WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ลงใต

ไม่ล้ม 30 บาท บิ๊กตู่ยัน-รถเมล์ฟรีด้วย ป้องไก่อู-เหมือนกก.ห้ามมวย โหรชี้อยู่ 10 ปี'บิ๊กป้อม'เฉยๆ

       'บิ๊กตู่' ยืนยันไม่ล้มโครงการ 30 บาท รวมทั้งรถเมล์-รถไฟ-การศึกษาฟรี ยาหอมอนาคตอาจนั่งรถไฟฟ้าฟรีด้วย กางปีกอุ้ม'ไก่อู'บอกต้องมีไว้ห้ามมวย'หมอปิยะสกล'ระบุแค่คิดปรับ 30 บาทให้มั่นคง แต่ไม่กระทบคนมีรายได้น้อย'บิ๊กป้อม'ชี้โหรคมช.ทำนายรัฐบาลอยู่ยาวอีก 10 ปี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ย้ำ 30 ธ.ค.'บิ๊กช้าง'แถลงผลสอบราชภักดิ์อย่างละเอียด แต่ไม่ชี้ใครทุจริต โยนเป็นหน้าที่ป.ป.ช.-สตง. กรธ.เล็งขยายฐานอายุ 18 ปีกาบัตรเพิ่ม 'วัฒนา'สวนกลับโฆษกกรธ. ลั่นไม่ขอปรองดองถ้าเขียนรธน.นิรโทษกรรมให้คสช.-รัฐบาลที่บริหารประเทศหลังยึดอำนาจ เพื่อหนีการตรวจสอบ 'สมชัย'แจงตั้งลูกชายวัย 26 ปี เป็นผู้ช่วยเลขานุการกกต.ถูกระเบียบ

วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9162 ข่าวสดรายวัน

ลงใต้ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ทักทายประชาชน ระหว่างเยี่ยม ชมการปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยาง บ้านนายวิสูตร คันธรักษา เกษตรกรสวนยาง ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.


'บิ๊กตู่'เยี่ยมชาวสวนยาง
      เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 28 ธ.ค. ที่ฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก เขตดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 7 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่จ.สุราษฎร์ธานี และสงขลา
      ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินทางไปยังบ้านนายวิสูตร คันทรักษา เกษตรกรชาวสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางพารา ซึ่งเป็นมาตรการเสริมแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งจ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ผลิตกล้วยหอมทองส่งออกมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีนายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น เกษตรกรชาวสวนยาง เกษตรกรปลูกกล้วยหอมทอง ประชาชน มาให้การต้อนรับ

ปลูกกล้วยหอมทองแซมได้ผล
     พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามนายวิสูตร ถึงกระบวนการปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยาง พร้อมแนะนำให้หาวิธีแปรรูปหลายอย่าง และขยายตลาดรองรับ ขณะที่นายวิสูตรกล่าวกับนายกฯว่า "บางคนว่าผม ปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยางแบบนี้ เหมือนผมเป็นคนบ้า" นายกฯจึงกล่าวว่า ทำดีแล้ว คนที่ว่าอย่างนั้นต่างหากคือคนบ้า ถ้ามีปัญหาให้ปรึกษาสหกรณ์จังหวัด กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ หรือถ้าเก่งอยู่แล้ว ว่างหรือเปล่า ไปสอนกระทรวงเกษตรฯเขาหน่อย
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ ซึ่งประชาชน อวยพรขอให้เป็นนายกฯ ไปอีก 10 ปี ขณะที่นายกฯ ยิ้มแล้วกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์ลงแล้วไม่ใช่หรือว่า ใครเป็นนายกฯ คนต่อไป หมอดูอีทีก็ทำนายแล้วว่าใครเป็นนายกฯคนต่อไป ผมไม่ใช่นักการเมือง เข้ามาช่วยลดความขัดแย้ง ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ขอให้ช่วยกันสร้างความสงบให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ใครเขามาหลอก ให้เงินหรือให้อะไรก็ไปกับเขาหมด"

ปลื้มชาวบ้านแห่ต้อนรับ
      เสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปโรงเรียนบ้านหนองเรียน อ.บ้านนาเดิม เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการประชารัฐ โครง การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง 50 ราย และมอบเงินช่วยเหลือโครงการฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 50 ราย
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 2,000 คนว่า ถ้าตนเป็นนักการเมืองจะดีใจมากๆ เพราะคงได้คะแนนเสียงมาก แต่ตนมาเพื่อรับปัญหาจากทุกคน ไม่ได้หวังผลตอบแทน หวังผลเพื่อทำงานให้ประเทศชาติโดยส่วนรวมเท่านั้น วันนี้เราทุกคนต้องมาร่วมกันทบทวนแก้ปัญหาให้ได้ เพื่อให้ประเทศไทยมั่นคงและแข็งแรง ก่อนจะก้าวเดินกันต่อไป โดยต้องเคารพกฎหมาย
      อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาจะต้องทำหลายอย่างไปพร้อมกัน เหมือนที่รัฐบาลทำอยู่ นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลต้องมาอยู่ในวันนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงเพราะปัญหามีมาก ซับซ้อนและยาวนาน รัฐบาลพยายามจะแกะจะรื้อ แต่ยังไม่มีอะไรเสร็จสักอย่าง เพราะมีทั้งปัญหาหลัก ปัญหารอง ปัจจัยภายในภายนอกประเทศ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องแก้ทั้งหมด ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข เพราะจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวคงไม่ถูกต้อง จะต้องหาสมดุลให้ได้ว่า ทำอย่างไรกฎหมายที่ออกมานั้นจะทำให้สองฝ่ายไม่ขัดแย้ง

ยันไม่ยกเลิกรัฐสวัสดิการ
     "ทุกคนจะต้องแข็งแรงด้วยตัวเอง คิดเป็น ทำเป็น และรวมกันให้ได้ อย่าไปหวั่นไหวต่อคนไม่ดีซึ่งจะเป็นใครผมไม่ทราบ หากมีใครมาพูดให้เกิดความขัดแย้ง พวกเราก็ทบทวนใหม่ จะต้องทำให้คนทั้งประเทศรักกันให้ได้ เหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร ระดับตำบลจนถึงจังหวัด ต้องทำให้ได้ทั้ง 77 จังหวัด เมื่อทุกคนรู้หน้าที่ เราก็ไม่ต้องใช้กฎหมายมากนัก แต่ประเทศไทยมีระบบเครือญาติเชื่อมโยงก็แก้ ไม่ค่อยได้ ดังนั้น เราต้องใช้คนที่มีประสิทธิภาพเข้าไปทำงานไม่ว่าจะตำแหน่งใด ไม่ใช่เอาใครก็ได้เข้าไปนั่งทำงาน ถ้าอย่างนั้นก็แก้ปัญหา ไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมี 70 ล้านคน อยู่ในระบบภาษี 10 ล้านคน เหลือเสียภาษี 4 ล้านคน อีก 6 ล้านคนลดหย่อนตรงนั้นตรงนี้ ดังนั้น 4 ล้านคนคือ ถือเป็นหลักเพื่อนำมาขับเคลื่อนประเทศ ส่วนข้าราชการเขาก็เสีย ภาษี และข้าราชการโกงภาษีไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งของการเสียภาษีคือภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยบวกไปกับราคาสินค้า ซึ่งเก็บ 7 เปอร์เซ็นต์มาหลายปีแล้วยังไม่สามารถขึ้นได้ เพราะบ้านเมืองเรายังไม่เข้มแข็ง ดังนั้น จะยกเลิกเรื่องรัฐสวัสดิการไม่ได้ ไม่ว่ารถเมล์ฟรี รถไฟฟรี การศึกษาฟรี การรักษาพยาบาลฟรี ฉะนั้นอย่าไปฟังใครบิดเบือน ตนไม่เคยคิดเลิก มีแต่คิดว่าหาเงินมาจากไหนแล้วทำให้ดีขึ้นอย่างไร

อย่าก่อม็อบต้าน 30 บาท
     "อย่าออกมาเดินขบวนต่อต้านเรื่อง 30 บาทกับผมอีก ได้ยินกันทุกคนแล้ว และต่อไปถ้า ทุกคนมีหมายเลขของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เอามาประจานอย่างที่เขาว่า บัตรประชาชนก็คือบัตรประชาชน ยังจะต้องมีบัตรให้คนที่ไม่ได้เสียภาษี เพื่อเป็นข้อมูลเก็บเอาไว้เฉยๆ เพื่อให้เขาไปใช้รัฐสวัสดิการ ขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี หรือวันหน้าถ้าทำได้ อาจขึ้นรถไฟฟ้าฟรีก็ได้ และมีอีกหลายอย่างที่จะนำมาสู่เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องอนาคตที่รัฐบาลทำอยู่ ไม่มีการแบ่งชนชั้น อย่ากังวล ไม่ใช่เอามาเขียนประจานในบัตร ก็เหมือนบัตรเครดิตใบหนึ่ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีเวลาเหลือแค่ 1 ปี 6 เดือน ถึงเดือนก.ค.2560 ทำงานตามโรดแม็ป ทำงานตามรัฐธรรมนูญกำหนด ตนต้องการทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง เพื่อให้ ทุกคนกำหนดชะตาชีวิตหรืออนาคตของประเทศได้ด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาทุกคนทำอยู่แล้วเพราะลงคะแนนเลือกตั้ง ลงประชามติ ดังนั้น ต้องดูสาระข้างในว่ามันคืออะไร วันนี้หลายคนยังไม่ได้ดู ดูแต่ว่าต้องเลือกตั้ง ซึ่งพอเพียง หรือไม่ จะทำอย่างไรเมื่อเลือกตั้งแล้วได้คน ดีมาปกครองบ้านเมือง มีธรรมาภิบาล มีความหวังและมีการกำหนดชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในปีนี้ ปีหน้า 3 ปี หรือ 5 ปี หรือแผนการที่จะบอกได้ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีอะไรบ้าง ไม่ว่าการคมนาคม น้ำ หรือเศรษฐกิจ

ประชุมกรอ.จังหวัดภาคใต้
   ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่อาคารกองบังคับการกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี พล.อ.ประยุทธ์นำ ครม. ร่วมประชุมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) ส่วนกลาง และกรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมงเศษ
   พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า การลงพื้นที่วันนี้ ดีใจที่ชาวสุราษฎร์ฯ ปลูกพืชเสริมกับสวนยางพาราไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องท่องเที่ยว จะเสริมเรื่องการหาลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยมอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดการ นอกจากนี้ยังต้องเร่งรัดก่อสร้างถนนให้เป็น 4 เลน ถนนต้องดีก่อนแล้วรถไฟค่อยไปดูกันในระยะยาว


กระตุ้นยาง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. เตะฟุตบอลบนสนามสร้างด้วยยางพารา ระหว่างตรวจราชการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยประกาศส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.

     เวลา 14.00 น. ที่อาคารศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังการบรรยายสรุปการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ก่อนทำพิธีเปิดป้ายอาคารศูนย์บริการฯ และชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์จากยางพารา แบบจำลองโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา และขึ้นเวทีพบปะประชาชนกว่า 2,000 คน

ระบุต้องมี"ไก่อู"ไว้ห้ามมวย
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พวกเราไม่ใช่คนเก่ง แต่ตั้งใจทำงานอย่างแท้จริง ให้มีผลสำเร็จ ไม่ได้มาเพื่อรังแกใคร ฉะนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนอีกแล้วกัน ขณะนี้ปฏิรูปทั้งหมด 11 เรื่อง คาดว่าจะมีการเลือกตั้งได้ในปี 2560 ยุทธศาสตร์ได้เขียนไว้ทุกด้านว่าจะทำอะไรใน 20 ปีข้างหน้า รัฐบาลก่อนไม่เคยทำ จึงทำให้ พี่น้องออกมาเรียกร้องอยู่อย่างนี้ ทั้งที่ค่าใช้จ่ายประเทศสูงขึ้นๆ ยิ่งร้องก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณ จึงต้องสร้างรายได้ให้มากขึ้น
     "การเป็นประชารัฐไม่ใช่เรื่องยาก หลายคนมองว่ารัฐบาลผมต้องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมันไม่ใช่ แต่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาและวางอนาคตให้ลูกหลาน ในอนาคตภาคใต้ต้องมีรถไฟความ เร็วกลาง ไม่ใช่ความเร็วช้าในปัจจุบัน อีกหน่อยคนใต้แหลงใต้กันไม่ทันแล้วเวลาที่รถไฟสวนทางกัน วันนี้ที่แหลงทันเพราะรถไฟวิ่งช้า ทุกคนต้องฟังผม อย่าเพิ่งเบื่อผมพูด ไม่ฟังผม ขอให้ฟังรองนายกฯ รัฐมนตรี หรือฟังพล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลก็ได้ ฟังไป เพราะต้องมีไอ้นั่นไว้เป็นกรรมการห้ามมวย ไม่พูดก็ไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
       จากนั้นนายกฯ เดินทางไปยัง อ.สะเดา ทำพิธีเปิดอาคารด่านพรมแดนสะเดาขาออก และทักทายประชาชนมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีประชาชนมอบดอกกุหลาบให้ และบอกว่า นายกฯ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้

