกเสร็จทันเลือกตั้ง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการทำงานของสนช.หลังปีใหม่ว่า จะเน้นพิจารณากฎหมายที่อยู่ในชั้นของกรรมาธิการ(กมธ.) โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการคือ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.. ซึ่งรัฐบาลเห็นชอบในหลักการแล้วและรอส่งมาให้สนช.เร็วๆ นี้ สนช.คงไม่พิจารณา 3 วาระรวด เพราะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็น ทั้งนี้ สนช.จะพิจารณาผ่านกฎหมายฉบับนี้ให้เร็วที่สุดแต่ต้องรอบคอบ และไม่ทิ้งหลักการร่างกฎหมายที่ดี
นายพรเพชรกล่าวว่า ส่วนแนวทางการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญของสนช. คงต้องศึกษาเนื้อหารัฐธรรมนูญร่างแรกของกรธ. ที่จะออกมาในปลายเดือนม.ค. 59 เพื่อวิเคราะห์ และส่งความเห็นกลับไปให้กรธ.ว่าควรปรับปรุงแก้ไขในส่วนใด มีเรื่องใดที่จะทำเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ดูแล้วคงมีหลายเรื่องที่ออกเป็นกฎหมายลูก โดยสนช.จะต้องเร่งพิจารณาคือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ต้องทำให้เสร็จทันตามโรดแม็ป ซึ่งสนช.วางแนวทางกฎหมายดังกล่าวไว้ล่วงหน้าได้ ไม่ต้องรอให้ร่างแรกเสร็จ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นทิศทางร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ตนเห็นว่ากรธ.ต้องฟังสนช.ให้มาก เพราะกรธ.ต้องส่งกฎหมายให้สนช.พิจารณาเพื่อออกเป็นกฎหมายลูก
ไม่ห่วงรธน.จะไม่ผ่านประชามติ
นายพรเพชร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชั่วคราวว่า กรณีรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ คงไม่ต้องเป็นห่วงประเด็นนี้ เพราะนายกฯบอกแล้วว่า คสช.พร้อมรับผิดชอบเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเป็นหน้าที่ของคสช. ครม. ที่จะพิจารณาร่วมกัน จึงเชื่อว่านายกฯจะมีหนทางออกในเรื่องนี้ แต่ขณะนี้คง เน้นหลักการขอให้รัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติไปก่อน
"มาร์ค"จี้คสช.เร่งปฏิรูปการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้ปี 2559 เป็นปีแห่งความหวังว่าบ้านเมือง สังคม เศรษฐกิจจะดีขึ้น อยากให้คสช.เร่งปฏิรูปตามที่ประกาศไว้ เพราะเวลาที่เหลืออยู่ปีเศษนี้ หากรัฐบาลจะหยิบเรื่องหลักมาทำให้เป็นผลสำเร็จ จะช่วยให้เกิดแรงเหวี่ยงให้การปฏิรูปเดินต่อได้หลังเลือกตั้งคือทำให้ระบบการเมืองดี ตอบสนองส่วนรวม ลดความรุนแรง ไม่ใช่มุ่งที่รัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่ควรมุ่งที่สื่อ กระบวนการยุติธรรมและการป้องกันปราบปรามการทุจริต รวมถึงการกระจายอำนาจด้วย หากทำได้ก็จะทำให้เห็นชัดว่าการเมืองหลังเลือกตั้งจะไม่เหมือนเดิม
"อยากให้ประกาศว่าจะดำเนินการปฏิรูปสิ่งเหล่านี้ในปี 2559 แม้จะไม่สำเร็จภายในปีเดียว แต่ต้องชัดเจน เพราะตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนในทิศทางว่าจะปฏิรูปอย่างไร เช่น กระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ กระบวน การศาล จะปฏิรูปหรือปรับปรุงอย่างไรให้ชัดเจนขึ้น ขณะนี้รัฐบาลใช้อำนาจมาตรา 44 ให้อำนาจผบ.ตร. แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นการรวมศูนย์อำนาจ สวนทางกับการปฏิรูปตำรวจที่ต้องการให้กระจายอำนาจ" นายอภิสิทธิ์กล่าว
แนะทำปม"ราชภักดิ์"ให้โปร่งใส
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กระแสสังคมกดดันให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งต้องทำและสานต่อการปฏิรูป แต่ถ้าเขียนในรัฐธรรมนูญ สังคมไม่ขานรับเพราะอาจไม่มีการกดดัน จึงเห็นว่าการประกาศเรื่องที่จะปฏิรูปแล้วนำไปลงประชามติ จะสร้างความชอบธรรมที่สุด เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องรับผิดชอบกับประชาชน ดังนั้น คสช.ควรจัดลำดับความสำคัญเรื่องการปฏิรูป เพราะโครงสร้างที่เป็นอยู่ตอนนี้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ไม่มีอำนาจ แต่คนมีอำนาจคือรัฐบาลกับสนช.