WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8622 ข่าวสดรายวัน


เรียกรายงานตัว อ้าย-วีระ จัดเลี้ยง-ขัดคสช. 
ชุมนุม-สนามม้า เข้าข่ายฝืนคำสั่ง ลูกจ๊อดให้ทุกวิน เปลี่ยนเสื้อสีเขียว พณ.เด้ง 2 อธิบดี สังเวยสต๊อกข้าว


เลี้ยงวุ่น- "เสธ.อ้าย"พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม จัดงานเลี้ยงต้อนรับนายวีระ สมความคิด ที่ได้รับอิสรภาพจากคุกเขมร กระทั่งคสช.เรียกทั้งคู่รายงานตัว ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 

        คสช.เรียกเสธ.อ้าย-วีระ สมความคิด รายงาน ตัววันนี้ เหตุจัดกิจกรรม ไม่ขออนุญาตทั้งที่ขอความร่วมมือแล้ว "ลูกบิ๊กจ๊อด" ปลื้มวินจยย.จดทะเบียนถูกต้องครบ 100 % เตรียมให้ทุกวินเปลี่ยนสีเสื้อเป็นสีเขียวทั้งหมดเพื่อควบคุมดูแลง่าย เครือข่ายทนายความฯจี้คสช.ปล่อยตัว"ธนาพล บ.ก.ฟ้าเดียวกัน"ที่ถูกรวบตัวรอบ 2 เหตุโพสต์ข้อความขัดเงื่อนไขปล่อยตัว พร้อมให้ยกเลิกกฎอัยการศึก-ห้ามชุมนุม ปลัดพณ.เซ็นย้าย 2 อธิบดี เซ่นสอบสต๊อกข้าวที่ตรวจสอบปมฉาวรายวัน ตั้ง 2 อธิบดีหญิงล้วน ลั่นอยากใช้คนมีความรู้ด้านข้าว-สินค้าเกษตรโดยตรง

"บิ๊กตู่"เข้าทบ.-เร่งติดตามงาน

      วันที่ 6 ก.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่มีการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ รวมถึงการดำเนินการของคณะทำงานของ คสช.ฝ่ายต่างๆ เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ มีเพียงประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันของกองทัพบก เพื่อติดตามดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งการแสดงสัญลักษณ์ต่างๆของกลุ่มต่อต้านคสช. อีกทั้งความคืบหน้าการจัดกิจกรรมคืนความสุขให้ประชาชนของหน่วยทหารต่างๆ ที่รับผิดชอบเท่านั้น ทำให้บรรยากาศที่บก.ทบ.เงียบเหงา ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร โดยเปิดให้เข้า-ออกประตูหน้าฝั่ง ถ.ราชดำเนิน ได้ประตูเดียว รวมทั้งห้าม ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าภายในบก.ทบ.อย่างเด็ดขาด 

      สำหรับความเคลื่อนไหวของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคสช. ในช่วงเช้าที่ผ่านมายังไม่ได้เดินทางเข้ามาทำงานภายในบก.ทบ. แต่ในช่วงบ่ายได้เข้ามาติดตามความคืบหน้าการทำงานด้านต่างๆ ของคสช. เพื่อให้การดำเนินงานรวดเร็ว เรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

ขู่ฟันวินจยย.ไม่จดทะเบียน

      พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างว่า ขณะนี้มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ กทม.มาจดทะเบียนอย่างถูกต้องครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ดังนั้น หากตรวจพบผู้ขับขี่คนใดไม่มีใบอนุญาต หรือไม่ยอมจดทะเบียนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และเจ้าของวินจะต้องรับผิดชอบด้วย มั่นใจว่าหากเจ้าหน้าที่รัฐเอาจริงเอาจังในการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ จะแก้ปัญหามาเฟีย ทุจริตคอร์รัปชั่น และจัดระเบียบให้สังคมไทยดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า ทั้งนี้ จะสรุปความคืบหน้าต่อพล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่นัดประชุมจัดระเบียบรถขนส่งมวลชนสาธารณะใน วันที่ 10 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากห้างสรรพสินค้าและธนาคารต่างๆ ในการจัดสร้างที่พักวินรถจักรยานยนต์รับจ้างตามริมถนนใหม่ให้มีรูปแบบที่สวยงาม และสะอาด เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้ กทม. อีกด้วย

ทำเสื้อวินใหม่เน้นสีเขียวแก้มาเฟีย

       พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะประชุมหารือร่วมกับกรมการขนส่งทางบกในวันที่ 7 ก.ค.นี้ในเรื่องเสื้อวินที่จะจัดทำเสื้อแบบใหม่ ปรับเปลี่ยนจากแบบเดิมทั้งสีและรหัส ซึ่งอาจใช้เสื้อสีเขียวตามแบบสากล เนื่องจากตามสากลสีที่เป็นที่ยอมรับคือสีส้มและสีเขียว แต่ถ้าใช้สีส้ม เกรงว่าปัญหาผู้มีอิทธิพลต่างๆ จะยังคงมีอยู่ได้ จึงมีแนวคิดว่าจะใช้เสื้อวินสีเขียวทั้งหมด

      พล.ต.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า วันที่ 7 ก.ค.นี้ ทางพล.1 รอ.และกรมคุ้มครองสิทธิจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและการได้รับความช่วยเหลือเยียวยา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับหัวหน้าวินรถจักรยานยนต์รับจ้างทั่วกทม. เพราะบางคนยังไม่ทราบเรื่องสิทธิและการคุ้มครองที่พึงมีในการประกอบอาชีพ เช่น หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสามารถเรียกร้องสิทธิหรือขอทนายความช่วยเหลือด้านคดีได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จากนั้นจะอบรมตามเขตต่างๆ ของ กทม.อีก เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิก่อนแจกเสื้อวินใหม่ และทะเบียนใหม่ ที่ต้องผ่านการอบรมการขับขี่ให้ถูกต้อง 

พณ.เด้ง2อธิบดี-เซ่นตรวจสต๊อกข้าว

     น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ โดยโยกย้ายนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และแต่งตั้งนางดวงพร รอดพยาธิ์ ที่ปรึกษาการพาณิชย์ ขึ้นเป็นรักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแทน รวมทั้งโยกย้ายนายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน ไปเป็นผู้ตรวจราชการ และแต่งตั้งนางจินตนา ชัยยวรรณาการ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นรักษาการอธิบดีกรมการค้าภายในแทน

     "การโยกย้ายครั้งนี้ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร แต่เป็นการจัดทัพการทำงานใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำงานด้านการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวที่สะสมมานาน จำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องข้าวและสินค้าเกษตรมาช่วยทำงาน เพราะจะสามารถทำงานได้ทันทีและแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง" น.ส.ชุติมากล่าว 

ทั้งนี้ งานเร่งด่วนที่รักษาการอธิบดีทั้ง 2 กรมจะต้องเร่งดำเนินการคือ การตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวสต๊อกตามนโยบายของ คสช.ที่เริ่มมีการตรวจสอบสต๊อกข้าวทั่วประเทศ พร้อมตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบกรณีหากข้าวหายและเสื่อมคุณภาพ

เร่งกวาดล้างสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

      นางกุลณี อิศดิศัย รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า คสช.ให้ความสำคัญกับการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ดังนั้น กรมเตรียมหารือร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกวาดผู้ผลิตจำหน่ายและผู้มีอิทธิพล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าจับกุมผู้ผลิตรายใหญ่อีกหลายราย โดยวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมากรมร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และตัวแทนเจ้าของสิทธิ์ รองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคเอกชน) สนธิกำลังเข้าจับกุมและทลายแหล่งสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบริเวณแหล่งท่องเที่ยวหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จำนวน 6 แหล่ง ได้สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเกรดระดับ 5A กว่า 4,386 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายตามราคาของจริงประมาณ 200 ล้านบาท สินค้าที่จับได้เป็นสินค้าแฟชั่น เครื่องหนังยี่ห้อชั้นนำ นาฬิกายี่ห้อต่างๆ อาทิ โรเล็กซ์ พราด้า เบอร์เบอรี่ ชาแนล 

กกต.นัดถกปฏิรูปก่อนส่งคสช.

       นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.และการจัดการเลือกตั้งที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสรุปแนวทางให้กับคณะทำงานด้านปฏิรูปของคสช.พิจารณาว่า เช้าวันที่ 7 ก.ค. ผู้บริหารของสำนักงานกกต.และผู้ทรงคุณวุฒิ จะประชุมเพื่อทบทวน ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดของแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมกกต.พิจารณาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เบื้องต้นคณะทำงานด้านการยกร่างฯรายงานว่าขณะนี้โจทย์ 6 ข้อที่คสช.ให้การบ้านกกต.จารณา อาทิ โครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติ โครงสร้างฝ่ายบริหาร การปฏิรูปพรรคการเมือง การปฏิรูปการเลือกตั้ง และการกระจายอำนาจได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว หากที่ประชุมกกต.พิจารณาแล้วได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็จะเสนอคสช.ได้ในวันดังกล่าวทันที แต่หากไม่ทันก็น่าจะเสนอต่อคสช.ได้ภายในวันที่ 8 ก.ค.นี้ 

      นายภุชงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นแนวทางดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอและความเห็นของ กกต.เท่านั้น ซึ่งคณะทำงานด้านการปฏิรูปโดยพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม อาจนำข้อเสนอของกกต.ไปรวมกับข้อเสนอและแนวทางการแก้ไขปัญหาจากองค์กรอื่นๆ ด้วย ก่อนเสนอสภาปฏิรูปพิจารณาต่อไป 

ชงกกต.เลือกตั้งแบบเยอรมนี

      นายภุชงค์ กล่าวถึงข่าวเตรียมเสนอกกต.ยึดแนวทางเลือกตั้งของประเทศเยอรมนีมาปฏิรูประบบเลือกตั้งไทยว่า จากการศึกษาดูงานที่เยอรมนี กกต.เห็นว่ารูปแบบการเลือกตั้งของประเทศนี้ ไม่ว่าระบบพรรคการเมือง การเข้าสู่ตำแหน่งของส.ส.และส.ว.และอื่นๆ เป็นระบบที่ได้มาตรฐาน และนานาชาติยอมรับ แต่ยังเป็นเพียงแนวความคิดเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกกต.ว่าจะเห็นอย่างไร 

     ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคสช.ระบุกำลังพิจารณาแนวทางวิธีการสรรหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีหมดวาระนั้น นายภุชงค์ กล่าวว่า กรณีนี้ต้องรอนโยบายจากหัวหน้าคสช.ก่อน หากสถานการณ์เหมาะสมจะใช้วิธีการสรรหาก็เป็นไปได้ ถ้าคสช.มีนโยบายอย่างไร กกต.พร้อมปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถ เชื่อว่าจะได้คนดี มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ แต่ต้องรอนโยบายจากคสช.ก่อนว่าท้ายที่สุดจะพิจารณาอย่างไร 

ป.ป.ช.เร่งล้อมคอกประชานิยม

       นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า การจัดทำข้อเสนอแนะเรื่องมาตรการป้องกันการจัดทำนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง เพื่อป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ป.ป.ช.เตรียมเสนอให้คสช. เพื่อป้องกันการใช้นโยบายหาเสียงมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศโดยเฉพาะนโยบายประชานิยม

      นายสรรเสริญ กล่าวว่า หลักการของมาตรการนี้ คือ กำหนดให้พรรคการเมืองต้องบอกหลักเกณฑ์กำหนดนโยบาย เช่น มีเป้าหมาย ที่มาอย่างไร จะเอาเงินงบประมาณส่วนใดมาดำเนินนโยบายให้มีประสิทธิภาพและไม่สร้างความเสียหาย หรือกำหนดกรอบเวลาของนโยบายว่านั้นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ถูกกล่าวหามักชี้แจงต่อป.ป.ช.ว่าปฏิบัติตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน แม้จะเป็นนโยบายที่สร้างความเสียหายก็ตาม ดังนั้น ในอนาคตมีการกำหนดหลักเกณฑ์จัดทำนโยบายหาเสียงแล้วจะมาอ้างเช่นนั้นอีกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งป.ป.ช.และกกต.ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่าจะกำหนดเป็นรูปแบบที่จะให้มีผลบังคับใช้อย่างไร ซึ่งต้องหารือกันอีกครั้ง

ตร.ยันดำเนินคดี"จารุพงศ์-จักรภพ"

      พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง พร้อมด้วยพล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ศ. ช่วยราชการบช.น. ตัวแทนจากทหาร และคณะทำงาน ได้ประชุมเตรียมความพร้อมดูแลสถานการณ์ที่หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา เนื่องจากได้รับแจ้งจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาแสดงความยินดีกับสหรัฐ เนื่องในวันชาติสหรัฐ

      พล.ต.อ.สมยศ เผยว่า เจ้าหน้าที่จะยืดแนวทางของคสช. ที่จะไม่ใช้กำลัง หรือความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ไม่จับกุมในพื้นที่ชุมนุม และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่จะส่งข้อมูลไปยังสันติบาลและทหารเพื่อติดตามเชิญตัวมาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติ หากผู้ชุมนุมที่มาเป็นบุคคลเดิมที่มาชุมนุมเคลื่อนไหวซ้ำๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น 

     พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ส่วนการตั้งรางวัลสำหรับประชาชนที่ส่งรูปถ่ายบุคคลที่ออกมาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการควบคุมอำนาจของ คสช. มาให้ทางตำรวจ รูปละ 500 บาทนั้น ขณะนี้เริ่มมีประชาชนส่งมาบ้างแล้ว เบื้องต้นมีรูปที่นำมาใช้ประโยชน์ ติดตามตัวบุคคลประมาณ 6 คน และคาดว่าจะมีมาเพิ่มเติมอีก ส่วนการจับกุมตัวนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายจักรภพ เพ็ญแข มาดำเนินคดีตามคำสั่งของ คสช.นั้น ยืนยันว่าจะดำเนินตามกฎหมายแน่นอน แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบก่อน เนื่องจากไม่อยากให้สังคมมองว่าเร่งรีบจนเกินไป

คสช.เรียกเสธ.อ้าย-วีระรายงานตัว

      พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษก คสช. กล่าวกรณีมีกลุ่มบุคคลรวมตัวจัดกิจกรรมต่างๆ ว่า คสช.ขอความร่วมมือให้บุคคลทั่วไปหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่เข้าข่ายที่สังคมมองได้ว่าเป็นกิจกรรมทางการเมืองในช่วงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีบุคคลบางส่วน รวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมที่อาจเข้าข่ายการเป็นกิจกรรมทางการเมือง บริเวณสนามม้านางเลิ้ง โดยไม่มีการแจ้งบอกกล่าวหรือขออนุญาตจากคสช. ดังนั้น ในกรณีดังกล่าวเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่จะขอเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาพบต่อไป เพราะถือว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ คสช.ได้ขอความร่วมมือไว้

      เวลา 20.50 น. คสช.มีคำสั่งที่ 86/2557 เรียกบุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม โดยให้มารายงานตัวที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในเวลา 10.00-12.00 น.วันที่ 7 ก.ค. ดังนี้ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และนายวีระ สมความคิด

เสธ.อ้ายจัดงานต้อนรับ"วีระ"

      เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมปฏิพัทธ์ภูบาล ราชตฤณมัยสมาคม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม เป็นประธานจัดงาน "อิสรีย์แห่งวีระ" ต้อนรับ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) และแกนนำภาคีเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ที่ได้รับการปล่อยตัว โดยมีบุคคลในครอบ ครัวนายวีระบุคคลใกล้ชิด รวมทั้งแนวร่วมกลุ่มต่างๆ อาทิ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตส.ว.สรรหา นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นางรสนา โตสิ ตระกูล อดีตส.ว.สรรหา นายระพี สาคริก นายปราโมทย์ นาครทรรพ ร่วมงานโดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

     นายวีระ ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มงานว่า ดีใจที่มีคนรักและห่วงใย โดยเฉพาะพล.อ.บุญเลิศ จัดงานต้อนรับ ซึ่งวันนี้ตนจะพูดถึงชีวิตที่ถูกคุมขังแต่จะไม่ขอพูดเรื่องการเมือง เนื่องจากมีผู้ใหญ่ขอไว้ หากพูดอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและแผนความปรองดอง รวมถึงการปฏิรูปที่ คสช.ดำเนินการอยู่ และหลังจากนี้จะทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ สำหรับการทำงานปกป้องอธิปไตยไทย เบื้องต้นทหารทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งอยู่แล้ว หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปก็คงไม่ขอเข้าไปยุ่ง แต่ถ้าทหารปล่อยปละละเลยให้มีปัญหาขึ้นมาอีกก็ต้องเข้าไปช่วย

ฉะรบ."มาร์ค-ปู"ไม่จริงใจช่วยเหลือ

      เมื่อถามว่าจะเข้าพบเพื่อขอบคุณ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้าคสช. ที่ประสานความช่วยเหลือออกจากเรือนจำหรือไม่ นายวีระกล่าวว่า หากมีเวลาจะเข้าไปขอบคุณด้วยตัวเอง แต่ช่วงนี้ต้องรอก่อนเพราะหัวหน้า คสช.ยังติดภารกิจ ส่วนสาเหตุที่ได้รับการปล่อยตัวนั้น เพราะสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป และกัมพูชาคงอยากฟื้นความสัมพันธ์กับคสช. ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายสาเหตุมากกว่านั้น คงไม่ใช่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ส่วนจะเป็นสาเหตุใดนั้นไม่ทราบ

      เมื่อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ประสานช่วยเหลืออย่างเต็มที่หรือไม่ นายวีระกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถาม 2 รัฐบาลเอง เท่าที่เห็นคิดว่าทั้ง 2 รัฐบาลไม่ค่อยจริงใจช่วยเหลือ หากจริงใจช่วยเหลือน่าจะดำเนินการได้ดีกว่านี้ และรู้สึกว่ารัฐบาลในขณะที่ตนถูกควบคุมตัวไม่ทำหน้าที่อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นและปล่อยให้ตนถูกจับตัวไปดำเนินคดี

รอเวลาเหมาะสมแฉเหตุถูกจับ 

      "ยืนยันว่า รายละเอียดทั้งหมดจะเปิดเผยแน่นอนแต่ขอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม และจะเล่าตั้งแต่วินาทีแรกที่ไปและใครเป็นคนริเริ่มความคิดดังกล่าว แต่ที่ยังไม่พูดตอนนี้เพราะไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงนโยบายปรองดอง และการปฏิรูปที่ คสช.ดำเนินการอยู่ เมื่อมีคนขอร้องผมไม่ให้พูดตอนนี้ เพราะอุตส่าห์ช่วยผม" นายวีระกล่าว

      นายวีระ กล่าวว่า ตั้งแต่ถูกคุมขัง ไม่เคยพบเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาเลย ยกเว้นตอนนายเขียว กันหฤทธิ์ รมว.กระทรวงข่าวสารและโฆษกพรรคซีพีพี ที่ไปต้อนรับนายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ ที่เข้าเยี่ยมตนที่จำเปรยซอร์ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2554 โดยนั่งฟังตนพูดกับนายกษิต แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ 

      ต่อมานายวีระกล่าวเปิดใจตอนหนึ่งในงานว่า ไม่คิดว่าจะได้กลับมาเร็วเพราะคิดว่าจะถูกคุมขังประมาณ 5 ปีขึ้นไป แต่เมื่อกลับมาเร็วต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ และสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ที่ประสานช่วยเหลือ 

โวยคสช.จับ"ธนาพล"รอบ 2

      วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์กรณีการควบคุมตัวนายธนาพล อิ๋วสกุล บก.บห.วารสารฟ้าเดียวกัน ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 อ้างโพสต์ข้อความออนไลน์ขัดเงื่อนไขการปล่อยตัวว่า นายธนาพล ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวตามคำสั่งคสช.ที่ 5/2557 และได้รับการปล่อยตัววันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยต้องลงนามในเงื่อนไขท้ายประกาศคสช. ที่ 39/2557 เพื่อให้ได้รับการปล่อยตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งไม่ยอมแจ้งชื่อและตำแหน่งได้ขอนัดหมายกับนายธนาพล ในวันที่ 5 ก.ค. ในสถานที่สาธารณะแห่งหนึ่ง โดยนายธนพลให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ปรากฏว่านายธนาพลถูกควบคุมตัวและนำตัวไปค่ายทหารโดยรถยนต์ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นรถหรือยานพาหนะของราชการ อีกทั้งผู้ที่ควบคุมตัวก็ไม่ได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจจับกุมตามกฎอัยการศึก กระทั่งเวลา 18.30 น. นำตัวนายธนาพล ไปยังกองบังคับการปราบปรามโดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา แต่อ้างถึงการโพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ของนายธนาพล หลังปล่อยตัวว่าอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัว

      ศูนย์ทนายความฯ มีความเห็นต่อกรณี ดังกล่าวและกรณีอื่นซึ่งได้รับการปฏิบัติคล้ายคลึงกันว่า เงื่อนไขในประกาศเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพและยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกปล่อยตัวโต้แย้งแสดงเหตุผลคัดค้านเงื่อนไขซึ่งเป็นผลร้ายต่อบุคคล ไม่มีกำหนดระยะเวลา และหากไม่ลงนามก็จะไม่ได้รับการปล่อยตัว การยินยอมลงนามท้ายเงื่อนไขจึงไม่อาจถือได้ว่าสมัครใจ และการเข้าจับกุมดังกล่าวไม่โปร่งใสและขาดกระบวนการทางกฎหมายที่เชื่อถือได้ ล่วงเกินสิทธิเสรีภาพจนเกินขอบเขต 

บี้เลิกอัยการศึก-ห้ามชุมนุม

       อีกทั้งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งยังไม่ปรากฏว่าขัดต่อกฎหมายหรือยั่วยุนำไปสู่ความรุนแรง ถือเป็นการใช้อำนาจโดยอำเภอใจและส่งผลละเมิดเสรีภาพของบุคคล และการอ้างกฎอัยการศึกควบคุมตัวบุคคลซ้ำอีก 7 วันเป็นครั้งที่ 2 ในกรณีนี้ เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคลแบบเหวี่ยงแห ซึ่งส่งผล กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนจนเกินสมควร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งฝ่ายกฎหมายควรทบทวนเงื่อนไขและวิธีที่ใช้บังคับตามกฎอัยการศึก 

       ศูนย์ทนายความฯจึงขอเรียกร้องให้คสช.ปล่อยตัวนายธนาพล โดยปราศจากเงื่อนไข และยืนยันข้อเสนอเดิมตามรายงาน 1 เดือนหลังรัฐประหารของศูนย์ทนายความฯ ดังนี้ 1.ให้ยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศและให้ใช้กฎหมายตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญาปกติ 2.ให้ยุติการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกและยุติการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมโดยสงบหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต รวมทั้งยกเลิกประกาศห้ามชุมนุม

      3.ให้ยกเลิกการบังคับให้บุคคลมารายงานตัว และการใช้อำนาจควบคุมตัวบุคคลโดยโดยอำเภอใจ 4.ให้ยกเลิกการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหารตามประกาศเรื่องความผิดที่อยู่ในอำนาจดำเนินคดีของศาลทหาร

ลุ้นทหารคุมตัว-ไม่แจ้งข้อหา

      นายอานนท์ นำภา ทีมทนายศูนย์ทนายความฯ เปิดเผยว่า จนขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธนาพล แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างใช้กฎอัยการศึก เจ้าหน้าที่จึงมีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 7 วัน เบื้องต้นตนได้คุยกับเจ้าหน้าที่ทหารแล้วทราบว่า จะไม่แจ้งข้อกล่าวหา จึงหวังว่าระหว่างควบคุมตัว 7 วัน จะพูดคุยขอความร่วมมือทำความเข้าใจและปรับทัศนคติกันโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตามมา อีกทั้งตนยังได้พูดคุยกับนายธนาพล ที่กองปราบฯ พบว่านายธนาพล ไม่ได้ท่าทีหวาดกลัวหรือตึงเครียด อย่างไรก็ตาม วันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ทหารจะประชุมเพื่อสรุปว่าจะดำเนินการต่อกรณีนายธนาพล อย่างไรอีกครั้ง ซึ่งศูนย์ทนายความฯจะประชุมหารือถึงแนวทางต่อสู้คดีในวันเดียวกันด้วย นอกจากนี้ยังอยากแนะนำบุคคลที่ได้เข้ารายงานตัวต่อคสช.แล้วว่า ให้ระวังการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น เนื่องจากในวันปล่อยตัวทุกคนได้ลงนามยอมรับเงื่อนไขของคสช.ไปแล้ว


หนุนบิ๊กตู่- นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดัง เจ้าของฉายาโหรคมช. จัดเปิดตัวหนังสือบุญค้ำแผ่นดินฯ และทำบุญปล่อยโค พร้อมประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคสช. ที่หมู่บ้านสุขิโต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อ 6 ก.ค.

ฮิวแมนฯแนะให้เลิกลิดรอนสิทธิ์

      นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตช์ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีนายจรัล ดิษฐาภิชัย ผู้ประสานงานองค์กรเสรีไทยฯ ประจำยุโรป เข้าพบและรายงานสถาน การณ์การเมืองไทยต่อคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนและคณะกรรมาธิการด้านต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่การประจานประเทศไทย องค์กรเสรีไทยฯอยู่ในสถานภาพกลุ่มการเมืองพลัดถิ่นเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการยึดอำนาจของคสช. เนื้อหาที่ใช้เคลื่อนไหวคือการเป็นประชาธิปไตยและการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งต่อให้ไม่มีองค์กรเสรีไทยฯเคลื่อนไหว ประเทศอย่างสหรัฐ ออสเตรเลีย อียูและญี่ปุ่น ต่างกังวลต่อสถานการณ์ของไทยจากการรับรู้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มาตลอดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การลิดรอนสิทธิเสรีภาพคนไทยอย่าง ต่อเนื่อง 

     นายสุนัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาประชาคมโลกเข้าใจโรดแม็ปทั้ง 3 ระยะของ คสช.เป็นอย่างดี แต่สาเหตุที่ยังไม่มีท่าทีผ่อนปรนลง เนื่อง จากสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างการแสดงความคิดเห็นยังคงถูกลิดรอน การเรียกบุคคลเข้ารายงานตัวที่เคยบอกว่าไม่มีแล้วก็ยังมีอยู่ เปลี่ยนเป็นออกหมายเรียกหรือติดต่อนัดพบเป็นรายบุคคลโดยตรง ล่าสุดคือการควบคุมตัวนายธนาพล อีกครั้ง ด้วยเหตุผลทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ซึ่งตามหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว เงื่อนไขคือสิ่งที่ไม่ควรมีตั้งแต่ต้น การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างสันติต้องทำได้ เชื่อว่าหากคสช.แก้ไขปัญหาพื้นฐานในส่วนนี้ได้ ต่างประเทศก็จะเปลี่ยนท่าที และประเทศไทยจะกลับคืนสู่ประชาคมโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรีในที่สุด 

มธ.แจงสอบ"อั้มเนโกะ"ไม่เกี่ยวคสช.

     นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รักษาการรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและการเรียนรู้ ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีมหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนโกะ ใช้เสรีภาพแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า กระบวน การปกติของการสอบสวนนักศึกษา จะเปิดให้ผู้กล่าวหาได้ชี้แจง โดยระหว่างที่นักศึกษายังไม่สามรถเข้าชี้แจงได้ คณะกรรมการจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าต้องเข้ามาชี้แจงภายในวันที่เท่าไร แต่ถ้ายังไม่สามารถตามตัวผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงได้ ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการทั้ง 5 คนจะประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังไม่เคยลงโทษนักศึกษาที่ถูกกล่าวหาโดยที่เจ้าตัว ยังไม่ได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการมาก่อน

      นายปริญญา กล่าวว่า หากนายศรัณย์ไม่สามารถเข้ามาชี้แจงด้วยตนเอง ก็ทำเป็นบันทึกข้อความคำชี้แจงส่งมาทางจดหมาย ทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือทางโทรศัพท์ ไปยังคณะกรรมการหรือส่งมาที่ตนโดยตรงก็ได้ ซึ่งกระบวนการสอบสวนของมหาวิทยาลัยจะว่ากันตามเนื้อผ้า ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกร้อง กรณีนายศรัณย์ทำผิดถือว่าไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งนี้ตนตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากมีประชาชนและศิษย์เก่าพบเห็นประเด็นที่นายศรัณย์เขียนไว้ในสื่อออนไลน์ไม่เหมาะสมจึงร้องเรียนให้ตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคสช. แม้ที่ผ่านมาคสช. จะเคยติดต่อมหาวิทยาลัย ขอให้ช่วยประสานนายศรัณย์ให้เข้ารายงานตัวตามคำสั่งเรียก กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนครั้งนี้ ยืนยันว่าทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีการร้องขอเป็นกรณีพิเศษจากคสช.

ปชป.แนะคสช.เร่งแจงต่างชาติ

      ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย นำโดยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ประสานงานองค์กรเข้ารายงานสถานการณ์การเมืองไทยต่อคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนสหภาพยุโรป (อียู) ว่า สิ่งที่กลุ่มนี้เรียกร้องว่ามีการใช้กำลัง ใช้ความรุนแรง ถือเป็นเรื่องแปลกเพราะสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมาก ไม่ว่าทางการเมือง การใช้กองกำลังคุกคามผู้เห็นต่างทางการเมือง กลับไม่เห็นคนพวกนี้เรียกร้องอะไร ขณะนี้อยากให้เข้าใจว่าการทำรัฐประหารของคสช.อยู่บนพื้นฐานที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุข และนำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศเร็วที่สุด ดังนั้น หน้าที่สำคัญเรื่องหนึ่งของ คสช. ต้องเร่งทำความเข้าใจกับนานาชาติถึงการเข้าสู่อำนาจเพื่อแก้ปัญหาในระยะสั้น เช่น ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น แต่จะไม่อยู่ในอำนาจระยะยาว ซึ่งคสช.ต้องพิสูจน์ให้ต่างชาติเข้าใจเรื่องนี้

โหรคมช.ลั่น"บิ๊กตู่"นั่งนายกฯ

      เมื่อเวลา 11.00 น. ที่หมู่บ้านสุขิโต อ.เมืองเชียงใหม่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดตัวหนังสือบุญค้ำแผ่นดิน เปิดนิมิต 5 กู้ชาติบ้านเมือง จากนั้นพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผบ.ทอ. เป็นประธานพิธีทำบุญให้แผ่นดิน เพื่อทำความดีก่อนเข้าพรรษา มีพิธีปล่อยโค 9 ตัว โดยมีผู้มาร่วมทำบุญจำนวนมาก ทั้งนี้ นายดุลยวิทย์ ขุ่ยอาภัย อายุ 23 ปี หรือท็อป บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่หล่อที่สุดเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว มาร่วมพิธีด้วย 

     ด้านนายวารินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่คสช.ยึดอำนาจรัฐประหาร วิบากกรรมแผ่นดินสูญสลายไปสิ้น ดับไฟลุกโชนมากว่า 10 ปี เพราะคสช.คืนความสุขให้ประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งตนเคยทำนายเมื่อปี 2553 ว่าอักษรตัวย่อ ป. จะมาแก้ปัญหาสลายสีเสื้อที่แตกเป็นก๊กเป็นเหล่า ต่อไปบ้านเมืองเข้าสู่ความศิวิไลซ์ เท่าที่สัมผัสพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.มา 10 ปี เป็นคนสมถะ แต่ต้องมาดับไฟยุติความแตกแยก เพื่อให้ชาติเดินไปข้างหน้า ขอให้กำลังใจและเชื่อว่าจะเป็นนายกฯคนต่อไป ส่วนคนที่ทำกรรมแก่ประเทศ เวลาของเขาหมดลงแล้ว อนาคตข้าราชการเป็นกลไกสำคัญดูแลบ้านเมือง ส่วนนักการเมืองควบคุมดูแลนโยบายเท่านั้น ดังนั้นขอให้ประชาชนรักสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ ทำความดี ละเว้นความชั่ว

โพลชี้โรดแม็ป 12 เดือนเหมาะสม

      ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจเรื่อง "กรอบเวลาการปฏิรูปประเทศของ คสช." วันที่ 2-3 ก.ค. จากประชาชนทั่วประเทศ 1,256 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับกรอบเวลา 12 เดือนในการปฏิรูปประเทศและการจัดการเลือกตั้งในเดือน ต.ค.2558 ตามโรดแม็ปของ คสช. พบว่า ร้อยละ 58.60 ระบุเป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม ร้อยละ 21.34 ระบุเป็นกรอบเวลายาวและช้าเกินไป ร้อยละ 17.75 ระบุสั้นและเร่งรีบเกินไป 

     ส่วนสภาพการเมืองไทยหลังปฏิรูปประเทศและหลังเลือกตั้งในปี 2558 ร้อยละ 35.91 ระบุการเมืองไทยจะดีขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 35.43 จะดีขึ้นมาก ร้อยละ 20.30 ระบุว่าเหมือนเดิม และร้อยละ 3.74 ระบุแย่ลง 

      สำหรับ การปฏิรูปการเมืองในด้านต่างๆ ของ คสช.ที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จมากที่สุด ร้อยละ 43.55 ระบุการแก้ปัญหา การทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองและข้าราชการ ร้อยละ 24.68 การแก้ไขปัญหาความแตกแยกทางการเมือง ร้อยละ 9.08 การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักการเมือง เช่น การไม่มีจริยธรรม การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ร้อยละ 4.78 การแก้ไขปัญหาการเข้าครอบงำพรรคการเมืองของกลุ่มทุน ร้อยละ 3.66 การแก้ปัญหาการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร และแก้ปัญหาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจสาธารณะในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 1.59 แก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ร้อยละ 1.35 แก้ไขปัญหาประสิทธิภาพองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. กกต.และร้อยละ 1.27 ระบุว่าไม่สามารถแก้ไขได้

เผยคนไทยสุขมากขึ้น

     สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 2,091 คน วันที่ 1-5 ก.ค.ที่ผ่านมา เรื่อง"สิ่งที่เปลี่ยนไประหว่าง ก่อนมี คสช. และหลังมี คสช." พบว่า สิ่งที่ประชาชนคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปหลังมี คสช. ร้อยละ 88.52 รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่เห็นบ้านเมืองสงบสุข ไม่วุ่นวาย ปัญหาหลายอย่างได้รับการแก้ไข ร้อยละ 81.96 สามารถเดินทางได้ตามปกติและสะดวกมากขึ้น และร้อยละ 68.04 การดำรงชีวิตประจำวันเข้าสู่สภาวะปกติ ไปทำงาน ไปเรียนได้เหมือนเดิม 

      ส่วนความเห็นของครอบครัวนั้น ร้อยละ 93.53 คิดว่าทำให้บรรยากาศในครอบครัวดีขึ้น ไม่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว ร้อยละ 79.41 มีเวลาพบปะ ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น เลิกเรียน เลิกงานตามปกติ และร้อยละ 72.55 ได้รับการดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ทำให้การประกอบอาชีพ การทำมาหากินสะดวกขึ้น

     สำหรับ ความเห็นของญาติ เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน ร้อยละ 90.20 เห็นว่ามีความสุข ไม่เครียดกับสถานการณ์บ้านเมือง ร้อยละ 84.71 เปิดใจรับฟังความคิดเห็นกันมากขึ้น และร้อยละ 68.43 คำนึงถึงส่วนรวมมากขึ้น รักชาติบ้านเมือง สามัคคีกัน ทั้งนี้ สรุปได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือมีความสุขเพิ่มมากขึ้นถึงเกือบร้อยละ 90 หลังจาก คสช.เข้ามาบริหารประเทศ

หนุนคสช.ลุยปราบโกง

     ขณะที่มาสเตอร์โพล ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องสาธารณชนอยากเห็นอะไร และไม่อยากเห็นอะไรในอีก 1 ปีข้างหน้า จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 2,158 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. -5 ก.ค. พบว่า ร้อยละ 82.4 ระบุว่าความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่ประชาชนคือสาเหตุทำให้ประเทศไทยล้มเหลวในการพัฒนา ร้อยละ 80.6 ระบุเกิดจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 78.3 ระบุเกิดจากความ ล้มเหลวด้านการศึกษา และร้อยละ 62.7 ระบุเกิดจากความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม

    สิ่งที่สาธารณชนอยากเห็นสิ่งที่ดีกว่าในอีก 1 ปีข้างหน้า ร้อยละ 88.5 อยากเห็นเศรษฐกิจที่ดีกว่า ร้อยละ 83.9 อยากเห็น การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นได้ดีกว่า และร้อยละ 80.1 อยากเห็นประชาธิปไตย ที่ดีกว่า 

      นอกจากนี้ ร้อยละ 86.7 ต้องการให้คสช. ลุยปราบโกงจำนำข้าว รองลงมาร้อยละ 81.5 ปราบโกงธุรกิจพลังงาน และร้อยละ 78.7 ลุยปราบโกงสัมปทาน ทำถนน ซ่อมทาง สะพาน อาคารหน่วยงานรัฐ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 95.8 ระบุถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องปฏิรูป มีเพียงร้อยละ 4.2 เท่านั้นที่ระบุยังไม่ถึงเวลา 

แฉรองอธิบดีลักไก่ย้าย38ผู้คุม

      เมื่อวันที่ 6 ก.ค. นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีประกาศคำสั่ง ฉบับที่ 84/2557 เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ให้พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย พ้นจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และให้นายวิทยา สุริยะวงศ์ พ้นจาก ผอ.สำนักงานกิจการยุติธรรม โดยให้เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์แทน เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ทราบว่ามีเรื่องเซ็นทิ้งทวนที่สุดพิสดารในเรือนจำ ระหว่างที่รอให้นายวิทยามารับตำแหน่งอธิบดี น.ส.พรพิตร นรภูมิพิภัชน์ รองอธิบดี ลงนามคำสั่งแต่งตั้งผู้คุม 38 ตำแหน่ง ระดับชำนาญการพิเศษ หรือ ผอ.ส่วนคุมแดนต่างๆ ในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งที่ว่าพิสดารคือ เอกสารลงนามแต่งตั้งโดยรองอธิบดี (รักษาการอธิบดี) ที่นายสุชาติหมดอำนาจแล้ว แต่ในคำสั่งเดียวกันก็ตั้งให้นายวิทยาเข้ารับตำแหน่งอธิบดีแทนทันที

      นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ข้าราชการกรมราชทัณฑ์จึงสงสัยว่าน.ส.พรพิตรที่ใช้อำนาจรักษาการแทนอธิบดีโดยลงนามเซ็นคำสั่งในวันที่ 4 ก.ค.ได้อย่างไร ทั้งที่มีคำสั่งแต่งตั้งคนมาเป็นอธิบดีในวันที่ 3 ก.ค.ชัดเจน เรื่องนี้คนในกระทรวงต่างวิจารณ์ว่าใช้อำนาจผิดมารยาททางราชการแล้วอาจเป็นการลงนามในคำสั่งที่ส่อว่าผิดกฎหมายด้วย เพราะหากพิจารณาตามคำสั่งที่ 84 ไม่น่ามีสิทธิ์กระทำได้ 

สร้างสภาใหม่อืด-เลื่อนเสร็จปี"59 

     เมื่อวันที่ 6 ก.ค. นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า โครงการก่อสร้างยังดำเนินการต่อไปตามสัญญาการก่อสร้างทุกประการ แต่อาจมีความล่าช้าอยู่บ้าง เนื่องจากแผนการก่อสร้างกับแบบการก่อสร้างไม่สอดคล้องกัน ที่สำคัญจะขอความอนุเคราะห์จากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยและสำนักงานอัยการสูงสุด มาให้คำปรึกษาเรื่องการตรวจรับการก่อสร้าง รวมถึงกรณีถ้าก่อสร้างไม่ตรงตามแบบที่วางไว้จะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ได้กำชับผู้ควบคุมการก่อสร้างจัดทำแผนดำเนินการและแผนเร่งรัดว่าจะแก้ปัญหาการก่อสร้างอย่างไร ซึ่งต้องชัดเจน 

      นายจเร กล่าวว่า ส่วนการก่อสร้างโรงเรียนโยธินบูรณะแห่งใหม่ล่าช้านั้น คิดว่าไม่กระทบต่อการก่อสร้างในภาพรวมเพราะการก่อสร้างสามารถดำเนินการส่วนอื่นๆ ไปก่อนได้โดยเฉพาะตัวอาคารรัฐสภาหลักและอาคารประกอบ เมื่อก่อสร้างโรงเรียนโยธินบูรณะแห่งใหม่เสร็จก็จะดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาในส่วนที่เหลือได้ทันที ยืนยันว่าคนไทยจะได้เห็นอาคารรัฐสภาแห่งใหม่อย่างแน่นอน แต่อาจล่าช้าบ้างจากปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งตามสัญญาต้องเสร็จภายใน 900 วัน คือปลายปี 2558 แต่คิดว่าเมื่อปรับปรุงแผนงานในทุกขั้นตอนแล้วจะทำให้การก่อสร้างเสร็จภายในปี 2559 

ตร.ประชุมแก้ปัญหาค้ามนุษย์

      เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ว่า ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. ได้สั่งการมอบหมายหน้าที่ให้ตนรับผิดชอบกรณีดังกล่าวแทน พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. ที่ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขณะนี้ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกรณีดังกล่าวแล้ว โดยมีปลัดกระทรวงกาารพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นตัวหลักกรณีการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ส่วนของตำรวจนั้นจะดูแลในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีความห่วงใย จึงมอบนโยบายให้ พล.ต.อ.วัชรพลเร่งดำเนินการใน 2 เรื่องสำคัญคือ การควบคุมแก้ปัญหาคนต่างด้าวที่มาทำการประมง และปัญหาคนต่างด้าวประกอบธุรกิจจัดหาเด็กขอทาน ยืนยันว่า ตำรวจจะสนับสนุนการปฏิบัติในทุกภาคส่วน 

     พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า ขณะนี้ฝ่ายแผนได้มีการนำเสนอรูปแบบและหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศของคสช.ที่ 77/2557 แล้ว กรณีให้เจ้าของเรือได้จัดทำบัญชีรายชื่อลูกจ้างผู้ทำการประมงที่เป็นคนต่างด้าว ส่วนการแก้ไขปัญหาขอทานที่มักจะมีคนต่างด้าวมาประกอบธุรกิจที่จัดหาเด็กมาขอทานนั้น พล.ต.อ.วัชรพลได้การสั่งการให้ตนดำเนินการประชุมกำหนดแนวทางในหน่วยงานของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั้งหมด อาทิ เช่น ศูนย์ปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) และทุกภาคส่วน เพื่อจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม กรณีการรับจำนำข้าวนั้น ล่าสุดทางคณะกรรมการ ได้ลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจสอบข้าวในโกดัง พบข้าวหายกว่า 9 หมื่นกระสอบ จึงมีการกล่าวโทษ และสั่งการให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ลงไปตรวจสอบ เพื่อหาความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 7 ก.ค.ต่อไป

ตรวจโกดัง 12 จว.-ข้าวหอมหายอื้อ 

     วันที่ 6 ก.ค. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงความคืบหน้าการลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศของผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ว่า ผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในพื้นที่ 12 จังหวัด วันที่ 6 ก.ค. เวลา 18.00 น. สรุปความผิดปกติในคลังสินค้าหรือโกดังบางแห่ง ดังนี้ 1.ปริมาณข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ คลาดเคลื่อน 6.99 เปอร์เซ็นต์ 2.ข้าวหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 2 มีปริมาณข้าวขาดหายจากบัญชีเป็นจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ 3.การวางกองข้าวไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด 4.ข้าวเสื่อมคุณภาพ เช่น ข้าวมีสีเหลือง มีมอด มีข้าวชนิดอื่นปลอมปน ข้าวเป็นฝุ่นแป้ง น้ำรั่วทำให้ซึมลงมาถูกกองข้าว เป็นต้น

     นายปิ่นชัย ปิ่นแก้ว ผู้ตรวจราชการการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคณะที่ 84 พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวองค์การคลังสินค้า (อคส.) คลังสินค้านายปกรณ์ สกุนรักษ์ เลขที่ 9 ม.9 ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร คลังที่ 1 ซึ่งเก็บข้าวสาร 5 เปอร์เซ็นต์ ปีการผลิต 2556/57 มีข้าว 250,281 กระสอบ พบว่ากระสอบข้าวชั้นบนยุบตัว บางจุดนูนขึ้นผิดปกติ บางกระสอบชั้นบนตราประทับบอกจังหวัดไม่ตรงกับบัญชีตามรหัสที่แจ้งไว้ โดยบัญชีจะมีข้าวของจ.พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ แต่โกดังนี้มีข้าวจากจ.ปราจีนบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ซึ่งอาจนำข้าวต่างถิ่นมาสวม ได้เก็บตัวอย่างข้าวส่งตรวจพิสูจน์หาดีเอ็นเอว่าเป็นข้าวได้คุณภาพตามบัญชีหรือไม่

     นอกจากนี้ได้ตรวจไซโล เคทีบีอะโกรจำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 25/3 ม.3 ซึ่งต้องตรวจ 17 ไซโล ขณะนี้ตรวจได้ 4 ไซโล พบว่าไซโลที่ 17 ตามบัญชีมีข้าว 5 เปอร์เซ็นต์ปีการผลิต 2556/57 แต่ปรากฏว่าไม่ใช่เป็นข้าว 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นข้าวท่อนมาสวมแทน ไซโลที่ 21 ข้าวมีสีเหลืองตั้ง น่าจะเป็นข้าวคนละปีไม่ใช่ข้าว ปี 56/57 ส่วนไซโลที่ 18-19 ปกติ ขณะนี้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางมูลนาก พร้อมส่งมอบข้าวดังกล่าวให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินคดี ต่อไป 

      ที่จ.นครสวรรค์ นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ตัวแทนผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังเข้าตรวจโกดังข้าวที่ หจก.วุฒิชัย ทรานสปอร์ต เลขที่30 ม.8 ต.ยางตาล อ.โกรกพระ ซึ่งมีข้าวในสต๊อกกว่า 175,000 กระสอบ เมื่อรื้อกระสอบด้านบนออก 2 แถว นำข้าวออกมาตรวจพบว่าเป็นข้าวท่อนหรือข้าวปลายทั้งหมดและยังพบข้าวที่ไม่ตรงตามบัญชีที่ระบุไว้เกือบทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งอายัดข้าวทั้ง 175,000 กระสอบไว้ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทหารใส่กุญแจล็อกโกดังไว้เพื่อรอตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

     นอกจากนี้ ยังตรวจสอบโกดังข้าวโรงสี ยางตาล หลังที่ 4 เลขที่ 57/1 ม.7 ต.ยางตาล อ.โกรกพระ ซึ่งเป็นโกดังเก็บข้าวหอมปทุมที่รับจำนำไว้ตั้งแต่ปี 2551 พบข้าวอยู่ในสภาพผุเน่าจนยุ่ยกลายเป็นแป้ง กระสอบเปื่อย จึงสั่งอายัดไว้ หากพบทุจริตจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เรียก'เสธ.อ้าย-วีระ'พบ คำสั่งคสช. จัดงานเลี้ยงผิดเงื่อนไข กกต.ชงปฏิรูปเลือกตั้ง เพื่อไทยขอให้เป็นธรรม สพม.จ่อได้แผนแก้โกง ทนายจี้ปล่อย'ธนาพล'8เ ครือข่ายไล่บอร์ดอภ.

 มติชนออนไลน์ :

ไร้ต้าน - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เนื่องจากมีกระแสข่าวการชุมนุมเคลื่อนไหวหน้าสถานทูต แต่ไม่พบกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม



โดนเรียก - นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ที่สนามม้านางเลิ้ง หลังถูกจำคุกในประเทศกัมพูชามากกว่า 3 ปี โดยมีพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ให้การต้อนรับ ต่อมามีคำสั่ง คสช.เรียกให้ไปรายงานตัวทั้งคู่ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม

       เสธ.อ้ายจัดรับขวัญ'วีระ'ชื่นมื่น เจ้าตัวรอเวลาเข้าขอบคุณบิ๊กตู่ ปูดรัฐบาลมาร์คช่วยไม่เต็มที่ คสช.เล็งเรียกแจงจัดงานผิดเงื่อนไข เพื่อไทย-กกต.ชง คสช.ให้ปฏิรูปเลือกตั้งทั้งระบบ สพม.เตรียมเสนอแนวปราบโกง

@ พท.แนะปฏิรูปเลือกตั้งทั้งระบบ

      เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงข้อเสนอของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เสนอให้ปฏิรูปการเลือกตั้งด้วยการปรับปรุงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า หากจะปฏิรูปการเลือกตั้งควรมองในภาพกว้างทั้งหมดของระบบการเลือกตั้งโดยมุ่งเน้นว่าทำอย่างไรการเลือกตั้งจึงจะบริสุทธิ์ยุติธรรม ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยปรับปรุงกฎหมายเลือกตั้ง ระบบ และวิธีการเลือกตั้งมาแล้วหลายรูปแบบ ทุกครั้งไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรประชาชนก็สามารถปรับตัวได้กับวิธีการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ไม่ว่าจะแก้ไขอย่างไรเชื่อว่าประชาชนจะรับได้และสามารถเข้าใจได้

       "หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีนโยบายในการปฏิรูปการเลือกตั้ง ขอให้ คสช.ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปทั้งระบบ คือตั้งตัวกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ และบุคลากรที่ดูแลการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาทุกฝ่ายได้ติดตามบทบาทของผู้มีหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งมาตลอด และเห็นว่าหากผู้ดูแลการเลือกตั้งไม่ดำรงความยุติธรรมหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การเลือกตั้งจะไม่มีทางได้รับการยอมรับไปได้" นายชวลิตกล่าว และว่า ขอให้ คสช.ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปกรรมการที่ดูแลการเลือกตั้งไปด้วย ทั้งนี้ การเลือกตั้งเหมือนการแข่งขันฟุตบอลโลก จะแก้กติกาอย่างไรก็ได้ ผู้เล่นจะปรับตัวตาม แต่ถ้ากรรมการในสนามหรือผู้กำกับเส้นไม่เป็นกลาง แก้กฎระเบียบอย่างไร เกมจะไม่สนุกเพราะคนดู คนเล่นจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม

@ พร้อมเสนอปฏิรูปการเมือง

    นายชวลิต กล่าวว่า การปรับปรุงกฎหมายเลือกตั้งซึ่งเป็น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะต้องดูด้วยว่ารัฐธรรมนูญที่จะเขียนขึ้นใหม่จากการปฏิรูปที่กำลังจะมีขึ้นมีหน้าตาอย่างไร กฎหมายเลือกตั้งจึงจะเขียนขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 

    "ในส่วนของพรรคมีโอกาสเสนอความเห็นในการปฏิรูปกับ คสช.ไปแล้วสองครั้ง ที่ผ่านมายังไม่ได้ลงลึกถึงการเลือกตั้ง เป็นการแสดงความเห็นในส่วนกระบวนการปฏิรูปเท่านั้น ส่วนตัวเห็นว่าข้อเสนอในการปฏิรูปการเมืองและการร่างรัฐธรรมนูญสามารถเสนอได้ตลอดจนกว่าจะลงมือแก้ไขหรือปฏิรูปอย่างจริงจัง" นายชวลิตกล่าว

@ สพม.ชงแนวปราบโกงให้คสช.

     นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) กล่าวว่า ทางกระทรวงกลาโหมได้มีหนังสือขอข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิรูปประเทศมายัง สพม. เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการพิจารณา สพม.พร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนข้อมูล 

     "ขณะนี้ทาง สพม.ได้ดำเนินการศึกษาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเสนอมาตรการปราบปรามการทุจริตไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม และเตรียมที่จะนำผลการศึกษาเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำแนวทางปฏิรูปประเทศไทยของ สพม.ได้พิจารณา หากทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจะนำเข้าที่ประชุมใหญ่ของ สพม.อีกครั้งวันที่ 16-17 กรกฎาคม" นายธีรภัทร์กล่าว และว่า ถ้าผ่านการพิจารณาจากที่ประชุม สพม.จะสามารถนำเสนอให้ คสช.พิจารณาในลำดับถัดไป 

@ ชูปฏิรูปพรรคเป็นของปชช.

      นายธีรภัทร์กล่าวถึงการปฏิรูปด้านการเมืองว่า ทาง สพม.อยู่ระหว่างการศึกษา เบื้องต้นมีแนวทางไว้แล้วว่าจะปฏิรูปโครงสร้างอย่างไร แต่คงประชุมเพื่อหารือถึงมาตรการในการป้องกันปัญหา อาทิ การป้องกันการซื้อสิทธิ ขายเสียง การหาแนวทางทำให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นของนักการเมือง นายทุน หรือนักธุรกิจ รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพองค์กรอิสระ และทาง สพม.ยังเตรียมที่จะดำเนินการเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย คาดว่าข้อเสนอข้างต้นน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม และสามารถเสนอให้ คสช.ได้พิจารณา 

      "ก่อนหน้านี้ทาง สพม.ได้จัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เคยเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิจารณา แต่ปรากฏว่ายุบสภาไปเสียก่อน ดังนั้น เมื่อใดที่มีรัฐบาลใหม่ทาง สพม.คงจะผลักดันและเสนอให้พิจารณาต่อไป" นายธีรภัทร์กล่าว

@ กกต.สรุปแก้กม.เลือกตั้ง7ก.ค.

      นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.และการจัดการเลือกตั้งที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสรุปแนวทางให้กับคณะทำงานด้านปฏิรูปของ คสช.ได้พิจารณา ว่า วันที่ 7 กรกฎาคม ทางผู้บริหารกกต.และผู้ทรงคุณวุฒิ จะประชุมเพื่อทบทวน ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดของแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาในช่วงบ่ายวันที่ 7 กรกฎาคม เบื้องต้นได้รับรายงานจากคณะทำงานด้านการยกร่างฯว่าขณะนี้โจทย์ 6 ข้อที่ทาง คสช.ให้การบ้าน กกต.กลับมาพิจารณา อาทิ โครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติ โครงสร้างฝ่ายบริหาร การปฏิรูปพรรคการเมือง การปฏิรูปการเลือกตั้ง และการกระจายอำนาจ ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

      "หากที่ประชุม กกต.พิจารณาแล้วได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจะสามารถเสนอ คสช.ได้ในทันที แต่หากไม่ทันน่าจะเสนอต่อ คสช.ได้ในวันที่ 8 กรกฎาคม เบื้องต้นแนวทางดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอและความเห็นในส่วนของ กกต.เท่านั้น ทางคณะทำงานด้านการปฏิรูปโดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม อาจต้องนำข้อเสนอของ กกต.ไปรวมกับข้อเสนอและแนวทางการแก้ไขปัญหาจากองค์กรอื่นๆ ด้วย ก่อนเสนอสภาปฏิรูปได้พิจารณาต่อไป" นายภุชงค์กล่าว 

@ ชี้แนวเยอรมนีมีมาตรฐาน

      นายภุชงค์ กล่าวถึงกระแสข่าวจะเสนอให้ กกต.ยึดแนวทางเลือกตั้งของประเทศเยอรมนีมาปฏิรูประบบเลือกตั้งไทย ว่า การพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง กกต.ศึกษาข้อมูล รายละเอียดรวมทั้งแนวทางเกี่ยวกับการเลือกตั้งของประเทศต่างๆ ไว้ไม่เฉพาะแค่ประเทศเยอรมันเท่านั้น แต่จากการไปศึกษาดูงานที่ประเทศเยอรมนี กกต.เห็นว่ารูปแบบการเลือกตั้งของเยอรมนีไม่ว่าจะเป็นระบบพรรคการเมือง การเข้าสู่ตำแหน่งของ ส.ส.และ ส.ว.และอื่นๆ เป็นระบบที่ได้มาตรฐาน นานาชาติให้การยอมรับ เบื้องต้นก็ยังเป็นเพียงแนวความคิดเท่านั้น ทั้งนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.ว่าจะเห็นเป็นอย่างไร 

@ พร้อมรับลูกคสช.สรรหาอปท.

     ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ออกมาระบุว่า กำลังพิจารณาแนวทางวิธีการสรรหาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรณีที่หมดวาระนั้น นายภุชงค์กล่าวว่า คงต้องขอรับนโยบายจากทางหัวหน้า คสช.ก่อน ช่วงเวลานี้สามารถทำได้ทั้งสองประเภทคือการสรรหาและการเลือกตั้ง หากสถานการณ์เหมาะสมจะใช้วิธีการสรรหา มองว่าน่าจะเป็นไปได้ กกต.ไม่ได้ขัดแย้ง ถ้า คสช.มีนโยบายอย่างไร กกต.พร้อมปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถ เชื่อว่าจะสามารถได้คนดี มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ แต่คงต้องรอนโยบายจาก คสช.ก่อนว่าท้ายที่สุดจะพิจารณาอย่างไร 

@ นสช.เรียกร้องหยุดคุกคาม 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก "แนวร่วมขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ" โพสต์ข้อความ ประกาศ แถลงการณ์ของ แนวร่วมขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นสช.) เรื่องการหยุดคุกคามและข่มขู่ประชาชนในทุกรูปแบบข้อความระบุว่า "ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ได้ปรากฏหลักฐานมากมาย ที่ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐละเมิดต่อประชาชนในหลายกรณี นสช.ขอชี้แจงถึงสถานการณ์ดัง

     ต่อไปนี้ 1.ในสถานการณ์เฉพาะหน้า ขอให้ประชาชน ผู้ประสบเหตุดังกล่าว จดชื่อ เจ้าหน้าที่ ทะเบียนรถ หรือ ถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ พร้อมบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วัน เวลา ที่เกิดเหตุ แล้วส่งไปที่ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ตามที่อยู่ด้านล่าง หรือส่งมาหลังไมค์ถึง ฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ นสช.โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งชื่อจริงใดๆ แต่ขอข้อมูลที่เกิดขึ้นเท่านั้น พร้อมหลักฐานประกอบ 

     "2.นสช.กำลังผลักดันให้มีฝ่ายหรือส่วนงาน ที่เรียกว่า อัยการประชาชน ขององค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในกรณีต่างๆ และดำเนินการเอาผิดต่อไปในทุกกรณี 3.การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย ทุกกรณีในช่วงเวลานี้ จะไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ของรัฐรายใด ที่กระทำความผิดต่อประชาชน จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป ทั้งในประเทศไทย ในกรณีเมื่อฝ่ายประชาชนได้รับชัยชนะ และหรือ เมื่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเดินทางออกนอกเขตแดนประเทศไทย เข้าสู่เขตอำนาจตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในพื้นที่ของประเทศต่างๆ ที่เซ็นรับรองพันธกรณีตามกติการะหว่างประเทศ" เฟซบุ๊ก นสช.ระบุ และว่า 4.ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไทย ที่ได้รับคำสั่งให้กระทำตามคำสั่งที่ผิดกฎหมาย ให้หลีกเลี่ยงหรือเพิกเฉยต่อคำสั่งดังกล่าวเสีย มิฉะนั้น จะต้องรับผิดต่อการกระทำของตนต่อไป นสช.จะดำเนินการในเรื่องเหล่านี้โดยประสานกับรัฐบาลนานาชาติอย่างถึงที่สุด ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ประกาศ วันที่ 6 กรกฎาคม 

@ ปชป.จวกปมโผล่ร้องอียู 

    นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่องค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย นำโดยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ประสานงานองค์กร เข้ารายงานสถานการณ์การเมืองไทยต่อคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนสหภาพยุโรป (อียู) ว่า สิ่งที่กลุ่มนี้เรียกร้องว่ามีการใช้กำลังใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องแปลก เพราะสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง การใช้กองกำลังคุกคามผู้เห็นต่างทางการเมือง ใช้กองกำลังตำรวจ จนพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำงานไม่ได้ในยุคนั้น กลับไม่เห็นคนพวกนี้จะเรียกร้องอะไร "ขณะนี้เข้าใจได้ว่า แม้ คสช.จะทำการรัฐประหารมา แต่อยากให้เข้าใจว่าการทำรัฐประหารอยู่บนพื้นฐานที่อยากให้บ้านเมืองเรียบร้อยสงบสุข จึงควรมาร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความเรียบร้อยและนำประชาธิปไตย กลับคืนสู่ประเทศเร็วที่สุดจะดีกว่า หน้าที่สำคัญเรื่องหนึ่งของ คสช. ขณะนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจการเข้าสู่อำนาจ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้น เช่น แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น แต่จะไม่อยู่ในอำนาจระยะยาว ที่ คสช.ต้องพิสูจน์ให้ต่างชาติเข้าใจเรื่องนี้" นายชวนนท์กล่าว 

@ นิด้าโพลหนุนโรดแมปคสช. 

    วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "กรอบเวลาการปฏิรูปประเทศของ คสช." หลังได้สำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กรกฎาคม จากประชาชนทั่วประเทศ รวม 1,256 ตัวอย่าง จากการสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 58.60 เห็นว่ากรอบเวลา 12 เดือนในการปฏิรูปประเทศ และการจัดการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม 2558 ตามโรดแมป คสช. มีความเหมาะสม รองลงมา ร้อยละ 21.34 เห็นว่ากรอบเวลาช้าไป ร้อยละ 17.75 เห็นว่ากรอบเวลาสั้นและเร่งรีบเกินไป ขณะอีกร้อยละ 2.31 ไม่ระบุ หรือไม่แน่ใจ

     สำหรับ ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสภาพการณ์การเมืองไทยหลังการปฏิรูปประเทศ และหลังการเลือกตั้งในปี 2558 พบว่า ประชาชนร้อยละ 35.91 ระบุว่า สภาพการณ์การเมืองไทยจะดีขึ้นเล็กน้อย รองลงมา ร้อยละ 35.43 ระบุว่า สภาพการณ์การเมืองไทยจะดีขึ้นมาก ร้อยละ 20.30 ระบุว่า สภาพการณ์การเมืองไทยจะเหมือนเดิม ร้อยละ 3.74 สภาพการณ์การเมืองไทยจะแย่ลง และร้อยละ 4.62 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

@ 43%ชี้แก้ทุจริตได้ผล 

     ขณะที่ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมืองในด้านต่างๆ ของ คสช.ที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จมากที่สุด พบว่าประชาชนร้อยละ 43.55 ระบุว่า เป็นการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองและข้าราชการ รองลงมา ร้อยละ 24.68 ระบุว่า เป็นการแก้ไข

     ปัญหาความแตกแยกทางการเมือง ร้อยละ 9.08 ระบุว่า เป็นการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักการเมือง เช่น การไม่มีจริยธรรม การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ร้อยละ 4.78 ระบุว่า เป็นการแก้ไขปัญหาการเข้าครอบงำพรรคการเมืองของกลุ่มทุน ร้อยละ 3.66 ระบุว่า เป็นการแก้ไขปัญหาการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร และเป็นการแก้ไขปัญหาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจสาธารณะในสัดส่วนที่เท่ากัน

     ร้อยละ 1.59 ระบุว่า เป็นการแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ 1.35 ระบุว่า เป็นการแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ร้อยละ 1.27 ระบุว่า ไม่สามารถแก้ไขได้ และร้อยละ 6.38 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

@ มาสเตอร์โพลหนุนปฏิรูปปท.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาสเตอร์โพล ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สาธารณชนอยากเห็นอะไร และไม่อยากเห็นอะไรในอีก 1 ปีข้างหน้า จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,158 คน ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน-5 กรกฎาคม ร้อยละ 82.4 พบว่าความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่ประชาชน คือสาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยล้มเหลวในการพัฒนา ร้อยละ 80.6 พบว่าเกิดจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 78.3 พบว่าเกิดจากความล้มเหลวด้านการศึกษา และร้อยละ 62.7 พบว่าเกิดจากความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม

     สิ่งที่สาธารณชนอยากเห็นสิ่งที่ดีกว่าในอีก 1 ปีข้างหน้า พบว่า อันดับแรกประชาชนอยากเห็นเศรษฐกิจที่ดีกว่า ร้อยละ 88.5 รองลงมาประชาชนอยากเห็นการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 83.9 และร้อยละ 80.1 ประชาชนอยากเห็นประชาธิปไตยที่ดีกว่า นอกจากนี้ ประชาชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ยังต้องการให้ คสช. ลุยปราบโกงจำนำข้าวมากที่สุด ร้อยละ 86.7 รองลงมาปราบโกงธุรกิจพลังงาน ร้อยละ 81.5 และร้อยละ 78.7 ลุยปราบโกงสัมปทาน ทำถนน ซ่อมทาง สะพาน อาคารหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ระบุ ร้อยละ 95.8 ว่าถึงเวลาแล้ว ประเทศไทยถึงเวลาต้องปฏิรูป ขณะที่มีเพียงร้อยละ 4.2 เท่านั้นที่ระบุยังไม่ถึงเวลา

@ ดุสิตโพลปชช.สุข 90%

    สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 2,091 คน ทุกเพศ ทุกวัยทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-5 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรื่อง "สิ่งที่เปลี่ยนไประหว่างก่อนมี คสช. และหลังมี คสช." พบว่าสิ่งที่ประชาชนคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปหลังมี คสช.อันดับ 1 ร้อยละ 88.52 รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่เห็นบ้านเมืองสงบสุข รองลงมาร้อยละ 81.96 สามารถเดินทางได้ตามปกติ และสะดวกมากขึ้น

      ขณะที่ความเห็นของครอบครัว พบว่าร้อยละ 93.53 คิดว่า บรรยากาศในครอบครัวดีขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัว รองลงมาร้อยละ 79.41 มีเวลาพบปะกันมากขึ้น และร้อยละ 72.55 ได้รับการดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ทำให้การประกอบอาชีพ การทำมาหากินสะดวกขึ้น ส่วนความเห็นของญาติ เพื่อน และเพื่อนร่วมงานร้อยละ 90.20 มีความสุข ไม่เครียดกับสถานการณ์บ้านเมือง ร้อยละ 84.71 เปิดใจรับฟังความคิดเห็นกันมากขึ้น และร้อยละ 68.43 คำนึงถึงส่วนรวมมากขึ้น สรุปได้ว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด คือมีความสุขเพิ่มมากขึ้นถึงเกือบร้อยละ 90 หลังจาก คสช. เข้ามาบริหารประเทศ

@ ปทุมฯ-โคราชจัดปรองดอง

     เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายเฉลิมพล มั่งคั่ง นายอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี พ.ท.เกรียงศักดิ์ สืบธรรมา ผบ.ร.21 พัน 3 รอ. นายสมบุญ พืชชนะสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บึงทองหลาง ร่วมกันจัดกิจกรรม ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดทำโครงการปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนบึงทองหลาง ที่ สนามกีฬาหน้าวัดพิรุณศาสตร์ คลองสิบ ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา กิจกรรมประกอบด้วยการแสดงดนตรีของทหาร ร.21 พัน 3 รอ. การจัดหน่วยแพทย์จากกองพันเสนารักษ์ที่ 2 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ การแข่งขันกีฬาประชับมิตรประเภทต่างๆ อาทิ วิ่งกระสอบ และฟุตบอล เป็นต้น โดยประชาชนจากหมู่บ้านต่างๆ ของ ต.บึงทองหลาง ร่วมกันปลูกต้นไม้และจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท็อปจากชุมชนมาร่วมแสดงในงาน

      ที่อาคารชาติชายฮอลล์ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดมหกรรมสร้างความปรองดอง คืนความสุขให้คนในชาติขึ้น ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม โดยจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การฝึกอาชีพระยะสั้น โดยศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ.เมืองนครราชสีมา การจัดตลาดนัดพบแรงงาน

@ จัดต้อนรับ'วีระ'ชื่นมื่น

     เวลา 13.00 น. ที่ห้องจัดเลี้ยงประดิพัทธภูบาล สนามม้าราชตฤณมัยสมาคม หรือสนามม้านางเลิ้ง แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย อดีตแกนนำกลุ่ม องค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เป็นประธานจัดงาน "อิสรีแห่งวีระ" ซึ่งเป็นการเลี้ยงต้อนรับ นายวีระ สมความคิด หลังรับพระราชทานอภัยโทษ ปล่อยตัวจากประเทศกัมพูชา ประชาชนกว่า 300 คนเข้าร่วม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น นายวีระมีสีหน้ายิ้มเเย้มเเละร่วมถ่ายภาพกับผู้ร่วมงานอย่างต่อเนื่อง นายวีระกล่าวว่าดีใจที่มีคนรัก ห่วงใยเเละปรารถนาดีกับตนช่วยกันจัดงานนี้ขึ้นมา 

     หลังจากนี้คงต้องกลับไปทำงานต่อที่ยังค้างคา โดยยังมีตำเเหน่งเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เเละเป็นประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่ ด้านการปกครองประเทศขณะนี้เห็นว่าทหารทำหน้าที่ดูเเลประเทศได้ดีเเละหากยังทำหน้าที่ได้อย่างเข้มเเข็ง ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะต้องเข้าไปยุ่ง เเต่หากวันใดที่ทหารไม่ทำหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีปัญหาขึ้นมาอีกคงต้องเข้าไปช่วย

@ รอเวลาขอบคุณ'บิ๊กตู่'

     "ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ไปเเล้วว่าถ้าท่านมีเวลา อยากจะเข้าไปกราบขอบคุณด้วยตัวเองเเต่ได้ทราบว่าท่านยังไม่ว่าง ก็ต้องรอจนกว่าท่านจะว่าง หากท่านพร้อมคงเเจ้งมาเอง" นายวีระกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ได้ปล่อยตัว นายวีระบอกว่า น่าจะเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนเเละทางกัมพูชาคงอยากที่จะฟื้นความสัมพันธ์กับทาง คสช. เเต่เข้าใจว่ามีอีกหลายสาเหตุ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เเละ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามมากน้อยเเค่ไหนที่จะช่วยเหลือ นายวีระกล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามเขาเอง เเต่เท่าที่สัมผัสได้ คิดว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความจริงใจ เพราะถ้าจริงใจที่จะช่วยจริงๆ น่าจะดำเนินการที่ดีกว่านี้ เเต่ถามว่าจริงใจหรือไม่ต้องไปถามเขา