ว้ากใครพูดล้ม 30 บ.อีกจะไปด่า
    พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการบัตรทอง 30 บาทว่า ใครพูดว่าจะเลิกโครงการ ใครพูดมาว่าใครพูด จะได้ไปด่าถูก ใครเขาจะเลิก อะไรที่เกี่ยวข้องกับคน ถามว่าเลิกได้หรือไม่ มันจะมีปัญหา ก็ต้องสู้ต่อ อย่างน้อยทุกคนต้องได้สิทธิ์เท่าเดิม แต่หาวิธีการให้มันดีขึ้น ตนจะไปเลิกได้ไง อย่ามาหาเรื่องให้ตนทะเลาะ อะไรที่อยากให้เลิก จำนำข้าวเอาอีกไหม อันนี้ให้ไม่ได้ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ มันต้องมีกติกา
    "ถ้าคิดจะมีรัฐสวัสดิการดีๆ ประชาชนรักมากๆ ก็ต้องหาเงินให้กับประเทศได้เก่งกว่านี้ อย่าทำโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ประเทศที่เขารวยกว่านี้ยังทำไม่ได้เลย เพราะเขามองปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่ของเราเมื่อทำไปแล้วก็ทำไป แต่ผมจะหาเงินเพื่อให้มันทำได้และดีกว่าเดิม ใครช่วยได้ก็ช่วยมา ใครรวยก็ช่วยมา จนก็ไม่ต้องช่วย งบเราให้ได้เท่าเดิม ประกาศครั้งสุดท้าย ผมไม่พูดอีกแล้ว ใครก็อย่ามาพูดอีก ขอพูดให้กระจ่าง ผมจะไม่ยกเลิกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็นของใครไม่รู้ และอย่าพูดอีก ใครพูดจะโดน มีเรื่องแน่"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สธ.ย้ำต้องปรับให้มั่นคง
     นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกระแสวิจารณ์ต่อการประกาศเดินหน้าปี 2559 ให้ประชารัฐมีส่วนร่วมทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ยั่งยืน มั่นคง แต่ถูกนำไปเป็นประเด็นการเมืองว่า รู้อยู่แล้วว่าคงถูกเอาไปเชื่อมโยงเป็นเรื่องการเมือง แต่ก็เข้าใจ และจำเป็นต้องทำ รัฐบาลยืนยันว่าไม่ยกเลิก ไม่ล้มระบบนี้ แต่ทำให้มีความมั่นคง ยั่งยืน นี่คือสิ่งที่ต้องกล้าทำ เพราะถ้ารอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วไปแก้ไขทีหลัง จะสายเกินไป อยากให้ช่วยกันคิด ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้บอกว่าจะให้ประชาชนร่วมจ่าย หรือไม่ต้องร่วมจ่าย แต่กำลังหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับผู้มีรายได้น้อยจริงๆ และระบบอยู่ได้ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป ที่เป็นปัญหาเพราะตนพูดอย่างหนึ่ง แต่ถูกนำไปพูดหรือตีความอีกอย่างหนึ่ง
     "ยืนยันว่า ไม่เคยคิดล้มเลิก แต่ต้องปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศ ให้ระบบดียิ่งขึ้น ยั่งยืนขึ้น ทุกคนต้องมาช่วยกัน ปรับแล้วประชาชนไม่เดือดร้อน ให้บริการดีขึ้น เราต้องวางรากฐานให้มั่นคงเพื่อให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาภายใน 1 ปี 6 เดือนนี้ เดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ต้องมาเจอกับภาวะวิกฤตเช่นนี้" นพ.ปิยะสกลกล่าว

'ป๋า'เปิดบ้านปีใหม่วันนี้
     พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี และทหารคนสนิท เปิดเผยว่า วันที่ 30 ธ.ค. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเปิดบ้าน สี่เสาเทเวศร์ ให้พล.อ.ประยุทธ์ นำรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพและผบ.ตร. เข้าอวยพรรวมเป็นคณะเดียวกันในเวลา 09.00 น. จากนั้นจะเปิดให้ตัวแทนสมาคม และองค์กรต่างๆ เข้าอวยพรต่อ อย่างไรก็ตาม ขอความกรุณาบุคคลประชาชนทั่วไปที่จะเข้าอวยพรส่วนตัวขอให้ส่งเป็นการ์ดอวยพรมาแทน เนื่องจากพล.อ. เปรม อายุมากแล้วคงยืนอวยพรเป็นเวลานานไม่ไหว
     รายงานข่าวเปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 06.30 น. ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.สส.และผบ.เหล่าทัพ รวมถึงคณะบุคคลจะเข้าอวยพรพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ก่อนเดินทางมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย

ผู้บริหารป.ป.ช.งดรับของขวัญ
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือเวียนถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ช. ขอความร่วมมือเรื่อง งดให้หรือรับของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ใจความว่า เนื่องด้วยเทศกาลปีใหม่ 2559 ตามประเพณีนิยมจะมีการอวยพรและมอบของขวัญให้แก่ผู้บริหาร ซึ่งอาจเป็น กระเช้าหรือสิ่งอื่นๆ
     สำนักงานป.ป.ช.เห็นว่า เพื่อเป็นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2544 และเสริมสร้างค่านิยมประหยัด ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่เจ้าหน้าที่ ขอให้งดการให้หรือรับของขวัญให้แก่ผู้บริหาร ขอให้อวยพรด้วยบัตรอวยพร หรือการอวยพรในรูปแบบอื่นที่ไม่มีค่าใช้จ่ายมากนักแทน