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องผ่อนคลายข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะทำให้งานของ คสช.และรัฐบาลมีความยากและท้าทายมาก ต้องหนักแน่นมั่นคง ไม่ทำให้มีเรื่องคลางแคลงใจต่อประชาชน รัฐบาลต้องเป็นตัวอย่างในการปฏิรูป ก่อนจะบอกให้นักการเมืองเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่น กรณีอุทยาน ราชภักดิ์ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ชี้แจงอย่างเพียงพอ บอกแต่ให้รอผลสอบของกระทรวงกลาโหม ซึ่งรัฐต้องตอบโจทย์ในเรื่องความรับผิดชอบทางการเมืองและความรับผิดชอบทางกฎหมาย รวมทั้งข้อเท็จจริงที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งเรื่องเงินบริจาค และงบประมาณ ซึ่งองค์กรอิสระที่ตรวจสอบทั้งป.ป.ช. และสตง. ต้องรักษาความน่าเชื่อถือองค์กรด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศจะอ่อนแอลง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกฯต้องใช้ประโยชน์จากที่สังคมเชื่อมั่นว่าเป็นคนตรง โดยรักษาเอาไว้เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด รักษาไว้ด้วยการปฏิบัติให้เห็นว่าจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้งานเดินได้ ต้องทำให้ครบทุกเรื่อง เมื่อมีเรื่องกระทบกับรัฐบาลด้วย
วอนคสช.ทบทวนเปิดประชุมพรรค
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญว่า กรธ.ทำงานได้ตามเป้าหมาย ส่วนเนื้อหาสาระนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่กรธ.จะร่างให้ถูกใจทุกคน กรธ.ต้องดูให้รอบคอบ และยืนยันว่าสิ่งหนึ่งที่มันช่วยในเรื่องประชามติคือ อารมณ์ของคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคิดว่าอยากกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ถ้าเกิดรัฐธรรมนูญมีจุดที่เป็นปัญหามากๆ ก็แก้ไขได้ยาก ประชาชนต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเอาอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงบทบาทนักการเมืองในปี 2559 ว่า นักการเมืองไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ รอมีการเลือกตั้งแล้วไปแข่งขันเพื่อเข้าสู่อำนาจ หน้าที่นักการเมืองคือแก้ไขปัญหาของประเทศ ฉะนั้นวันนี้แม้เราไม่มีตำแหน่งก็ไม่ควรจะหยุดที่จะศึกษาปัญหา ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่ไม่ควรทำให้เกิดความวุ่นวาย นอกจากนี้ คสช.ทบทวนเรื่องคำสั่งที่เป็นข้อจำกัดต่างๆ เพราะคิดว่าบ้านเมืองจะหนีจากความเป็นประชา ธิปไตยไปไม่ได้ ซึ่งการจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่กติกาอย่างเดียว
"เห็นสปท.มีการพูดถึงเรื่องวัฒนธรรมทางการเมืองมากขึ้น วัฒนธรรมทางการเมืองนั้นต้องใช้เวลาสร้าง ปีครึ่งก็อาจไม่เสร็จ จึงไม่อยากให้เวลาตรงนี้มันสูญไป คิดว่า คสช. สามารถควบคุมสถานการณ์โดยเปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่กระทบต่อความมั่นคง เพื่อให้สังคมเรียนรู้ คุ้นเคยกับสภาพของสังคมประชาธิปไตยได้มากกว่านี้ นั่นคือสิ่งที่อยากเห็น" นายอภิสิทธิ์กล่าว
จ่อยื่นอุทธรณ์คดีมาร์คใน 30 วัน
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม ที่มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการว่า เราเคารพดุลพินิจของศาลแพ่ง แต่เรามีสิทธิยื่นอุทธรณ์และเราจะใช้สิทธิที่พึงมีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับจากศาลมีคำพิพากษา
เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ระบุคำสั่งปลดมีผลสมบูรณ์ทำให้นายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส. เท่ากับถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต นายวิรัตน์กล่าวว่า คดียังไม่ถึงที่สุด ต้องเป็นคดีที่ถึงที่สุด ต้องผ่านศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาก่อนจึงจะขาดคุณสมบัติลงสมัครส.ส. ในประเด็นที่ศาลยกฟ้องไม่มีประเด็นใดที่ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต