WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1คดเกาะเตา

ดีเอ็นเอโกหกไม่ได้ ตร.งัดโต้ หลักฐาน-เกาะเต่า ใช้วิทยาศาสตร์นำ-หลักสากล โปลิศอังกฤษยังจับตา-ไม่มีมั่ว ปิดแผนกกงสุลสถานทูตไทย ผบ.สส.พม่าจี้-ทบทวนคดีใหม่

     โฆษก ตร.แถลงคดีเกาะเต่า ทำตามขั้นตอนกฎหมาย มีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีเจ้าหน้าที่จากอังกฤษร่วมสังเกตการณ์ตลอดเวลา ชี้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดกว่า 400 ตัว ยันดีเอ็นเอที่ก้นบุหรี่กับที่พบในศพผู้ตายตรงกับ 2 ผู้ต้องหา ผู้การ สพฐ.ยันเก็บวัตถุพยานต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้านพล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.พม่าเรียกร้องทบทวนหลักฐานคดีเกาะเต่า หวั่นลงโทษผู้บริสุทธิ์ เผยส่งข้อความอวยพรปีใหม่ให้ 'บิ๊กป้อม'ผบ.สส.ไทย ส่วนผบ.พล.ร.9 ชี้แจงให้แรงงานพม่าฝั่งไทยให้ใจเย็นๆ ยังเหลือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา นอภ.สังขละบุรี ระบุแรงงานพม่าทยอยมาทำงาน การท่องเที่ยวเริ่มคึกคัก

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9161 ข่าวสดรายวัน


คดีเกาะเต่า - พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกตร. นำทีมสืบ สวนสอบสวน พฐ. และนิติเวช แถลงข่าวคดีฆาตกรรม 2ฝรั่ง ที่เกาะเต่า ยืนยันเป็นไปตามพยานหลักฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้

     จากกรณีศาลเกาะสมุยมีคำพิพากษาในคดีเกาะเต่าให้ประหารชีวิตนายซอริน และนายเวพิว 2 จำเลยในคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ขณะเดินทางท่องเที่ยวที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จนเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก และเกิดกระแสความไม่พอใจของชาวเมียนมา จนเกิดการชุมนุมที่สถานทูตไทยในประเทศเมียนมาและอีกหลายแห่งตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
      ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. เดอะโกลบอล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมารายงานว่า พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.ของพม่า เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้ส่งข้อความอวยพรเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ให้กับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผบ.สส.ของไทย โดยในข้อความดังกล่าว พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้เรียกร้องให้ทางการไทยทบทวนหลักฐานในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่าที่ศาลได้ตัดสินประหารชีวิตแรงงานชาวเมียนมา 2 คน โดยระบุว่าตนเคารพในกระบวนการยุติธรรมไทย แต่สิ่งที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงการตัดสินที่อาจลงโทษผู้บริสุทธิ์ และแสดงความหวังว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้บนหลักความสัมพันธ์ที่ดี และหลักการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างประเทศไทยกับพม่า
      ด้านพล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9 กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ถึง เหตุชุมนุมประท้วงของชาวเมียนมาในคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าว่า ได้รับรายงานว่าชาวเมียนมา ฝั่งพญาตองซู ตรงข้ามด่านชายแดนเจดีย์ 3 องค์ จะรวมตัวประท้วงเชิงสัญลักษณ์เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 26-28 ธ.ค.นี้ โดยในวันนี้ มีรายงานว่านัดหมายรวมตัวกันเวลาประมาณ 10.00 น. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความ เคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งในวันนี้ทางด่านฝั่งเมียนมาได้ปิดไม่อนุญาตให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวข้ามฝั่งไปยังฝั่งพญาตองซู แต่ในส่วนของ ฝั่งไทยเปิดด่านตามปกติ
     "ในวันที่ 28 ธ.ค.จะให้ทหารช่วยไปทำความเข้าใจและชี้แจงแรงงานเมียนมาที่ทำงานอยู่ในฝั่งไทยถึงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของไทยว่าแม้ศาลจะตัดสินประหารชีวิต แต่เป็นเพียงศาลชั้นต้น ยังเหลือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ดังนั้น ขอให้ใจเย็นๆ" พล.ต.ธรรมนูญกล่าว
    ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี จ.กาญจน บุรี เปิดเผยว่า หลังจากมีการประท้วงเมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) และได้สลายตัวในเวลาต่อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด และจนถึงขณะนี้แรงงานชาวเมียนมาก็ได้กลับเข้ามาทำงานตามโรงงานต่างๆ แล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยมาจับจ่ายซื้อของที่ระลึกตามร้านค้าต่างๆ ที่อยู่โดยรอบเจดีย์ 3 องค์ โดย มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี สบายใจได้ เพราะสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยเผยว่า ตามที่เกิดเหตุชาวเมียนมาชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ต่อกรณีคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนที่เกาะเต่านั้น ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมา และพร้อมที่จะทำหน้าที่ประสานงานเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 ฝ่าย ตลอดจนให้ความช่วยเหลือต่อทางการเมียนมาในการดำเนินการภายใต้กรอบกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลต่อไป
     ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีการปลุกปั่นยุยงชาวเมียนมาให้มาชุมนุมนั้น สถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงย่างกุ้งได้ยืนยันว่าไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด ขอเรียนว่ากระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้งได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานกับทางการเมียนมาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าการชุมนุมจะเป็นไปด้วยความสงบ แต่ทางการเมียนมาได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง และชาวไทยในเมียนมาตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยโดยปกติ
    ทั้งนี้ มีรายงานผ่านสื่อมวลชนว่าทางการเมียนมาพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับประชาชนชาวเมียนมาต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลชั้นต้นได้ ตลอดจนทางการเมียนมาได้เคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยและพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยต่อผลการตัดสินคดีดังกล่าว และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา ที่อยู่ในระดับดียิ่งและมีความใกล้ชิดกันมายาวนาน
    วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ออกประกาศว่าจะปิดบริการแผนกกงสุลระหว่างวันที่ 28-30 ธ.ค. สืบเนื่องจากมีการชุมนุมยืดเยื้อบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูต จึงขออภัยในความไม่สะดวก หากมีความจำเป็นเร่งด่วนให้ติดต่อกงสุลได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-9509-0926
     เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.นต. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.สพฐ. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ร่วมกันแถลงชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
    พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า ทีมโฆษก ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้มาชี้แจงต่อสื่อมวลชนผ่านไปยังประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดเหตุเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีผู้สังเกตการณ์จากนานาประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ของไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศอังกฤษ ซึ่งมีมาตรฐานเรื่องการสืบสวนสอบสวนและเป็นประเทศผู้เสียหายอีกด้วย
    ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติในตอนนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนชุดใหญ่ขึ้นมาเพื่อดูแลคดีนี้ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มยังไม่เข้าใจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อสื่อมวลชนตามลำดับ
     พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ตอนนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มบางพวกได้นำสถานการณ์หลังศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ไปปลุกระดมผู้คนออกมาชุมนุม รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะบานปลายกระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อ พร้อมกันนี้ตนอยากขอร้องกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ว่าโปรดอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นเพียงคดีฆาตกรรมที่เป็นคดีของปัจเจกบุคคลไม่อยากให้นำมาโยงกับเรื่องการเมือง
     "ระบบยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา จึงมีการถ่วงดุลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว จึงต้องเป็นธรรม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะถึงชั้นพนักงานอัยการซึ่งก็มาถ่วงดุลพนักงานสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง เพราะตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนทั้งหมดจะไม่ใช่ผู้กล่าวหาแต่จะกลายเป็นพยาน ขณะที่อัยการจะเป็นโจทก์แทนเพื่อนำฟ้องต่อศาล เมื่อถึงศาล ศาลก็ทำการไต่สวนใหม่อีกรอบหนึ่ง และยังมีอีก 3 ศาลทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา จึงขอยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนของเราไม่มีการเบี่ยงเบนได้แน่นอน อีกทั้งการสอบสวนคดีนี้ชัดเจนมากเพราะเป็นการพิจารณาตัดสินจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งสากลยอมรับและโกหกกันไม่ได้" รอง โฆษก ตร. กล่าวและว่าวันนี้กระบวนการยุติธรรมเดินมาถึงขั้นสุดท้ายที่ศาลแล้ว จึงไม่อยากให้ต่อยอดมาสู่เหตุการณ์ทางการเมืองนำมาซึ่งการชุมนุมก่อการประท้วงกันขึ้น
     พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า ในรอบปี 2558 มีคดีที่ชาวพม่าในประเทศไทยกระทำความผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นมากถึง 126 คดี จึงอยากตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่มีใครออกมาต่อต้านหรือประท้วง จึงน่าสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคดีนี้ จึงเป็นไปได้ว่าจะเป็นความพยายามออกมาเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรวจสอบสืบสวนหาข่าวในเชิงลึกหากพบมีใครเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป
      พล.ต.ท.มนู กล่าวว่า ทาง สพฐ.ตร. ได้เข้าร่วมตรวจพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่แรก ขอยืนยันว่าการเก็บวัตถุพยานต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีขั้นตอนที่ชัดเจนตามระเบียบทุกอย่าง
    พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ประเทศพม่ากับไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว เช่นเดียวกันประเทศอังกฤษก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย การดำเนินการของทางการไทยจึงต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
      พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐาน 8 จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปร่วมเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มีเพียงส่วนเดียวคือสถานที่เกิดเหตุเป็นทะเลมีน้ำขึ้นมาจึงต้องเคลื่อนย้ายศพผู้ตายเพื่อตรวจสอบ แต่ขั้นตอนทั้งหมดถูกต้องแน่นอน หลังจากนั้น 1 วัน ก็ได้นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ก้นบุหรี่ ซึ่งตำรวจได้โปรไฟล์ของดีเอ็นเอตั้งต้นจากศพปรากฏว่าเข้ากันได้กับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ จึงทำให้การสืบสวนมีการเชื่อมโยงระหว่างจุดที่พบศพกับจุดที่พบจอบ และจุดที่พบก้นบุหรี่ จึงพอทราบได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งนำดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้มาเทียบกับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่และดีเอ็นเอจากร่างกายผู้ตายปรากฏว่าตรงกัน
     พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ตอนที่สถาบันนิติเวชได้รับศพผู้ตายมาก็ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งพบว่ามีดีเอ็นเอแปลกปลอมอยู่ในร่างกายศพทั้ง 2 รายในจุดสำคัญของร่างกาย เราจึงได้เก็บดีเอ็นเอนั้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นโปรไฟล์ตั้งต้นเพื่อนำดีเอ็นเออื่นๆ มาตรวจเทียบเคียง ซึ่งยืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามหลักสากลถูกต้อง และเราได้หลักฐานจากผู้เสียชีวิตมาทั้งหมดเพื่อใช้เทียบเคียงกับหลักฐานวิทยาศาสตร์จากผู้ต้องหา โดยทุกกระบวนการตรวจสอบมีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการควบคุมอยู่และทั่วโลกรับรองมาตรฐานนี้ ซึ่งต่างชาติก็พอใจการทำงานครั้งนี้ของไทย
     พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า ตนขอชี้แจงถึงบทบาทของพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ โดยทีมสอบสวนได้ร่วมทำคดีตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ เข้าไปถึงที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกส่วนตามขั้นตอน และได้นำพยานในที่เกิดเหตุทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล เข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการกระทั่งมีการพิสูจน์ในชั้นศาลออกมา จึงขอยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง โดยคดีนี้มีเป็นคดีร้ายแรงและมีผู้ต้องหาและผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตซึ่งตามกฎหมายต้องให้ทนายความและล่ามแปลภาษาเข้าร่วมสอบสวนทุกขั้นตอน
     พ.ต.อ.สันติ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้ร่วมกระบวนการสืบสวนในพื้นที่และควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยเราตีกรอบพื้นที่เกิดเหตุตามแนวชายหาดไม่ต่ำกว่า 1.6 กิโลเมตร และลึกเข้าไปในแผ่นดินไม่ต่ำกว่า 500 เมตร ซึ่งเราได้แสวงหาพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล และพยานวัตถุ ทั้งกล้องวงจรปิดรวมถึงการเข้าไปซักถามบุคคลที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และเรือประมงทุกคน โดยเราได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุไม่น้อยกว่า 360 ตัวอย่าง ขณะที่กล้องวงจรปิดเราเก็บภาพมาไม่น้อยกว่า 400 ตัว ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถใช้ประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนดีเอ็นเอเป้าหมายนั้นเราวางกรอบในการตรวจสอบตั้งแต่แรก นอกจากนี้ตำรวจสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไว้ได้จนนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ต้องหาร่วมกับดีเอ็นเอได้
    จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ. เดชณรงค์ ได้ตั้งคำถามกับ พ.ต.อ.ประชุม ในฐานะตัวแทนพนักงานสอบสวนคดีนี้ต่อหน้าสื่อมวลชนถึงการรวบรวมพยานหลักฐานไปส่งให้อัยการพิจารณา ทางพนักงานสอบสวนถูกตรวจสอบจากอัยการอย่างไรบ้าง ผกก.สภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการแล้วก็ไม่ได้ส่งฟ้องต่อศาลทันที แต่ทางอัยการได้สั่งให้ให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมอีก 3 ครั้งเพื่อให้สำนวนเกิดความรอบคอบรัดกุมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการถ่วงดุลกันของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบคดีนี้
   พล.ต.อ.เดชณรงค์ถามต่อว่าหลังจากกระบวนการทุกอย่างไปถึงชั้นศาลกระทั่งมีคำพิพากษาออกมานั้น แสดงให้เห็นว่าศาลไม่ได้ใช้คำสารภาพของผู้ต้องหาและคำบอกกล่าวของพยานบุคคลในการตัดสิน แต่ศาลใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้นใช่หรือไม่
    พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า เมื่อเรื่องเข้าสู่ชั้นศาลนั้นจำเลยได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งจำเลยทั้ง 2 คน ได้จ้างทนายความมาว่าความรวมทั้งหมด 7 คน ซึ่งเป็นทนายความที่มาจากส่วนกลางและเป็นมือชั้นเยี่ยมทั้งหมด ทำให้เห็นว่าศาลได้ให้โอกาสจำเลยในการสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว โดยคำพิพากษาของศาลไม่ได้พูดถึงคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาเลยแต่ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
     เมื่อถามว่า ขอให้ช่วยอธิบายการตรวจสอบดีเอ็นเอของด้ามจอบในคดีนี้เพราะมีข้อสงสัยกันมากโดยเฉพาะจากทนายความฝ่ายจำเลย พล.ต.ต.ธวัชชัยกล่าวว่า การดำเนินการครั้งแรกนั้นทนายความของจำเลยอาจเข้าใจว่ามีผู้ให้ข่าวว่าการตรวจดีเอ็นเอบนจอบไม่ตรงกับจำเลยทั้ง 2 คน ข้อเท็จจริงคือจากการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พบว่ามีดีเอ็นเอของผู้ชาย 2 คนบนด้ามจอบ แต่ปรากฏว่าเมื่อดูรายละเอียดแล้วเป็นโปรไฟล์ที่ตรงกัน คนหนึ่งคือของผู้ตายคือนายเดวิด ส่วนดีเอ็นเออีกตัวนั้นเป็นไมเนอร์โปรไฟล์คือเป็นดีเอ็นเอที่เข้ากันได้กับจำเลยรายหนึ่ง แต่ไม่สามารถยืนยันตามหลักทฤษฎีได้ทั้ง 16 ตำแหน่ง เพราะได้แค่ 5 ตำแหน่ง แปลว่าดีเอ็นเอของด้ามจอบกับจำเลยเข้ากันได้ แต่ยืนยันไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถตัดว่าจำเลยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมไปได้ แต่จะยืนยันว่าจำเลยเกี่ยวข้อง 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่ก็มีดีเอ็นเอส่วนอื่นๆ ในการพิสูจน์
   "เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีน้ำขึ้นมาจนทำให้ดีเอ็นเอที่จอบถูกชะไป ทำให้การตรวจสอบไม่สามารถยืนยันได้ เราจึงไม่นำมาใช้ยืนยันตัวผู้กระทำผิดครั้งนี้" พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าว
    เมื่อถามว่ามีข้อเรียกร้องให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่จะเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถรื้อคดีให้มีการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ได้อีก เพราะตามกฎหมายของไทยไม่สามารถทำได้ แต่ยืนยันกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และหลักฐานทั้งหมดก็เป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถโกหกได้ ดีเอ็นเอน่าเชื่อถือกว่าคำให้การของคน อีกทั้งคนไทยพอไปกระทำผิดในต่างประเทศก็ใช้กระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้นๆ ตัดสินเช่นกัน
    "เจ้าหน้าที่ได้ดีเอ็นเอของผู้ตายมาก่อน ที่จะได้ดีเอ็นเอจากผู้ต้องหามาเปรียบเทียบ มันจึงไม่สามารถเอาไปยัดใส่ได้แน่นอน กระบวนการตรวจสอบมันชัดเจนกระจ่างชัดมากแล้ว" รองโฆษก ตร. กล่าว
      เมื่อถามว่า ข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลยกรณีถูกซ้อมให้รับสารภาพ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า ข้อต่อสู้นี้ใช้กันอยู่ตลอดว่าตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ โดยคดีนี้ตั้งแต่จับกุมคนร้ายได้คือวันที่ 2 ต.ค.57 มีการสอบสวนวันที่ 3 ต.ค. และส่งตัวให้ศาลวันที่ 4 ต.ค. ซึ่งในวันนั้นเราก็ได้ให้แพทย์มาตรวจร่างกายผู้ต้องหา ปรากฏว่ายังร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่เลย เรามีภาพถ่ายและหลักฐานทุกอย่างยืนยันได้ทุกขั้นตอน ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่าถ้ามีการซ้อมจริงก็คงทิ้งร่องรอยไว้บ้าง อีกทั้งปีที่แล้วคือปี 2557 หากใช้วิธีซ้อมทรมานผู้ต้องหาอยู่อีกก็ถือว่าล้าหลังมาก ถ้าซ้อมมาได้ข้อมูลไม่จริงก็ต้องไม่จริงอยู่แล้ว ของจริงวันนี้มันจึงมีคำตัดสินแบบนี้
       "ข้อเท็จจริงคือผู้ต้องหารับสารภาพในชั้นสอบสวน พอนำตัวไปฝากขังครั้งแรกผู้ต้องหายังรับสารภาพอยู่ ครั้งที่สองผู้ต้องหาก็ยังรับสารภาพ ทนายฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมขอให้สอบเพิ่มเติม ช่วงที่ตำรวจไปสอบเพิ่มเติมก็มีทนายจำเลยไปด้วย ทนายความคนเดียวกันก็ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยว่าจำเลยสารภาพอยู่เลย แม้แต่การมาตรวจสอบขององค์กรต่างๆ ก็ยังมีการแถลงข่าวว่าจำเลยก็รับสารภาพอยู่ กระทั่งมีการกลับคำภายหลัง"ผกก.สภ.เกาะพะงันกล่าว

สถานทูตไทยในย่างกุ้ง ขอปิด 3 วัน ผบ.สส.พม่าวอนบิ๊กป้อม ช่วยทบทวน'คดีเกาะเต่า' ศาลเปิดให้อ่านคำตัดสิน ตร.ชี้ดีเอ็นเอ-หลักฐานชัด เมียนมาประท้วงหลายจุด  

  • มติชนออนไลน์ :
  • ร่วมลงชื่อ - ประชาชนชาวพม่าร่วมลงชื่อเรียกร้องรื้อฟื้นคดี ที่ชาวพม่า 2 คนตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เมืองมาอูบินทางตะวันตกเฉียงใต้ของพม่า และเตรียมยื่นรายชื่อพร้อมทั้งข้อเรียกร้องให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทย ขณะที่บางส่วนร่วมสวดมนต์ที่เจดีย์ชเวดากอง เพื่อขอให้นักโทษได้รับการปล่อยตัว เมื่อวันที่27 ธันวาคม


    ชี้แจง - พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า โดยยืนยันในความโปร่งใส เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม

  • โฆษก ตร.แถลงคดี'เกาะเต่า'ยันกระบวนการยุติธรรมโปร่งใส-ยึดมาตรฐานสากล ขู่เอาผิดกลุ่มปลุกปั่นโยงการเมือง ย้ำไม่รื้อคดี โฆษกศาลฯชวนดูคำพิพากษา

    @ ตร.แจงคดีเกาะเต่าโปร่งใส

          เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. แถลงข่าวชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุยมีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายซอริน และนายวิน ซอทุน แรงงานชาวพม่า โดยมีผู้ที่ร่วมแถลง อาทิ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา (ผบก.นต.) พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เกาะพะงัน ว่า ต้องการชี้แจงไปยังประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีผู้สังเกตการณ์จากนานาประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศอังกฤษซึ่งมีมาตรฐานเรื่องการสืบสวนสอบสวนและเป็นประเทศผู้เสียหายอีกด้วย แต่ยังมีบุคคลบางกลุ่มยังไม่เข้าใจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อสื่อมวลชนตามลำดับ 

         พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า ทีมสอบสวนได้ร่วมทำคดีตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุวันที่ 15 กันยายน 2557 จึงลงไปตรวจสอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกส่วนตามขั้นตอน และได้นำพยานในที่เกิดเหตุทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล เข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการ กระทั่งมีการพิสูจน์ในชั้นศาลออกมาจึงขอยืนยันว่าทำตามขั้นตอนกฎหมาย โดยคดีนี้เป็นคดีร้ายแรง และมีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตซึ่งตามกฎหมายต้องให้ทนายความและล่ามแปลภาษาร่วมสอบสวนทุกขั้นตอน

    @ ยันผลตรวจดีเอ็นเอ 2 คนชัด

         พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.4 บก.ป.) กล่าวว่า ได้ร่วมกระบวน การสืบสวนในพื้นที่และควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุไม่น้อยกว่า 360 ตัวอย่าง ขณะที่กล้องวงจรปิดเก็บภาพมาไม่น้อยกว่า 400 ตัว และสามารถใช้ประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนดีเอ็นเอเป้าหมายนั้นวางกรอบในการตรวจสอบตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ยังตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไว้ได้จนนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ต้องหาร่วมกับดีเอ็นเอได้

         พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.สพฐ.) กล่าวว่า กองพิสูจน์หลักฐาน 8 จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปร่วมเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องโดยได้นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ก้นบุหรี่ ซึ่งตำรวจได้โปรไฟล์ของดีเอ็นเอตั้งต้นจากศพปรากฏว่าเข้ากันได้กับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ จึงทำให้การสืบสวนมีการเชื่อมโยงระหว่างจุดที่พบศพกับจุดที่พบจอบ และจุดที่พบก้นบุหรี่ จึงพอทราบได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งนำดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้มาเทียบกับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่และดีเอ็นเอจากร่างกายผู้ตายปรากฏว่าตรงกัน

          พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ตอนที่สถาบันนิติเวชฯได้รับศพผู้ตายมาก็ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งตำรวจได้พบว่ามีดีเอ็นเอแปลกปลอมอยู่ในร่างกายศพทั้ง 2 รายในจุดสำคัญของร่างกาย จึงได้เก็บดีเอ็นเอนั้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นโปรไฟล์ตั้งต้นเพื่อนำดีเอ็นเออื่นๆ มาตรวจเทียบเคียง 

    @ ขู่เอาผิดปลุกระดมโยงการเมือง

         พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตอนนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มบางพวกนำสถานการณ์หลังศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ไปปลุกระดมผู้คนออกมาชุมนุมต่อต้านคำตัดสินของศาล ซึ่งรัฐบาล และตร.เป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะบานปลายกระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงต้องการสื่อไปถึงประชาชนทุกคนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนี้ และอยากขอร้องกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ว่าโปรดอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง 

        "ระบบยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา จึงมีการถ่วงดุลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนแล้วมันจึงต้องเป็นธรรม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะถึงชั้นพนักงานอัยการซึ่งก็มาถ่วงดุลพนักงานสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่อัยการจะเป็นโจทย์แทนเพื่อนำฟ้องต่อศาล เมื่อถึงศาลจะทำการไต่สวนใหม่อีกรอบหนึ่ง และยังมีอีก 3 ศาล จึงขอยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนไม่มีการเบี่ยงเบนได้แน่นอน อีกทั้งการสอบสวนคดีนี้ชัดเจนมากเพราะเป็นการพิจารณาตัดสินจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งสากลยอมรับและโกหกกันไม่ได้" รอง โฆษก ตร.กล่าว

         รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ในปี 2558 มีคดีที่ชาวพม่าในไทยทำความผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นมากถึง 126 คดี จึงอยากตั้งคำถามว่าทำไมคดีพวกนี้ไม่มีใครออกมาต่อต้านหรือประท้วง แต่พอมาคดีนี้มีการต่อต้าน เป็นไปได้ว่าจะเป็นความพยายามออกมาเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบสืบสวนหาข่าวในเชิงลึกหากพบมีใครเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป 

    @ ยันไม่มีรื้อคดีขึ้นใหม่-แจงถูกซ้อม

         ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีใหม่เป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า คงไม่สามารถรื้อคดีให้มีการสืบสวนสอบสวนได้อีก เพราะตามกฎหมายของไทยไม่สามารถทำได้ แต่ยืนยันกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และหลักฐานทั้งหมดเป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถโกหกได้ 

        เมื่อถามถึงข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลยกรณีถูกซ้อมให้รับสารภาพ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า ข้อต่อสู้นี้ใช้กันอยู่ตลอดว่าตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ โดยคดีนี้ตั้งแต่จับกุมคนร้ายได้คือวันที่ 2 ตุลาคม 2557 มีการสอบสวนวันที่ 3 ตุลาคม 2557 และส่งตัวให้ศาลวันที่ 4 ตุลาคม 2557 ซึ่งในวันนั้นก็ได้ให้แพทย์มาตรวจร่างกายผู้ต้องหา ปรากฏว่ายังร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่เลย มีภาพถ่ายและหลักฐานทุกอย่างยืนยันได้ทุกขั้นตอน 

    @ โฆษกศาลชวนตรวจคำพิพากษา

          นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ในการพิพากษาคดีของศาลจังหวัดสมุยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีตามพยานหลักฐานในสำนวน หลังจากมีคำตัดสินศาลยุติธรรมได้จัดทำสรุปคำพิพากษาเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อให้ตรวจสอบได้และสาธารณชนยังสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากคำพิพากษาฉบับเต็มด้วยว่าการพิจารณาศาลได้วินิจฉัยประเด็นใดบ้าง

          "ในชั้นพิจารณาจำเลย มีทนายความดูแลคดีตามกฎหมายและศาลชั้นต้น ได้พิจารณาพยานหลักฐานตามสำนวนครบถ้วน ขณะที่คำพิพากษาคดียังไม่สิ้นสุดเพียงแค่ศาลชั้นต้นนี้ เพราะตามกฎหมายจำเลย สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา และถ้าคดีจะถึงที่สุดในชั้นฎีกาตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว จำเลยอาจยื่นขออภัยโทษต่อไป" นายสืบพงษ์กล่าว

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สรุปคำพิพากษาคดีเกาะเต่าได้จัดทำเผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ประชาสัมพันธ์ศาลยุติธรรมสามารถเข้าดูเนื้อหาได้ที่ http://news.coj.go.th/document/25122015170806kao%20tao.pdf

    @ ด่านแม่สายไม่มีผลกระทบ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณด่านพรมแดนไทย-พม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศมาท่องเที่ยวกันอย่างคึกคักเพื่อเดินทางข้ามด่านไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก หลังจากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ชาวพม่ากว่า 1,000 คน รวมตัวชุมนุมที่หน้าด่านพรมแดนไทย-พม่าไม่พอใจการตัดสินพิพากษาประหารชีวิต 2 จำเลยชาวพม่าในคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนัก

        พ.ต.อ.สิทธิ์ ศิริกังวาลกุล ผกก.สถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงกรณีเกาะเต่าเป็นเรื่องเฉพาะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่อื่นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้า หรือการท่องเที่ยวบริเวณด่านพรมแดนด้าน อ.แม่สาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของพม่ามาโดยตลอด ในเรื่องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ยังสามารถท่องเที่ยวได้เป็นปกติ มีความปลอดภัยและไม่น่าวิตกกังวลอะไร 

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงคืนที่ผ่านมาภายในตัวจังหวัดท่าขี้เหล็กฝั่งตรงข้าม อ.แม่สาย ยังคงอยู่ในภาวะปกติและอยู่ในความสงบไม่ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าจัดชุดออกลาดตระเวนทั้งคืน

    @ 'แม่สอด-เมียวดี'ยังปกติ

        ที่ จ.ตาก นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจสถานการณ์ที่ด่านพรมแดนไทย-พม่า (แม่สอด-เมียวดี) ว่า จากการตรวจสอบบริเวณด่านพรมแดนทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ชาวพม่าและนักท่องเที่ยวยังข้ามไปมาตามปกติจึงไม่น่ามีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ขณะที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดีได้ชี้แจงให้ชาวพม่าได้เข้าใจ และได้แนะนำให้ไปเข้าวัดเจดีย์ทอง ที่จังหวัดเมียวดี เพื่อสวดมนต์ขอให้หลุดพ้นจากการถูกประหารชีวิตตามความเชื่อ 

    @ พม่าปิดด่านเจดีย์สามองค์แล้ว

         ที่ จ.กาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีชาวพม่ากว่า 400 คน รวมตัวประท้วงประชิดด่านชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ 2 จำเลยชาวพม่าว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังคงปกติ ไม่มีการชุมนุมหรือมีการเคลื่อนไหวใดๆ โดยชาวพม่าที่ทำงานในโรงงานฝั่งไทย บางส่วนยังคงเดินทางข้ามเข้ามาทำงานยังฝั่งไทยตามปกติ สำหรับด่านชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ยังคงเปิดตามปกติแต่ทางพม่ายังคงปิดด่านผ่านแดนชั่วคราวอยู่ และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยข้ามไปเที่ยวยังฝั่งพม่า เนื่องจากเกรงเรื่องของความปลอดภัย ขณะที่บรรยากาศบริเวณด่านพระเจดีย์สามองค์ พบว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยังคงเดินทางเข้ามาเที่ยวหาซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก 

         นายปกรณ์ กล่าวว่า จากการสอบถามโรงแรม รีสอร์ต และที่พักต่างๆ กว่า 50 แห่ง ไม่มีการแจ้งยกเลิกการจองห้องพัก โดยพบว่าที่พักทุกแห่งถูกจองเต็มทั้งหมด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของไทย อาทิ ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ตชด.ที่ 134 อส. ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น และผู้ประสานงานระหว่างไทย-พม่า ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด และได้บูรณาการร่วมกันในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างเข้มแข็ง แต่ไม่ได้มีการเพิ่มกำลังเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด

    @ ทหารทำความเข้าใจแรงงาน

        พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าชาวพม่า ฝั่งพญาตองซู ตรงข้ามด่านชายแดนเจดีย์สามองค์ จะรวมตัวประท้วงเชิงสัญลักษณ์ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 26-28 ธันวาคม โดยในวันที่ 27 ธันวาคมมีรายงานว่า นัดหมายรวมตัวกันเวลาประมาณ 10.00 น.

         แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางด่านฝั่งพม่าได้ปิดทำการไม่อนุญาตให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวข้ามฝั่งไปยังฝั่งพญาตองซู ขณะที่ฝั่งไทยยังคงเปิดด่านตามปกติ ในวันที่ 28 ธันวาคม จะให้ทหารช่วยไปทำความเข้าใจ และชี้แจงแรงงานพม่าที่ทำงานอยู่ในฝั่งไทย ถึงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของไทยว่าแม้ศาลจะตัดสินประหารชีวิต ว่ายังอยู่ในกระบวนการศาลชั้นต้น ยังเหลือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจึงขอให้ใจเย็น 

    @ สั่งเร่งหาข่าวชาวพม่าจ.นครศรีฯ

         พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีจะมีการนำตัว 2 จำเลยชาวพม่ามาขังที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นว่า ในที่ประชุม ตร.ภาค 8 ทางผู้บัญชาการได้สั่งกำชับ ตร.ในพื้นที่เร่งหาข่าวความเคลื่อนไหวของชาวพม่าที่อยู่ในพื้นที่ ภาค 8 เกรงอาจเข้ามาก่อกวน หรือกระทำการที่เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน 

        พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังทราบข่าวได้ประสานงานกับทางเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ทางเรือนจำมีกำลัง ตชด.41 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง ส่งกำลังเวรยามมาดูแลชั้นนอก ส่วน ภ.จว.นครศรีธรรมราช ก็จะมีกำลัง นปพ.เตรียมพร้อมหากทางเรือนจำร้องขอ มั่นใจว่าคงไม่มีเหตุร้ายๆ เกิดขึ้น เนื่องจากแรงงานพม่าในนครศรีธรรมราชไม่มากเหมือน จ.ระนอง 

        นายจอถิ่น หัวหน้าแรงงานประมงชาวพม่า ในพื้นที่ ต.ท่าแพ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่าไม่ได้เป็นญาติกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่มีบ้านอยู่ในจังหวัดเดียวกัน คนงานในจังหวัดคงไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้ คงมีแต่ทะเลาะกันเองในกลุ่ม และคนเหล่านี้เป็นคนไม่มีความรู้และไม่ได้เรียนหนังสือคงไม่เข้าใจเรื่องสิทธิในการเรียกร้องเท่าที่ควร ทุกคนทำงานกันตามหน้าที่และต้องการทำงานหาเงินมากกว่า

           ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชถึงการควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ทราบว่ามีบุคคลทั้งสอง บอกแต่เพียงว่าเรือนจำกลางแห่งนี้มีความมั่นคงสูง ดังนั้น ไม่ว่าใครที่ถูกตัดสินประหารชีวิตก็จะต้องอยู่ในที่แห่งนี้ 

    @ 'เกาะสอง'นักท่องเที่ยวยังแน่น

         ที่ จ.ระนอง นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าฯระนอง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และนายธนิต กุลสุนทร นายอำเภอเมืองระนอง ลงพื้นที่ตรวจจุดผ่านแดนไทย-พม่า ระหว่างจังหวัดระนองและจังหวัดเกาะสอง พบว่ามีการเข้าออกของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและพม่าเป็นปกติ และยังมีนักท่องเที่ยวของไทยและพม่าเดินทางมาท่องเที่ยวกันปกติ 

          นายสุริยันต์ กล่าวว่า ได้มีการสร้างความเข้าใจต่อกันเป็นอย่างดี รวมถึงได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเฝ้าติดตามระมัดระวังสถานการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และเวลานี้พรมแดนของจังหวัดระนอง-เกาะสองถือว่าเป็นปกติ

    @ ผบ.สส.พม่าขอไทยทบทวน

        พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้ส่งข้อความอวยพรเนื่องในโอกาสปีใหม่ ให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย และได้เรียกร้องให้ทางการไทย ทบทวนหลักฐานและคำตัดสิน ในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่สิ่งที่สำคัญ คือการหลีกเลี่ยงการตัดสินที่อาจลงโทษผู้บริสุทธิ์ และแสดงความหวัง ว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้บนหลักความร่วมมือทวิภาคี และหลักการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างประเทศไทยกับพม่า

        สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างรายงานจากหนังสือพิมพ์โกลบอลไลท์ออฟเมียนมาของพม่า รายงานข้อเรียกร้องของ ผบ.สส.ของพม่าในครั้งนี้เช่นกันระบุว่า จนถึงขณะนี้แถลงการณ์ดังกล่าวนับเป็นข้อเสนอแนะที่แข็งกร้าวที่สุดของผู้นำอาวุโสของพม่า ที่แสดงถึงความไม่พอใจคำตัดสินของศาลไทยในคดีดังกล่าว

         รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่องลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ของพม่า อายุ 60 ปี เป็นนายทหารดาวรุ่งคลื่นใหม่ของกองทัพพม่า และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำกองทัพไทย และยังมีความสนิทสนมกับพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) และยังสนิทสนมกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และมาสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นอกจากนี้ ผบ.สส.ของพม่ายังมีฐานะเป็นบุตรบุญธรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอีกด้วย

    @ กต.ย้ำไม่มียุยงชุมนุมย่างกุ้ง

         นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า กต.และสถานเอกอัครราชทูตไทย นครย่างกุ้ง ได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานกับทางการพม่าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าการชุมนุมจะเป็นไปด้วยความสงบ แต่ทางการพม่าได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทย และชาวไทยในพม่าตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยโดยปกติ ทั้งนี้ ได้ปรากฏรายงานผ่านสื่อมวลชนว่าทางการพม่าพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับประชาชนชาวพม่าต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลชั้นต้นได้ ตลอดจนทางการพม่าได้ยืนยันถึงความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-พม่า ส่วนที่มีรายงานข่าวว่ามีการปลุกปั่นยุยงชาวพม่าให้มาชุมนุมได้ยืนยันว่าไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด 

    @ สภาทนายฯขอชาวพม่ามั่นใจ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แจกจ่ายประกาศสำนักงานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายสภาทนายในพระบรมราชูปถัมภ์ กรณีศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลยชาวพม่าเพื่อแจ้งพี่น้องชาวพม่าทราบมี 3 ข้อ อาทิ 1.คดียังไม่ถึงที่สุด คณะทำงานซึ่งได้ตกลงรับให้ความช่วยเหลือตามคำขอของเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ ขอให้พี่น้องชาวพม่ามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย 2.ได้นัดหมายเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า บิดา มารดา ของจำเลยทั้งสอง มาพบในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ เวลา 13.30 น. เพื่อชี้แจงขั้นตอนรายละเอียด ประเด็นข้อต่อสู้ที่จะหยิบยกมาอุทธรณ์ เป็นต้น 

    @ ล่ารายชื่อ-ส่งสถานทูตไทย 

         วันเดียวกันเฟซบุ๊กอีเลเว่นมีเดียกรุ๊ป สื่อท้องถิ่นของพม่า รายงานความคืบหน้าเหตุประท้วงแสดงความไม่พอใจการตัดสินประหารชีวิตแรงงานพม่า 2 คน ในคดีเกาะเต่า อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนยังคงรวมตัวกันแสดงออกถึงความไม่พอใจคำตัดสินของศาลไทยด้วยการรวมตัวกันในหลายเมืองรวมถึงมีการลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยความจริงในคดีดังกล่าวด้วย ส่วนที่หน้าสถานทูตเอกอัครราชทูตไทยในนครย่างกุ้งมีผู้เดินทางมาประท้วงที่หน้าสถานทูตตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันเดียวกันนี้ นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่ามีพระสงฆ์และประชาชนจำนวนมากที่เดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ขอพรให้มีการปล่อยตัว 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าในคดีเกาะเต่าที่เจดีย์ชเวดากอง 

         รายงานระบุด้วยว่าในเมืองพยู โอ๊คทวิน และตองอู ตอนเหนือของนครย่างกุ้ง มีเยาวชนรวมตัวกันเดินขบวนแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินและเรียกร้องให้ปล่อยตัว 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าในคดีเดียวกันนี้ด้วย ส่วนเมืองมะอูบิน มูลนิธิพโยคินทิด ได้ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องให้ไทยเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีเกาะเต่า โดยล่าสุดสามารถล่ารายชื่อได้แล้ว 2,000 รายชื่อแล้วเพื่อรวบรวมส่งให้สถานเอกอัครราชทูตไทยต่อไป

    @ สถานทูตไทยย่างกุ้งปิด 28-30 ธ.ค.

          วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตประจำนครย่างกุ้ง ประเทศพม่า ออกประกาศเรื่องการปิดให้บริการแผนกกงสุลระหว่างวันที่ 28-30 ธันวาคม 2558 ว่า สถานเอกอัครราชทูตฯจะปิดให้บริการแผนกกงสุลระหว่างวันที่ 28-30 ธันวาคม 2558 สืบเนื่องจากการชุมนุมที่ยืดเยื้อบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูต จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ และหากผู้ใดมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องติดต่อแผนกกงสุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีจำเป็นต้องเดินทางไปรักษาพยาบาลที่ประเทศไทยในช่วงนี้ สามารถติดต่อกงสุลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-5090926 ทั้งนี้ เพื่อมิให้การปิดทำการชั่วคราวของแผนกกงสุลส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางที่มีนัดรับเล่มหนังสือเดินทางที่ได้รับการตรวจลงตราแล้ว สถานเอกอัครราชทูตจะติดต่อตรงเพื่อแจ้งเวลาและสถานที่ในการรับเล่มต่อไป

    apm

     

     

    Facebook

    5 ข่าวฮอตนิวส์!