'บิ๊กป้อม'ไม่ลบหลู่-รบ.อยู่ 10 ปี
     ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคมช. ทำนายรัฐบาลชุดนี้จะอยู่อีก 10 ปีว่า ไม่รู้เพราะยังไม่ได้อ่าน และตนยัง ไม่เคยคุยกับนายวารินทร์ ส่วนจะเชื่อหรือ ไม่นั้น คิดว่าถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ขอให้ เฉยๆ ไว้ มีหน้าที่ฟังอย่างเดียว ตนไม่มีหน้าที่ต้องตอบ จะตอบเรื่องทำงานเท่านั้น
      ผู้สื่อข่าวถามว่าปี 2559 ทิศทางการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องการเมือง ขอไม่ตอบเพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบโรดแม็ปที่ระบุไว้ชัดเจน อย่ามาถามให้ตน ไขว้เขว

'บิ๊กช้าง'พร้อมแถลงราชภักดิ์
     พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงแถลงผลความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการว่า คิดว่ามีความพร้อม พล.อ.ชัยชาญจะเป็นคนแถลงเอง ส่วนผลการตรวจสอบจะเป็นที่พอใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะแค่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เราเอาแต่เรื่องจริงออกมาพูด ส่วนจะถูกหรือผิดต้องว่าตามขั้นตอน
     เมื่อถามว่า ผลการตรวจสอบจะมีคนผิดและมีทุจริตหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ เพราะไม่ใช่ผู้พิพากษาที่จะไปตัดสินว่าใครถูกใครผิด เป็นหน้าที่ทางกฎหมายดำเนินการ แต่จะมีการชี้แจงให้ฟังอย่างละเอียดว่าใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่ มีกี่โครงการ ทำอะไรไปบ้าง ตนตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ได้เพื่อหาคนทุจริต เพราะการตรวจสอบหลักฐานคนทุจริต เป็นหน้าที่ของป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการ


พักผ่อน - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยน้องไปป์-ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ไปพักผ่อนช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บริเวณชายหาดพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 13.30 น. พล.อ.ชัยชาญ จะแถลงถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ที่กระทรวงกลาโหม

สปท.เร่งถกเจ้ากระทรวง
     ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงถึงแนวทางการปฏิรูปในรอบปีที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับให้สปท. เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมาย 5 ฉบับ ให้เสร็จ ได้แก่ 1.ร่าง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ 2.ร่าง พ.ร.บ. ความผิดเกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 3.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองติดตามทรัพย์สินของแผ่นดินคืนจากทุจริต 4.ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาให้เป็นธรรม และ 5.ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤต
      สำหรับ แนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปของ สปท. ในปี 2559 จะเน้นประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทุกกระทรวงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปฏิรูปสอดคล้องในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม ทุกข้อเสนอจะต้องมีความเห็นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการทำงานของแต่ละกระทรวง เพื่อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป

ชงตั้งกระทรวง-มหา"ลัยกีฬา
       นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท.คนที่ 1 กล่าวว่า วาระที่ สปท.จะขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมในวันที่ 7-8 ม.ค.2559 คือ ข้อเสนอการปฏิรูปกีฬา เช่น การจัดตั้งกระทรวงกีฬา มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (กสทช.) และข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจ และตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จะพิจารณาวิธีการขับเคลื่อนการปฏิรูปของกมธ.ทั้ง 11 คณะ และส่งผลงานไปยังครม. อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องวางรากฐานการปฏิรูปทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เพื่อให้รัฐบาลในอนาคตสานต่อตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
      นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การวางกลไกขับเคลื่อนการปฏิรูปแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1.ระดับผู้นำ ได้แก่ แม่น้ำทั้ง 5 สาย ซึ่งประชุมกัน ทุกเดือน 2.ระดับคณะกรรมการประสานงาน นำทุกกรณีที่ต้องการปฏิรูปมาประชุมและประสานทุกสัปดาห์ และ 3.ระดับกมธ.ทั้ง 11 ด้านของ สปท. ทั้งนี้ สปท.มีส่วนร่วมประสานกับกรธ. โดยระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญส่งให้กรธ.แล้ว และปี 2559 กรธ.ต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จใน 180 วัน ซึ่งสปท.จะเกี่ยวข้องโดยตรงในการร่างกฎ หมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นเพื่อการปฏิรูป หรือบทบัญญัติที่จะตราไว้ในรัฐธรรม นูญ เพราะรัฐธรรมนูญนี้จะเป็นฉบับปฏิรูปประเทศ จึงจำเป็นต้องวางหลักการและบท บัญญัติที่สำคัญให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ

กรธ.จ่อเพิ่มฐาน 18 ปีกาบัตร
      นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กรธ.ได้พิจารณาผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติ โดยได้พิจารณานับอายุผู้มิสิทธิเลือกตั้ง ให้ผู้ที่มีอายุ 18 บริบูรณ์ มีสิทธิเลือกตั้งตรงความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่กระทรวงมหาดไทยได้ทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 1 ม.ค. ของทุกปี จึงทำให้คนที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์หลังจากนั้นก่อนวันเลือกตั้ง ทั้งที่อายุครบตามกำหนด หมดสิทธิการเลือกตั้งในครั้งนั้นทันที ซึ่งกรธ.กำลังพิจารณาว่าจะใช้เกณฑ์อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งหรือวันเลือกตั้ง เชื่อว่าหากแก้ปัญหาดังกล่าวสำเร็จจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นหลักแสนคน
      นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาทบทวนหลักการของร่างรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวกับการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ โดยควรกำหนดโทษแก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้รู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนหลักการของรัฐธรรมนูญกำหนด แล้วอนุมัติหรือจัดสรรงบประมาณ หรือดำเนินการไปโดยมิได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้ในหนังสือ ซึ่งความผิดดังกล่าวจะให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดในการตัดสินความผิด

สนช.ยื่น 4 ข้อร่างรธน.ให้'มีชัย'
     เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานกมธ.สามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของ สนช. พร้อมคณะ เข้ายื่นรายงานความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.
      นายสุรชัย กล่าวว่า รายงานที่เสนอ แบ่งเป็น 4 ประเด็น 1.ที่มาของส.ส.และรูปแบบการเลือกตั้ง 2.ที่มาของส.ว. 3.ที่มาของนายกฯ และ 4.ความจำเป็นว่าจะต้องมีคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติหรือไม่ โดยรวบรวมจากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนในทุกภูมิภาคและเปิดกว้างให้สมาชิก สนช. ได้เสนอข้อคิดเห็น รวมทั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญประจำสนช. 16 คณะ ทั้งนี้ ข้อเสนอของ กรธ. และสนช.ต่างเป็นอิสระต่อกัน โดยกรธ.มีหลักคิดของกรธ. สนช.ก็มีหลักคิดของสนช.เอง แม้จะเห็นที่ไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องดี เพราะแต่ละฝ่ายจะได้นำความคิดเห็นที่ต่างกันมาพิจารณา

ศึกษาเข้มหลังเห็นร่างแรก
     นายสุรชัย กล่าวว่า สนช.เสนอความคิดเห็นบนพื้นฐานของบทเรียนทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่เฉพาะแค่รัฐธรรมนูญปี 2550 แต่นำบทดังกล่าวมาต่อยอด เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางการเมืองและก่อให้เกิดการปฏิรูปการเมืองที่ดีที่สุด ซึ่งหลังจากเห็นร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกแล้ว สนช.จะนำมาศึกษาและส่งข้อคิดเห็นกลับไปกรธ. ภายในวันที่ 15 ก.พ. โดยเนื้อหาจะมีความเข้มข้นขึ้น และจะพิจารณาอีกครั้งว่าสิ่งใดที่เห็นต่างจากกรธ.จะยอมถอยหรือยืนยันตามหลักการเดิม
     ด้านนายมีชัยกล่าวว่า ความคิดเห็นที่ได้รับถือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาร่างรัฐธรรม นูญของกรธ. อย่างมาก โดยหลังจากกรธ. เปิดเผยร่างแรกในวันที่ 29 ม.ค.2559 แล้ว จะเปิดให้ สนช. เสนอความคิดเห็นกลับมาอีกครั้ง

'วัฒนา'ซัดโฆษกกรธ.
      นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงระบุพรรคเพื่อไทยมีอคติไม่คิดปรองดองว่า ขอทำความเข้าใจว่า 1.ที่มาของเรื่องนี้ เนื่องจากตนวิจารณ์คำให้สัมภาษณ์ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธาน กรธ.ว่าการนิรโทษกรรมเป็นสูตรที่ต้องมีในรัฐธรรมนูญ ขณะที่เห็นว่าวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีสาเหตุสำคัญมาจากการเมือง การปกครอง กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม การยุติความขัดแย้งเพื่อสร้างความปรองดองที่ยั่งยืน คือการสร้างกติกาทางการเมืองที่อยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม สูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรม นูญ คือหลักการปกครองประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม ไม่ใช่การนิรโทษกรรมตามที่นายมีชัยอ้าง
       2.เหตุผลที่คัดค้านการนิรโทษกรรมให้กับคสช. เพราะการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ได้นิรโทษกรรมไว้ครั้งหนึ่งแล้วตามมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ดังนั้น การที่นายมีชัยจะเขียนนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรม นูญอีกครั้ง คือการนิรโทษกรรมให้กับการ กระทำทั้งหลายของ คสช.และรัฐบาล ที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศหลังการยึดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย คดีทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย เพราะหนีการตรวจสอบและยังสวนทาง กับท่าทีของนายกฯ ที่อ้างความเป็นคนดีมีจริยธรรม เรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมายและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่กลับจะหนีการตรวจสอบเสียเอง ย่อมไม่ชอบ