@ ชี้รบ.มาร์คไม่ได้ช่วยเต็มที่ 

      "ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่ตั้งเเต่ต้น สำหรับรัฐบาลที่ทำหน้าที่อยู่เมื่อตอนที่เราถูกจับ เขาไม่ได้ทำหน้าที่อย่างจริงจังเเละปล่อยให้ถูกจับดำเนินคดีทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องถูกนำไปดำเนินคดีเลย" นายวีระกล่าว และว่า รายละเอียดเรื่องราวเหล่านี้จะพูดเเละเปิดเผยทั้งหมดเเน่ ตั้งเเต่ที่มาที่ไป เริ่มเเต่วินาทีแรกเลย รวมทั้งใครเป็นคนริเริ่ม รายละเอียดทุกอย่างจะถูกนำเสนอเเน่นอน ไม่ต้องห่วง เปิดเผยเเน่นอนเเต่รอให้ถึงเวลาก่อน

      นายวีระ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องเปิดเผย เนื่องจากทางผู้ใหญ่ได้ขอร้อง เพราะไม่อยากให้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่อยากให้กระทบกับนโยบายปรองดองเเละปฏิรูปที่ประเทศกำลังเดินไปอยู่ ในเมื่อผู้ใหญ่ขอร้องก็ต้องปฏิบัติตาม

     พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ไม่รู้จักนายวีระเป็นการส่วนตัวมากนักเเต่รู้จักผลงานเเละคุณความดี ขอเเสดงความยินดีกับนายวีระ กับการกลับมาสู่ประเทศไทย ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ เเละสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

@ เล็งเรียกจัด'อิสรีแห่งวีระ'แจง 

      พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก คสช.กล่าวถึง คสช.ได้พยายามขอความร่วมมือให้บุคคลทั่วไป หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่เข้าข่ายที่สังคมอาจ มองได้ว่าเป็นกิจกรรมทางการเมืองในช่วงนี้เพราะล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจพบว่ามีบางบุคคลได้รวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมในลักษณะที่อาจเข้าข่ายดังกล่าว ที่บริเวณสนามม้านางเลิ้ง โดยที่ไม่ได้แจ้งบอกกล่าวหรือ ขออนุญาตจาก คสช. 

     "จากกรณีดังกล่าวนี้อาจเป็นไปได้ที่ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องขอเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเชิญมาพบ เพราะถือว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ คสช.ได้ขอความร่วมมือเอาไว้" พ.อ.วินธัยกล่าว

@ คสช.เรียก'เสธ.อ้าย-วีระ'พบ

      เมื่อเวลา 20.45 น. วันเดียวกัน คสช. ออกคำสั่ง คสช.ที่ 86/2557 เรื่องให้บุคคลรายงานตัวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 7 กรกฎาคม เวลา 10.00-12.00 น. ดังนี้ 1.พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ 2.นายวีระ สมความคิด

@ ตร.เกาะติดม็อบยินดีมะกัน

     เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ดูแลงานด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา (รอง ผบช.ศ.) ช่วยราชการ บช.น. ตัวแทนจากทหาร และคณะทำงาน ประชุมเตรียมความพร้อมดูแลสถานการณ์ที่หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา เนื่องจากได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาแสดงความยินดีกับสหรัฐอเมริกา เนื่องในวันชาติสหรัฐอเมริกา

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จะยึดแนวทางของ คสช. ที่จะไม่ใช้กำลัง หรือความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ไม่จับกุมในพื้นที่ชุมนุม และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่จะส่งข้อมูลไปยังสันติบาลและทหาร เพื่อติดตามเชิญตัวมาพูดคุยเพื่อเป็นการปรับทัศนคติ อย่างไรก็ตาม หากผู้ชุมนุมที่มาเป็นบุคคลเดิมที่มาชุมนุมเคลื่อนไหวซ้ำๆ ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น 

     "ในส่วนของกรณีที่ตั้งรางวัล สำหรับประชาชนที่ส่งรูปถ่ายบุคคลที่ออกมาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการควบคุมอำนาจของ คสช. มาให้ทางตำรวจ รูปละ 500 บาทนั้น ขณะนี้เริ่มมีประชาชนส่งมาบ้างแล้ว เบื้องต้นมีรูปที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ ติดตามตัวบุคคลประมาณ 6 คน และคาดว่าจะมีมาเพิ่มเติมอีก" พล.ต.อ.สมยศกล่าว 

       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมตัวนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายจักรภพ เพ็ญแข มาดำเนินคดีตามหมายจับ ว่าดำเนินตามกฎหมายแน่นอน แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบก่อน เนื่องจากเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายจับตาดูอยู่ ไม่อยากให้สังคมมองว่าเร่งรีบจนเกินไป

@ ปชป.แฉลักไก่ย้าย 38 ผู้คุม

      นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ คสช. มีประกาศคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 84 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ในสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และให้นายวิทยา สุริยะวงค์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์แทนเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ว่า ทราบว่ามีเรื่องการเซ็นทิ้งทวนที่สุดพิสดารในกรมราชทัณฑ์ ในระหว่างที่รอให้นายวิทยามารับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ คือ น.ส.พรพิตร นรภูมิพิภัชน์ รองอธิบดี ลงนามเซ็นคำสั่งแต่งตั้งผู้คุม 38 ตำแหน่ง ระดับชำนาญการพิเศษ พูดง่ายๆ ภาษาชาวบ้านคือ เป็นผู้อำนวยการส่วนคุมแดนต่างๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในการควบคุมแดนขังต่างๆ ในคุกทั่วประเทศ ช่วงวันที่ 4 กรกฎาคม 

      "ที่ว่าพิสดารคือ เอกสารลงนามแต่งตั้งโดยรองอธิบดี (รักษาการอธิบดี) ที่นายสุชาติ หมดอำนาจแล้ว แต่ในคำสั่งเดียวกันได้ตั้งให้นายวิทยาเข้ารับตำแหน่ง หน้าที่อธิบดีแทนทันที" นายอรรถวิชช์กล่าว และว่า เกิดความสงสัยของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ว่า น.ส.พรพิตร ที่ใช้อำนาจรักษาการแทนอธิบดีโดยลงนามเซ็นคำสั่งในวันที่4 กรกฎาคมไปได้อย่างไร ทั้งที่มีคำสั่งแต่งตั้งคนมาเป็นอธิบดีในวันที่ 3 กรกฎาคมชัดเจน เป็นการใช้อำนาจที่ผิดมารยาททางราชการแล้ว อาจเป็นการลงนามในคำสั่งที่ส่อว่าผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ เพราะหากพิจารณาตามคำสั่งที่ 84 คสช. ไม่น่าจะมีสิทธิกระทำได้ เพราะในคำสั่งดังกล่าวได้ระบุชัดเจนให้นายวิทยาเข้ารับตำแหน่งต่อในทันทีในคำสั่งเดียวกัน

@ ชาญเชาวน์สั่งพรพิตรแจง 

      นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายอรรถวิชช์ออกมาระบุว่า น.ส.พรพิตร ลงนามเซ็นคำสั่งแต่งตั้งผู้คุม 38 ตำแหน่ง ระดับชำนาญการพิเศษ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม อาจมีความผิดปกติและส่อขัดต่อกฎหมายว่า กระบวนการคัดสรรหา ข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษ ตำแหน่งนักทัณฑวิทยา กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน จะมีคณะกรรมการสรรหาใช้เวลานานหลายเดือน แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ อำนาจการเซ็นคำสั่งแต่งตั้ง ในนามรักษาการอธิบกรมราชทัณฑ์ ภายหลังจาก คสช.ออกประกาศเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมกับแต่งตั้งคนใหม่ทันที ดังนั้น

      ต้องตรวจสอบในเรื่องข้อกฎหมาย และความเหมาะสม เพื่อความชัดเจนสั่งการให้ น.ส.พรพิตร ทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อสอบถามเหตุผลในการลงนามคำสั่งดังกล่าว ปกติแล้วเวลาที่อธิบดีไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ภายในกรมฯ จะต้องมีรองอธิบดีรักษาราชการ ตำแหน่งอธิบดี เพื่อลงนามหนังสือต่างๆ 

@ สุชาติยัน'ทำตามขั้นตอน'

      พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า กระบวนการสรรหาเจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์ ระดับชำนาญการพิเศษเกิดขึ้นในสมัยที่เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เริ่มกระบวนการตั้งแต่ปลายปี 2556 เรื่องดังกล่าวตนเห็นใจและรู้สึกไม่แฟร์กับ น.ส.พรพิตร ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้กระบวนการสรรหาข้าราชชำนาญการพิเศษ กรมราชทัณฑ์ผ่านกระบวนการมาแล้วตั้งแต่ปลายปีผ่านมา เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 

      "ซึ่งมีบุคคลที่สมัครกว่า 1,000 ราย เมื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติของกองการเจ้าหน้าที่ กรมราชทัณฑ์ เหลือจำนวนผู้เข้าหลักเกณฑ์ 700 ราย หลังจากนั้นให้ส่งโครงร่างวิสัยทัศน์ 3-4 แผ่น ให้คณะกรรมการพิจารณาฯ ประชุมคัดเลือกเสร็จสิ้น เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ขั้นตอนหลังจากนั้นต้องออกคำสั่งแต่งตั้ง แต่ คสช.ได้ออกคำสั่งย้ายผม วันที่ 3 กรกฎาคม ผมจึงไม่มีอำนาจการเซ็นคำสั่งใดได้ แต่รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายบริหาร รักษาราชการอธิบดีฯ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ดำเนินการไปตามขั้นตอน ไม่ใช่เรื่องทิ้งทวนอะไร" พ.ต.อ.สุชาติกล่าว 

      "ผมว่ามันไม่แฟร์กับ น.ส.พรพิตร ที่ระบุ เป็นการเซ็นทิ้งทวน มีเงื่อนงำ อย่ามองแบบนักการเมืองมากนัก เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนกระบวนการสรรหา ตามระบบ ตัวอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพียงคนเดียวจะสั่งให้ทำโน่นทำนี่ได้" พ.ต.อ.สุชาติกล่าว 

    รายงานข่าวแจ้งว่า ทางกรมราชทัณฑ์มีกำหนดการพิธีรับมอบงานอธิบดีกรมราชทัณฑ์ วันที่ 7 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!