ลั่นไม่ปรองดองถ้านิรโทษคสช.
     3.สิ่งที่โฆษกกรธ. แถลงนั้น เป็นการใส่ร้ายและบิดเบือนอย่างน่าละอาย เนื่องจากการนิรโทษกรรมให้กับคสช.กับการปรองดอง เป็นคนละเรื่องกัน และโฆษกกรธ.กำลังสร้างความชอบธรรมให้กับ กรธ. ในการนิรโทษกรรมให้กับคสช. อ้างการปรองดองบังหน้า ยืนยันว่าหากการปรองดองหรือการทำบุญให้ประเทศ คือการนิรโทษกรรมให้กับคสช.ตามข้ออ้างของ กรธ. จะขอไม่ปรองดองและไม่ทำบุญ
     4.สิ่งที่โฆษกกรธ.แถลง ตรงกับคำทำนายของพระพุทธองค์ในเรื่องสังคมวิปริต เห็นผิดเป็นชอบ เมื่อมนุษย์ไร้ศีลธรรม โลกจะวิปริตแปรปรวน จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ นักปราชญ์ผู้มีคุณธรรมจะอยู่ยาก จะถูกกีดกัน กลั่นแกล้งจากคนพาลที่มีอำนาจมีอิทธิพล คนส่วนมากจะเชื่อฟังคำโกหกของคนพาล หลงคำยอคำประจบสอพลอ สัจธรรมของอลัชชีจะถูกยกย่องนับถือ ดังนั้น กรธ.ควรใช้เวลาที่เหลืออยู่ สร้างกติกาการเมืองที่เป็นสากลและอยู่บนหลักนิติธรรมจะดีกว่าเสียเวลากับการหาเหตุผลที่วิปริต ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมให้กับคสช. เพราะนั่นคือการทำบุญให้กับประเทศ

เสนอ 5 สร้าง 5 หยุดแก้วิกฤต
      นายนพดล ปัทมะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในปีหน้า คนไทยจะเผชิญกับความท้าทายหลายรูปแบบจึงเสนอแนวคิด 5 สร้าง 5 หยุด เพื่อพาประเทศให้พ้นวิกฤต 1.สร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย เคารพหลักการประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ นิติธรรม เคารพการตัดสินใจของประชาชน 2.สร้างสังคมที่อุดมนิติธรรมอย่างแท้จริง ยึดมั่นในกฎหมายไม่ใช้กฎหมู่ การบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียม เป็นธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย
     3.สร้างสังคมอุดมเสรีภาพและภราดรภาพ มีความเป็นพี่น้อง เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกทางการเมือง 4.สร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมั่นคงและกระจายความเจริญสู่ชนบทและดูแลคนฐานรากให้อยู่ได้ และ5.สร้างสังคมที่อุดมด้วยปัญญา ทำให้คนมีการศึกษา เพื่อพัฒนาตนเองและช่วยพัฒนาประเทศ
    นอกจากการสร้างแล้ว ต้องหยุดการกระทำที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ คือ 1.หยุดวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง หยุดใช้วาจาก้าวร้าว เหยียดหยาม ใส่ร้ายป้ายสีกัน ฟังเหตุฟังผลของแต่ละฝ่ายให้มากขึ้น 2.หยุดบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน และการเลือกปฏิบัติในสังคมทุกรูปแบบ 3.หยุดเล่นพรรคเล่นพวก ในทำนองพวกเราทำถูกหมด พวกเขาทำผิดหมด ทีใครทีมัน 4.หยุดการทุจริตทั้ง ในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม และ 5.หยุดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทุกรูปแบบ

ปชป.อัด'โต้ง'ให้รู้จักสำนึก
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง กล่าวหารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ลุแก่อำนาจ และไร้ยางอายที่ ไม่ขยายเวลาในคดีค่าเสียหายจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า นายกิตติรัตน์น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีว่ากรรมการตรวจสอบความรับผิดทางละเมิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก มีการขยายเวลาสอบ ทั้งที่ต้องเสร็จตั้งแต่เดือนก.ย.2558 แต่ได้ขยายเวลาให้ถึงสิ้นปีนี้เพราะขอเพิ่มพยาน แถมพยานขอผัดเปลี่ยนเวลา จนรัฐบาลต้องกำหนดกรอบ
      นพ.วรงค์ กล่าวว่า สิ่งที่นายกิตติรัตน์ ต้องรู้จักสำนึกคือใครกันแน่ที่ลุแก่อำนาจและ ไร้ยางอาย ให้ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรงดูว่าการระบายข้าวแบบจีทูจีตันละ 10,000 บาท แก่พรรคพวก โดยเลือกเอาแต่ข้าวดี ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิไป การเซ็นสัญญาจีทูจีชนิดรีบเซ็น แม้แต่หนังสือรับรองความเป็นตัวแทนรัฐก็ไม่มี ถือว่าลุแก่อำนาจและไร้ยางอายหรือไม่ ยิ่งฝ่ายค้านให้ข้อมูลว่ามีการขนข้าวเน่าส่งโกดังรัฐบาล แทนที่จะฟัง แต่กลับขู่ว่าจะความดำเนินคดีจะให้เรียกว่าอะไร ก่อน จะว่าคนอื่น ต้องหัดดูตนเองก่อน มิเช่นนั้นจะเข้าตำราความผิดตัวเท่าหางอึ่ง ความผิดผู้อื่น เท่าขุนเขา

สื่อทำเนียบงดตั้งฉายาครม.ตู่
      วันที่ 28 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ออกแถลงการณ์ เรื่อง งดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2558 ระบุว่า ตามที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ มีธรรมเนียมปฏิบัติในการตั้งฉายาของรัฐบาล นายกฯและรัฐมนตรี ในช่วงปลายปี เพื่อสะท้อนการทำงานของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในรอบปีที่ผ่านมา โดยปฏิบัติสืบเนื่องมากว่า 20 ปี แต่เนื่องจากครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ด้วยวิธีพิเศษ ไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามกลไกปกติในระบอบประชาธิปไตย จึงมีมติ "งด" ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2558
      เนื่องจากเป็นหลักปฏิบัติที่ยืดถือว่าจะไม่ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีใน 3 กรณี 1.กรณีรัฐบาลรักษาการ ภายหลังนายกฯประกาศยุบสภา หรือกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลง จนรัฐบาลยังทำงานไม่ครบปี 2.กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร และ 3.กรณีสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ
      ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ ยังเห็นร่วมกันว่า ไม่ต้องการให้การงดตั้งฉายาครั้งนี้ ถูกนำไปใช้ขยายความขัดแย้งที่ยังอยู่ในสังคมไทย หรือถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มบุคคล ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งการงดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง อาทิ ในปี 2549-2550 รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร , ปี 2551 รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล, ปี 2556 รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากประกาศยุบสภา และปี 2557 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากการรัฐประหาร

กกต.สมชัยตั้งลูกชายเป็นผช.
    เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งนายปริญ ศรีสุทธิยากร ลูกชายเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ประจำกกต.ว่า ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่กรณีมีการเสนอข่าวว่าทำเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานกกต.ประจำจ.ปทุมธานีและสระบุรีนั้น ลูกตนไม่ได้ ไปด้วย เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ภายหลังที่เรื่องนี้เป็นประเด็น ตนยังไม่ได้พูดคุยกับลูกชาย แต่ไม่มีอะไรต้องกังวล ซึ่งรายละเอียดขอให้ฝ่ายเลขาฯหรือสำนักบริหารทั่วไปเป็นผู้ชี้แจง
     นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการแทนเลขาธิการกกต. กล่าวว่า เรื่องนี้ทำได้ ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ประจำประธานกกต.และกกต. พ.ศ.2556 ส่วนการเดินทางไปต่างจังหวัดตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น นายปริญ ไม่ได้ไปด้วย แต่หากร่วมเดินทางไปด้วยจริง ก็ใช้สิทธิเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงไปปฏิบัติงานวันละ 250 บาท ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 และไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ
      ด้านนายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิกกต. กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของกกต.แต่ละคน และเป็นธรรมดาที่เลือกคนที่ไว้ใจได้ ซึ่งไม่ใช่การจ้างงาน แต่มาทำงานให้และมีค่าตอบแทนเป็นรายเดือน หากกกต.พ้นจากตำแหน่ง ทีมงานของกกต.คนนั้นต้องพ้นตามไปด้วย เนื่องจากไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ประจำ ประเด็นนี้จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ หากดำเนินการตามระเบียบก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรเสียหาย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.แต่ละคนจะมีผู้ช่วยเลขานุการได้ 2 ตำแหน่ง ค่าตอบแทนต่อเดือนจะเป็นไปตามวุฒิการศึกษา คือ ต่ำกว่าปริญญาตรี 15,000 บาท ปริญญาตรี 20,000 บาท และสูงกว่าปริญญาตรี 23,000 บาท รวมทั้งยังได้สิทธิประโยชน์อื่น อาทิ ประกันสุขภาพเบี้ยประกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อคนต่อปี และบำเหน็จตอบแทนเป็นเงินจ่ายครั้งเดียวเมื่อพ้นจากตำแหน่ง โดยคำนวณจากค่าตอบแทนรายเดือนคูณด้วยจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง สำหรับวุฒิการศึกษาของนายปริญ จบมัธยมที่ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ส่วนระดับอุดมศึกษา ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาควิชาภาพยนตร์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!